Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2140 ชุดขาวถามถึงไท่เสวียน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2140 ชุดขาวถามถึงไท่เสวียน
ตอนที่ 2140 ชุดขาวถามถึงไท่เสวียน
ชายชุดขาวหยุดเดินอีกครั้งหนึ่ง เพียงพูดออกมาสามคำว่า
“ล่วงเกินแล้ว”
ที่ตามมาติดๆ ก็คือเสียงชักดาบดังชิ้ง
ชายชุดขาวยื่นมือไปในอากาศ เคลื่อนไหวเหมือนชักดาบ
ในนรกอำพรางชั้นสิบนี้ จู่ๆ ก็มีปราณกระบี่เย็นเยียบไร้เทียมทานอุบัติขึ้น ทำให้เมฆสิบทิศพังถล่ม ห้วงอากาศยุ่งเหยิง
ขณะนี้ผีสุรากับต้าหวงเหมือนเจอศัตรูตัวฉกาจ
“ทะยาน!” แขนเสื้อผีสุราไหวกระพือ หว่างคิ้วมีกระบี่บินแปลกประหลาดสีขาวซีดดั่งจันทราเล่มหนึ่งปรากฏ ส่องสว่างภูผาธาราในทันที
“มา!” ต้าหวงอ้าปากกล่าวคำหนึ่ง กระดิ่งสีม่วงทองใบหนึ่งปรากฏ แสงเคลื่อนหลากสี แสงเทพมากมาย ท่ามกลางความคลุมเครือมีเสียงประหนึ่งปวงเทพท่องสวดแว่วออกมาจากในนั้น
ก็ในตอนนี้เอง จิตกระบี่คล้ายมายาสายหนึ่งควบรวมอยู่กลางฝ่ามือชายชุดขาว
ชุดขาวของเขาปลิวไสว จิตกระบี่ทั้งตัวหลั่งไหลเหมือนน้ำตก ประหนึ่งดวงอาทิตย์เจิดจ้าดวงหนึ่ง เปล่งประกายโดดเด่น อานุภาพดุจทวยเทพ
ผีสุรากับต้าหวงสบตากัน ออกโจมตีพร้อมกันโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
“ฟัน!”
ชายชุดขาวสีหน้าเรียบเฉย ฟันจิตกระบี่ในมือออกไปส่งๆ
นรกอำพรางชั้นสิบตกอยู่ในความโกลาหลนับแต่บัดนี้
……
ชั้นเก้า
ยามกลิ่นอายน่ากลัวของชายชุดขาวตื่นขึ้นจากชั้นสิบแปดและพุ่งขึ้นมาตามทาง หลินสวินเองก็รู้สึกได้ถึงภัยคุกคามถึงชีวิต
ถ้ากล่าวว่าก่อนหน้านี้เขายังลังเลเล็กน้อย เช่นนั้นขณะนี้เขาก็แทบจะใช้พลังทั้งหมด พาต้นทองแดงเฒ่าเคลื่อนย้ายไปไกลเต็มกำลัง
“ไม่มีประโยชน์ เขตต้องห้ามอสนีนี้ถูกพลังกาหลอมจิตของข้าปกคลุมนานแล้ว ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าทำไมต้นไม้เทพคุนอู๋นั่นถึงไม่หนีไปเล่า”
เสียงบุตรนรกดังขึ้น เผยความดูถูกและโหดเหี้ยม
ดังคาด หลินสวินสังเกตได้ทันทีว่าในเขตต้องห้ามอสนี นอกจากกฎระเบียบเพลิงอสนีคุนอู๋อันน่ากลัวที่ปกคลุมอยู่แล้ว ยังมีกลิ่นอายลึกลับอันคลุมเครือเพิ่มขึ้นมา ปกคลุมราวกับตาข่ายใหญ่ผืนหนึ่ง
หลินสวินกำลังเตรียมจะฝ่าออกไปตรงๆ ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ว่ากลิ่นอายคลุมเครือคล้ายตาข่ายใหญ่นั้นกลับสั่นสะเทือนรุนแรงในขณะนี้ มีเค้าว่าจะพังทลายอยู่กลายๆ
