Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1867 การท้าทายของเกาะเทพเวหาทมิฬ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1867 การท้าทายของเกาะเทพเวหาทมิฬ
เขามรรคลมเทพ
ตั้งอยู่บนพื้นที่ตะวันออกสุดของแคว้นเมฆา เขาลูกนี้สูงยิ่ง ยอดเขาตั้งเรียงราย ไอเมฆรายล้อมตลอดปี ประกายศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่ง เป็นถ้ำสวรรค์แดนมงคลชั้นยอดแห่งหนึ่ง
ควรรู้ว่าที่นี่เป็นถึงโลกใหญ่หงเหมิง กลิ่นอายแรกกำเนิดกลางฟ้าดินเดิมก็เข้มข้นหาใดเปรียบ และที่ที่สามารถถูกขนานนามว่าเป็นถ้ำสวรรค์แดนมงคล ไม่มีที่ใดที่ไม่ใช่แดนพิสุทธิ์ฝึกปราณที่ผู้ฝึกปราณฝันใฝ่ปรารถนา
สำนักยุทธ์เสวียนจีหนึ่งในเจ็ดสำนักใหญ่แห่งแคว้นเมฆาก็ตั้งอยู่ในเขาลูกนี้
ครึ่งปีให้หลัง
เงาร่างของหลินสวินและจินเทียนเสวียนเยวี่ยปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขามรรคลมเทพ
ทอดมองไกลๆ ไปยังทิวเขาที่เรียงรายแผ่ประกายสูงตระหง่านแถบนั้น ในใจหลินสวินก็อดรู้สึกสั่นสะเทือนไม่ได้
แดนมงคลฟ้าดินที่ดียิ่งแห่งหนึ่ง!
กลิ่นอายแรกกำเนิดที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า วิวัฒน์กลายเป็นรูปร่างมังกรมหึมาตัวแล้วตัวเล่า ห้อยแขวนอยู่เหนือเวิ้งฟ้าของยอดเขานั่น แสงมงคลประกายศักดิ์สิทธิ์คละคลุ้งดุจดั่งทะเลเมฆ
ทอดสายตาออกไป ทำให้ผู้คนอดรู้สึกสงสัยไม่ได้ว่าที่นั่นคือแดนพิสุทธิ์ซึ่งเป็นที่พำนักของเทพเซียน หาใช่สถานที่ที่บนโลกจะสามารถมีได้
“ไป พวกเราไปขอเยี่ยมเยียนกัน”
หลินสวินเดินตรงดิ่งไป
ห่างจากประตูเขาสูงตระหง่านเก่าแก่นั่นราวๆ สองสามพันจั้ง ก็เห็นผู้ฝึกปราณที่สวมชุดคลุมขนนกกลุ่มหนึ่งกรูออกมาจากประตูเขา
“ผู้มาเป็นใคร”
ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่สีหน้าเคร่งขรึมที่เป็นผู้นำเอ่ยถาม
“ผู้น้อยจินตู๋อี มีเรื่องอยากขอพบเจ้าสำนักของท่าน”
หลินสวินกล่าวง่ายๆ
หากเขาพูดตรงๆ ว่าอยากจะพบป๋อหยาจื่อ ต้องถูกอีกฝ่ายมองเป็นคนบ้าเขวี้ยงออกไปเป็นแน่
ถึงอย่างไรป๋อหยาจื่อก็เป็นบรรพจารย์เบิกสำนักของสำนักยุทธ์เสวียนจี และสำนักยุทธ์เสวียนจีดำรงอยู่บนโลกมาไม่รู้กี่กาลเวลา บุคคลในอดีตกาลหาใดเปรียบอย่างป๋อหยาจื่อยังจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ยังพูดยากยิ่ง
“อยากพบเจ้าสำนักของสำนักข้า?”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่อึ้งไป “มีเทียบเข้าเยี่ยมหรือไม่”
หลินสวินส่ายหน้า “ข้าคนแซ่จินมาครานี้ เพราะมีเรื่องสำคัญอยากหารือกับเจ้าสำนักของท่าน รบกวนโปรดรายงานให้ด้วย”
กล่าวพลางหลินสวินประสานมือคารวะ
เห็นหลินสวินท่าทีเกรงใจ สีหน้าชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็อ่อนลงไม่น้อย กล่าวว่า “สหายยุทธ์ หากเป็นช่วงปกติข้าก็ไม่เกี่ยงที่จะช่วยเจ้ารายงายเลย แต่วันนี้กลับไม่ได้”
“นี่เพราะเหตุใดหรือ”
หลินสวินเลิกคิ้ว
ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่สีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง กล่าวว่า “สาเหตุภายในนั้นไม่สะดวกบอกกล่าว หวังว่าสหายยุทธ์จะเข้าใจ หรือไม่ก็ผ่านไปสักระยะสหายยุทธ์ค่อยมาใหม่ก็ได้”
กล่าวพลางผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจีเหล่านี้ก็เตรียมกลับเข้าประตูภูเขา
“ช้าก่อน”
จู่ๆ จินเทียนเสวียนเยวี่ยก็เอ่ยปาก กล่าวว่า “คุณชายของข้าเดินทางข้ามเจ็ดแคว้น ลุยน้ำข้ามเขามาเยือน กลับถูกพวกเจ้าปฏิเสธอยู่นอกประตูเช่นนี้ ออกจะแล้งน้ำใจไปหน่อยกระมัง”
ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ขมวดคิ้ว สีหน้ามืดทะมึน “ไม่มีเทียบเข้าเยี่ยม ซ้ำยังไม่มีของรับรอง เจ้าสำนักของข้ามีหรือจะให้ใครที่ไหนเข้าพบตามใจชอบก็ได้ เชิญกลับไปเถิด!”
