Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2162 ระดับกำลังภายใน ยอดมงกุฎนับจากอดีตถึงปัจจุบัน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2162 ระดับกำลังภายใน ยอดมงกุฎนับจากอดีตถึงปัจจุบัน
ตอนที่ 2162 ระดับกำลังภายใน ยอดมงกุฎนับจากอดีตถึงปัจจุบัน
สู้!
ในการต่อสู้อันดุเดือดหาใดเปรียบ หลินสวินลืมเวลาไปสนิท และลืมว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ใด ความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดในหัวสมองล้วนไม่มีเหลืออยู่
ทั้งร่างจิตต่อสู้ลุกโชนดุจดั่งเพลิง
ศิษย์พี่ผู่เจินสมัยเด็กแข็งแกร่งถึงขั้นวิปริตชัดๆ มรรควิถี เจตจำนง สภาวะจิต ฝีมือการต่อสู้ ล้วนเรียกได้ว่าเป็นที่สุดในโลกหล้า กร้าวแกร่งถึงขั้นไม่อาจจินตนาการ
ก่อนหน้านี้หลินสวินมักจะถูกคนมองเป็นปีศาจ คิดว่าไม่สามารถใช้หลักการทั่วไปประเมินได้
แต่ตอนนี้หลินสวินก็รู้สึกว่าผู่เจินในสมัยเด็กเป็นปีศาจคนหนึ่งเช่นกัน พลังต่อสู้ที่มีไม่เหมือนสิ่งที่คนในระดับกำลังภายในจะมีได้เลยชัดๆ!
ปึง! ปึง! ปึง!
พลังหมัดดังสนั่น เกิดเสียงก้องกระหึ่มสะเทือนฟ้าดิน
หลินสวินจำไม่ได้ว่าถูกทำร้ายบาดเจ็บไปกี่ครั้ง พลังทั้งหมดทั่วร่างล้วนมีความรู้สึกว่าถูกสูบเกลี้ยง
แต่ในใจยังคงมีจิตต่อสู้ที่ราวกับลุกโหมแผ่พุ่งและร้องคำราม
สู้!
เหนือสายน้ำแห่งกาลเวลา หลินสวินต่อสู้ดุจบ้าคลั่ง ปล่อยหมัดซัดออกไปอย่างหนัก หนึ่งหมัดที่ธรรมดาเรียบง่าย กลับเสมือนเตาหลอมใบหนึ่ง ส่งเสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าดินออกมา
พริบตานี้สายน้ำแห่งกาลเวลาที่ม้วนตลบซัดสาดยังเกิดการชะลอตัว คล้ายถูกเจตจำนงน่าสะพรึงที่บรรจุในพลังหมัดนี้สะท้านสะเทือน
จากนั้นเงาร่างของเด็กหนุ่มผู่เจินที่แต่เดิมก็เลือนรางเกือบว่างเปล่าอยู่แล้ว ก็แตกสลายภายใต้หมัดนี้ กลายเป็นละอองแสงกระเซ็นสาดทั่วฟ้า
หลินสวินหอบหายใจถี่กระชั้น มองภาพนี้อย่างอึ้งงัน เนิ่นนานกว่าจะยกมุมปากเผยรอยยิ้ม ประสานมือกล่าวว่า “ศิษย์พี่ผู่เจิน ออมมือแล้ว!”
เวลานี้เขาเอาชนะเด็กหนุ่มผู่เจิน อันดับหนึ่งในพลังระดับกำลังภายในตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน อยู่เหนือสุดในสายน้ำแห่งกาลเวลา!
ใต้เท้าสยน้ำม้วนตลบไหลสาด เกลียวคลื่นกวาดล้างเหล่าผู้กล้า
คลื่นระเบียบอันแปลกประหลาดระลอกหนึ่งผุดเผย ปิดครอบเงาร่างหลินสวิน ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าที่ประหนึ่งตะเกียงสิ้นน้ำมันพลันกลับสู่สภาพปกติในทันที
และพร้อมกันนั้นเงาร่างที่วิวัฒน์จากระเบียบสายหนึ่งก็เดินออกมาจากกลางสายน้ำแห่งกาลเวลา ปรากฏสู่ครรลองสายตาของหลินสวิน
“จากพลังของเจ้า สามารถฝากชื่อในประวัติศาสตร์ เป็นอันดับหนึ่งในระดับกำลังภายในนับจากอดีตตราบปัจจุบัน”
ประโยคเดียวทำเอาใจหลินสวินสั่นสะท้าน
ฝากชื่อในประวัติศาสตร์ ก็เท่ากับมรรควิถีระดับกำลังภายในแห่งตน สามารถคงอยู่ในระเบียบต้นกำเนิดมหามรรคฟ้าดาราตลอดกาล ไม่ว่ากาลเวลาจะผันผ่านก็ไม่อาจถูกดับสลาย!