หลินสวินใจกระตุก หันไปมองก็พบว่าขณะนี้บุตรนรกที่เดิมหยิ่งผยองจองหอง เผยสีหน้างุนงงอย่างยากสังเกตเห็น
แม้ปรากฏขึ้นแวบเดียว แต่ยังถูกหลินสวินจับได้อย่างฉับไว
ทันใดนั้นเขาหยุดฝีเท้า
“สหายยุทธ์ ไม่หนีแล้วหรือ” ต้นทองแดงเฒ่ายังงุนงง สีหน้าเหลอหลา ไม่รู้ว่าหลินสวินจะทำอะไร
“ไม่ต้องหนีแล้ว เจ้าว่าไง เด็กแจกทรัพย์” หลินสวินยิ้มพลางเอ่ยปาก ดวงตาดำลุ่มลึกมองบุตรนรกที่อยู่ไกลออกไป
“เจ้าคนแซ่หลิน เจ้าลองเรียกข้าว่าเด็กแจกทรัพย์อีกทีสิ” บุตรนรกสีหน้าอึมครึม ตะคอกดังลั่น เจือแววโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
“เด็กแจกทรัพย์” หลินสวินพูด
บุตรนรก “…”
ขณะนี้เส้นเอ็นบนหน้าผากเขาปูดโปน โกรธจนปอดแทบระเบิด แต่เขากลับต้องเก็บกลั้นไฟโทสะและไอสังหารในใจเอาไว้
“เจ้าต้องตายแน่!” ในที่สุดเขาก็เค้นประโยคนี้ออกมา
แต่หลินสวินยิ่งหัวเราะอย่างผ่อนคลาย เอ่ยว่า “กาหลอมจิตของเจ้านั่นเกิดเหตุบางอย่างใช่ไหม อยากเอามาให้ข้าช่วยเจ้าดูหรือเปล่า”
ตอนนี้ต้นทองแดงเฒ่าก็เข้าใจได้ในที่สุด หัวเราะฮี่ๆๆ พูดว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้ายังนึกว่ามีฝีมือยอดเยี่ยมอะไร ที่แท้ก็เป็นของเล่นสวยแต่รูปจูบไม่หอม ดูดีแต่ไร้ประโยชน์”
หลินสวินยังอึ้งไป เจ้าเฒ่านี่หัวเราะน่าขนลุกไปแล้ว นี่ยังเป็นวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิที่จองหองร้ายกาจตนนั้นอยู่ไหม
“เกิดเหตุหรือ พวกเจ้าไม่กังวลว่านี่จะเป็นแค่การตบตาหรือ”
บุตรนรกสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยปากเย็นชา
ความจริงแล้วเขาลอบกระตุ้นพลังของกาหลอมจิตด้วยวิชาลับอย่างเอาเป็นเอาตายมานานแล้ว แต่ที่ทำให้เขาร้อนรนก็คือ เสียงตอบรับของ ‘ผู้อาวุโส’ คนนั้นดันขาดช่วง เดี๋ยวมาเดี๋ยวหาย
“การตบตาหรือ เช่นนั้นข้าก็อยากดูให้ละเอียดจริงๆ”
ขณะที่พูดหลินสวินก็วกกลับไปประชิดบุตรนรกแล้ว ดวงตาดำลึกล้ำดุจหุบเหวเผยแววเย็นชา
ใจบุตรนรกพลันกระวนกระวายขึ้นทันที แต่ปากกลับยังดุร้าย “ไปตายซะ!”
ตูม!
เขาพลิกฝ่ามือ พัดแดงชาดดั่งหลอมขึ้นจากประกายเพลิงเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นบนมือเขา พอสะบัดแรงๆ คราเดียวก็มีเพลิงเทพฝนอัคคีไร้ขอบเขตผุดออกมา ม้วนตลบไปหาหลินสวินอย่างมืดฟ้ามัวดินทันที
พัดเพลิงเทพทักษิณ!
