Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2164 ตกปลาลำพังกลางธารหนาวเหน็บ แจ้งมรรคจิตผสานวิญญาณ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2164 ตกปลาลำพังกลางธารหนาวเหน็บ แจ้งมรรคจิตผสานวิญญาณ
ตอนที่ 2164 ตกปลาลำพังกลางธารหนาวเหน็บ แจ้งมรรคจิตผสานวิญญาณ
ระดับจิตผสานวิญญาณ แบ่งออกเป็นผสานใจ ผสานดิน ผสานฟ้าสามขั้น
สามเดือนให้หลัง
โลกจิตผสานวิญญาณ บริเวณชายแดนสุดเขตตะวันออก
ลมหนาวสะท้านพัดหวีดหวิว หิมะน้ำแข็งสีขาวเวิ้งว้างปิดครอบกลางฟ้าดิน ไอหนาวเหน็บบาดกระดูกห้อมล้อม อย่าว่าแต่คนทั่วไป แม้แต่ผู้แข็งแกร่งขั้นผสานใจก็ยังต้านความเหน็บหนาวระดับนี้ไม่ไหว
หิมะหนาปลิวลอย ภูผาธาราล้วนขาวโพลน
บนชั้นน้ำแข็งของสายธารใหญ่ที่ก่อตัวเป็นน้ำแข็งนานแล้ว เงาร่างสายหนึ่งตกปลาอยู่ลำพัง หิมะหนาปลิวละล่องรร่วงหล่นปกคลุมทั่วทั้งร่าง
เงาร่างไม่ขยับเขยื้อน ราวกับรูปปั้นแกะสลักที่ตั้งอยู่ตรงนั้นตราบนิรันดร์ มือขวาของเขายื่นไปข้างหน้ากำความว่างเปล่า ไม่มีทั้งคันเบ็ดตกปลาและสายเบ็ดตกปลา ดูเหมือนแค่ทำท่าทางตกปลาเท่านั้น
เบื้องหน้าเขาบนชั้นน้ำแข็งที่หนาหลายจั้งมีรูเล็กๆ เท่ารูเข็มรูหนึ่ง คนทั่วไปไม่อาจมองเห็นชัดเจนสักนิด
คนผู้นี้คือหลินสวิน ตั้งแต่ออกจากเมืองต้าเหลียงก็เดินทางกับหรงลี่นานหนึ่งเดือน และมาถึงสถานที่หนาวสุดขั้วแถบนี้
จากนั้นทั้งคู่ก็ปักหลักสร้างกระท่อมบนธารใหญ่สายนี้
หนึ่งเดือนก่อนหลินสวินตกปลาอยู่ที่ตรงนี้คนเดียว ลมหิมะพัดผ่าน แน่วนิ่งไม่ไหวติง
หากไม่ใช่เพราะทุกๆ เวลาระยะหนึ่งจะมีเสียงหายใจที่เหมือนลมหิมะดังขึ้น ก็ไม่ต่างอะไรกับรูปปั้นแกะสลักหิมะรูปหนึ่งจริงๆ
ไกลๆ มีเสียงฝีเท้าดังแว่วๆ ขึ้นระลอกหนึ่ง ชายวัยกลางคนร่างกำยำคนหนึ่งเดินฝ่าลมหิมะเข้ามา เมื่อเห็นภาพนี้ก็อดอึ้งงันไม่ได้
คนผู้นี้ก็คือหรงลี่
เขาสวมชุดหนังสัตว์ตัวหนา ต่อให้มีปราณขั้นผสานดิน ท่ามกลางลมหิมะบาดกระดูกเช่นนี้ก็หนาวจนทั่วร่างสั่นเทิ้ม
ส่วนหลินสวิน ปราณระดับกำลังภายในขั้นสมบูรณ์ กลับนั่งท่ามกลางลมหิมะลำพังมาหนึ่งเดือนเต็มๆ แล้ว!
