Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2216 เพื่อตระกูลเสวียน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2216 เพื่อตระกูลเสวียน
ตอนที่ 2216 เพื่อตระกูลเสวียน
เฒ่าชราตระกูลเสวียนเหล่านั้นโกรธจัดแล้ว ชี้เสวียนซั่งเฉินด้วยมือที่สั่นระริก ต่างพากันกล่าวโทษ
“ซั่งเฉิน เจ้าซนมากตั้งแต่เด็ก เหตุใดตอนนี้เป็นผู้นำตระกูลแล้วยังซนขนาดนี้! คิดว่าคนแก่อย่างพวกข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้จริงๆ หรือ”
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งโกรธจนแทบกระทืบเท้า
เสวียนซั่งเฉินยิ้มตาหยีฟัง ฟ้าผ่าก็ไม่ยอมขยับ ไม่สะทกสะท้าน
จนกระทั่งเฒ่าชราตระกูลเสวียนเหล่านั้นด่าจนเหนื่อยแล้ว เขาถึงพูดว่า “ท่านลุงท่านอาทุกท่าน ใช้โอกาสเข้าสู่โลกเร้นเทพครั้งนี้ แลกมิตรภาพของผู้คุมอำนาจสูงสุดในอนาคต… ไม่เสียเปรียบหรอกกระมัง”
เฒ่าชราตระกูลเสวียนต่างอึ้งงัน สีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้
“แต่เจ้าก็ไม่ควรไม่คุยกับพวกเรา!” มีคนพูดด้วยความโกรธ
เสวียนซั่งเฉินสีหน้าละอายใจเต็มประดา โค้งคำนับไปรอบๆ เอ่ยว่า “ท่านลุงท่านอาทุกท่านพูดถูก ครั้งต่อไปไม่ว่าข้าตัดสินใจอะไรก็จะฟังคำสอนและคำชี้แนะของท่านลุงท่านอาทุกท่านก่อน รับรองว่าจะไม่ทำความผิดร้ายแรงเช่นนี้อีก!”
เหล่าเฒ่าชราตระกูลเสวียนมองหน้ากัน ปวดหัวขึ้นมาระลอกหนึ่ง เสวียนซั่งเฉินก็คือคนหัวรั้นคนหนึ่ง ทำให้คนโกรธจนตายได้ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ช่างมีความสามารถทำให้คนโกรธจนตายได้โดยไม่ต้องชดใช้จริงๆ
“ช่างเถอะ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ เรื่องเกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับได้แล้ว”
เฒ่าชราซึ่งเป็นที่นับหน้าถือตาคนหนึ่งกล่าว “ยิ่งไปกว่านั้นผู้นำตระกูลทำเช่นนี้ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องร้าย หลินเต้ายวนนั่น… ควรค่าให้ตระกูลเสวียนของเราให้ความสำคัญจริงๆ ดั่งคำที่ว่าผู้คนบนโลกไม่รู้ว่าต้นไม้สูงใหญ่ กระทั่งมันสูงเด่นเสียดฟ้าถึงรู้ ในเมื่อพวกเรามองเจ้าหนุ่มนี่เป็น ‘ต้นไม้’ ก็ไม่ต้องรอถึงตอนที่ต้นไม้นี้สูงเสียดฟ้าแล้วค่อยสานสัมพันธ์”
เสวียนซั่งเฉินพยักหน้าแรงๆ “ท่านลุงใหญ่พูดถูก! เพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลายนั้นง่าย มอบถ่านไฟกลางหิมะนั้นหายาก[1]”
มีคนขมวดคิ้วพูด “ข้าถามประโยคหนึ่ง หากเพราะเจ้าหมอนี่ทำให้ตระกูลเสวียนของพวกเราจำต้องเปิดศึกกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรง พวกเจ้าจะตอบรับหรือไม่”
หลังจากความเงียบในช่วงสั้นๆ เหล่าเฒ่าชราตระกูลเสวียนต่างยอมรับเงียบๆ
พวกเขากับหลินสวินไม่ได้มีความสัมพันธ์ต่อกัน แต่พิจารณาในมุมผลประโยชน์ของตระกูลล้วนๆ และหวั่นไหวต่อมิตรภาพที่จะได้รับจากหลินสวินอย่างมาก!