เป็นศาสตราจักรพรรดิอีกชิ้นหนึ่ง ทั้งยังมีคุณลักษณะมหัศจรรย์ แม้ไม่อาจสู้น้ำเต้าวิญญาณต้นกำเนิด แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่สมบัติจักรพรรดิทั่วไปจะเทียบได้
หลินสวินยิ้มอย่างอดไม่ได้ เรียกเชือกทองคล้องสมบัติออกมา พอเสียงขวับดังขึ้นก็ฝ่าผ่านทะเลเพลิงอัคคีเทพเต็มฟ้านั้นไป แล้วพุ่งไปหาพัดสีแดงเพลิงในมือบุตรนรก
ปกติแล้วบุตรนรกสามารถหลบการโจมตีนี้ได้ แต่ขณะนี้พลังและความคิดทั้งหมดต่างอยู่ที่การกระตุ้นกาหลอมจิต ถึงขนาดที่ว่าหลังจากเชือกทองคล้องสมบัติโฉบมา พัดเพลิงเทพทักษิณในมือเขาก็ถูกตวัดออกไปแล้ว
เห็นสมบัติของตนหายวับไปจากสายตา ตกอยู่ในมือศัตรูที่เจ็บแค้นที่สุดต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกเช่นนั้นทำให้บุตรนรกแทบบ้า
“ทำไมไม่หลบล่ะ เพราะกาหลอมจิตเกิดเหตุเลยทำให้เจ้าไม่มีตาไปสนใจอย่างอื่นแล้วใช่ไหม”
หลินสวินพูดพลางเข้ามาใกล้!
สวบๆๆ!
บุตรนรกสะบัดแขนเสื้อ ประทับมรรคสามชิ้นออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ละชิ้นสลักอักษร ‘ฟ้า’ ‘ดิน’´และ ‘คน’ ไว้ พุ่งออกมาเป็นรูปสามเหลี่ยม ถึงกับวิวัฒน์เป็นภาพยิ่งใหญ่อย่างฟ้าดินแบ่งแยก สิ่งมีชีวิตร่วมอุบัติ
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นศาตราจักรพรรดิอีกชุดหนึ่ง!
ต้นทองแดงเฒ่าเห็นภาพนี้ก็ตาลุกวาว ลมหายใจหนักหน่วง เจ้าหมอนี่เอาคลังสมบัติตะลึงโลกมาติดตัวมาด้วยหรือไงนะ เหตุใดถึงมีศาสตราจักรพรรดิมากมายปานนี้
บอกว่าไม่อิจฉายังเป็นไปไม่ได้!
ก่อนหน้านี้ต้นทองแดงเฒ่าก็เคยได้เห็นศาสตราจักรพรรดิมากมายที่อยู่กับตัวหลินสวิน แต่มากสู้ศาสตราจักรพรรดิที่อยู่กับตัวบุตรนรกคนนี้ไม่ได้ ไม่รู้จบสิ้น นำพา ‘ความประหลาดใจ’ มาให้ไม่ว่างเว้น
ต้นทองแดงเฒ่ามั่นใจมากว่าถ้าเจ้าหมอนี่ถูกเจ้าเฒ่าระดับจักรพรรดิหมายหัว จะต้องตายไม่เหลือซาก ถูกกลืนกินทั้งเป็นแน่!
หลินสวินเรียกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดออกมากำราบอย่างไม่เกรงใจสักนิด ประทับมรรคทั้งสามชิ้นนี้ก็กลายเป็นของในกรุของหลินสวิน พร้อมๆ กับการปะทะและเสียงดังสนั่นเป็นระลอก
“ยังมีอีกไหม ต่อสิ”
หลินสวินยิ้ม เขาชอบความสนุกในการชิงสมบัติเช่นนี้อยู่บ้างแล้ว
แน่นอนว่าความสนุกเช่นนี้ก็มีแต่บุตรนรกที่รวยอู้ฟู่ พื้นเพมั่งคั่งถึงมอบให้เขาได้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นย่อมไม่ได้อยู่แล้ว
พอเห็นหลินสวินที่ยิ่งเข้าใกล้มา บุตรนรกก็กระวนกระวายโดยสมบูรณ์ ไม่อาจสนเรื่องที่ตนขาดทุนได้ คำรามดังลั่นว่า “ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสช่วยข้าด้วย!”