หรงลี่มาดูเกือบทุกวัน กลัวเพียงว่าหลินสวินจะแข็งตายอยู่ที่นี่
แต่เขาห่วงเกินเหตุดังคาดจริงๆ
‘ก็ไม่รู้คุณชายเขากำลังเคี่ยวกรำเคล็ดวิชาอะไรกันแน่…’
ในใจหรงลี่ยิ่งใคร่รู้มากขึ้นเรื่อยๆ ในสายตาของเขา ทั่วร่างของหลินสวินล้วนเจือความลึกลับ ทำให้ผู้คนไม่สามารถมองทะลุได้ และทำให้คนรู้สึกเกรงขาม
จับจ้องเงียบๆ เนิ่นนานหรงลี่ก็ค่อยๆ หมุนตัวออกไป
เวลาเคลื่อนคล้อย โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว
หนึ่งปีมานี้หลินสวินไม่กินไม่ดื่ม แน่นิ่งไม่ไหวติง ร่างกายล้วนถูกหิมะน้ำแข็งปิดครอบเป็นชั้นหนาๆ นานแล้ว
หรงลี่มาอีกครั้งแล้ว
ในช่วงเวลาหนึ่งปีนี้เขาคอยอยู่เป็นเพื่อนในแดนหิมะน้ำแข็งแห่งนี้มาโดยตลอด
ไม่เหมือนกับหลินสวิน เขาทนทุกข์อยู่ท่ามกลางลมหิมะทุกวัน รู้สึกทรมานอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ที่นี่ไม่เพียงสภาพแวดล้อมเลวร้าย ซ้ำยังขาดแคลนเสบียงอาหารและทรัพยากรฝึกปราณ
มีอยู่หลายครั้งที่หรงลี่ถึงขั้นอยากจากไป
แต่ทุกครั้งตอนที่มองเห็นเงาร่างซึ่งนั่งขัดสมาธิกลางหิมะน้ำแข็งเพียงลำพังของหลินสวิน ก็ฝืนข่มแรงกระตุ้นนี้เอาไว้
เด็กหนุ่มระดับกำลังภายในคนหนึ่งยังสามารถยืนหยัดจนถึงตอนนี้ คนที่มีปราณขั้นผสานดินอย่างเขา ยังจะถูกฟ้าดินแห่งนี้ทำให้ปราชัยเชียวหรือ
เป็นเพราะมีความคิดเช่นนี้ ความดื้อดึงเช่นนี้ จึงทำให้หรงลี่ยืนหยัดจนถึงตอนนี้ได้
‘ยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่น…’ หรงลี่จับจ้องเงาร่างหลินสวินเงียบๆ อยู่นาน ในใจทอดถอนใจ ก่อนหมุนตัวตั้งท่าจะจากไป
แต่ในเวลานี้เอง ระลอกคลื่นน่าตกใจสายหนึ่งพลันแผ่กว้าง ปั่นป่วนลมหิมะ
หรงลี่หันหน้าขวับ ก็เห็นหิมะน้ำแข็งหนาที่ปกคลุมบนตัวหลินสวินกลายเป็นผุยผงแตกละเอียดกระเซ็นกระสาย เงาร่างผอมบางของหลินสวินปรากฏออกมาอย่างชัดเจน
“คุณชาย ท่านตื่นแล้วหรือ” หรงลี่ดีใจ
“อืม”
หลินสวินค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา กลางนัยน์ตาราวกับมีสายฟ้าพุ่งออกมา กรีดทึ้งห้วงอากาศ แผดเผาพื้นหิมะหนาสิบจั้งหายลับไป
หรงลี่สั่นสะท้านไปทั่วร่าง จากนั้นก็เห็นภาพที่ยากจะลืมเลือนชั่วชีวิต
พร้อมๆ กับที่หลินสวินหยัดตัวขึ้นจากพื้น การเคลื่อนไหวอันเป็นไปตามธรรมชาติอย่างหนึ่งเท่านั้น ทว่าบนตัวของเขากลับมีกลิ่นอายวูบหนึ่งไต่ทะยานพุ่งกระฉูด ดุจเขาถล่มคลื่นยักษ์ซัดโหม
สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ามรรควิถีทั่วร่างเขาทะลวงขั้นอย่างง่ายดาย ก้าวสู่ขั้นผสานใจก่อน จากนั้นก็พุ่งขึ้นขั้นผสานดิน อานุภาพเหลือล้นไม่ลดทอน โจนสู่ขั้นผสานฟ้าตรงๆ!
ทั้งหมดเพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น!
ตูม!
