Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2096 สามยอดนักฆ่า
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2096 สามยอดนักฆ่า
ตอนที่ 2096 สามยอดนักฆ่า
สีหน้าหลินสวินนิ่งสงบเป็นอย่างยิ่ง
ตอนเริ่มต่อสู้ สีหน้าเขายังเต็มไปด้วยความแค้นและไอสังหารถึงขีดสุด แต่ตอนนี้ความรู้สึกพวกนี้ล้วนหายไปแล้ว มีแค่ความนิ่งสงบถึงขีดสุด
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งพาให้คนยากสงบใจ
มหาจักรพรรดิปาฉีที่ถูกพันธนาการ เหลือเพียงลมหายใจรวยริน เวลานี้พลันหนาวสั่นอยู่ในใจ รู้สึกเศร้ารันทดอย่างบอกไม่ถูก
เขาเป็นถึงระดับจักรพรรดิขั้นแปด ที่ผ่านมาฆ่าสิ่งมีชีวิตไปไม่รู้เท่าไหร่ ชื่อเสียงเหี้ยมโหดโจษจัน ไม่มีใครกล้าสบประมาท
แต่ตอนนี้กลับตกต่ำ น่าสลดถึงขั้นที่ไม่ว่าใครก็ฆ่าได้ ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่นี้ทำให้เขารับไม่ได้อยู่บ้าง
เห็นว่าหลินสวินเดินเข้ามาทีละก้าว มหาจักรพรรดิปาฉีก็คลุ้มคลั่งหมายจะดิ้นรนขึ้นมา แต่ทุกอย่างล้วนดูไร้กำลังและเปล่าประโยชน์
“ข้าไม่ยอมให้เจ้าตายเช่นนี้แน่”
หลินสวินก้าวมาข้างหน้า ก้มมองมหาจักรพรรดิปาฉีที่เลือดอาบไปทั้งตัว น่าอนาถเกินทน
ประโยคเดียวทำให้ใจของมหาจักรพรรดิปาฉีตกไปที่ตาตุ่ม ราวกับเห็นว่าในอนาคตตนจะต้องถูกทรมานและหยามหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเป็นแน่…
หลินสวินใช้เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดกำราบมหาจักรพรรดิปาฉีลงไป
จากนั้นก็สูดหายใจเข้าลึกๆ มองฟ้าดินที่เต็มไปด้วยสัญญาณพังทลายพลางกล่าว “เย่จื่อ พวกเราไปกันเถอะ”
ควรไปแล้วจริงๆ
หลังจากเรื่องในวันนี้แพร่ออกไป แคว้นหนาวเหน็บนี้ต้องกลายเป็นสถานที่วุ่นวายแน่
…
วันนี้เขาเมฆาเลิศกลายเป็นซากปรักหักพัง จักรพรรดิมารวายุสังหารผู้อาวุโสของสำนักโบราณจรัสเทพ เจ้าแคว้นหงอวี่และเจ้าแคว้นเซวียนชงถูกฆ่าตายพร้อมกัน!
วันนี้มหาจักรพรรดิปาฉี บุคคลน่ากลัวระดับจักรพรรดิขั้นแปดที่ถูกเรียกว่า ‘ฝีมืออำมหิต’ ถูกกำราบอย่างสมบูรณ์ เป็นตายไม่อาจรู้!
วันนี้เรื่องที่หลินสวินผู้สืบทอดแห่งคีรีดวงกมลแปลงกายเป็นมารกระบี่เต้ายวนถูกเปิดเผย สิ่งที่เผยแพร่ตามมายังมีเรื่องต่างๆ ที่เขาทำโดยใช้เจ้าแคว้นคีรีดำมาบังหน้าในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาด้วย
เมื่อข่าวแพร่ออกไป แคว้นหนาวเหน็บสั่นสะเทือน ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนพากันสั่นสะท้าน
“ที่แท้มารกระบี่เต้ายวนนี่ก็คือหลินสวินผู้สืบทอดแห่งคีรีดวงกมลที่ถูกประกาศจับทั่วหล้านั่น เขาเป็นผู้ผลักดันให้เกิดความโกลาหลทั้งหมดนี้!”