ผู้สืบทอดคีรีดวงกมล ทั้งมีมรดกของมหาจักรพรรดิในตำนานสามคนอย่างอู๋ยาง ไท่เสวียน จูคง อีกทั้งบรรลุขอบเขตมกุฎระดับจักรพรรดิ มีศุภโชคยอดหนทางสู่อมตะ…
พูดอย่างไม่เกินจริง เจ้าหนุ่มคนนี้ ขอเพียงแค่ไม่ประสบเหตุร่วงหล่น ต่อไปสักวันจะต้องโดดเด่นทั่วหล้า เรียกได้ว่าเป็นจอมจักรพรรดิ!
ตอนนี้มีโอกาสสานสัมพันธ์กับหลินสวิน แน่นอนว่าเฒ่าชราตระกูลเสวียนเหล่านี้จะต้องหวั่นไหวอย่างที่สุด เพียงแต่เพราะหวาดเกรงจักรพรรดิสวรรค์ดำรงจึงทำให้พวกเขาลังเลและคัดค้าน
มีคนถาม “ผู้นำตระกูล ก่อนหน้านี้พวกข้าส่งคนไปขวางหลินเต้ายวน คงทำให้เจ้าหมอนี่เกิดความไม่พอใจแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ตระกูลเสวียนของเรายังจะสามารถ…”
ไม่รอพูดจบเสวียนซั่งเฉินก็เอ่ยเสียงขรึมว่า “ท่านอารองพูดตรงประเด็นแล้ว เหตุใดข้าต้องส่งเจ้าหนุ่มนี่เข้าโลกเร้นเทพเล่า ก็เพราะอยากแสดงการขอโทษแทนทุกคนไม่ใช่หรือ”
เหล่าเฒ่าชราตระกูลเสวียนต่างพยักหน้า หลังจากใจเย็นแล้วจึงพบว่า การกระทำนี้ของเสวียนซั่งเฉินถือว่าฉลาดมาก
เห็นสีหน้าที่อ่อนลงของพวกเขา เสวียนซั่งเฉินถือโอกาสตีเหล็กตอนร้อน “แต่นี่ยังไม่พอ”
“ไม่พอหรือ” เฒ่าชราตระกูลเสวียนอึ้งงัน แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน หลินเต้ายวนเป็นคนนอกคนแรกที่เข้าสู่โลกเร้นเทพเชียวนะ การชดเชยที่จริงใจขนาดนี้… ยังไม่พอหรือ
เสวียนซั่งเฉินอธิบายอย่างใจเย็น “ทุกท่าน แม้โลกเร้นเทพเป็นแดนสมบัติแกนหลักที่สุดของตระกูลเสวียนของเรา แต่พวกท่านคิดว่าด้วยศักยภาพแฝงของเจ้าหมอนี่ ต่อให้ไม่พึ่งโลกเร้นเทพในการฝึกปราณ จะส่งผลกระทบกับเขาสักเท่าไรเชียว”
เฒ่าชราตระกูลเสวียนทั้งหมดต่างเงียบงัน
มรรคาของมกุฎมหาจักรพรรดิที่มีมรดกมากมาย ครอบครองศุภโชคยอดหนทางสู่อมตะ แค่โลกเร้นเทพไม่นับว่าเป็นอะไรได้จริงๆ
“หึ! พูดมามากขนาดนี้เจ้าอย่าเล่นลิ้นอีกเลย ว่ามาเถอะ เจ้ายังอยากให้ผลประโยชน์อะไรกับเจ้าหมอนั่นอีก”
เฒ่าชรามากบารมีคนนั้นถลึงตาใส่เสวียนซั่งเฉินแวบหนึ่ง เขาจะไม่รู้อุปนิสัยของผู้นำตระกูลคนนี้ได้อย่างไร อ้อมมานานขนาดนี้ก็แค่ปูทางเท่านั้น
“ยังคงเป็นท่านลุงใหญ่ที่เข้าใจข้า”
เสวียนซั่งเฉินชูนิ้วโป้งประจบ แล้วถึงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ท่านลุงท่านอาทุกท่าน พวกท่านก็รู้ว่าตอนนั้นข้าติดหนี้บุญคุณครั้งใหญ่กับจ้งชิว ผู้สืบทอดลำดับที่สองของคีรีดวงกมล…”
ว่าพลางเขาก็บอกเป้าหมายการมาครั้งนี้ของหลินสวิน และจงใจเจาะจง ว่าหลินสวินจะไปแดนเจินหลงเพื่อสังหารผู้หญิงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรงคนหนึ่ง
ทันใดนั้นเหล่าเฒ่าชราตระกูลเสวียนต่างอดหวั่นไหวไม่ได้
“จ้งชิวจะเปิดศึกกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรงหรือ” มีคนตกใจ
นี่เป็นข่าวใหญ่ที่สะท้านสะเทือนจริงๆ ทำให้เฒ่าชราตระกูลเสวียนเหล่านั้นไม่สามารถสงบได้
“น่าจะเป็นเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นเขาไม่มีทางส่งหลินสวินไปทำเรื่องนี้”
เสวียนซั่งเฉินสายตาลึกล้ำ เอ่ยว่า “เพราะฉะนั้นไม่ว่าเพื่อตอบแทนบุญคุณหรือเพื่อกำจัดจักรพรรดิสวรรค์ดำรง เรื่องที่หลินสวินจะมุ่งหน้าไปแดนเจินหลง ตระกูลเสวียนของเราจะนิ่งดูดายได้อย่างไร”
“ใช่ จะต้องช่วยสักหน่อย!” มีคนอดพยักหน้าไม่ได้
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ สบตากัน ต่างอดยิ้มไม่ได้ สายตามองเสวียนซั่งเฉินพร้อมพูดว่า “ที่แท้ผู้นำตระกูลก็วางแผนเช่นนี้! ”
เสวียนซั่งเฉินเองก็ยิ้มพูด “ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อตระกูลเสวียนของพวกเรา!”
เพื่อตระกูลเสวียน!
เฒ่าชราตระกูลเสวียนเหล่านั้นพยักหน้าอย่างพอใจ “เรื่องนี้พวกเราตอบรับแล้ว ก็แค่ไปแดนเจินหลงไม่ใช่หรือ แม้เส้นทางจะถูกปิด แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา ใช้คันฉ่องสมบัติเร้นเทพเปิดทางสู่แดนเจินหลงในห้วงมิติโดยตรงก็สิ้นเรื่อง!”
“ไม่อาจไม่พูดว่ายังคงเป็นท่านลุงท่านอาทุกท่านที่ฉลาดล้ำ!”
เสวียนซั่งเฉินยิ้มประจบสอพลอเฒ่าชราตระกูลเสวียนเหล่านี้ ในใจกลับถอนหายใจยาวราวกับยกภูเขาออกจากอก
เขารู้ดีว่าเฒ่าชราตระกูลเสวียนเหล่านี้เป็นคนดื้อดึงเพียงใด ครั้งนี้สามารถโน้มน้าวพวกเขาได้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ…
“เรื่องนี้จะต้องคำนวณให้ดี แดนเจินหลงมีพวกเฒ่าชรายึดครองอยู่ พวกเราไปเปิดทางสู่รังของพวกเขา พวกเขาต้องไม่ยินดีแน่”
“ใช่ หรือไม่… เรียกสมบัติชิ้นนั้นของตระกูลเสวียนเราออกมาดีหรือไม่ อย่างน้อยก็สามารถสยบมังกรเฒ่าเย่อหยิ่งเผด็จการเหล่านั้นได้”
“ไม่ได้ พวกเราเพียงแค่ส่งสหายน้อยหลินเต้ายวนไปยังแดนเจินหลง หากทำเช่นนี้ กลัวว่าจะทำให้มังกรเฒ่าเหล่านั้นต่อต้าน ไม่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหนุ่มนี่”
“ข้ากลับคิดว่า…”
เฒ่าชราตระกูลเสวียนเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ยังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตอนนี้กลับเริ่มหารือว่าควรช่วยหลินสวินเดินทางไปแดนเจินหลงอย่างไรแล้ว
เสวียนซั่งเฉินยิ้มมองตาหยี ไม่ได้พูดอะไรมาก
คนบนโลกล้วนรู้ว่าเขา ‘มหาจักรพรรดิเสวียนเหยี่ยน’ เสวียนซั่งเฉิน เป็นคนที่เหี้ยมโหดที่สุดในระดับจักรพรรดิ แต่ใครจะรู้ว่าในตระกูลเสวียน เขาคือคนที่ใช้สติปัญญาโน้มน้าวคนมาโดยตลอด
……
โลกเร้นเทพ
ครืน!
