Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2151 นัยเร้นลับที่แท้จริงของนิพพาน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2151 นัยเร้นลับที่แท้จริงของนิพพาน
ตอนที่ 2151 นัยเร้นลับที่แท้จริงของนิพพาน
ชิงจู๋อยู่ปรนนิบัติคุณชายสามกินอาหารเช้า ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยังเอ่ยเสียงค่อยอยู่ดีว่า “เมื่อคืนมีข่าวแว่วมา ว่าคุณชายใหญ่แพ้แล้วเจ้าค่ะ”
หลินสวินที่กลายเป็นซูชิงหานอึ้งไป ความทรงจำส่วนหนึ่งก้องอยู่ในสมอง
ทุกสิบปี สามราชวงศ์ใหญ่ของโลกกำลังภายในจะร่วมมือกันจัด ‘งานประลองยอดยุทธ์’ ขึ้นครั้งหนึ่ง
คนที่อยู่สิบอันดับแรกจะได้รับ ‘พลังฟ้าประทาน’!
คนที่ได้อันดับหนึ่งยังได้เข้าไปฝึกปราณในภูเขาโลกกำลังภายในด้วย
คนหนุ่มสาวที่เหยียบย่างบนเส้นทางวิถียุทธ์ อายุไม่เกินสิบแปดปีทุกคนต่างมีสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบในงานประลองยอดยุทธ์
ผ่านการคัดเลือกรอบแล้วรอบเล่า สุดท้ายในสามราชวงศ์ต้าเฉียน ต้าฉู่และต้าเว่ยจะคัดเลือกผู้แข่งขันมาราชวงศ์ละสิบคน ไปแข่งขันกันเพื่อเป็นสิบคนสุดท้าย
ไม่นานนี้งานประลองยอดยุทธ์ภายในแคว้นราชวงศ์ต้าเฉียนเปิดฉากขึ้นแล้ว
ด้วยฐานะตระกูลชั้นรองตระกูลหนึ่งในเมืองเหวมังกร ตระกูลซูสามารถส่งรายชื่อผู้เข้าร่วมงานประลองยอดยุทธ์ได้เพียงหนึ่งคน
ซูชิงโฉว คุณชายใหญ่ตระกูลซูได้สิทธิ์นี้ไปอย่างไม่มีข้อโต้เถียง
ในเมืองเหวมังกร ซูชิงโฉวเป็นผู้โดดเด่นรุ่นเยาว์ ปีนี้มีอายุสิบหกปี บรรลุระดับกำลังภายในขั้นเจ็ดแล้ว…
ขั้นอนุจักรวาล!
ซูชิงโฉวยังเป็นหนึ่งในอัจฉริยะทั้งสี่แห่งเมืองเหวมังกร ถูกมองเป็นผู้นำของตระกูลซูในภายหน้า พูดได้ว่าประสบความสำเร็จ เด่นดังภาคภูมิแต่เล็ก
ในความทรงจำของซูชิงหาน เขาก็เทิดทูนพี่ใหญ่ของตนผู้นี้ยิ่งนัก
แต่ตอนนี้ชิงจู๋กลับบอกว่าซูชิงโฉวแพ้แล้ว…
หลินสวินนิ่งคิดแล้วจึงเอ่ยว่า “ชิงจู๋ เจ้าช่วยข้ารวบรวมข่าวที่เกี่ยวข้องกับงานประลองยอดยุทธ์ที”
ชิงจู๋อึ้งไป ออกจะประหลาดใจ ก่อนหน้านี้คุณชายสามไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เพราะฝึกปราณไม่ได้
เป็นเพราะคราวนี้คุณชายใหญ่พ่ายแพ้หรือ
ชิงจู๋ไม่ได้คิดอะไรอีกก็รับปาก
หลังจากชิงจู๋ออกไป หลินสวินก็จมสู่ความคิด
‘‘พลังฟ้าประทาน’ ที่สิบอันดับแรกของงานประลองยอดยุทธ์ได้รับ หรือจะเกี่ยวข้องกับพลังระเบียบในโลกกำลังภายใน’
คิดจะออกจากวัฏจักรของโลกกำลังภายใน มีเงื่อนไขอยู่อย่างหนึ่งก็คือจะต้องหลงเหลือเจตจำนงมหามรรคของตนไว้ที่โลกกำลังภายใน