มีคนตื่นตระหนก
“คนผู้เดียวกวาดล้างขุมอำนาจของสิบเจ้าแคว้นใหญ่ได้ในสองเดือน ทำไมหลินสวินนี่ถึงแข็งแกร่งเช่นนี้”
มีคนร้องตกใจ
“คนฝีมืออำมหิตอย่างมหาจักรพรรดิปาฉีซึ่งเป็นระดับจักรพรรดิขั้นแปดที่สันทัดการเข่นฆ่า เหี้ยมโหดหาใดเปรียบคนหนึ่ง แต่กลับถูกคนกำราบ…”
มีคนยากจะเชื่อ
“แน่ใจได้เลยว่าข้างกายหลินสวินนี่ต้องมียอดฝีมือที่น่ากลัวหาใดเปรียบคุ้มครองอยู่แน่ ไม่อย่างนั้นด้วยพลังของเขาย่อมไม่มีทางทำได้ถึงขั้นนี้แต่แรก!”
มีคนพูดจาคล่องปาก
“เขาต้องจบเห่แน่ ไม่ว่าจะเป็นสำนักโบราณจรัสเทพหรือขุมอำนาจอื่นในโลกมืด ย่อมต้องเปิดฉากเคราะห์สังหารล้นฟ้าหมายหัวเขาแน่นอน”
…
ไม่นานทั้งโลกมืดก็ตกอยู่ในความปั่นป่วน ในสามสิบสามแคว้นล้วนเปิดฉากความปั่นป่วนโกลาหล ชื่อของหลินสวินผู้สืบทอดแห่งคีรีดวงกมลถูกผู้คนนับไม่ถ้วนกล่าวถึงอีกครั้ง
เหตุผลนั้นง่ายมาก…
ผู้แข็งแกร่งอย่างมหาจักรพรรดิปาฉีก็ยังประสบเคราะห์!
นี่พาให้คนหนาวเยือกในใจอย่างไม่ต้องสงสัย
ในโลกมืดมหาจักรพรรดิปาฉีก็เหมือนเทพมารที่สองมือย้อมเลือดคนหนึ่ง ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวต้องมีฝนโลหิตคาววายุตามมา
ความแข็งแกร่งของเขา ถึงขั้นทำให้ระดับจักรพรรดิขวัญหนีดีฝ่อและหวาดกลัว
แต่คนน่ากลัวเช่นนี้ กลับถูกหลินสวินผู้สืบทอดแห่งคีรีดวงกมลที่เพิ่งมีพลังปราณระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิกำราบ นี่จะไม่ให้ผู้คนตกใจได้อย่างไร
“ในมือเจ้าหมอนี่กุมไพ่ตายที่น่ากลัวแค่ไหนไว้กันแน่”
“มิน่าคนที่สูงส่งอย่างจักรพรรดิสวรรค์ดำรงถึงได้ออกคำสั่งให้ทั่วหล้าประกาศจับเขา เจ้าหมอนี่ช่างเย้ยฟ้านัก!”
“มหาจักรพรรดิปาฉีประสบเคราะห์ แคว้นหนาวเหน็บถูกทำให้ยุ่งเหยิง สำนักโบราณจรัสเทพ… น่าจะเป็นฝ่ายที่โกรธแค้นที่สุดแล้วกระมัง”
…
สำนักโบราณจรัสเทพ
ในมรรคสถานอาศรมศักดิ์สิทธิ์ดั่งแดนเซียนนั้น สีหน้าของเจ้าสำนักอวี้คุนจื่อปรากฏแววอึมครึมโดยพลัน
แคว้นหนาวเหน็บเป็นแคว้นแห่งหนึ่งที่สำนักโบราณจรัสเทพครอบครอง แต่ตอนนี้ด้วยสิบเจ้าแคว้นใหญ่ซึ่งรวมถึงจักรพรรดิมารวายุสังหารประสบเคราะห์ จึงตกอยู่ในความปั่นป่วนโกลาหล
มหาจักรพรรดิปาฉีเป็นคนน่ากลัวที่ฝีมือเทียมฟ้าของสำนักโบราณจรัสเทพ แต่ตอนนี้ก็ประสบเคราะห์แล้ว…
ภายใต้การโจมตีอย่างหนักหน่วงต่อเนื่องนี้ สำนักโบราณจรัสเทพก็ตกอยู่ในความปั่นป่วน บันดาลโทสะด้วยเช่นกัน
