Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2201 ครองนิพพาน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2201 ครองนิพพาน
ตอนที่ 2201 ครองนิพพาน
แดนปรินิพพาน
บนกำแพงเมืองหมื่นมรรค
เมื่อหลินสวินหายใจเข้าออก ฟ้าดาราที่ห่างไกล กำแพงเมืองหมื่นมรรคที่นั่งอยู่ รวมถึงแดนปรินิพพานด้านหลัง ล้วนมีจังหวะจะโคนเฉพาะตัวและแข็งแกร่งอย่างหนึ่ง
ครืน… ครืน… ครืน… ครืน…
แค่เสียงจังหวะก็ราวกับอสนีมหามรรค สะท้านสะเทือนวัฏจักรความว่างเปล่า แผ่ขยายไปทั่วทิศ
ขณะเดียวกันรอบกายหลินสวินมีหมอกแสงเจิดจรัส แสงมรรคสอดประสาน พลังประหลาดราวกับระเบียบม้วนซัดเหมือนกระแสน้ำขึ้นลง ทั้งตัวประหนึ่งนายเหนือหัวที่ครอบครองทั่วหล้า มีอานุภาพสูงส่งไร้เทียมทาน!
“สหายน้อยหลินกำลังทำอะไร”
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงยืนห่างออกไป โคจรพลังทั้งตัวเต็มกำลังจึงต้านทานและสลายพลังกดดันน่ากลัวที่ดำรงอยู่ทุกแห่งหนนั้นได้
ผ่านมาสิบวันแล้ว หลินสวินนั่งสมาธิอยู่ตลอด อานุภาพรอบกายก็น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
“เขากำลังหยั่งรู้และควบคุมพลังระเบียบต้นกำเนิดของโลกนี้” ชายเสื้อซย่าจื้อพลิ้วไหว เสียงกระจ่างใสราวเสียงธรรมชาติ
“เขา… คงไม่คิดจะหลอมโลกนี้ด้วยกระมัง”
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงใจสะท้าน สูดหายใจเย็นเยียบไม่หยุด แดนปรินิพพานคือสิ่งที่วิวัฒน์มาจากพลังระเบียบต้นกำเนิดของฟ้าดารา
หากหลอมแดนปรินิพพาน จะไม่เท่ากับหลอมพลังระเบียบต้นกำเนิดของฟ้าดารานั่นไปด้วยหรือ
ซย่าจื้อคิดดูครู่หนึ่งแล้วกล่าว “สามารถทำได้ถึงจุดนี้ น่าจะเกี่ยวข้องกับรากฐานพลัง ‘ยอดอมตะ’ ที่เขายึดกุม”
ที่นางคาดเดานั้นไม่ผิด
เคราะห์จ่อมจมชั่วกัปกัลป์ หนึ่งบัวเบ่งบาน นับแต่กาลนิรันดร์ถึงตอนนี้ ยอดหนทางสู่อมตะที่เพิ่งปรากฏในท้ายที่สุดแน่นอนว่าไม่มีทางธรรมดา
ยามข้ามด่านเคราะห์ ขณะที่หลินสวินชิงศุภโชคยอดหนทางสู่อมตะ ก็เท่ากับกลายเป็นดอกบัวเพียงหนึ่งเดียวของแดนปรินิพพานนี้แล้ว
ส่วนพลังระเบียบต้นกำเนิดของแดนปรินิพพาน ก็เหมือนสิ่งหล่อเลี้ยงที่ให้กำเนิดดอกบัวนี้ เดิมทีก็ถูกหลินสวินดูดซับและครอบครองได้!
สิบวันนี้อาการบาดเจ็บและพลังกายทั้งตัวของหลินสวินฟื้นคืนกลับมานานแล้ว ซ้ำมรรควิถีระดับจักรพรรดิทั่วร่างยังเพิ่มความมั่นคงและตกตะกอนอย่างหาได้ยากด้วย
และสิ่งที่เขากำลังทำตอนนี้ ก็คือควบคุมพลังระเบียบต้นกำเนิดของแดนปรินิพพานอย่างสมบูรณ์!
จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงพลันร้องออกมา “ถ้าเขาทำได้ถึงขั้นนี้จริง นั่นหมายความว่าไม่ต่างอะไรกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรงที่ควบคุมพลังระเบียบต้องห้ามได้ไม่ใช่หรือ”
นี่พาให้คนตระหนก
ขณะเดียวกันในหัวหลินสวินกลับปรากฏภาพแดนปรินิพพานทั้งหมด
ทั้งโลกประกอบจากตำหนักมรรควัฏจักร กำแพงเมืองหมื่นมรรค ทุ่งรกร้างอมตะสามส่วนใหญ่
กำแพงเมืองหมื่นมรรคไม่จำเป็นต้องพูดถึง ทุ่งรกร้างอมตะก็คือสถานที่ซึ่งหลินสวินห้ำหั่นกับระดับจักรพรรดิมากมายเมื่อสิบวันก่อน มีพื้นที่ราวโลกใบเล็กแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นจากระเบียบต้นกำเนิดฟ้าดารา
ส่วนแกนหลักของแดนปรินิพาน กลับเป็นตำหนักมรรควัฏจักร
เมื่อเข้าไปในตำหนักมรรคนี้ก็จะเข้าไปในโลกวัฏจักรได้ แบ่งเป็นโลกกำลังภายใน โลกจิตผสานวิญญาณ โลกมหาสมุทรวิญญาณ โลกหยั่งสัจจะ โลกกระบวนแปรจุติ โลกระดับราชัน โลกระดับอริยะ โลกกึ่งจักรพรรดิรวมแปดแห่ง
พูดว่าเป็นโลกวัฏจักร ความจริงแล้วไม่ต่างอะไรกับโลกใบใหญ่บนทางเดินโบราณฟ้าดารานัก ภายในนั้นไหลวนด้วยพลังระเบียบกาลเวลาและคลื่นพลังชีวิต!
ด้วยมีพลังของกาลเวลาและชีวิต ทำให้โลกวัฏจักรนี้มีส่วนที่ต่างจาก ‘โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์’ ในตัวระดับจักรพรรดิ
เวลานี้ในที่สุดหลินสวินก็กล้าแน่ใจ พลังชีวิตที่กระจายอยู่ในโลกวัฏจักรพวกนั้นไม่ใช่ภาพมายา หากแต่เป็นคนจริงๆ!
ที่น่าเสียดายคือหลินสวินในตอนนี้แม้จะหลอมพลังระเบียบของแดนปรินิพพานได้ แต่กลับไม่อาจไปหยั่งรู้นัยเร้นลับสำคัญของตำหนักมรรควัฏจักรนั้นได้
เหตุผลนั้นง่ายมาก ระเบียบวัฏจักร เกี่ยวข้องกับพลังแห่งกาลเวลาและชีวิต!
นี่ก็เหมือนอภินิหารหยุดเวลาที่หลินสวินครอบครอง เกี่ยวข้องกับระเบียบกาลเวลาเช่นเดียวกัน แต่ก็ได้แค่นำมาใช้ประโยชน์ ไม่อาจล่วงรู้ถึงนัยเร้นลับสำคัญที่ซ่อนอยู่ภายใน
เป็นสิ่งที่รู้ได้เพียงผิวเผิน แต่ไม่รู้ถึงแก่นแท้ภายใน!
‘มิน่าจักรพรรดิสวรรค์ดำรงถึงเรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่เหมือนนายเหนือหัวของทั่วหล้าฟ้าดารา ภายใต้การปกคลุมของพลังระเบียบต้องห้ามที่เขาครอบครอง เขาก็เหมือนผู้ควบคุมฟ้าดินแถบนั้น…’
ในใจหลินสวินแจ่มแจ้งขึ้นมา ‘เช่นเดียวกัน หลายวันก่อนข้าสามารถสังหารสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นห้าและขั้นหกพวกนั้นได้ ก็ด้วยถือครองพลังระเบียบของแดนปรินิพพาน ในฟ้าดินแถบนี้ข้าสามารถพิฆาตแทนสรวง ธำรงมรรคแทนสวรรค์ได้!’
ธำรงมรรคแทนสวรรค์
เพียงคำง่ายๆ ไม่กี่คำ แต่พลังที่แฝงอยู่ภายในสามารถทำให้ผู้ฝึกปราณคนใดก็ตามบนโลกตื่นตระหนก!