กลางฟ้าดินแถบนี้ลมหิมะม้วนตลบ ล้วนถูกกลิ่นอายบนตัวของหลินสวินก่อกวน ห้วงอากาศใกล้เคียงต่างสะเทือนดังวู้ม ราวกับยอมสวามิภักดิ์
หรงลี่อึ้งไป ทั่วร่างสั่นเทิ้ม ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้เขานึกถึงยามที่เจอหลินสวินครั้งแรกเมื่อหนึ่งปีก่อนในเมืองต้าเหลียง
หลินสวินในตอนนั้น แค่พริบตาก็ทะยานไปถึงระดับกำลังภายในขั้นเก้า ดุจดั่งปาฏิหาริย์ที่ไม่เคยมีมาก่อนนับแต่อดีตสืบมา จนป่านนี้ยังทำให้หรงลี่ไม่อาจลืมเลือน
และในเวลานี้ ภาพเหตุการณ์คล้ายคลึงกันก็แสดงขึ้นอีกครั้ง
เพียงแต่ครั้งนี้เป็นการเข้าสู่ขั้นผสานฟ้า ขั้นสมบูรณ์ของระดับจิตผสานวิญญาณในคราเดียว!
เหมือนตอนนั้นที่หรงลี่รู้สึกเมื่อหนึ่งปีก่อน นี่ไม่ใช่แค่สะท้านสะเทือนแล้ว หากแต่น่าสะพรึงกลัว น่าสะพรึงเหนือจินตนาการ!
หลินสวินสัมผัสการเปลี่ยนแปลงรอบตัวอย่างเงียบๆ จากนั้นมองไปยังชั้นน้ำแข็ง นัยน์ตาลุ่มลึกดุจดั่งมองทะลุชั้นน้ำแข็ง มองเห็นส่วนลึกของกระแสธาร
ส่วนลึกของกระแสน้ำนั้น ปลานับไม่ถ้วนที่กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ไม่ว่าน้อยใหญ่ล้วนถูกกักขังแน่นหนาอยู่ตรงนั้น ไม่ว่าสายน้ำซัดผ่านอย่างไรก็ไม่ขยับเขยื้อน
‘ทำให้พวกเจ้าลำบากแล้ว’ หลินสวินเอ่ยในใจ
ครู่ต่อมาไอวิญญาณที่ดุจดั่งโปร่งแสงสายแล้วสายเล่าก็ถูกเก็บกลับมาจากตัวปลานับไม่ถ้วนนั้น จากนั้นก็พุ่งออกมาจากรูเล็กเหนือชั้นน้ำแข็งที่คล้ายรูเข็ม หวนกลับสู่ภายในร่างของหลินสวินพร้อมกัน
วูบ… ปลาเหล่านั้นกลับมาแหวกว่ายใหม่อีกครั้ง ผุดว่ายอย่างชื่นมื่นกลางกระแสธาร
หลินสวินคลี่ยิ้ม เก็บสายตากลับมา
หนึ่งปีมานี้เขานั่งบนแม่น้ำหนาวเหน็บเพียงลำพัง ใช้ไอวิญญาณเป็นเบ็ด ตกปลาอยู่กลางหิมะน้ำแข็ง จิตวิญญาณ พลังขับเคลื่อน เจตจำนงล้วนจดจ่อที่การตกปลาอัน ‘เป็นเอกลักษณ์’ เช่นนี้ ทำการเคี่ยวกรำจนบรรลุถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง
และมรรควิถีของเขา ในวันคืนนับไม่ถ้วนช่วงหนึ่งปีมานี้ก็ก้าวสู่ขอบเขตมกุฎ บรรลุระดับจิตผสานวิญญาณ เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
หนึ่งปีมานี้เขาดื่มด่ำลมหิมะ นั่งเปล่าเปลี่ยวลำพัง แจ้งมรรคในปัจจุบัน!
“ยินดีกับคุณชายด้วย ยินดีกับคุณชายด้วย!” เนิ่นนานกว่าหรงลี่จะได้สติจากอาการเหม่อลอยเช่นนั้น ตื่นเต้นจนพูดไม่หยุด สีหน้าเปี่ยมด้วยแววเลื่อมใส
ภาพที่เห็นก่อนหน้านี้เป็นการกระทำของเทพสูงสุดชัดๆ โลกมนุษย์ไม่มีคนเช่นนี้!