“อาจารย์อาปาฉีตายแล้ว…”
อวี้คุนจื่อสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด
“เจ้าสำนัก หากไม่ชำระแค้นนี้ สำนักโบราณจรัสเทพของพวกเราจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ทั้งต่อไปจะยืนอยู่ในโลกมืดได้อย่างไร เกรงว่าต้องกลายเป็นตัวตลกแน่”
มีคนเอ่ยปากเยียบเย็น
ในอาศรมมีเหล่าคนใหญ่คนโตของสำนักโบราณจรัสเทพนั่งอยู่ สีหน้าต่างเต็มไปด้วยความเย็นชาเคร่งครัดและโมโห
“กำแพงสั่นคลอนผู้คนช่วยกันผลัก ไม้ล้มวานรเตลิด ในโลกมืดนี้มีคนไม่รู้เท่าไหร่รอมองสำนักโบราณจรัสเทพของพวกเราเป็นตัวตลก”
“เจ้าสำนัก ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น เจ้าหลินสวินนี่เป็นเป้าหมายที่จักรพรรดิสวรรค์ดำรงประกาศจับ จากจุดนี้ก็ปล่อยให้เจ้าหมอนี่รอดต่อไปไม่ได้แล้ว”
เสียงแล้วเสียงเล่าพากันดังขึ้น ล้วนไอสังหารแผ่ซ่าน
อวี้คุนจื่อมุ่นคิ้วกล่าวเสียงขรึม “พลังที่อยู่ในมือเจ้าหมอนี่ สามารถฆ่าระดับจักรพรรดิขั้นแปดอย่างอาจารย์อาปาฉีได้ ทุกท่านคิดว่าคนทั่วไปจะเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าหมอนี่ได้หรือ”
ประโยคเดียวทำให้ทุกคนต่างจนคำพูด สีหน้าไม่น่าดู
นี่พาให้คนอึดอัดจริงๆ หลินสวินไม่ใช่หลินสวินคนก่อนอีกแล้ว และไม่ใช่คนที่ใครต่างรังแกได้ตามสะดวก เขาในตอนนี้เกรงว่าคงไม่เห็นระดับจักรพรรดิทั่วไปอยู่ในสายตา
ประกอบกับการตายของมหาจักรพรรดิปาฉี ก็ยิ่งทำให้คนหนาวเยือกในใจ
ในสถานการณ์เช่นนี้ ใครยังทำอะไรเขาได้อีก
พลันเห็นอวี้คุนจื่อกล่าวเสียงขรึม “หลังจากการประชันหมากครั้งใหญ่นั่นปิดฉาก บรรพจารย์จักรพรรดิเจ็ดคนของสำนักโบราณจรัสเทพเรา มีสี่คนที่มุ่งหน้าไปยังฟากฝั่งฟ้าดาราแล้ว ตอนนี้มีแค่บรรพจารย์จักรพรรดิสามคนนั่งบัญชา พวกเจ้าจะให้ข้าไปเชิญบรรพจารย์จักรพรรดิมาลงมือหรือ”
บรรพจารย์จักรพรรดิ สำหรับสำนักโบราณใดๆ ก็เหมือนเสาหลักคนสำคัญ ถ้าไม่ถึงช่วงเป็นตายของสำนักย่อมไม่ออกเคลื่อนไหวโดยง่าย
หากเชิญคนที่น่ากลัวและสูงส่งเช่นนี้มาจัดการหลินสวินคนเดียว นัยนั้นก็จะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
“เจ้าสำนัก หรือพวกเราจะได้แต่กล้ำกลืนอดทน” มีคนสีหน้าอึมครึม
มดปลวกตัวเล็กจ้อยที่ก่อนหน้านี้ไม่ถูกพวกเขาเห็นอยู่ในสายตา วันนี้กลับขี่หัวพวกเขา รสชาตินี้พาให้คนคลุ้มคลั่งได้จริงๆ
“วางใจเถอะ แดนกษิติครรภ์ต้องอยากฆ่าเจ้าหมอนี่มากกว่าพวกเราแน่!”