หลินสวินสงสัยนักว่าถ้าอยากทำได้ถึงขั้นนี้ อาจจะต้องเริ่มจากงานประลองยอดยุทธ์นี้
‘จะพูดว่าเจ้าโชคดีหรือดวงแข็งดีล่ะ… ในเมื่อข้าคนแซ่หลินมายืมใช้ร่างเจ้าชั่วคราว เช่นนั้นข้าก็จะมอบศุภโชคครั้งหนึ่งให้เจ้า’
หลินสวินพูดกับตัวเอง
ซูชิงหานฝึกปราณไม่ได้ สาเหตุก็อยู่ที่ทั้งตัวคนผู้นี้มีเส้นปราณเล็กละเอียดจำนวนหนึ่งอุดตัน ไม่อาจสัมผัสได้ถึงพลังขับเคลื่อนที่เกิดขึ้นจากการกำหนดลมหายใจอยู่แล้ว
ในโลกกำลังภายในแห่งนี้ เส้นปราณอุดตันก็หมายความว่าชีวิตนี้ถูกลิขิตให้ไร้วาสนากับการฝึกปราณไปโดยสิ้นเชิง
ถึงอย่างไรระดับพลังปราณที่สูงที่สุดในโลกนี้ก็มีเพียงระดับกำลังภายใน ความรู้ความเข้าใจในการฝึกปราณมหามรรคมีจำกัดถึงที่สุด
และในสายตาของคนที่มีระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิขั้นบริบูรณ์อย่างหลินสวิน เส้นปราณอุดตันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย
คิดถึงตรงนี้ จู่ๆ หลินสวินก็รับรู้ได้ถึงปัญหาข้อหนึ่ง…
หลังจากเข้าสู่โลกวัฏจักรแล้ว ไม่เพียงแค่จิตสำนึกของเขาที่ตื่นขึ้นในทันที ขนาดความทรงจำ มรดก สติปัญญาในสมองยังไม่ขาดไปเลย!
แต่ตามคำพูดของเงาร่างระเบียบแดนปรินิพพานนั้น จิตวิญญาณ พลังกาย สภาวะจิต มรรควิถี… ทุกอย่างที่ผู้แข็งแกร่งที่เข้าสู่วัฏจักรแต่ละคนเคยมีในอดีต จะหายไปหลังจากเข้าสู่วัฏจักร กลายเป็นคนธรรมดา
คิดจะฝึกปราณ ทำได้เพียงเริ่มใหม่ทั้งหมดในโลกกำลังภายใน ต่อให้จิตสำนึกตื่นขึ้น การหยั่งรู้มหามรรค มรดก และความทรงจำที่ครอบครองในการฝึกปราณในอดีตก็จะไม่ปรากฏขึ้น!
นี่ไม่ต่างอะไรกับกลับชาติมาเกิดใหม่!
แต่ในตอนนี้หลินสวินกลับรู้สึกได้ว่า การหยั่งรู้มหามรรค พลังมรดกที่ครอบครอง รวมถึงความทรงจำของตนในอดีตยังมีอยู่โดยสมบูรณ์!
เรื่องนี้ผิดปกติอย่างไม่ต้องสงสัย
ชั่วขณะหนึ่งหลินสวินอึ้งอยู่ตรงนั้นอย่างอดไม่ได้
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าตอนผ่านพลังวัฏจักรกาลเวลาเข้าสู่โลกกำลังภายในแห่งนี้ ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดภายในร่างของตนก็ตื่นขึ้นจากความเงียบงัน เกิดความเปลี่ยนแปลงชวนตะลึงครั้งหนึ่ง…
น่าเสียดาย ตอนนั้นจิตสำนึกของหายลับไปกับความมืดแล้ว ไม่ทันได้สัมผัสความเปลี่ยนแปลงเช่นนั้น
แต่พอมาคิดดูตอนนี้หลินสวินก็รับรู้ได้ทันที ว่าเป็นไปได้สูงมากที่สถานการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเองจะเกี่ยวข้องกับ ‘การเปลี่ยนแปลงประหลาด’ ในชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิด!
ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิด เป็นที่อยู่ของพรสวรรค์ของหลินสวิน ทำให้เขาควบคุมอภินิหารหยุดเวลาได้
เขายังจำได้ดีว่าตอนเข้าสู่โลกมืด ผ่านอุโมงค์วังวนที่แปลงจากกฎเกณฑ์กาลเวลานั้น ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของตนก็เกิดความเปลี่ยนแปลงประหลาด กลืนกินกฎเกณฑ์กาลเวลาสายหนึ่งจนสิ้น!
และในโลกกำลังภายใน เดิมทีก็แปลงขึ้นจากระเบียบ ‘วัฏจักรกาลเวลา’ พลังแห่งกาลเวลานี้ แก่นแท้ก็คือนัยเร้นลับแห่งกาลเวลา!
‘ถ้าสันนิษฐานเช่นนี้ ที่ข้าปลุกจิตสำนึกได้ทันที ทั้งยังมีความทรงจำก่อนกลับชาติมาเกิดทั้งหมด… ก็เกี่ยวข้องกับพรสวรรค์ของข้า…’
หลินสวินคิดถึงตรงนี้ก็ตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ไปครู่หนึ่ง
หุบเหวกลืนกิน!
พรสวรรค์นี้มีความหมายอย่างไรกันแน่ แล้วหากอยู่ในฟากฝั่งฟ้าดารา จะเป็นพรสวรรค์ระดับใดกัน
สักพักหลินสวินจึงสงบใจลง เขาตัดสินใจเริ่มฝึกปราณ
เพียงแต่ไม่นานนักเขาก็เผยยิ้มเจื่อน มีมรดกมากเกินไปก็ไม่ดี ทำให้เขาไม่รู้ว่าควรจะตัดสินใจอย่างไรดีไปชั่วขณะหนึ่ง
คัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน คัมภีร์กระบี่จูคง คัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุด คัมภีร์มหาครรภ์จุติ วิชาบัวเขียวหยั่งโลก คัมภีร์เก้ากระถางสยบหล้า คัมภีร์มหามรรคหวงถิง คัมภีร์มหาอสนีดับสูญ…
แค่คัมภีร์มรรคยังมีสิบกว่าชนิด!
แต่ละชนิดต่างโดดเด่นสะท้านอดีตปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นยอดคัมภีร์ ทำให้หลินสวินไม่รู้จะลงมืออย่างไรในชั่วขณะ
‘ข้าเข้าใจแล้ว!’
ทันใดนั้นจู่ๆ หลินสวินก็ฉุกคิดได้ รับรู้ถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง
วัฏจักรกำลังภายในก็คือจุดเริ่มต้นของเส้นทางสู่นิพพาน ทำให้ตน ‘เปลี่ยนเป็นคนธรรมดา’ อีกครั้ง เดินบนมรรคาใหม่ เหมือนกับเริ่มฝึกปราณเป็นครั้งแรกในชีวิต
ถ้าเป็นแต่ก่อน การฝึกปราณฝึกวิชายุทธ์สักวิชา ก็บรรลุเส้นทางฝึกปราณได้อย่างสบาย
แต่เส้นทางสู่นิพพานของวัฏจักรกำลังภายใน… จะง่ายดายเช่นนี้จริงหรือ
‘ไม่ว่ามันจะเป็นวัฏจักรหรือไหม ข้าก็จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ในเมื่อต้องเริ่มฝึกปราณใหม่หมด ก็ย่อมต้องเริ่มฝึกจาก ‘คัมภีร์เตาหลอมมหามรรค’ ที่ข้าสร้างขึ้น!’
ขณะนี้หลินสวินเข้าใจถ่องแท้แล้ว ความคิดฟุ้งซ่านในสมองสลายไป จิตวิญญาณแจ่มกระจ่าง
ก่อนเข้าสู่วัฏจักร เขาอยู่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิขั้นบริบูรณ์ หลังจากเหยียบย่างบนเส้นทางที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีตปัจจุบัน เรียกได้ว่า ‘อดีตปัจจุบันอนาคต มรรคข้าเป็นหนึ่ง’
ก่อนเข้าสู่วัฏจักร เขาออกมาจากคุกใต้เหมือง ผงาดขึ้นในโลกชั้นล่างในฐานะเด็กหนุ่ม ต่อมามีชื่อในดินแดนรกร้างโบราณ โรมรันเหนือทางเดินโบราณฟ้าดารา!
