Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2214 กล่องของท่านลู่
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2214 กล่องของท่านลู่
ตอนที่ 2214 กล่องของท่านลู่
ในที่มืด เฒ่าชราตระกูลเสวียนเหล่านั้นต่างเงียบงัน
“ไฉ่หนียอมรับเจ้าหนุ่มนี่แล้ว ยังต้อง…” ครู่ใหญ่ถึงมีคนเอ่ยถาม
“หากให้เจ้าหมอนี่เป็นแขก จักรพรรดิสวรรค์ดำรงรู้เข้าจะต้องเกิดความวุ่นวายขึ้น”
“ตระกูลเสวียนของพวกเราก็ไม่ได้กลัวจะแตกหักกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรง เพียงแต่เพื่อคนนอกคนหนึ่ง ทำเช่นนี้คุ้มแล้วหรือ”
เฒ่าชราเหล่านั้นหารือ
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเก่าแก่ใด ตอนที่เจอเรื่องรับมือยากเช่นนี้ ก่อนอื่นจะต้องพิจารณ์ผลประโยชน์ของตระกูลก่อน
“หากเขาไม่ควรค่า ถ้าอย่างนั้นฟ้าดาราทั่วหล้า ยังมีใครควรค่าให้ตระกูลเสวียนของเราทำเช่นนี้”
ทันใดนั้นเสียงขุ่นมัวและต่ำลึกดังขึ้น กลบเสียงทั้งหมด “ตอนนี้ข้าถามพวกเจ้าอีกครั้ง หลินสวินคนนี้มีฐานะอย่างไร”
ประโยคเดียวทำเอาเฒ่าชราตระกูลเสวียนทุกคนเงียบกริบ
คิดอย่างละเอียด พวกเขาเองก็รู้สึกอกสั่นขวัญหาย
ฐานะของหลินสวิน ไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว!
เขาเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล เป็นผู้สืบทอดมรดกของจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน จอมกระบี่จูคง จักรพรรดิสงครามอู๋ยาง เป็นคนรุ่นหลังคนแรกที่ก้าวสู่มกุฎมรรคาในแสนปีมานี้
ความเรืองรองเช่นนี้รวมอยู่ที่ตัวชายหนุ่มคนเดียว นี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากอยู่แล้ว
เสียงขุ่นมัวนั่นดังขึ้นอีกครั้ง “อย่าลืมว่าเสวียนคง… ยังเป็นศิษย์พี่ของเขา! และเสวียนคงตายอย่างไร พวกเจ้าลืมแล้วหรือ”
เสวียนคง!
คนตระกูลเสวียนเหล่านั้นยิ่งเงียบงัน
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ใครกล้าต่อต้านและคัดค้านเจ้าหนุ่มนี่อีก ก็จะเป็นคนบาปของตระกูลเสวียน!”
เสียงขุ่นมัวนั้นหายไปเพียงเท่านี้ แต่ความเด็ดขาดสุดท้าย กลับทำให้เฒ่าชราตระกูลเสวียนเหล่านั้นไม่สามารถสงบได้
พวกเขารู้ดีว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อหลินเต้ายวน ตระกูลเสวียนของพวกเขายอมแตกหักกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรง!
……
ยอดเขาเร้นเทพ
ภายใต้การนำทางของเสวียนจิ่วอิ้น ในที่สุดพวกหลินสวินก็มาถึงถิ่นกำเนิดแกนหลักของตระกูลเสวียน
เทือกเขาที่เก่าแก่ปลดปล่อยไอแรกกำเนิด สิ่งก่อสร้างด้านบนเรียงราย เดินมาตลอดทางสามารถมองเห็นต้นไม้โบราณที่รากทับซ้อน โอสถเทพเป็นกอ นกเทพสัตว์มงคลได้ทุกแห่งหน
แม้แต่เหล่าข้ารับใช้ชายหญิงที่เจอระหว่างทาง แต่ละคนล้วนมีความสำเร็จด้านพลังปราณที่ไม่ธรรมดาและน่าตกใจอย่างที่สุด
ทอดสายตามองไป ทุกอย่างบนยอดเขาเร้นเทพล้วนเหมือนกำลังบอกคนบนโลกอย่างไร้สุ้มเสียง ว่าอะไรที่เรียกว่ารากฐานตระกูลเก่าแก่!