แววตาอวี้คุนจื่อไหววูบกล่าว “แน่นอนว่าพวกเราก็ไม่อาจไม่แยแส”
เขาพูดพลางออกคำสั่ง “เด็กๆ ไปเชิญอาจารย์ลุงเทียนฉงมา!”
จักรพรรดิกระบี่เทียนฉง!
เหล่าคนใหญ่คนโตที่นั่งอยู่ตรงนั้นนัยน์ตาหดรัด ในสมองอดไม่ได้ที่จะปรากฏเงาร่างสูงใหญ่ซึ่งเคยแฝงตัวอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา อานุภาพกระบี่คมกริบ กวาดล้างศัตรูที่แข็งแกร่งทั่วหล้าสามสิบเก้าคน!
เขาถูกมองเป็นผู้พิพากษาระดับจักรพรรดิ เมื่อออก ‘กระบี่ลงทัณฑ์’ ปรากฏวิญญาณนับไม่ถ้วน!
หากกล่าวว่าอานุภาพร้ายกาจของมหาจักรพรรดิปาฉีสามารถทำให้สรรพชีวิตสั่นสะท้าน เช่นนั้นชื่อของจักรพรรดิกระบี่เทียนฉงก็สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิทั่วหล้าหนาวเยือกในใจ
ในโลกมืด ‘จักรพรรดิธรรมเทียนตู’ ของแดนกษิติครรภ์ ‘จักรพรรดิกระบี่เทียนฉง’ ของสำนักโบราณจรัสเทพ รวมถึง ‘จักรพรรดิยุทธ์เมี่ยฉยง’ ของหอวิหคทองแดง ถูกเรียกรวมกันว่า ‘สามยอดนักฆ่า’!
สรุปโดยง่ายคือบนวิถีลอบสังหารในระดับจักรพรรดิ ไม่มีใครเทียบสามคนนี้ได้!
จากนั้นทุกคนต่างฮึกเหิมขึ้นมา
หากมีจักรพรรดิกระบี่เทียนฉงลงมือ เจ้าหลินสวินนี่จะหนีชะตาชีวิตที่ต้องถูกฆ่าไปได้อีกหรือ
เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวในอาศรมโดยไร้สุ้มเสียง สวมชุดเรียบง่าย ผมยาวสยาย เท้าเปล่าเปลือย
เขายืนอยู่ตรงนั้นชัดๆ แต่ทุกคนในอาศรมกลับเหมือนไม่รู้ตัว!
กระทั่งเขาเอ่ยปากทุกคนจึงสั่นไปทั้งตัว ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
“นำโคมวิญญาณของปาฉีมาให้ข้า”
เงาร่างนั้นเอ่ยปาก เสียงล่องลอยไปทั่วทุกที่ ดูนิ่งสงบและราบเรียบ แต่กลับทำให้คนหนาวสั่นไปทั้งตัว
อวี้คุนจื่อสูดหายใจเข้าลึก ลุกขึ้นไปหยิบโคมสำริดที่เงาตะเกียงมืดมนหาใดเปรียบส่งผ่านอากาศไป
เขากล่าว “ชีวิตของอาจารย์อาปาฉีแขวนอยู่บนเส้นด้าย ยังไม่ได้ร่วงหล่น จะช่วยกลับมาได้หรือไม่ต้องรบกวนอาจารย์ลุงเทียนฉงแล้ว”
เมื่อได้รับโคมวิญญาณของมหาจักรพรรดิปาฉี เงาร่างนั้นก็หายไปโดยไร้สุ้มเสียง ไม่กล่าวอะไรอีก
วันนี้จักรพรรดิเทียนฉงที่ถูกเรียกว่าผู้พิพากษาระดับจักรพรรดิ คนที่จัดอยู่ใน ‘สามยอดนักฆ่า’ ออกจากสำนักโบราณจรัสเทพไปอย่างเงียบเชียบ
…
แคว้นหนาวเหน็บ
ในจวนเจ้าเมืองของเมืองแสงเงิน จี้เหลิ่งนั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว สีหน้าเหม่อลอย
‘ที่แท้… ผู้อาวุโสเต้ายวนก็คือหลินสวินผู้สืบทอดแห่งคีรีดวงกมล…’ เขาใจสั่นสะท้าน ไม่อาจนิ่งสงบ
แคว้นหนาวเหน็บในตอนนี้ตกอยู่ในความปั่นป่วนนานแล้ว ทุกหนแห่งล้วนกำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลินสวิน นี่ทำให้จี้เหลิ่งทั้งตื่นเต้นทั้งทอดถอนใจอย่างบอกไม่ถูก
ในที่สุดเขาก็ปล่อยวางและเข้าใจ
ก็มีแค่ผู้สืบทอดแห่งคีรีดวงกมลที่ครอบครองวิชาเย้ยฟ้าน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ได้!