“หนึ่งปีมานี้เจ้าช่วยคุ้มครองอยู่แถวนี้ ข้าล้วนเห็นอยู่ในสายตา”
หลินสวินมองหรงลี่ที่อยู่เบื้องหน้า กล่าวว่า “ข้าไม่อยากติดค้างน้ำใจใคร เคล็ดวิชาฝึกปราณนี้เจ้ารับไว้ จากนั้นก็ไปเถอะ”
หลินสวินหยิบม้วนหยกม้วนหนึ่งออกมาจากอก ส่งให้ผ่านทางอากาศ
ในใจหรงลี่สะท้าน ไม่ได้รีบร้อนเปิดม้วนหยกออก หากแต่กล่าวว่า “คุณชายท่าน… กำลังจะจากไปแล้วหรือ”
หลินสวินพยักหน้า “ข้าไม่ใช่คนของโลกนี้”
กล่าวเสร็จเขาก็หมุนตัวจากไป เดินไปยังฟ้าดินที่อยู่ส่วนลึกยิ่งกว่าในลมหิมะ
บริเวณส่วนลึกที่สุดมีทะเลสาบผืนหนึ่ง ถูกมองเป็นเขตต้องห้ามอันดับหนึ่งของโลกจิตผสานวิญญาณ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันแทบไม่มีใครสามารถรอดชีวิตออกมาจากในนั้นได้
ทะเลสาบผืนนั้นมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า ทะเลสาบจิตผสาน
มองส่งเงาร่างของหลินสวินหายลับไป จู่ๆ ในใจหรงลี่พลันว่างเปล่า
หนึ่งปีมานี้เขาเฝ้าอารักขาอยู่ใกล้ๆ อย่างเงียบๆ เรื่องทั้งหมดที่ทำไปในทุกๆ วัน ก็เพราะไม่อยากให้เรื่องไม่คาดฝันใดๆ ไปรบกวนการฝึกปราณของหลินสวิน
แต่วันนี้จู่ๆ ก็แยกจาก ทำให้เขาถึงกับทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
เนิ่นนานหรงลี่ถึงค่อยคลี่เปิดม้วนหยกในมือ ตอนที่อ่านเคล็ดวิชาฝึกปราณในนั้นจบ สองมือของเขาพลันสั่นระริกขึ้น
บนโลกใบนี้มีมรดกที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ได้อย่างไร
…
ทะเลสาบจิตผสาน
ตอนที่มองเห็นทะเลสาบมหึมาที่ถูกพลังระเบียบแผ่ครอบผืนนี้ หลินสวินก็อดยิ้มไม่ได้ เป็นเช่นนี้จริงๆ ด้วย
ครู่ต่อมาเขาสาวเท้าพุ่งเข้าไปในนั้น ไม่นานเงาร่างก็ถูกพลังระเบียบกลบมิด
เมื่อจิตรับรู้ของหลินสวินชัดเจนแจ่มแจ้ง ก็มองเห็นภาพอันแสนคุ้นเคยฉากหนึ่ง
สายน้ำแห่งกาลเวลาที่ม้วนตลบไหลหลากสายหนึ่งปรากฏขึ้นอีกครั้ง เกลียวคลื่นโหมซัด หอบม้วนหิมะพันกองขึ้น
อาภรณ์ของหลินสวินโบกสะบัด นัยน์ตาดำผุดจิตต่อสู้เสี้ยวหนึ่งขึ้นเงียบๆ
“มาสิ ข้าล่ะอยากเห็นนัก ในกาลเวลาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันนี้ ผู้มีปราณระดับจิตผสานวิญญาณที่แกร่งที่สุดจะเป็นใครกัน…”
ไม่ได้ปล่อยให้หลินสวินรอนาน บริเวณไกลๆ ของสายน้ำแห่งกาลเวลา เงาร่างสายหนึ่งส่งเสียงหวีดหวิวมาเยือน
เหมือนกับเหตุการณ์ที่ประสบบนเขายอดยุทธ์ก่อนหน้านี้ เพียงแต่ครั้งนี้คู่ต่อสู้เปลี่ยนเป็นระดับจิตผสานวิญญาณ
ในบรรดาคู่ต่อสู้เหล่านี้ ผู้ที่อ่อนแอที่สุด พลังต่อสู้ก็อยู่ที่อันดับเก้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน!
สายน้ำแห่งกาลเวลาไหลซัด พลังระเบียบคลุมเครือไหวเคลื่อน แต่ละคนล้วนเรียกได้ว่าสะท้านโลก การต่อสู้ที่ยากจะพบเห็นในโลกภายนอกสำแดงไม่หยุดหย่อน
บาดเจ็บสาหัสเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยาก
อันตรายสุ่มเสี่ยงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
แต่ผู้ชนะในท้ายที่สุดเป็นหลินสวินเรื่อยมา
ยามคู่ต่อสู้ที่เป็นอันดับหนึ่งของระดับจิตผสานวิญญาณตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันถูกหลินสวินเอาชนะ เงาร่างที่วิวัฒน์จากระเบียบสายนั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“ในโลกนี้ เจ้าสามารถครองมงกุฎนับจากอดีตถึงปัจจุบัน ฝากชื่อไว้ในอันดับหนึ่ง”
ร่างระเบียบเอ่ยปาก ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่า ในระดับจิตผสานวิญญาณ ตนไร้ศัตรูนับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันแล้ว!