แม้แต่ต้าหวงยังจุ๊ปากชื่นชม กล่าวว่า “หากฝึกปราณที่นี่ตั้งแต่เกิด กลืนไอแรกกำเนิดทุกวันคืน ฝึกบำเพ็ญยอดมรดก แม้แต่กินดื่มยังเป็นโอสถเทพสมบัติล้ำค่าชั้นหนึ่งในหมู่ชั้นหนึ่งของโลก ยังต้องกังวลว่าจะไม่ประสบความสำเร็จบนมหามรรคอีกหรือ ทายาทตระกูลเสวียนพวกนี้ เหนือกว่าคนรุ่นเดียวกันส่วนใหญ่บนโลกตั้งแต่เกิดแล้ว!”
เสวียนจิ่วอิ้นกล่าวเบิกบาน “นี่ล้วนเป็นใบบุญจากบรรพชน คนบนโลกล้วนพูดว่า ‘เจ้าเสวียนจิ่วอิ้นมีอะไรดี ก็แค่เพราะเป็นทายาทตระกูลเสวียนไม่ใช่หรือ’ ข้าอยากพูดมาโดยตลอดว่า ที่พวกเขาพูดถูกต้องมาก ตระกูลเสวียนของข้า… ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว”
“อวดดี!”
ต้าหวงถุยน้ำลายคราหนึ่ง “การบำเพ็ญมหามรรค แม้มีทรัพยากรการฝึกปราณ หากไม่มีหัวใจที่ยึดถือมรรคก็ไม่มีทางเดินไปในระยะยาวได้”
เสวียนจิ่วอิ้นหัวเราะแฮะๆ กล่าว “เห็นได้ชัดมากกว่าข้าไม่ใช่คนแบบนี้ อันที่จริงเหตุผลที่ตระกูลเสวียนของข้าสามารถยืนหยัดมาถึงตอนนี้ได้ เพราะในตระกูลไม่เคยยอมให้มีพวกไร้ประโยชน์ คนรุ่นหลังจะต้องผงาดและเติบใหญ่ ถึงขั้นพบเจอการเคี่ยวกรำที่โหดร้ายกว่ายิ่งกว่า หากแต่ละคนนั่งกินนอนกิน พึ่งบุญเก่าจากบรรพชนต่อไป ช้าเร็วตระกูลเสวียนก็ต้องล้ม”
คำพูดนี้หลินสวินเห็นด้วยอย่างที่สุด
ขุมอำนาจเก่าแก่ใดอยากดำรงอยู่ยาวนานหมื่นกาล จะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการปลูกฝังคนรุ่นหลัง เช่นนี้จึงจะสามารถสืบทอดต่อไปอย่างต่อเนื่องได้
ลูกหลานตระกูลใหญ่ที่เกเร เอาแต่ใจ บ้าคลั่งมีหรือไม่
มี!
แต่ลูกหลานตระกูลใหญ่เหล่านี้ก็มีพลังปราณที่ไม่ด้อยเช่นกัน ความเอาแต่ใจและบ้าคลั่งเป็นแค่นิสัยส่วนตัวเท่านั้น
ระหว่างพูดคุยพวกเขาก็มาถึงหน้าอาคารเก่าแก่ริมผาหลังหนึ่งแล้ว สถานที่นี้เมฆมงคลรวมตัว ไอแรกกำเนิดอบอวล เผยกลิ่นอายเคร่งขรึมศักดิ์สิทธิ์
เสวียนซั่งเฉินเจ้าตระกูลเสวียนรออยู่หน้าประตูอาคารเก่าแก่นั่นนานแล้ว
เงาร่างสูงใหญ่ของเขายืนอยู่ตรงนั้นง่ายๆ ก็มอบกลิ่นอายเผด็จการเข้ามาปะทะหน้าแล้ว เหมือนจอมจักรพรรดิองค์หนึ่ง มีอานุภาพกลืนกินรอบทิศ ควบคุมจักรวาล
นี่ก็คือเสวียนซั่งเฉิน บนทางเดินโบราณฟ้าดาราถูกมองว่าเป็นคนห้าวหาญที่สุดในระดับจักรพรรดิ!
