Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2251 รังมังกรสีทอง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2251 รังมังกรสีทอง
ตอนที่ 2251 รังมังกรสีทอง
บุคคลน่ากลัวที่เหมือนเด็กหนุ่มกำลังจับจ้องใต้ผืนทะเล
เงาร่างของหลินสวินเหมือนศิลาอุกกาบาตที่ร่วงลงมา ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ร้อยจั้ง พันจั้ง… จนกระทั่งหายไปใต้เก้าพันจั้ง
เด็กหนุ่มเหมือนไม่วางใจอย่างไรอย่างนั้น ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นตลอด จิตรับรู้ของเขาหยุดอยู่ในระยะเก้าพันจั้งใต้ทะเลอย่างระมัดระวังที่สุด ไม่ก้าวเข้าไปแม้แต่ชุ่นเดียว
เพราะเขารู้ดีว่าใต้เก้าพันจั้งน่ากลัวเพียงใด!
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ทะเลตะวันออกแห่งนี้ก็ถูกเรียกว่า ‘ทะเลปีศาจ’ เป็นเขตต้องห้ามไร้ชีพ ดุจดั่งดินแดนแห่งความตาย ทุกคนที่เข้าไปไม่ว่าพลังปราณจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ล้วนตายไร้หวนคืน
และมีเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่พลังปราณเทียมฟ้าใช้วิธีต่างๆ สำรวจ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครรู้ว่าใต้เก้าพันจั้งนั้นมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่
แต่เด็กหนุ่มรู้ดี
เพราะช่วงต้นยุคดึกดำบรรพ์ที่เผ่าเจินหลงสามารถย้ายจากทางเดินโบราณฟ้าดารามาสู่โลกนี้ได้ และกลายเป็นนายเหนือหัวของโลกนี้ในที่สุด ควบคุมอำนาจในโลกนี้ มีความเกี่ยวข้องอย่างแยกไม่ออกกับ ‘ตัวตน’ ใต้เก้าพันจั้งของทะเลปีศาจนี้!
จนกระทั่งครู่ใหญ่เด็กหนุ่มจึงเก็บสายตา พึมพำว่า “เสียดายก็แต่ลูกหลานเผ่าเจินหลงของข้า…”
เขาหมุนตัวกลับไป
แดนวังมังกร ตอนที่เห็นเงาร่างของเด็กหนุ่มย้อนกลับมา ผู้แข็งแกร่งเผ่าเจินหลงมากมายที่รออยู่ตรงนั้นนานแล้ว นอกจากระดับจักรพรรดิล้วนหมอบอยู่บนพื้น ทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“คารวะผู้อาวุโสชื่อหลิง!”
“คารวะผู้อาวุโสชื่อหลิง!”
…กลางฟ้าดินก้องสะท้อนด้วยเสียงที่เคารพนอบน้อมและเคร่งขรึม บนใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความยำเกรง
เหมือนเจอเทพอย่างไรอย่างนั้น!