นี่คือเกียรติยศสูงสุด
เหมือนอย่างเก้าคนที่เคยอยู่ในเก้าอันดับแรกนับแต่อดีตถึงปัจจุบันที่หลินสวินเอาชนะมาก่อนหน้านี้ แม้คนเหล่านั้นจะไม่ใช่คนจริงๆ แต่ความสำเร็จทางมหามรรคของพวกเขากลับถูกจารึกไว้ตลอดกาล ไม่เสื่อมสลายชั่วนิรันดร์ ไม่เคยอับแสง!
และสำหรับหลินสวินแล้ว ความสำเร็จที่ได้รับในตอนนี้ พิสูจน์ว่ามรรคาแห่งการฝึกปราณใหม่อีกครั้งของเขานั้น เรียกได้ว่า ‘อดีตปัจจุบันไม่เคยมี มรรคข้าเป็นหนึ่ง’ อย่างไม่ต้องสงสัย!
“เข้าประตูนี้ ก็สามารถเข้าสู่โลกจิตผสานวิญญาณ หากปฏิเสธ ก็ต้องออกจากวัฏจักร”
ร่างระเบียบนั่นกล่าว จู่ๆ คลื่นคลุมเครือระลอกหนึ่งพลิกม้วน ปรากฏเป็นบานประตูที่วิวัฒน์ขึ้นจากพลังวัฏจักรกาลเวลาบานหนึ่ง
นัยน์ตาดำของหลินสวินวูบไหวไม่นิ่ง
ก่อนจะเข้าสู่โลกกำลังภายใน พลังระเบียบเคยบอกว่า หากกลับมาจากวัฏจักร จำต้องทิ้งประทับมหามรรคที่เป็นของตนไว้ในโลกกำลังภายใน
ดังคาด ตอนนี้ตนทำสำเร็จแล้ว!
และทำมาถึงขั้นนี้โดยใช้เวลาเพียงสิบเดือนเท่านั้น ห่างจากกำหนดเวลาสิบปีไปไกลยิ่ง
ทว่าตอนนี้ ตัวเลือกหนึ่งวางอยู่ต่อหน้าหลินสวิน
หากเข้าประตูวัฏจักรบานนั้น ก็จะเข้าสู่ ‘โลกจิตผสานวิญญาณ’ ไม่ต้องคาดเดาหลินสวินก็รู้ว่าโลกจิตผสานวิญญาณแห่งนี้ต้องเหมือนโลกกำลังภายในอย่างแน่นอน
ปราณห้าระดับใหญ่ กำลังภายใน จิตผสานวิญญาณ มหาสมุทรวิญญาณ หยั่งสัจจะ กระบวนแปรจุติ!
นี่ถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าห้าระดับล่าง
บททดสอบของโลกจิตผสานวิญญาณ จะต้องเป็นเส้นทางสู่นิพพานสายหนึ่งเหมือนกัน เพียงแต่เกี่ยวข้องกับระดับจิตผสานวิญญาณ
และหากไม่เข้าสู่โลกจิตผสานวิญญาณ ตอนนี้ก็สามารถออกจากวัฏจักรนี้ได้โดยตรง กลับไปในแดนนิพพาน ถึงตอนนั้นจะต้องเผชิญหน้ากับอะไรอีกใครก็ไม่อาจพูดได้ชัด
หลินสวินขบคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยถาม “ข้าถามสักเรื่องได้หรือไม่ โลกกำลังภายในนั่นมีอยู่จริง หรือว่าเป็นมายากันแน่”
“ทุกอย่างเป็นจริง”
ร่างระเบียบกล่าว ไร้แววไหวหวั่น
ตอนนี้ในที่สุดหลินสวินก็กล้ามั่นใจแล้ว ว่าเฉียนอวี้หลิว ชิงจู๋ ซูชิงหาน ซูชิงโฉว… คนเหล่านี้ที่แท้ก็มีชีวิตเหมือนกันกับตน!