“จักรพรรดิเต้ายวน จักรพรรดิสงครามคำรน ยังมีแม่นางคนนี้ ข้าคนแซ่เสวียนรออยู่ที่นี่มานานแล้ว เชิญ!”
เห็นพวกหลินสวินมาถึง เสวียนซั่งเฉินหัวเราะเสียงดังเข้าไปรับ
“คารวะผู้อาวุโส”
หลินสวินประสานมือ แม้นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอเสวียนซั่งเฉิน แต่ก่อนหน้านี้กลับจำชื่ออีกฝ่ายไว้ในใจนานแล้ว
คนผู้นี้คือคนเดียวที่หลินสวินรู้จัก ซึ่งได้เข้าไปทะลวงด่านในห้องโถงมรรคาสวรรค์ อีกก้าวเดียวก็เปิดประตูสวรรค์ออกได้แล้ว
และบนแท่นสักการะในแหล่งสถานคุนหลุน ก็เคยมีชื่อเสวียนซั่งเฉินลอยอยู่เหนือฟ้าเก้าพันจั้ง คงชื่อไว้หมื่นกาล!
เขาคือบิดาของเสวียนจิ่วอิ้น เป็นเจ้าตระกูลเสวียน ยิ่งเป็น ‘มหาจักรพรรดิเสวียนเหยี่ยน’ ที่ชื่อเสียงเลื่องลือทั่วหล้ฟ้าดารา!
“ฮ่าๆ ก้าวสู่เส้นทางระดับจักรพรรดิก็เท่ากับคนรุ่นเดียวกัน เดิมไม่จำเป็นต้องวางตัวเป็นผู้น้อย แต่เจ้ากับเสี่ยวจิ่วเป็นเพื่อนกัน ก็เรียกข้าว่าท่านอาแล้วกัน”
เสวียนซั่งเฉินเดินเข้ามาสังเกตหลินสวินแวบหนึ่ง แล้วตบไหล่เขาเบาๆ เอ่ยว่า “ไม่เลวเลย สมกับเป็นหลินเต้ายวนที่อานุภาพสะเทือนฟ้าดารา!”
ว่าพลางสายตาของเขาก็มองไปยังต้าหวงอีกครั้ง ยิ้มพูดว่า “ต้าหวง ไม่เจอกันนานขนาดนี้ เหตุใดเจ้ายังไม่คิดจะเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์”
ต้าหวงพูดอย่างดูถูก “ข้าเคลื่อนไหวไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่ ข้าก็คือข้า ต้องใช้ร่างมนุษย์มาปิดบังเสียที่ไหน”
“ดี! ทุกอย่างล้วนว่างเปล่า มหามรรคคือความจริง”
เสวียนซั่งเฉินชูนิ้วหัวแม่มือกล่าว จากนั้นเขามองไปยังซย่าจื้อแล้วเอ่ยว่า “แม่นางคนนี้คงเป็นบุคคลที่ถูกกล่าวขานถึง ว่าเพียงแค่ปรากฏตัวก็สังหารสัตว์ประหลาดฟ้าดาราทั้งกลุ่มเพียงลำพังในแดนปรินิพพานคนนั้น”
“นางคือซย่าจื้อ” หลินสวินแนะนำ
“ไม่เลว ไม่เลวจริงๆ” เสวียนซั่งเฉินยิ้มพูด ในดวงตามีความแปลกประหลาดเล็กน้อย จากบนตัวซย่าจื้อ เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายลึกลับอย่างหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก
“ไป เข้าไปคุยในเรือน”
เสวียนซั่งเฉินว่าแล้วพาพวกหลินสวินเดินเข้าโถงเรือน หลังจากนั่งลงก็มีข้ารับใช้กลุ่มหนึ่งส่งน้ำชา สุรา และขนมเข้ามา ล้วนเป็นของล้ำค่าที่หายากในโลกภายนอก
หลังจากทักทายกันครู่หนึ่ง เสวียนจิ่วอิ้นก็พาพวกต้าหวง ซย่าจื้อจากไปก่อน ในโถงเหลือแค่เสวียนซั่งเฉินและหลินสวินแล้ว