ไอแรกกำเนิดพลิกม้วนอบอวล เหมือนมังกรใหญ่มากมายพุ่งทยานอยู่กลางฟ้าดิน กลิ่นอายแรกกำเนิดที่แผ่ออกมาหนาแน่นบริสุทธิ์จนทำให้คนใจสั่น
ทันทีที่มาถึง หลินสวินเองยังอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้
ฟ้าดินแห่งนี้ถึงกับแปลงมาจากบ่อเกิดแรกกำเนิดทั้งหมด อยู่ในนี้ก็เหมือนกลับสู่จุดเริ่มต้นมหามรรค อยู่ในแดนแรกกำเนิดฟ้าประทาน ทั้งกายใจล้วนอาบอยู่ในพลังมหามรรคที่มหัศจรรย์ดุจดั่งมหาสมุทร!
ชั่วขณะนี้พลังขับเคลื่อนรอบตัวมีชีวิตชีวา เหมือนโห่ร้องยินดี ดูดกลืนกลิ่นอายบ่อเกิดแรกกำเนิดที่มีอยู่ทุกที่อย่างละโมบและบ้าคลั่ง ทั้งในและนอกร่างกายเหมือนแช่อยู่ในน้ำพุเซียน แผ่วลอยเหมือนจะสำเร็จเป็นเซียน
และยามนี้หลินสวินถึงตระหนักได้ ว่าโลกเร้นเทพนี้เป็นแดนสมบัติที่อัศจรรย์เพียงใด มิน่าถึงถูกมองว่าเป็นต้นกำเนิดของตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลเสวียน!
หลินสวินอดทนต่อความอยากลงนั่งทำสมาธิ พุ่งทะยานขึ้นฟ้าไป
โลกเร้นเทพแบ่งเป็นสามสิบหกชั้นฟ้า ยิ่งขึ้นไปสูง ผลประโยชน์ที่สามารถได้รับก็ยิ่งมหาศาล
ครืน!
ตอนที่พุ่งขึ้นหลินสวินรู้สึกถึงแรงกดดันระลอกหนึ่ง นี่ไม่ใช่การกำราบจากระเบียบฟ้าดิน ล้วนเป็นพลังของบ่อเกิดแรกกำเนิดนั่น
ก็เหมือนลูกกลอนโอสถเม็ดหนึ่ง เพียงแค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็มีพลังกดข่มที่น่ากลัวแล้ว!
นี่เหลือเชื่อมากอย่างไม่ต้องสงสัย ทำให้หลินสวินยิ่งคาดหวัง
ร่างกายของเขาพุ่งตรงขึ้นไป ชั่วพริบตาก็มาถึงบนท้องฟ้า
หลังจากมาถึงที่นี่ หลินสวินเงยมองเบื้องบน เหนือศีรษะถึงกับยังมีท้องฟ้าอีกชั้นหนึ่ง!