เขาเอ่ยคำไล่แขกตรงๆ
มือเรียวของจินเทียนเสวียนเยวี่ยพลันเหวี่ยงออกไป ป้ายคำสั่งที่เรื่อแสงสีขาวแสบตาสายหนึ่งพุ่งออกมา กล่าวว่า “นี่คือ ‘ป้ายคำสั่งจักรพรรดิขาว’ ของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน มีคุณสมบัติพบเจ้าสำนักของพวกเจ้าแล้วหรือไม่”
ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ใจสะท้าน คว้าป้ายคำสั่งนั่นมาดู ด้านหน้าสลักอักษรมรรคโบราณว่า ‘ตระกูลจินเทียน’ เอาไว้ ด้านหลังก็ประทับแผนภาพของเมืองจักรพรรดิขาว
ถืออยู่ในมือ กลิ่นอายเผด็จการที่กร้าวแกร่งผันผยองสายหนึ่งก็ลอยปะทะหน้า
เผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน!
แม้ว่าตระกูลนี้จะไม่ได้อยู่ในโลกใหญ่หงเหมิง แต่ใครจะไม่รู้ว่านี่คือตระกูลใหญ่ที่ชื่อเสียงสะเทือนฟ้าดารา
หากอยู่ในโลกใหญ่หงเหมิง ยังสามารถขับเคี่ยวกับเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์พวกนั้นได้เลย!
“นี่…”
ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ลังเล พวกผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจีข้างๆ เขาก็ตกใจแกมสงสัยเช่นกัน
จากสถานะของพวกเขา ถึงจะเคยได้ยินชื่อเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน แต่ไหนเลยจะเคยเห็นสมบัติพิเศษที่บ่งบอกตัวตนชัดเจนอย่างป้ายคำสั่งจักรพรรดิขาว
“พวกเจ้าแยกแยะของจริงกับของปลอมไม่ได้ ก็ไปรายงานเจ้าสำนักของพวกเจ้า เจ้าสำนักสำนักยุทธ์เสวียนจีผู้สูงส่ง หากแม้แต่ป้ายคำสั่งจักรพรรดิขาวยังแยกไม่ออก เช่นนั้นพวกเราก็หมดคำพูดแล้ว”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยสีหน้าราบเรียบ
“ได้ ทั้งสองท่านรอสักครู่”
ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่กล่าวพลางจากไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเช่นนี้จินเทียนเสวียนเยวี่ยก็กล่าวเสียงเบา “คุณชาย ท่านคงไม่หาว่าข้าทึกทักตัดสินใจเองกระมัง”
หลินสวินคลี่ยิ้มส่ายหน้า
และในเวลานี้เอง เด็กสาวที่สวมชุดขนนก นัยน์ตาสุกใสฟันขาวกระจ่างในที่นั้นคนหนึ่งก็อดกล่าวขึ้นมาไม่ได้ “พวกเจ้า… พวกเจ้าคงไม่ได้มาท้าสู้ศิษย์พี่จีเฉียนด้วยหรอกกระมัง”
หลินสวินอึ้งไป เขาย่อมรู้จักจีเฉียน จากที่เจียงเหิงว่ามาในปีนั้น คนผู้นี้ก็คือศิษย์สืบทอดแท้จริงอันดับหนึ่งของสำนักยุทธ์เสวียนจี
เพียงแต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะมาหาจีเฉียนแต่อย่างใด
“เปล่า” หลินสวินส่ายหน้า