“ศัตรูถูกสังหารแล้ว เรื่องวันนี้ห้ามรั่วไหลไปภายนอก หากถูกให้ข้าได้ยินจะไม่ละเว้นแน่”
เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่าผู้อาวุโสชื่อหลิงพูดเรียบๆ ประหนึ่งสวรรค์กำลังถ่ายทอดเจตจำนง ทำให้ทุกคนยิ่งนอบน้อม
“การต่อสู้ครั้งนี้… เผ่าเจินหลงของเราสูญเสียระดับจักรพรรดิไปเท่าไหร่” นิ่งเงียบไปพักหนึ่งผู้อาวุโสชื่อหลิงที่รูปลักษณ์เหมือนเด็กหนุ่มก็เอ่ยถาม
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งลังเลเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงเบา “รายงานผู้อาวุโส ครั้งนี้เผ่าเราสูญเสีย… ค่อนข้างหนัก”
“ค่อนข้างหนักหรือ” ผู้อาวุโสชื่อหลิงขมวดคิ้ว
ในใจสัตว์ประหลาดเฒ่าคนนั้นสั่นสะท้าน ฝืนพูดว่า “ระดับจักรพรรดิขั้นเก้าร่วงหล่นหนึ่งคน ระดับจักรพรรดิขั้นแปดร่วงหล่นสามคน ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดร่วงหล่นห้าคน จักรพรรดิขั้นหกร่วงหล่น…”
พร้อมกับที่เขารายงานจำนวน แววตาของผู้อาวุโสชื่อหลิงก็ค่อยๆ มืดทะมึนลง
จนกระทั่งหลังจากนั้น ตอนที่ได้รู้ว่าแค่ในการต่อสู้ครั้งนี้ก็มีระดับจักรพรรดิของเผ่าเจินหลงร่วงหล่นสิบเจ็ดคน สีหน้าของเขาก็มืดทะมึนไปหมดแล้ว ไม่น่าดูอย่างที่สุด
และทุกคนที่อยู่ในนั้นต่างหายใจไม่ทั่วท้อง แทบจะหายใจไม่ออกแล้ว กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างผู้อาวุโสชื่อหลิงน่าหวาดหวั่นเกินไปจริงๆ
“นี่ยังเฉพาะระดับจักรพรรดิที่สูญเสียไปเท่านั้น ครั้งนี้เผ่าเราเสียพลังชั้นยอดไปกว่าครึ่ง นี่ไม่เพียงแค่เอ็นบาดเจ็บกระดูกเคลื่อน เห็นได้ชัดว่าบาดเจ็บสาหัส…”
ผู้อาวุโสชื่อหลิงถอนหายใจเบาๆ ในเสียงเผยอันตรายยิ่งยวด ทำให้ฟ้าดินครวญคร่ำ เขารู้ดีว่าต่อให้ใช้เวลาพันหมื่นปี ก็ไม่สามารถกู้คืนความสูญเสียในวันนี้ได้
และคนที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ กลับเป็นเพียงเผ่ามนุษย์ไม่กี่คนกับสุนัขตัวหนึ่ง!
“รู้ฐานะของพวกเขาหรือไม่” เงียบไปครู่หนึ่งผู้อาวุโสชื่อหลิงก็เอ่ยถาม
ทันใดนั้นมีคนก้าวออกมา เล่าที่มาของหลินสวินอย่างละเอียด
หลังจากฟังจบ ผู้อาวุโสชื่อหลิงขมวดคิ้วแน่น ครู่ใหญ่ให้หลังก็พลันหัวเราะเสียงเย็นออกมา “เจ้าลู่ป๋อหยาตัวดี ตอนนั้นที่ขโมยมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรของเผ่าข้าไป ก็เกือบจะทำลายรากฐานของเผ่าข้าแล้ว บัญชีนี้ ข้ายังไม่ได้คิดกับเขา ผู้สืบทอดของเขากลับมาทำเหิมเกริม คิดว่าเผ่าเจินหลงของข้าน่ารังแกมากหรือ”
หน้าตำหนักเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าพูดแทรก
อันที่จริงบุญคุณความแค้นระหว่างลู่ป๋อหยาและเผ่าเจินหลง ในเผ่าเจินหลงมีน้อยคนมากที่รู้ เพราะสำหรับพวกเขา เรื่องที่ลู่ป๋อหยาทำในตอนนั้นเป็นเรื่องน่าอับอายอย่างมาก ใครจะประกาศเรื่องอื้อฉาวของเผ่าตนกับภายนอกกัน
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่มีคำสั่งของข้า ไม่อนุญาตให้คนนอกคนใดเข้าสู่แดนวังมังกร”