ครู่ใหญ่หลินสวินจึงลืมตาขึ้นจากการหยั่งรู้ ละอองแสงเหลือคณาที่หมุนอ้อมทั่วตัวเงียบสงบ ซึมซาบเข้าไปในร่าง
เขาหยัดร่างขึ้น เสื้อผ้าเรียบร้อย กลิ่นอายราบเรียบ เงาร่างโดดเด่น ไม่มีอานุภาพจักรพรรดิน่าหวาดกลัวที่ดูสูงส่งไร้เทียมทานเช่นนั้นอีก
มหามรรคเรียบง่าย กลับคืนสู่สามัญ!
สีหน้าของจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงเจือแววทอดถอนใจ หากไม่เห็นกับตาตัวเอง ใครเล่าจะคาดคิดว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้เป็นคนน่ากลัวที่บรรลุมกุฎจักรพรรดิในช่วงเกือบแสนปีมานี้เป็นคนแรก
“หลินสวิน พวกเราจะออกไปเมื่อไหร่” ซย่าจื้อถาม
ไม่มีการต่อสู้และฆ่าฟันแล้ว หลายวันนี้นางเหลือแค่กินกับนอน ค่อนข้างรู้สึกเบื่อหน่าย
“รอประเดี๋ยว”
หลินสวินพูดพลางก้าวออกไปก้าวหนึ่ง เงาร่างพลันหายไป
โลกกำลังภายใน
ราชวงศ์ต้าเฉียน ในราชวัง
เฉียนอวี้หลิวที่สวมชุดกระโปรงยาวสีม่วงอ่อนทะลวงปราณล้มเหลวอีกครั้ง บนหน้ารูปเมล็ดแตงที่งามประณีตฉายแววงุนงง
ยาม ‘ซูชิงหาน’ คนนั้นจากไป เขาได้มอบวิชาฝึกปราณที่เกี่ยวข้องกับการทะลวงปราณระดับกำลังภายใน ฝึกปราณระดับจิตผสานวิญญาณให้กับนาง
เจ็ดปีมานี้นางลองทะลวงปราณมาตลอด ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นความล้มเหลวร้อยพันครั้ง
ปราการระดับกำลังภายใน ราวกับปราการสวรรค์ ทำให้นางเกือบจะพังทลาย
‘ไม่สู้ลองดูอีกครั้ง’ ทันใดนั้นพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นในใจของเฉียนอวี้หลิวที่เกือบสิ้นหวัง ทำให้นางนั่งตัวตรงเหมือนถูกฟ้าผ่ากะทันหัน บนใบหน้างามฉายแววอัศจรรย์
“คุณชาย เป็นท่านหรือ” เฉียนอวี้หลิวเสียงสั่นเจือความตื่นเต้น เจ็ดปีแล้ว ในที่สุดนางก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนั้นอีกครั้ง
แต่กลับไม่มีใครตอบ
ความตื่นเต้นบนใบหน้าของเฉียนอวี้หลิวพลันหายไปไม่น้อย นัยน์ตาทอดมองตำหนักที่ว่างเปล่าแล้วอดยิ้มเยาะตนเองไม่ได้ ที่แท้ก็เป็นภาพหลอน…
“ช่างเถอะ เช่นนั้นก็ลองดูอีกครั้ง”
เนิ่นนานกว่านางจะคึกคักขึ้นมา โคจรพลังปราณ เริ่มทะลวงระดับอีกครั้ง
ตูม!
ทันใดนั้นเหมือนพันธนาการภายในร่างถูกทำลาย ยามที่เฉียนอวี้หลิวไม่ทันตั้งตัว พลังวิญญาณทั่วร่างนางราวกับเขื่อนแตก พลิกตลบกู่ก้องอยู่ภายในร่าง ความรู้สึกอัศจรรย์ที่บอกไม่ถูกผุดขึ้นในใจนาง
ชั่วพริบตาก็เหมือนประตูใหญ่ที่มุ่งสู่โลกใหม่บานหนึ่งเปิดออกตรงหน้า ทำให้เฉียนอวี้หลิวนิ่งงันอยู่ตรงนั้นอย่างอดไม่ได้
สำ… สำเร็จแล้ว?