เด็กสาวชุดขนนกยังคงข้องใจ มุ่นหัวคิ้วกล่าวว่า “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นแล้วกัน”
พอมองดูสีหน้าศิษย์สำนักยุทธ์เสวียนจีคนอื่นๆ หว่างคิ้วล้วนเจือแววหวั่นวิตกที่ขจัดไม่สิ้น มีเรื่องหนักอึ้งในใจ
สิ่งนี้ทำให้ในใจหลินสวินกังขา หรือว่าวันนี้มีคนบุกมาสำนักยุทธ์เสวียนจีและท้าสู้กับจีเฉียน
ไม่ทันไรในประตูเขาก็มีเงาร่างกำยำล่ำสันสายหนึ่งพุ่งออกมา สวมชุดสีม่วง ผมดำคิ้วขาว ยามกะพริบตามีลำแสงเทพไหลพล่าน
ทุกท่วงท่าอิริยาบถแผ่อานุภาพที่เป็นของระดับกึ่งจักรพรรดิออกมา!
“คารวะอาจารย์ลุงหงอวี่!”
ชายหญิงเหล่านั้นต่างโค้งกายคารวะ
ชายชุดม่วงที่ถูกเรียกว่าอาจารย์ลุงหงอวี่โบกมือน้อยๆ ก่อนทอดสายตามองหลินสวินและจินเทียนเสวียนเยวี่ย
“ทั้งสองท่านก็คือสหายยุทธ์จากเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนหรือ”
ชายชุดม่วงเอ่ยปาก เสียงทุ้มเข้ม ไม่ลดตัวแต่ก็ไม่หยิ่งผยอง
“ถูกต้อง”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยพยักหน้า
“ข้ามีฉายาธรรมว่าหงอวี่ เจ้าสำนักสั่งให้ข้ามาต้อนรับทั้งสองท่านเป็นการเฉพาะ”
ชายชุดม่วงหงอวี่ประสานมือกล่าว
“ขอบคุณยิ่ง”
หลินสวินเองก็ประสานมือคารวะเช่นกัน
จากนั้น หงอวี่ก็ผายมือเป็นเชิง ‘เชิญ’ และนำทางอยู่เบื้องหน้า
หลินสวินและจินเทียนเสวียนเยวี่ยตามหลังเขาไปติดๆ
“พวกเขาถึงกับเป็นผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนจริงๆ ได้ยินว่าจักรพรรดิขาวดึกดำบรรพ์บรรพชนตระกูลจินเทียนเป็นบุคคลระดับตำนานที่โด่งดังอันดับหนึ่ง บารมีสะท้านทั่วหล้า!”
“เฮ้อ อย่าสนใจเรื่องพวกนี้เลย ครั้งนี้ซวยแน่แล้ว เจ้าพวกเกาะเทพเวหาทมิฬนั่นบอกว่าอยากแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับพวกเราผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจี ผู้มามีเจตนาร้ายชัดๆ”
“แค่ไม่รู้ว่าพวกศิษย์พี่จีเฉียนจะสามารถรับการท้าสู้พวกนี้ได้หรือไม่”
มองส่งพวกหลินสวินเข้าประตูเขา ผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจีพวกนั้นต่างพึมพำคร่ำครวญ หน้านิ่วคิ้วขมวด
…
เมื่อเข้าประตูภูเขาไปแล้ว ทิวทัศน์ที่มองเห็นก็เปลี่ยนไปฉับพลัน
ก็เห็นหมู่เขาประหนึ่งทวน เรียงรายสูงเสียดฟ้า นกเซียนทะยานฉวัดเฉวียน สัตว์วิญญาณเกาะคอน ยอดเขาแต่ละลูกล้วนอาบด้วยประกายศักดิ์สิทธิ์ ไอเซียนหนาแน่น
ลมหายใจในปากจมูกเปี่ยมด้วยไอวิญญาณที่เข้มข้นดุจของเหลวมรกตน้ำค้างหยก ทั่วร่างราวกับอาบแช่อยู่ท่ามกลางน้ำแร่ สดชื่นผ่อนคลายไปทั้งตัว จิตใจเป็นสุขไร้กังวล