พูดจบผู้อาวุโสชื่อหลิงก็หันหลังจากไป หายไปกลางอากาศ
บรรดาผู้อาวุโสเผ่าเจินหลงเหมือนยกภูเขาออกจากอก สบตากัน สีหน้าแม้จะหลงเหลือความมืดทะมึนอยู่บ้าง แต่สิ่งที่มากกว่าคือความโล่งใจ
ถึงอย่างไรพวกหลินสวินก็ถูกฆ่าไปแล้ว นี่ทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องโกรธและกังวลอีก สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาปวดใจคือ ครั้งนี้ความสูญเสียของเผ่าพวกเขามากเกินไปแล้ว
ส่วนพวกผู้ติดตามอาวุโสที่ทำตามคำสั่งของเผ่าเจินหลงล้วนสีหน้าซีดเซียว ในใจอดสิ้นหวังไม่ได้ โอกาสที่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาเผ่าเบื้องหลังของพวกเขา กลับถูกทำลายไปเช่นนี้หรือ
นี่ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกอัดอั้น
……
เขาบรรพชนมังกร แดนต้นกำเนิดของเผ่าเจินหลง รูปร่างคล้ายมังกรยักษ์นอนอยู่ ปกคลุมอยู่ในหมอกแรกกำเนิดที่คลุมเครือตลอดทั้งปี
บ่อมังกรตั้งอยู่ใจกลางเขาบรรพชนมังกร นี่เป็นแดนวิญญาณที่ใหญ่โตเทียบเท่าทะเลสาบ สั่งสมพลังต้นกำเนิดบรรพชนมังกร มหัศจรรย์อย่างที่สุด
ตอนนี้ในบ่อมังกรมีรังมังกรสีทองขนาดใหญ่รังหนึ่ง พื้นผิวรังมังกรประทับลายมรรคบรรพชนมังกรมากมาย รูปร่างคล้ายสัญลักษณ์ฟ้าประทานที่ลึกลับ ปราณวิญญาณฟ้าประทานปานแรกกำเนิดแผ่ออกมาเป็นระลอก ประหนึ่งภาพฝันมายา
มองอย่างละเอียด รังมังกรสีทองนั่นจะเกิดจังหวะชีวิตอันแปลกประหลาดเป็นเอกลักษณ์เป็นระยะๆ เหมือนหายใจ ติดๆ ดับๆ
บริเวณบ่อมังกรเงาร่างจำนวนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ สายตาล้วนจ้องรังมังกรขนาดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงอยู่ในบ่อมังกรอย่างไม่คลาดสายตา
และไม่ไกลจากพวกเขานัก ยังมีสมบัติล้ำค่าชั้นเลิศกองเป็นภูเขา ทุกอย่างล้วนมหัศจรรย์เหลือเชื่อ สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิอิจฉาและน้ำลายหก
ทว่าสมบัติล้ำค่าที่กองเป็นภูเขานี้กลับเตรียมไว้ให้รังมังกรสีทองนี้ ทุกระยะหนึ่งจะถูกนำมาวางไว้ให้รังมังกรสีทองดูดพลัง และเกิดเป็นกระบวนการหล่อเลี้ยงและฟักตัว
ชายหนุ่มที่รูปลักษณ์หล่อเหลา สวมชุดคลุมหยกคนหนึ่งขมวดคิ้วกล่าว “ท่านพ่อ ผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว เหตุใดน้องจิ่งเซวียนยังไม่ตื่นจากการแปรสภาพ”
ข้างๆ ชายที่เผ้าผมหนวดเคราเรียบร้อย สีหน้าเคร่งขรึมนิ่งสงบพูด “เหิงอวี่ วาสนายิ่งใหญ่ก็ยิ่งไม่ง่ายที่จะได้มา สิ่งที่เจ้าต้องทำตอนนี้ก็คือสัมผัสท่วงทำนองและจังหวะอย่างใจเย็น สร้างความเป็นหนึ่งเดียวกับกลิ่นอาย เช่นนี้จึงจะสามารถช่วยจิ่งเซวียนตอนที่นางทะลวงออกจากรังได้”
หากมีคนเผ่าเจินหลงอยู่ที่นี่ จะต้องจำได้ว่าชายหนุ่มคนนี้คืออ๋าวเหิงอวี่ องค์ชายใหญ่เผ่ามังกรอย่างแน่นอน
ส่วนชายวัยกลางคนที่เคร่งขรึมคนนี้ ก็คืออ๋าวฮ่วนไห่ผู้นำเผ่าเจินหลง!