เขาส่องแสงไปทั้งตัว กระตุ้นกาหลอมจิตอย่างเอาเป็นเอาตาย
ดวงตาดำของหลินสวินหรี่ลงเล็กน้อย ผู้อาวุโสหรือ
หรือจะเป็นกลิ่นอายน่ากลัวที่กำลังจะมาถึงแต่จู่ๆ ก็หายไปเมื่อครู่
ระหว่างที่คิดอยู่การเคลื่อนไหวของหลินสวินไม่ได้ชักช้า ฝ่ามือพลันตบออกไปกลางอากาศ
ตูม!
ประทับฝ่ามือประหนึ่งเตาหลอมพุ่งผ่านอากาศ แปลงเป็นกฎเกณฑ์มหามรรคทั้งปวง แสงเทพถั่งโถม ซัดบุตรนรกกระเด็นออกไปอย่างง่ายดาย ส่งเสียงร้องเจ็บปวด
หลินสวินตาเป็นประกาย กาหลอมจิตนั่นมีปัญหาจริงๆ ด้วย!
เช่นนี้แล้วบุตรนรกที่ยังไม่บรรลุจักรพรรดิ ก็ไม่มีภัยคุกคามอะไรในสายตาเขาสักนิด
“เจ้าอย่าเข้ามา…!” บุตรนรกแผดเสียงกราดเกรี้ยว ดูตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก
ท่าทางเช่นนั้นทำให้ต้นทองแดงเฒ่ายังกระเหี้ยนกระหือ หมายใจจะกระโจนไปขูดรีด ‘คลังสมบัติร่างมนุษย์’ ผู้นี้แรงๆ สักยก
ตูม!
หลินสวินหวดมือออกไปอย่างรุนแรงหนักหน่วง ตบบุตรนรกให้ล้มกระเด็น ใบหน้าบวมเป่งฟันหลุดร่วง เลือดสดๆ ยังไหลออกมาจากปาก
“หลินสวิน เจ้าจะต้องตาย ต้องตาย!”
เขากระตุ้นกาหลอมจิตเหมือนเสียสติ คล้ายจับฟางเส้นช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย
นี่ทำให้หลินสวินผิดหวังอย่างห้ามไม่ได้อยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าบนตัวบุตรนรกไม่มีศาสตราจักรพรรดิใดที่พอจะอวดได้แล้ว มิเช่นนั้นไม่มีทางที่ขนาดจะโต้กลับยังดูไร้กำลังปานนี้
“เอากาหลอมจิตนี่มาให้ข้า” ขณะที่พูดหลินสวินก้าวไปข้างหน้า เตะบุตรนรกลงกับพื้นทันที
แต่ในขณะที่หลินสวินกำลังจะลงมือชิงกาหลอมจิต จู่ๆ คลื่นอากาศอันน่าสะพรึงระลอกหนึ่งก็ซัดสาด สุนัขขนทองตัวหนึ่งพลันถลาออกมา อ้าปากกัดต้นขาของหลินสวินไว้แล้วหายลับไปจากที่เดิม
ตูม!
แทบจะในขณะเดียวกัน จิตกระบี่น่าหวาดหวั่นสายหนึ่งพุ่งออกมาจากที่ที่หลินสวินยืนอยู่เดิม ทำให้ห้วงอากาศตรงนั้นถูกฟันขาดเป็นรอยแยกเรียวยาวรอยหนึ่งทันที
หลินสวินพลันตกใจจนเหงื่อกาฬไหลไปทั้งตัว
ถ้าไม่ใช่เพราะต้าหวงมาทันเวลา กระบี่เมื่อครู่ก็เกือบจะเอาชีวิตเขาไปแล้ว!
“เจ้าหนู กาหลอมจิตนั่นชิงไปไม่ได้ ผลกรรมที่เกี่ยวพันมีมากเกินไป” ต้าหวงสีหน้าเคร่งเครียด ไร้ความยโสโอหังอย่างหาได้ยาก
หลินสวินเพิ่งเห็นในยามนี้ว่าบนตัวต้าหวงมีรอยกระบี่อยู่ไม่น้อย ผิวหนังเปื้อนเลือด กลิ่นอายทั้งร่างแข็งแกร่งดุดันเจือไปกับกลิ่นคาวเลือดเตะจมูก
ต้าหวงของศิษย์พี่รองตัวนี้ถึงกับได้รับบาดเจ็บ!