หากเป็นตอนปกติ หงอวี่จะต้องแนะนำทิวทัศน์สวยงามของเขามรรคลมเทพแห่งนี้ให้แขกพิเศษที่มาจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนสองคนนี้อย่างใจเย็นเป็นแน่
แต่ยามนี้เขาไม่มีกะจิตกะใจอะไรเลยจริงๆ
“ขอบังอาจถามสักข้อ สหายยุทธ์สองคนมุ่งหน้ามาเพราะมีเรื่องอะไรจะพบเจ้าสำนักของสำนักข้าหรือ”
ระหว่างทางหงอวี่อดถามไม่ได้
“แค่การเยี่ยมเยียนปกติทั่วไป ไม่ได้มีเจตนาอื่นแน่นอน”
หลินสวินก็มองออก วันนี้บรรยากาศของสำนักยุทธ์เสวียนจีค่อนข้างไม่ชอบมาพากล
หงอวี่ร้องอ้อคราหนึ่ง ไตร่ตรองพักหนึ่งถึงค่อยกล่าวว่า “ไม่ขอปิดบัง วันนี้สำนักยุทธ์เสวียนจีของข้าประสบเรื่องขัดไม้ขัดมือนิดหน่อย หากอีกเดี๋ยวมีจุดที่ดูแลขาดตกบกพร่อง ก็หวังว่าทั้งสองคนจะเข้าใจ”
ถึงเขาจะเป็นกึ่งจักรพรรดิ แต่ก็ไม่กล้าละเลยแขกพิเศษจากเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน
นี่ก็คืออำนาจบารมีของป้ายคำสั่งจักรพรรดิขาว
หลินสวินพยักหน้า กล่าวว่า “สหายยุทธ์ หากทำได้ พอจะเล่า ‘เรื่องขัดไม้ขัดมือ’ ที่ว่าหน่อยได้หรือไม่”
หงอวี่ขบคิดก่อนถอนใจเบาๆ กล่าวว่า “เอาเถิด อีกเดี๋ยวพวกเจ้าก็จะได้พบแน่ๆ บอกพวกเจ้าล่วงหน้าสักหน่อยก็ไม่เสียหาย”
ที่แท้เช้าตรู่วันนี้ ‘เกาะเทพเวหาทมิฬ’ หนึ่งในเจ็ดสำนักใหญ่แห่งแคว้นเมฆา ได้ส่งผู้สืบทอดแกนหลักกลุ่มหนึ่งมาเยือนสำนักยุทธ์เสวียนจี
บอกว่าเยี่ยมเยียน อันที่จริงคือมาเพื่อศึกษาแลกเปลี่ยนถกมรรค
เดิมทีระหว่างผู้สืบทอดของสองสำนัก จะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และท้าสู้ก็เป็นเรื่องปกติยิ่ง
แต่ประเด็นสำคัญคือ เกาะเทพเวหาทมิฬมาด้วยเจตนาไม่ดี!
สำนักยุทธ์เสวียนจีจัดอยู่ในอันดับสามของขุมอำนาจสำนักแคว้นเมฆา เกาะเทพเวหาทมิฬอยู่อันดับสี่
หรือก็หมายความว่า ในแง่การจัดลำดับ เกาะเทพเวหาทมิฬถูกสำนักยุทธ์เสวียนจีกดอยู่ข้างล่างเรื่อยมา
ครั้งนี้ผู้สืบทอดเกาะเทพเวหาทมิฬเหล่านั้นมุ่งหน้ามา ก็เพราะอยากยืมโอกาสท้าสู้นี้โจมตีผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจีอย่างหนักหน่วงเสียหน่อย ใช้เรื่องนี้มาพิสูจน์ว่าในหมู่คนรุ่นเยาว์ เกาะเทพเวหาทมิฬได้อยู่เหนือสำนักยุทธ์เสวียนจีแล้ว
นี่ดูเหมือนจะเป็นการวัดฝีมือของคนรุ่นเยาว์ อันที่จริงกลับลามไปถึงปัญหาด้านหน้าตาของสองสำนัก สำนักยุทธ์เสวียนจีมีหรือจะกล้าละเลย
ยิ่งกว่านั้นจากที่หงอวี่ว่ามา ครั้งนี้เกาะเทพเวหาทมิฬมาแบบเตรียมการล่วงหน้า ผู้สืบทอดที่ส่งมาทั้งหมดแข็งแกร่งข่มกันไม่ลง!