ครู่ใหญ่นางสัมผัสได้ว่าภายในกายมีบ่อพลังวิญญาณหนึ่งปรากฏ สัมผัสได้ถึงความมหัศจรรย์ครั้งใหม่ของระดับจิตผสานวิญญาณนั้น ในที่สุดก็กล้ายืนยันว่านางทะลวงปราณแล้ว!
ทั้งหมดนี้มาอย่างไม่คาดฝัน ราวกับไม่เปลืองแรงเท่าไหร่ แต่เฉียนอวี้หลิวกลับเหมือนรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง หยัดร่างขึ้นแล้วเปิดประตูตำหนักออกไปทันที
พระราชวังที่กว้างใหญ่นั้นสะท้อนในครรลองสายตา หน้าตำหนักว่างเปล่าไม่มีเงาร่างใด
แต่เฉียนอวี้หลิวกลับมองเห็น จดหมายหนึ่งฉบับลอยล่องลงมาจากซอกประตู
นางหยิบมาไว้ในมือ ควบคุมความรู้สึกปั่นป่วนในใจอย่างเต็มที่แล้วเริ่มอ่าน
‘โลกกว้างใหญ่ มรรคาทอดยาว ตั้งแต่วันนี้ไปภูผาธารางดงามและคลื่นมหามรรคล้วนไม่ใช่เครื่องพันธนาการอีก ข้าคนแซ่หลินจะรอวันที่แม่นางก้าวออกจากโลกวัฏจักร’
ผู้ส่ง : หลินเต้ายวน
‘เป็นเขามาดังคาด…’ เฉียนอวี้หลิวกำจดหมายในมือแน่น ในดวงตาคู่งามฉายแววอัศจรรย์เปล่งประกาย ‘ที่แท้… เขาก็ชื่อหลินเต้ายวน!’
รอยยิ้มหนึ่งผุดขึ้นที่มุมปากเงียบๆ เฉียนอวี้หลิวสูดหายใจเข้าลึกๆ เก็บจดหมายฉบับนี้ลงไปอย่างระมัดระวัง
จากนั้นนางจึงเอ่ยเสียงเบากับฟ้าดินที่ว่างเปล่าไร้ผู้คนนั่น “ขอบคุณมาก คุณชายหลิน”
บนเวิ้งฟ้าหลินสวินยิ้มแล้วหันหลังจากไป
วันนี้ ‘เขายอดยุทธ์’ แห่งโลกกำลังภายใน ‘ทะเลสาบจิตผสาน’ แห่งโลกจิตผสานวิญญาณ ‘มหาสมุทรวิญญาณ’ แห่งโลกมหาสมุทรวิญญาณ ‘ถ้ำหยั่งสัจจะลานตา’ แห่งโลกหยั่งสัจจะ…
ในแปดโลกใหญ่ในวัฏจักร ขอเพียงเป็นเขตต้องห้ามที่มีพลังระเบียบนิพพานปกคลุมล้วนหายไปจากโลกต่างๆ นั้น
วันนี้ระหว่างแปดโลกใหญ่เกิดการเชื่อมต่ออัศจรรย์อย่างหนึ่ง ขอเพียงเป็นคนที่ทะลวงปราณ ย่อมถูกเคลื่อนย้ายไปฝึกปราณในโลกที่ระดับสูงกว่า!