‘ผู้อาวุโส ท่านวางใจเถอะ แคว้นหนาวเหน็บนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องถูกข้ายึดครองแน่ ถึงตอนนั้นขอแค่ท่านออกคำสั่ง ข้าก็จะไปกรำศึกกับท่าน!’
จี้เหลิ่งตัดสินใจ เขาไม่รู้ว่าหลินสวินไปไหน แต่เขารู้ดีว่ากำลังพลที่ถูกเขาควบคุมตอนนี้ล้วนมาจากหลินสวินทั้งสิ้น
ในโลกมืดสิ่งที่ไม่มีค่าที่สุดคือความภักดี สิ่งที่มีค่าที่สุดก็คือความภักดีเช่นกัน
จี้เหลิ่งจะพิสูจน์ให้หลินสวินเห็น ว่าเขาคือคนที่มีค่าที่สุดคนนั้น!
นอกจวนเจ้าเมือง
เงาร่างหนึ่งยืนอยู่เงียบๆ สวมชุดเรียบง่าย ผมยาวสยาย เท้าเปลือยเปล่า ทั้งตัวไม่มีการไหวกระเพื่อมของกลิ่นอายใดๆ
ข้างกายมีผู้คนสัญจรไปมา แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเขาอยู่ตรงนั้น
ในที่สุดเขาก็ส่ายหัว แค่ก้าวเท้าก็หายไปจากจุดเดิมมาถึงนอกเมืองแสงเงิน
เขาคือหนึ่งในสามยอดนักฆ่าแห่งโลกมืด ถูกเรียกว่าผู้พิพากษาระดับจักรพรรดิ หลายปีมานี้กระบี่ลงทัณฑ์ของเขาสังหารแค่ระดับจักรพรรดิ!
จี้เหลิ่งเป็นแค่เจ้าตัวเล็ก ไม่ถูกเขาเห็นอยู่ในสายตา เขามาเมืองแสงเงินครานี้ก็ไม่ได้มาหาจี้เหลิ่ง
‘ข้าต้องหาเจ้าเจอแน่’
นอกเมือง สายตาจักรพรรดิกระบี่เทียนฉงทอดมองไปยังเวิ้งฟ้าที่ห่างไกล จิตใจสงบนิ่ง
เขาเพิ่งยกเท้าหมายจะจากไป ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้ว มองไปยังจุดที่ห่างไปไม่ไกล
ชายที่ดูเหมือนยากจนข้นแค้น ถือน้ำเต้าสุราเดินเมาหัวราน้ำมา ผมเผ้าหนวดเคราเขายุ่งเหยิง เมามายตาเยิ้ม ดื่มจนจมูกแดงเรื่อ ก้าวย่างไม่มั่นคง
เหมือนขี้เหล้าคนหนึ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป
แต่เมื่อเห็นชายยากจนที่เมามายคนนี้ จักรพรรดิกระบี่เทียนฉงกลับนัยน์ตาหดรัดกล่าว “เจ้าก็มาหาหลินสวินนั่นหรือ”
ชายยากจนสะอึก ตาเยิ้มพร่ามัวกล่าวพึมพำ “เจ้าโง่ ดูไม่ออกหรือว่าข้ามาหาเจ้า”
จักรพรรดิกระบี่เทียนฉงกล่าว “มีเรื่องอะไร”
ชายยากจนยกน้ำเต้าสุราขึ้นดื่มอย่างบ้าคลั่ง ครู่ใหญ่จึงเลียปากจ๊อบแจ๊บถอนหายใจ “เจ้านี่โง่จริงๆ เจ้ากับข้าเจอกัน แน่นอนว่าต้องต่อยตีกันอยู่แล้ว”
—————————-