“แต่เหตุใดพวกเขาถึงไม่สามารถเหยียบย่างมรรคาที่สูงกว่าระดับกำลังภายในได้” หลินสวินอดเอ่ยถามไม่ได้
ร่างระเบียบไม่ได้ตอบคำถาม
หรืออาจกล่าวว่า เดิมเขาก็วิวัฒน์มาจากระเบียบ ไม่ได้มีจิตสำนึกและสติปัญญาอยู่แล้ว ที่สามารถตอบคำถามหลินสวินได้ ก็เป็นเพียงสิ่งที่ตัวเขาสามารถ ‘รู้’ ได้เท่านั้น
หลินสวินนิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้าเบาๆ ไม่ถามมากความอีก นัยเร้นลับที่เกี่ยวโยงถึงระเบียบของโลกแห่งหนึ่งเช่นนี้ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่เขาในตอนนี้จะสามารถสัมผัสได้
เขาสูดหายใจลึกแล้วก้าวเข้าประตูวัฏจักรบานนั้น เมื่อเงาร่างของเขาหายลับ ประตูบานนั้นก็อันตรธานหายไปด้วย
สิ่งที่หายไปพร้อมกันยังมีร่างระเบียบร่างนั้นด้วย
มีเพียงสายน้ำแห่งกาลเวลาไหลพวยพุ่งไหลหลั่งไม่หยุด
ที่คิดไม่ถึงก็คือ ในเวลานี้กลางสายน้ำแห่งกาลเวลานั้น จู่ๆ ก็มีนัยน์ตาที่กระจ่างชัดลุ่มลึกคู่หนึ่งลืมตาขึ้นมา
“เคราะห์จ่อมจมชั่วกัปกัลป์ หนึ่งบัวเบ่งบาน ตัวแปรนี้ในที่สุดก็ปราฏขึ้นแล้ว… ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าดอกนี้จะเบ่งบานได้หรือไม่…”
เสียงเนิบนาบดังขึ้น ดุจเสียงมรรคแผ่วพลิ้ว
ต้นยุคดึกดำบรรพ์ เพื่อทำนายพลังระเบียบต้นกำเนิดฟ้าดารา เจ้าแห่งคีรีดวงกมลต้องจ่ายค่าตอบแทนไปมาก สุดท้ายเหลือมรรคคาถาไว้บทหนึ่ง
ตอนนี้ ‘นัยเร้นลับ’ ที่ประทับอยู่ในมรรคคาถาบทนี้กำลังสำแดงอยู่!
…
โลกกำลังภายใน
ผ่านไปเก้าวันแล้วนับตั้งแต่หลินสวินเข้าสู่เขายอดยุทธ์
เฉียนอวี้หลิวเฝ้ารออยู่ตลอด
ส่วนลึกภายในใจนางแค่ต้องการคำตอบเดียวเท่านั้น
หืม?
ทันใดนั้นในลานประลองยอดยุทธ์ที่รูปทรงดุจดั่งดอกบัวแห่งนั้น ปรากฏระลอกคลื่นคลุมเครือระลอกหนึ่ง จากนั้นก็ปรากฏเงาร่างสูงโปร่งกำยำสายหนึ่ง
เฉียนอวี้หลิวตื่นเต้นขึ้นมาทันที เงาร่างนี้นางคุ้นเคยยิ่ง เป็นคนผู้นั้นที่นางตรากตรำเฝ้ารอมาเก้าวัน
“สหายยุทธ์!”
เฉียนอวี้หลิวก้าวไปหา เนตรดาราเจือแววยินดี
ซูชิงหานสีหน้าอึ้งงัน ท่าทางมึนงง “ข้า… นี่ข้าอยู่ที่ไหน”
ฝีเท้าเบิกบานของเฉียนอวี้หลิวพลันหยุดชะงักทันควัน แววยินดีในดวงตานิ่งค้าง กล่าวว่า “เจ้าจำได้หรือไม่ว่าเจ้าเป็นใคร”
ซูชิงหานกล่าวโดยไม่ลังเล “ซูชิงหาน แล้ว… เจ้าเป็นใคร”
เขาทำหน้าสงสัย
ประโยคเดียวเหมือนน้ำเย็นอ่างหนึ่ง สาดรดความยินดีภายในใจเฉียนอวี้หลิวให้มอดดับ
คราวนี้ในที่สุดนางก็กล้ามั่นใจ ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนผู้นั้นแล้ว!