เสวียนซั่งเฉินมองไปทางหลินสวิน “ที่เชิญหลานชายมาครั้งนี้ก็เพราะได้รับการไหว้วานมา มีของสิ่งหนึ่งต้องการให้ข้ามอบให้เจ้า”
ว่าพลางเขาก็หยิบกล่องสำริดใบหนึ่งออกจากอก มีขนาดประมาณสามฉื่อ บนนั้นประทับลายมรรคผนึกไว้แน่นหนาไร้ใดปรียบ เขายื่นหลินสวิน
หลินสวินถือไว้ในมือ พินิจคร่าวๆ ความรู้สึกที่คุ้นเคยพวยพุ่งขึ้นในใจโดยธรรมชาติ หลุดปากออกมา “นี่เป็นสิ่งที่ท่านลู่ทิ้งไว้หรือขอรับ”
เสวียนซั่งเฉินพยักหน้า “ใช่แล้ว”
หลินสวินใจเต้นขึ้นมาทันที “เขาอยู่ที่ไหน”
เสวียนซั่งเฉินยื่นมือชี้ที่กล่องสำริดนั้นแล้วกล่าว “กล่องนี้ก็คือเบาะแส”
สายตาของหลินสวินหยุดอยู่บนกล่องสำริดอีกครั้ง ก็เห็นว่าประทับผนึกที่ปกคลุมแน่นขนัดนั้น อย่างน้อยก็มีมากถึงหมื่นชั้น!
อีกทั้งระหว่างการปิดผนึกมากมายขนาดนี้ ยังสอดประสานเกี่ยวรัด เรียกได้ว่าขยับเพียงเล็กน้อยก็กระทบไปทั้งหมด
ด้วยความสำเร็จบนมรรคาสลักวิญญาณของหลินสวินในตอนนี้ ยังรู้สึกกินแรงยิ่งยวด!
เสวียนซั่งเฉินเอ่ยว่า “ลู่ป๋อหยาพูดเพียงว่า ในกล่องมีของสิ่งหนึ่งที่แม่ของเจ้าทิ้งเอาไว้ ในหนึ่งร้อยปีขอเพียงเจ้าสามารถเปิดกล่องนี้ได้ ก็สามารถไปตามหาแม่ของเจ้าได้ หากเปิดไม่ออกภายในร้อยปี จะต้องทำลายกล่องนี้เสีย”
หลินสวินขมวดคิ้ว “หรือนี่เป็นบททดสอบหนึ่ง”
เสวียนซั่งเฉินพยักหน้า “และเป็นบททดสอบที่สำคัญมากครั้งหนึ่ง จากการคาดเดาของข้า ที่ลู่ป๋อหยาทำเช่นนี้จะต้องมีเหตุผลแน่ ไม่มีทางจงใจสร้างความลำบากให้เจ้า”
หลินสวินมองกล่องสำริดลึกลับอึ้งๆ แล้วกล่าว “ข้าไม่เข้าใจ เหตุใดต้องจำกัดเวลาหนึ่งร้อยปี หรือหากข้าเปิดกล่องนี้ไม่ได้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น”
เสวียนซั่งเฉินส่ายหน้า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าสามารถคาดเดาได้ แต่ข้าคิดว่าเจ้าพยายามเปิดกล่องนี้ให้ได้ภายในร้อยปีจะดีที่สุด”
หลินสวินสูดหายใจลึก พยักหน้าอย่างจริงจัง จู่ๆ เขาก็ตระหนักได้ถึงปัญหาหนึ่ง จึงกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ท่านก็รู้จักท่านลู่หรือ”
เสวียนซั่งเฉินอดยิ้มไม่ได้ “หากไม่มีลู่ป๋อหยา ข้าจะมีโอกาสสัมผัสกับความองอาจของเก้าด่านแห่งทางเดินเมฆาหยกได้อย่างไร”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งค่อยเอ่ยต่อ “ท่านลู่ของเจ้าคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา มาจากฟากฝั่งฟ้าดารา ครอบครองพลังลึกลับที่ไม่ใช่ของโลกนี้ ตอนที่ข้าเจอเขายังเป็นแค่คนรุ่นหลังที่ยังไม่บรรลุจักรพรรดิ ไม่สิ แม้แต่ระดับอริยะก็ยังไปไม่ถึง…”