เช่นคนที่ทะลวงปราณในโลกกำลังภายใน ก็จะถูกเคลื่อนย้ายไปยังโลกจิตผสานวิญญาณเป็นต้น
ผู้ฝึกปราณที่กระจายอยู่ในแปดโลกใหญ่ ไม่มีใครไม่สั่นสะท้าน ปิติ ตื่นเต้น โห่ร้องยินดี… วันนี้ถูกแปดโลกใหญ่เรียกว่าวันแรกแห่งศักราชใหม่ของการฝึกปราณ
และวันนี้ ผู้ฝึกปราณที่ยังไม่ตื่นรู้ในโลกวัฏจักรนั้น ชีวิตนี้ก็ไม่อาจตื่นรู้ได้อีกแล้ว…
แน่นอนว่านี่เป็นฝีมือของหลินสวิน โลกวัฏจักรแห่งนี้มีเขาคอยควบคุม ย่อมไม่ยอมให้เกิด ‘กรณีพิเศษ’ เป็นธรรมดา
…
“ไปได้แล้ว”
เงาร่างหลินสวินกลับมาบนกำแพงเมืองหมื่นมรรคพลางยิ้มกล่าว
ทันใดนั้นเขารวบนิ้วกรีดตวัดคราหนึ่ง บานประตูน้ำวนหนึ่งปรากฏออกมา จากนั้นก็พาซย่าจื้อและจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงก้าวออกไปพร้อมกัน
เมื่อเงาร่างหลินสวินจากไป แดนปรินิพพานที่กว้างใหญ่นั้นพลันกลายเป็นรอยประทับรูปดอกบัวหนึ่ง สลักอยู่กลางฝ่ามือหลินสวิน จากนั้นก็หายไป
เมื่อสัมผัสรอยประทับ ‘ดอกบัวนิพพาน’ นั้น ในใจหลินสวินก็ทอดถอนใจไม่หยุดอย่างอดไม่ได้
เจ็ดปีก่อนเขาเป็นผู้ฝึกปราณระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิขั้นสัมบูรณ์ ยังเป็นแค่ ‘คนรุ่นหลัง’ ในสายตาของสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิมากมาย
เจ็ดปีให้หลัง เขาเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง มีรากฐานพลังยอดอมตะ ครอบครองระเบียบแห่งแดนปรินิพพาน!
นับจากนี้ไปมหามรรคของหลินสวิน เหนือกว่าระดับจักรพรรดิทั่วหล้าตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันแล้ว!
“กลับมาแล้ว กลับมาแล้ว!”
แดนอำพราง จักรพรรดิยุทธ์เมี่ยฉยงที่เหมือนผีสุรานัยน์ตาเป็นประกาย เห็นเงาร่างของหลินสวินก้าวออกมาจากเวิ้งฟ้าที่ห่างไกลนั้น
“เฮ้อ เจ้าหนูนี่ยังไม่ตายดังคาด ข้ารู้อยู่แล้วว่าคนดีอายุสั้น คนชั่วอายุยืนพันปี” หมาขนทองที่อยู่ข้างๆ ยิ้มยิงฟันขึ้นมา
“ต้าหวง ระวังคำพูดของเจ้าด้วย ตอนนี้คุณชายหลินเป็นถึงจักรพรรดิเต้ายวนที่ชื่อเสียงสะเทือนฟ้าดารา มกุฎมหาจักรพรรดิที่แท้จริงคนหนึ่ง”
ชิงอิงถือร่มแดงก่ำดังโลหิตคันนั้นพลางกล่าวเนิบช้า ร่างทรงสง่าแฝงความงามประหลาดที่พาให้คนตกตะลึงใจสั่น
พวกเขารออยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นหลินสวินรอดชีวิตออกมา ความจริงในใจล้วนลอบโล่งอกพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
ต้องรู้ว่าในข่าวของโลกภายนอกตอนนี้ หลินสวินยังอยู่ในสถานะที่เป็นตายไม่อาจรู้
“เอ๋ นายท่านก็มาแล้ว!”
ต้าหวงกระดิกหู หันกลับไปก็มองเห็นเงาร่างสูงใหญ่เทียมฟ้าของจ้งชิวเหินห้วงอากาศเข้ามา
มันเห่าขึ้นครั้งหนึ่งแล้วพุ่งเข้าไปอย่างตื่นเต้น ยื่นหัวสุนัขเข้าไปใกล้ หมายคลอเคลียขาของเจ้านายเหมือนที่ผ่านมา
เพียงแต่พริบตาต่อมามันก็ถูกจ้งชิวเตะออกไป “อย่าขวางทาง”
ปึง!
ต้าหวงร่วงลงไปกองในท่าหมากินขี้ หน้าเบลอไปหมด
ผีสุรากับชิงอิงต่างหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
เมื่อหลินสวินที่ก้าวมากลางฟ้าสูงเห็นภาพนี้ก็อดหัวเราะลั่นไม่ได้เช่นกัน “ยังบอกว่าข้าเป็นคนชั่วอายุยืนพันปีอีก อย่างเจ้าต้องเรียกว่าหมาดีไม่ขวางทาง!”
……………………