เป็นสิ่งที่สำนักยุทธ์เสวียนจีคิดไม่ถึงเป็นอันขาด
“ผู้สืบทอดของเกาะเทพเวหาทมิฬ พวกที่มีชื่อเสียงนั้นพวกเราก็แทบจะรู้จักชัดเจน แต่คนที่มุ่งหน้ามาท้าดวลครั้งนี้ กลับมีพวกแปลกหน้ามากมาย ถึงขั้นไม่เคยได้ยินว่าเกาะเทพเวหาทมิฬรับผู้สืบทอดพวกนี้เมื่อไหร่ แต่ละคนพลังต่อสู้แข็งแกร่งชวนให้ผู้คนตกใจ”
หัวคิ้วหงอวี่ขมวดมุ่น สีหน้าฉายแววอึมครึม
จนบัดนี้หลินสวินจึงเข้าใจขึ้นมา มิน่าตนมาเยี่ยมเยียน ถึงได้ถูกปฏิเสธอยู่นอกประตู ที่แท้ก็เพราะสำนักยุทธ์เสวียนจีประสบเรื่องวุ่นวายนี่เอง
ระหว่างทางหลินสวินก็ได้เข้าใจ ว่าผู้สืบทอดของสำนักยุทธ์เสวียนจีแบ่งออกเป็นสายนอก สายใน สืบทอดแท้จริง และศิษย์แกนหลัก สี่ประเภท
ในนั้นศิษย์สายนอกมากที่สุด ต่างก็ปราณต่ำกว่าระดับราชันอมตะเคราะห์
ศิษย์สายในมีปราณระดับอริยะแท้
มีเพียงเหยียบย่างระดับมกุฎมหาอริยะเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติถูกรับเข้าเป็นศิษย์สืบทอดแท้จริง
และผู้สืบทอดแกนหลัก ก็คือมกุฎราชันอริยะ!
เพียงแต่จำนวนของศิษย์แกนหลัก เมื่อเทียบกันแล้วก็มีน้อยที่สุด อย่างสำนักยุทธ์เสวียนจี ขุมอำนาจหนึ่งในเจ็ดสำนักใหญ่แห่งแคว้นเมฆา ก็มีผู้สืบทอดแกนหลักเพียงสามสิบกว่าคน
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังทำให้ภายในใจหลินสวินตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง
มกุฎราชันอริยะแข็งแกร่งปานใด
แต่ในสำนักยุทธ์เสวียนจี กลับเป็นได้แค่ผู้สืบทอดแกนหลักเท่านั้น
หากเป็นเช่นนี้ ขุมอำนาจอย่างหกเรือนมรรคใหญ่ รากฐานพลังและขุมกำลังจะแข็งแกร่งปานใด
นี่อาจเป็นภาพที่มีแต่ในโลกใหญ่หงเหมิงเท่านั้นจึงจะสามารถมีได้ ไม่เสียแรงที่เป็นถึงโลกอันดับหนึ่งของทางเดินโบราณฟ้าดารา!
ขณะสนทนา พวกเขาก็มาถึงยอดภูเขาเทพลูกหนึ่ง
ที่นี่เป็นพื้นที่ขั้นบันไดขนาดใหญ่ ทะเลเมฆลอยเอื่อย เวลานี้มีเงาร่างมากมายหลากหลายกระจายตัวอยู่บนขั้นบันได
ด้านหนึ่งภายในนั้นเป็นผู้ฝึกปราณของสำนักยุทธ์เสวียนจี ผู้นำคือชายวัยกลางคนรูปร่างผอมแห้ง สวมชุดนักพรต ศีรษะสวมเกี้ยวประดับขนนกคนหนึ่ง เอามือไพล่หลัง ท่าทีน่าเกรงขาม
ข้างๆ เขา รายล้อมด้วยคนใหญ่คนโตทั้งกลุ่มราวกับดาวล้อมเดือนก็ไม่ปาน ข้างกายคนใหญ่คนโตเหล่านั้นยังแห่ห้อมด้วยผู้สืบทอดมากมาย
“นั่นก็คือเจ้าสำนักของสำนักข้า!”
ไกลออกไป สายตาของหงอวี่ที่มองชายวัยกลางคนผอมแห้งในชุดนักพรต ศีรษะสวมเกี้ยวประดับขนนกคนนั้น ล้วนเจือแววเคารพยำเกรงที่มาจากใจ