“เจ้าจำเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันนี้ไม่ได้จริงๆ หรือ” เฉียนอวี้หลิวอดเอ่ยถามไม่ได้
ซูชิงหานขมวดคิ้วขบคิดอย่างหนักถึงค่อยส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าจำได้รางๆ ข้าหลับอยู่ในบ้าน แต่ตอนที่ตื่นขึ้นก็โผล่มาอยู่ที่นี่แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ความท้อแท้ที่บอกไม่ถูกก็ทะลักสู่หัวใจของเฉียนอวี้หลิว มองซูชิงหานนิ่งๆ อยู่เนิ่นนาน จู่ๆ นางก็หมดความสนใจ โบกมือกล่าวว่า “เจ้าไปเถอะ ข้าจำคนผิด”
นางหมุนตัวจากไป
ซูชิงหานก็คือซูชิงหาน เพียงแต่ขาดสิ่งหนึ่งไป… วิญญาณที่น่าสนใจ
ระหว่างทางเฉียนอวี้หลิวเอาม้วนตำราที่ปิดผนึกม้วนหนึ่งออกมา นี่คือสิ่งที่หลินสวินมอบให้เองกับมือในคืนก่อนหน้างานประลองยอดยุทธ์ และให้นางเปิดหลังงานประลองยอดยุทธ์ปิดม่าน
นางอดใจไม่ไหวมาตลอด รอคอยอยู่เรื่อยมา ดังนั้นจึงไม่ได้เปิดอ่าน
แต่ตอนนี้…
นางแทบจะปลุกความกล้าทั้งหมดกว่าจะเปิดม้วนตำราออกอย่างยากลำบาก
บนม้วนตำราบันทึกเคล็ดวิชาฝึกปราณที่เกี่ยวข้องกับระดับจิตผสานวิญญาณ ในนั้นยังอธิบายนัยเร้นลับทั้งหมดของระดับจิตผสานวิญญาณโดยละเอียดอีกด้วย!
ขณะนี้ก็เหมือนประตูใหญ่ใหม่เอี่ยมบานหนึ่งเปิดอยู่เบื้องหน้าเฉียนอวี้หลิว
‘หากวันหน้าข้าสามารถทะลวงระดับได้ จะต้องไปดูโลกฟ้าดารานั่นที่เจ้าพูดถึงให้ได้!’ เฉียนอวี้หลิวกำมือหยกแน่น
…
ซูชิงหานที่ชื่อเสียงเกรียงไกรโลกกำลังภายใน คว้าอันดับหนึ่งงานประลองยอดยุทธ์กลับสู่ตระกูลซูแล้ว
การปรากฏตัวของเขานำพาความโกลาหลทั่วมาทั้งตระกูล และเรียกความอึงอลทั่วเมืองเหวมังกร ผู้คนทั้งบนล่างตระกูลซู ไม่มีใครไม่ปิติยินดี
และเมื่อเวลาเคลื่อนคล้อย ซูชิงหานค่อยๆ เข้าใจเรื่องราวเหลือเชื่อมากมายที่เกิดขึ้นกับตัวแต่ตนเองกลับไม่รู้เหล่านั้น และตระหนักได้ว่าร่างกายที่ไม่สามารถฝึกปราณของตน กลับมีมรรควิถีขอบเขตมกุฎระดับกำลังภายในขั้นสัมบูรณ์ติดตัว…
ต่อมาเขาได้ยินชิงจู๋สาวใช้ข้างกายพูดว่า เป็นผู้เข้าวัฏจักรคนหนึ่งตื่นขึ้นในร่างของเขา ใช้เวลาสิบเดือนเปลี่ยนร่องรอยในชีวิตของเขา…
จากนั้นซูชิงหานจึงค่อยๆ รู้ว่า ในโลกกำลังภายในมีผู้เข้าวัฏจักรมากมายตื่นรู้และปรากฏตัวขึ้น
ในกาลเวลาต่อมา ต้าเฉียน ต้าฉู่ ต้าเว่ย… ทั่วทั้งใต้หล้า เกิดการพลิกผันที่ไม่เคยมีมาก่อนเพราะการปรากฏตัวของผู้เข้าวัฏจักร
“หลายปีหลังจากนี้ตอนที่งานประลองยอดยุทธ์เปิดม่าน ก็จะเป็นโอกาสที่พวกเราจะออกจากวัฏจักร!”