เห็นได้ชัดว่าตนมาถึงชั้นฟ้าที่สองของโลกเร้นเทพแล้ว
พลังบ่อเกิดแรกกำเนิดของที่นี่เห็นได้ชัดว่ายิ่งเข้มข้นขึ้น เหมือนหมอกหนาปกคลุมในอากาศ ทุกลมหายใจล้วนเต็มไปด้วยพลังบริสุทธิ์ที่สมบูรณ์อย่างที่สุด
นี่ทำให้หลินสวินไม่กล้าจินตนาการ เช่นนั้นในชั้นฟ้าที่สามสิบหกนั่นจะมีความอัศจรรย์เพียงใด
เขาไม่ได้ลังเล พุ่งทะยานขึ้นไปอีก
ชั้นฟ้าที่สาม
ชั้นฟ้าที่สี่
ชั้นฟ้าที่ห้า
…ก็เห็นว่าเงาร่างเขาไม่หยุดสักนิด ทะยานขึ้นตลอดทาง ข้ามฟ้าดินที่มหัศจรรย์ไม่ธรรมดาชั้นแล้วชั้นเล่า
ระหว่างนี้แรงกดดันที่เขาได้รับตอนพุ่งขึ้นไปก็มากขึ้นเรื่อยๆ ถาโถมยิ่งขึ้น
พูดอย่างไม่เกินจริง หากคนที่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิเข้าสู่โลกเร้นเทพ ย่อมก้าวเดียวยากลำบาก ไม่ใช่ว่าที่แห่งนี้มีอันตรายมาก แต่เพราะพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดที่สั่งสมยิ่งใหญ่และทรงพลังเกินไป
นี่ก็เปรียบเสมือนคนธรรมดาคนหนึ่งพยายามกลืนกินโอสถสมบัติ เพียงแค่กลิ่นอายก็ทำให้คนผู้นั้นไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการกลืนกินเข้าร่างกาย
‘มิน่าในตระกูลเสวียนถึงต้องผ่านการคัดเลือกหลายขั้น ทดสอบหลายครั้ง มีเพียงยามทะลวงระดับบรรลุจักรพรรดิจึงจะมีสิทธิ์เข้าสู่โลกเร้นเทพ สถานที่เช่นนี้… ไม่ใช่ใครจะเข้ามาได้ง่ายๆ จริงๆ!’
ระหว่างทางหลินสวินสะท้านใจไม่หยุด ทอดถอนใจไม่สิ้น
จนกระทั่งมาถึงชั้นฟ้าที่สิบ หลินสวินมองออกว่าหากไม่มีพลังของระดับจักรพรรดิขั้นสาม หลังจากมาถึงที่นี่ก็ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้แล้ว
สำหรับหลินสวิน แรงกดดันที่แบกรับก็เริ่มเพิ่มขึ้น
จนกระทั่งมาถึงชั้นฟ้าที่สิบห้าของโลกเร้นเทพ หลินสวินจำต้องโคจรพลังปราณถึงจะสามารถสลายการกดข่มอันน่ากลัวที่เกิดจากบ่อเกิดแรกกำเนิดนั่นได้
และตอนที่มาถึงชั้นฟ้าที่ยี่สิบ ภายใต้การกดข่มของพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดนั้น หลินสวินได้โคจรพลังรอบตัวทั้งหมด!
ความเร็วในการเดินหน้าของเขาก็เริ่มช้าลง
แต่นี่ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของเขา!
แน่นอนว่าหากตอนที่ยืนหยัดไม่ไหวจริงๆ หลินสวินเองก็จะไม่ฝืน นี่เป็นแดนมงคลฝึกปราณ ไม่ใช่เพื่อต่อสู้และข่นฆ่า
หากพุ่งไปข้างหน้าด้วยอาการบาดเจ็บ แม้สามารถไปถึงชั้นที่สูงกว่าได้ แต่จะฝึกปราณหยั่งรู้อย่างไร
ในสายตาหลินสวิน ที่ที่เหมาะกับการฝึกปราณของตนที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นสถานที่ที่อยู่ในขีดกำจัดที่ตนสามารถรับได้ และสามารถหยัดยืนได้อย่างสมบูรณ์!
……………………..
[1] เพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลายนั้นง่าย มอบถ่านไฟกลางหิมะนั้นหายาก หมายถึง การเข้าหาผู้ที่มีผลประโยชน์มักเกิดขึ้นได้ง่าย ทว่าผู้ที่ยินยอมให้ความช่วยเหลือในยามยากนั้นหายาก