“ต้าหวงพูดถูก” ผีสุราก็มาแล้ว สีหน้าซีดเผือด ดวงตาวับวาวดุจกระบี่ก็เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ที่นรกอำพรางชั้นสิบ เขากับต้าหวงร่วมมือกันยังทำได้แค่สู้กับชายชุดขาวคนนั้นอย่างสูสี
โดยเฉพาะชั่วพริบตาเมื่อครู่นี้ ชายชุดขาวคล้ายเอาชีวิตเข้าแลกอย่างบ้าคลั่ง ทะลวงการขัดขวางของทั้งสองมายังชั้นเก้าแห่งนี้ทันที
ถ้าไม่ใช่ต้าหวงรีบมาทันเวลา เป็นไปได้สูงยิ่งที่หลินสวินซึ่งกำลังจะชิงกาหลอมจิตไปจะประสบเคราะห์!
“ผู้อาวุโส…!” และตอนนี้เองบุตรนรกที่ถูกอัดจนหน้าบวมเป่ง ผมเผ้ากระเซิงส่งเสียงร้องไห้ดังลั่น ตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นภาษา
ก็พบว่าเงาร่างมายาชุดขาวทั้งตัวยืนอยู่ตรงหน้าเขา ร่างผอมบางอ่อนแอ แต่กลับแผ่แสงมรรคเปล่งประกายดั่งดวงอาทิตย์เจิดจ้าออกมา
ในมือเขากำจิตกระบี่ดุจภาพลวงตาสายหนึ่ง ทั้งตัวมีไอเข่นฆ่าหาใดเทียบแผ่อบอวล
เมื่อเห็นชายชุดขาวคนนี้ หลินสวินนัยน์ตาหดรัด เพียงรู้สึกว่าสภาวะจิตกับจิตวิญญาณต่างเจ็บแปลบเหมือนถูกฟันเฉือน ในใจหนาวเหน็บอย่างห้ามไม่อยู่ น่าสะพรึงนัก!
ส่วนต้นทองแดงเฒ่าอ่อนยวบลงไปกับพื้น ตัวสั่นงันงก ตกใจจนขวัญหายไปนานแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นต้าหวง ผีสุรา หรือชายชุดขาวคนนั้น อานุภาพที่แผ่ออกมาต่างน่าครั่นคร้ามยิ่งนัก ทำให้มันยังรู้สึกหายใจติดขัด
ชายชุดขาวมองบุตรนรกครั้งหนึ่ง แล้วก็มองหลินสวินที่อยู่ไกลออกไป จู่ๆ ก็ถอนหายใจยาวคล้ายออกจะท้อใจ
“เจ้ากับเขาเป็นมกุฎกึ่งจักรพรรดิเหมือนกัน แต่พลังต่อสู้ต่างกันราวฟ้ากับเหว รู้ไหมว่าทำไม”
เสียงเขาดุจดาบดั่งกระบี่ เผยความน่าเกรงขามสูงสุด “เพราะในใจเจ้ามีแต่สมบัติ มหามรรคของเจ้าก็แลกมาด้วยวาสนานับไม่ถ้วน! การแสวงมหามรรคจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร”
คำพูดนี้กลับทำให้หลินสวินแน่ใจอย่างยิ่ง ว่าพอออกห่างจากกาหลอมจิตนั้นพลังต่อสู้ของบุตรนรกก็ใช้ไม่ได้จริงๆ
ก็พบว่าบุตรนรกเหงื่อแตกพลัก สีหน้าซีดขาว อ้ำๆ อึ้งๆ กำลังจะพูดอะไร ก็เห็นว่าชายชุดขาวเก็บจิตกระบี่ดุดันในมือนั้นเสียงดังชิ้ง
สายตาเขามองดูหลินสวิน พลันเอ่ยว่า “ไท่เสวียนเป็นอะไรกับเจ้า”
——