ผู้เข้าวัฏจักรทุกคนที่ตื่นรู้ต่างตระหนักได้ และมั่นใจอย่างชัดเจนว่ามีแต่เข้าร่วมงานประลองยอดยุทธ์ จึงจะสามารถประทับมหามรรคแห่งตนในโลกนี้ และออกไปจากโลกนี้ได้
“งานประลองยอดยุทธ์ครั้งก่อน คนที่อยู่อันดับหนึ่งคือซูชิงหานจากต้าเฉียน นั่นคือพวกสวะที่ยังไม่สามารถฝึกปราณได้ในในช่วงสิบเดือนก่อนงานประลองยอดยุทธ์จะเริ่มขึ้น เจ้าหมอนี่ก็เป็นผู้เข้าวัฏจักรคนหนึ่งด้วยหรือไม่”
“ต้องเป็นเช่นนี้แน่!”
“เขาเป็นใคร เหตุใดถึงได้ตื่นรู้เร็วขนาดนี้”
…ผู้เข้าวัฏจักรทุกคนในใจต่างตกใจ รู้สึกน่าเหลือเชื่อ
“ต้องเป็นเจ้าหมอนั่นแน่ๆ”
และหลังจากพวกเสวียนจิ่วอิ้น หลิงเคอจื่อตื่นรู้ ก็แทบจะชี้ขาดได้ทันทีว่าคนที่ตื่นรู้ในร่างของซูชิงหาน ต้องเป็นหลินสวินอย่างไม่ต้องสงสัย
พวกเขาไปตามหาที่ตระกูลซูด้วยกัน จากนั้นก็เห็นจินเทียนเสวียนเยวี่ยที่กลายเป็นชิงจู๋ ซ้ำยังได้รับวิชาฝึกปราณจากมือของอีกฝ่ายด้วย
เพียงแต่เมื่อนึกถึงว่าหลินสวินถึงกับชิงออกไปจากโลกกำลังภายในภายในสิบเดือนสั้นๆ ตัดหน้าพวกเขา ในใจพวกเขาก็ท้อแท้ไปพักหนึ่ง
คิดอยากไล่ตามฝีเท้าของเจ้าหมอนั่น… ช่างยากเกินไปจริงๆ!
ในความเป็นจริง การทดสอบวัฏจักรครั้งนี้เดิมก็มีกำหนดเวลาสิบปี เพื่อให้ผู้เข้าวัฏจักรมากมายตื่นรู้ และเข้าร่วมในงานประลองยอดยุทธ์ที่กำหนดเวลาสิบปีอยู่แล้ว
ทว่าดังคาด หลินสวินเป็นพวกตัวประหลาดคนหนึ่ง นำหน้าผู้เข้าวัฏจักรคนอื่นๆ ไปสิบปี นิพพานจากวัฏจักรได้สำเร็จเป็นคนแรก!
…
โลกจิตผสานวิญญาณ
เมืองต้าเหลียง หิมะหนาลอยล่องดั่งขนห่าน ลมหนาวเหน็บเย็นเยียบ
แต่บนท้องถนนยังคงเป็นภาพคึกคักจอแจอันครึกครื้น รถราพาหนะสวนกันขวักไขว่ทุกแห่งหน
เด็กหนุ่มขอทานที่ผอมเห็นกระดูก หน้าเหลืองผอมโซ สวมเสื้อผ้าเก่าขาดบางๆ คนหนึ่ง สุดท้ายก็ทนความทุกข์ทรมานจากลมหนาวไม่ไหว เงาร่างซวนเซ ทรุดล้มลงระหว่างทางที่ขอทานขอข้าวกิน
ท่ามกลางลมหิมะ เกี้ยวสมบัติหรูหราหลังหนึ่งห้อตะบึงมาจากไกลๆ ชายวัยกลางคนร่างกำยำที่บังคับรถม้ามองเห็นภาพนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ทว่าไม่ได้คิดจะหยุดแต่อย่างใด
เขายกแส้ขึ้น ตั้งใจบังคับเกี้ยวสมบัติทับร่างผอมโซที่เห็นได้ชัดว่าแข็งตายกลางลมหิมะร่างนั้นไป
——