จากนั้นธรณีประตูที่วิวัฒน์จากระเบียบวัฏจักรกาลเวลาบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
“เข้าประตูบานนี้ สามารถเข้าโลกมหาสมุทรวิญญาณ หากปฏิเสธ ก็ต้องออกจากวัฏจักร”
ร่างระเบียบเอ่ยปาก ยังคงคุ้นเคยปานนั้น
หลินสวินอดกล่าวไม่ได้ “นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว ข้ายังรู้อะไรได้อีกบ้าง”
ร่างระเบียบไม่ได้ตอบ
นี่ทำให้หลินสวินจนปัญญาไปพักหนึ่ง เขาไม่ได้ชักช้าอีก สาวเท้าเดินเข้าไปในธรณีประตูวัฏจักรที่เชื่อมสู่โลกมหาสมุทรวิญญาณบานนั้น
ในโลกกำลังภายในยังมีคนมากมายที่ให้หลินสวินห่วงใย อย่างเช่นจินเทียนเสวียนเยวี่ย เสวียนจิ่วอิ้น หลิงเคอจื่อ
แต่ในโลกจิตผสานวิญญาณนี้ หลินสวินไม่ได้อ้อยอิ่งใดๆ
เขาก็เหมือนคนเดินทางที่ผ่านไปอย่างเร่งรีบคนหนึ่ง ฝ่าลมหิมะลำพัง แจ้งมรรคตลอดทั้งปี ก่อนหมุนตัวจากไป
…
สามวันต่อมา
หรงลี่ที่ปราณเหยียบย่างสู่ระดับจิตผสานวิญญาณขั้นสัมบูรณ์แล้ว ในวันที่หิมะตกหนักวันหนึ่งก็ย้อนกลับมาเมืองต้าเหลียงเพียงลำพัง
เมืองแห่งนี้เคยทอดทิ้งเขา เคยทำให้เขาพบเจอการไล่ล่าสังหาร แต่ในเมืองนี้ยังมีคนที่เขาห่วงใย นั่นก็คือน้องสาวและหลานชายของเขา
แต่วันแรกที่หวนคืนสู่เมืองต้าเหลียง เขาก็ได้รับข่าวเศร้าเรื่องหนึ่ง…
ตอนนั้นหลังจากที่เขาจากไปพร้อมหลินสวิน เพื่อระบายแค้นตระกูลหม่าได้ส่งยอดฝีมือมาทำร้ายน้องสาว น้องเขย หลานชายของเขา… คนทั้งครอบครั้งทั้งแก่เด็กไม่เหลือไว้สักคน
เลือดไหลท่วมประตูเรือน หนีไม่รอดแม้แต่คนเดียว!
เมื่อได้รู้ข่าวเหล่านี้หรงลี่อึ้งงันอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน ดื่มสุราหมดหนึ่งกาคนเดียว นั่งซึมเซาจนถึงดึกดื่นเพียงลำพัง
จากนั้นก็หยัดตัวขึ้นเดินท่ามกลางยามราตรีที่ลมหิมะพัดโชย
และในกลางดึกวันนั้น ตระกูลหม่าที่มีฉายาขุมอำนาจอันดับหนึ่งแห่งเมืองต้าเหลียง ถูกล้างตระกูลในชั่วข้ามคืน เบื้องบนเบื้องล่างทั้งตระกูลหนึ่งร้อยสี่สิบเก้าคน ล้วนถูกสังหาร
คุณชายใหญ่ตระกูลหม่าหม่าเหวินเฮ่อ หัวถูกแขวนอยู่บนประตูเมือง
หลังจากข่าวแพร่งพรายออกไป ทั่วทั้งเมืองต้าเหลียงต่างสะท้านสะเทือนไปกับเรื่องนี้ด้วย คนไม่รู้เท่าไหร่ปรบมือโห่ร้องดีใจ บาปที่ตระกูลหม่าสร้างในช่วงหลายปีมานี้ ล้วนเรียกได้ว่ามากมายจนจดไม่หมด แต่ตอนนี้ล่มสลาย ทำให้ผู้คนเบิกบานใจกันใหญ่
และในกลางดึกคืนนั้น หรงลี่ก็จากไปเพียงลำพัง
ออกไปจากเมืองที่ทำให้เขาปวดใจแห่งนี้
…………………………