เขาเห็นความเป็นความตายมาจนชินตา ผ่านการเคี่ยวกรำในพายุฝนและคาวเลือดมานับไม่ถ้วน ได้เห็นความกว้างใหญ่ของภูผาธาราจักรวาล รู้ชัดถึงความยิ่งใหญ่ของหมื่นโลกทั่วหล้า หยั่งรู้มหามรรคในมรรคา ครอบครองยอดคัมภีร์มรรคทั้งปวง…
เคยมา เคยไป เคยพบ…
ก่อนวัฏจักร เขาเป็นผู้ที่มีระดับสูงสุดใต้ระดับจักรพรรดิแล้ว มรรควิถีบริบูรณ์ทั้งตัว แต่ในการฝึกปราณในมรรคาในอดีตนั้น จะไม่มีจุดที่เสียใจจริงๆ หรือ
มี!
เช่นสมัยยังเยาว์เพิ่งเหยียบย่างบนเส้นทางฝึกปราณ เขาร่างกายอ่อนแอ สิ่งที่ฝึกก็มีแต่วิชาที่ท่านลู่ถ่ายทอดให้ ไม่ถึงกับสูงส่งลึกล้ำ เพียงแค่เหมาะกับการฝึกปราณของเขาที่สุด
และเมื่อเขาบรรลุมกุฎมรรคาจริงๆ เป็นตอนที่อยูแดนมกุฎ ขณะที่กำลังแจ้งมรรคบรรลุมกุฎราชัน!
ในห้าระดับล่าง เขายังไม่เคยได้สัมผัสธรณีประตูของมกุฎมรรคาเลย เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นความเสียใจอย่างหนึ่ง!
หนำซ้ำ ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องในอดีต จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร
แต่ตอนนี้มาถึงแดนปรินิพพานแห่งนี้ เข้าสู่วัฏจักรกาลเวลา กลับทำให้หลินสวินมีโอกาสฝึกปราณใหม่ ไปลบล้างข้อบกพร่องและความเสียใจเหล่านี้!
นี่ถึงจะเป็นนิพพานเกิดใหม่ที่แท้จริง!
ก็ในตอนนี้เอง หลินสวินถึงรู้ว่าวาสนาที่ไม่เคยมีมาหมื่นกาลอย่าง ‘แดนปรินิพพาน’ แห่งนี้ ยอดเยี่ยมเพียงใด
ไม่แน่เส้นทางสู่นิพพานที่เรียกได้ว่าเย้ยฟ้าพลิกชะตาสายนี้ ก็คือมรรคาสู่ยอดอมตะนั้น!
พอคิดเรื่องพวกนี้ตกแล้ว จิตใจหลินสวินก็ปลอดโปร่ง หนักแน่น และเยือกเย็นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โอกาสคราวนี้เขาจะพลาดไปไม่ได้เด็ดขาด!
……
กาลเวลาเคลื่อนคล้อย แต่ละวันผันผ่าน
บรรยากาศของตระกูลซูเปลี่ยนเป็นกดดันและอึมครึมหาใดเทียบ เพราะคุณชายใหญ่ตระกูลซู ซูชิงโฉวแพ้แล้ว ไม่มีโอกาสเข้าร่วมในงานประลองยอดยุทธ์
ตามที่พูดกัน หลังจากซูชิงโฉวกลับมาที่ตระกูลก็เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน เงียบเชียบเก็บเนื้อเก็บตัว เจตจำนงมอดดับ เงาร่างผอมลงทุกวัน
คนในตระกูลซูรู้สึกทุกข์ใจนัก ซูชิงโฉวเป็นความภาคภูมิใจของตระกูล แต่ตอนนี้ประสบกับความล้มเหลวเช่นนี้ กระทบกระเทือนใจมากไปแล้วจริงๆ
กล่าวกันว่าหัวหน้าตระกูลซูก็เศร้าใจกับเรื่องนี้จนผมหงอกขาว ไม่ได้กล่าวโทษว่าซูชิงโฉวไม่เอาไหน แต่เจ็บปวดที่ลูกของตนไม่อาจเดินออกมาจากเงามืดแห่งความล้มเหลวได้
ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปตลอด ทั้งตัวเขาได้กลายเป็นคนพิการแน่
หลินสวินอยู่ในเรือนตลอด ไม่ได้ออกมา แต่ด้วยการสนทนากับชิงจู๋ก็ได้รู้ข่าวคราวเกี่ยวกับงานประลองยอดยุทธ์มากมาย
“คุณชายสาม คุณชายรองไปเข้าร่วมงานประลองยอดยุทธ์แล้ว!”