หลินสวินเอ่ยอย่างประหลาดใจ “พวกท่านรู้จักกันได้อย่างไร”
เสวียนซั่งเฉินยิ้มพูด “บรรพชนตระกูลเสวียนของข้าข้ามมาจากอีกฟากฝั่งในสมัยต้นดึกดำบรรพ์ เนิ่นนานไม่เคยกลับไป ส่วนลู่ป๋อหยาคนนี้ ในมือกลับถือกระบี่พกข้างกายของบรรพชนตระกูลเสวียนมายังตระกูลเสวียนของข้า บอกว่าเขากำลังพบเจอการไล่ฆ่า อยากให้ตระกูลเสวียนของข้าส่งเขาไปที่แห่งหนึ่ง”
“ที่ไหนหรือ” หลินสวินอดถามไม่ได้
“แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์”
หลินสวินตระหนักได้ทันที ว่าตอนนั้นที่ท่านลู่ทำเช่นนี้ จะต้องอยากไปพบเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอาจารย์ของตนที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน
ถึงอย่างไรอาจารย์ของตนก็เป็นคนที่ทำให้ลั่วทงเทียนเจ้าแห่งห้องโถงมรรคาสวรรค์ตกใจจนถอยหนี!
บางทีสำหรับท่านลู่ หากได้รับความช่วยหลือจากอาจารย์ของตน อาจจะสามารถคลี่คลายการตามฆ่าของฟากฝั่งฟ้าดาราได้!
และที่ท่านลู่มีของของของบรรพชนตระกูลเสวียนได้ นี่ยืนยันว่าตอนที่อยู่ฟากฝั่งฟ้าดารา ท่านลู่คงจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับบรรพชนตระกูลเสวียนอย่างแน่นอน และจะต้องไม่ธรรมดาแน่
ไม่เช่นนั้นบรรพชนตระกูลเสวียนจะเสี่ยงล่วงเกินตระกูลลั่วของอีกฟากฝั่ง มอบกระบี่พกติดตัวของตนกับท่านลู่ได้อย่างไร
แต่ตอนนี้ในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจแล้ว ว่าเหตุใดเสวียนซั่งเฉินจึงมีโอกาสเข้าไปทะลวงด่านที่ห้องโถงมรรคาสวรรค์
และตอนนี้เองเสวียนซั่งเฉินอดพูดไม่ได้ “หลานชาย ข้าขอถามเจ้าประโยคหนึ่ง ประตูสวรรค์นั่นถูกเจ้าเปิดออกแล้วใช่หรือไม่”
หลินสวินพยักหน้า นี่ไม่มีอะไรให้ปกปิด
เสวียนซั่งเฉินยิ้มขื่นทันที ก่อนจะพูดว่า “ตามคาด ประตูบานนั้นมีเพียงคนที่มีสายเลือดตระกูลลั่วจึงสามารถเปิดออกได้ ไม่ใช่สิ ควรจะบอกว่า เป็นคนที่มีพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินที่สมบูรณ์ถึงสามารถเปิดออกได้”
เท่าที่เขารู้ เรื่องที่มีสายเลือดตระกูลลั่วเป็นเรื่องหนึ่ง แค่จะสามารถปลุกพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินที่สมบูรณ์ได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง!
………………………….