ขณะที่กินอาหารเช้าในเช้าตรู่วันนี้ ชิงจู๋ก็เอ่ยปากอย่างปรีดา “ใครก็คิดไม่ถึงว่าคุณชายรองที่ปิดด่านอยู่ในตระกูลมาตลอดจะทะลวงขั้นมหาวัฏจักรแล้ว ร้ายกาจกว่าคุณชายใหญ่เสียอีก”
หลินสวินยิ้มพลางพยักหน้า “พี่รองสุดยอดจริงๆ”
คุณชายรองตระกูลซู ซูชิงเฟิง เป็นเด็กหนุ่มอายุสิบสี่ปีที่มีนิสัยเก็บตัว รูปลักษณ์สำอางคนหนึ่ง ตั้งแต่เล็กพูดน้อยอย่างกับคำพูดมีค่าดั่งทอง
แต่ก็ดีกับน้องสามอย่างซูชิงหานมาก มักมาเยี่ยมซูชิงหานบ่อยๆ ไม่ได้พูดคุย เพียงแค่กินอาหาร อ่านหนังสือกับซูชิงหาน
ซูชิงหานอาจจะไม่เข้าใจ แต่หลินสวินจะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าซูชิงเฟิงที่นิสัยเก็บตัวคนนี้ ความจริงแล้วมีพรสวรรค์และรากฐานพลังเหนือกว่าพี่ใหญ่ซูชิงโฉวของพวกเขา
วันนี้ซูชิงเฟิงออกไปต่อสู้ เข้าร่วมงานประลองยอดยุทธ์ คนทั้งตระกูลมาส่งเขาด้วยตัวเอง
หลินสวินก็ไปด้วย
ซูชิงเฟิงท่วงท่าสง่างามอาจหาญ หล่อเหลาดุจหยก หว่างคิ้วเจือแววมั่นใจในตัวเองที่เก็บงำไว้ภายใน ขี่ม้าขาวจากไปเพียงลำพังอย่างรวดเร็ว
หลินสวินก็ได้พบกับพี่ใหญ่ซูชิงโฉว เงาร่างที่เดิมผ่าเผยกลับผอมแห้งติดกระดูก สีหน้าซีดขาว แก้มซูบตอบดูอ่อนแอนัก
แต่ตอนนี้เขากลับยิ้มอย่างดีใจ ตบไหล่หลินสวินเอ่ยว่า “น้องสาม ฟ้าอำนวยพรให้ตระกูลซูของเรามีน้องรองออกศึก จะต้องเผยความสามารถโดดเด่นกว่าข้าแน่ ไปกัน พี่ใหญ่พาเจ้าไปกินเหล้าที่หอหมอกสายัณห์ เจ้าไม่ได้อยากรู้มาตลอดว่าหอโคมเขียวคือสถานที่แบบใดหรือ ข้าพาเจ้าไปเปิดหูเปิดตา”
เขาโอบไหล่หลินสวินอย่างสนิทสนมแล้วพาเดินไป
หลินสวินมุมปากกระตุกครู่หนึ่ง มีพี่ที่ไหนพาน้องชายตัวเองไปหอคณิกา
แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ ดื่มเหล้าเท่านั้นเอง ไม่เคล้านารีเป็นพอ
เห็นพวกเขาพี่น้องจากไป เหล่าคนในตระกูลซูต่างก็ชื่นใจ ในที่สุดคุณชายใหญ่ก็กลับมามีชีวิตชีวาบ้างแล้ว…
——