ในหลายสิบปีมานี้พวกเขาพ่อลูกควบคุมสถานการณ์อยู่ที่นี่มาโดยตลอด ไม่เคยจากไปแม้แต่ก้าวเดียว เพื่อรอคอยเวลาที่รังสีทองนั่นทะลวงเปลือก
“ช่วยนางหรือ”
จู่ๆ ข้างๆ มีคนหัวเราะเบาๆ “ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พวกเจ้าเผ่าเจินหลงเสแสร้งขนาดนี้ ก็แค่เพียงเพื่อช่วงชิงพรสวรรค์สายเลือดของคนเผ่าตนเท่านั้น พูดตรงๆ ก็จบ ไม่จำเป็นต้องลับๆ ล่อๆ เช่นนี้”
คนผู้นี้เสื้อม่วงผมม่วง รูปลักษณ์งดงาม ในดวงตาเผยความเย่อหยิ่งแต่กำเนิด เป็นเหยี่ยนซิงที่มาจากฟากฝั่งฟ้าดารา!
ได้ยินคำพูดของเหยี่ยนซิงแล้ว สีหน้าของอ๋าวเหิงอวี่ไม่น่าดูอยู่บ้าง
อ๋าวฮ่วนไห่กลับพูดด้วยสีหน้านิ่งสงบ “หลานสาวคนนี้ของข้ามีบาปติดตัว การช่วงชิงสายเลือดเด็กในท้องนาง ก็เป็นการให้นางไถ่บาปก็เท่านั้น”
“ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่พวกเราจะชิงไปคราวนี้ ก็เพียงแค่สายเลือดบรรพชนมังกรของปีศาจในท้องนางเท่านั้น จะไม่ได้ทำร้ายจิ่งเซวียน นี่ไม่เรียกว่าช่วยนางที่ไหนกัน จะบอกว่าเสแสร้งได้อย่างไร”
ว่าแล้วเขาก็วางสมบัติล้ำค่าชุดหนึ่งในบ่อมังกร สมบัติล้ำค่าเหล่านั้นพลันเปลี่ยนเป็นน้ำบริสุทธิ์เจิดจ้าในพริบตา พุ่งเข้าไปในรังมังกรสีทองนั้น
เหยี่ยนซิงแค่นเสียงเย็นเยียบ “อย่ามาทำหน้าซื่อทั้งที่เอาเปรียบไปแล้วเลย หากไม่ใช่เพราะเด็กในท้องมีพรสวรรค์สายเลือดของตระกูลข้า จะปลุกเลือดแห่งบรรพชนมังกรเผ่าเจินหลงของพวกเจ้าได้อย่างไร”
อ๋าวฮ่วนไห่ขมวดคิ้ว แต่ก็ยังคงยิ้มพูดว่า “สหายยุทธ์ โต้เถียงกันเรื่องพวกนี้ไม่มีความจำเป็นเลย ขอเพียงแค่เจ้าช่วยเผ่าข้าชิงพลังพรสวรรค์บนร่างเด็กคนนั้น เผ่าข้าก็จะมอบโลหิตสมบัติบรรพชนมังกรให้”
นี่คือการแลกเปลี่ยนครั้งหนึ่ง!
หลายปีก่อนตั้งแต่ชั่วขณะที่หญิงชุดม่วงเหยี่ยนซิงมาถึงเผ่าเจินหลง ก็ได้ตกลงกันแล้ว
“หากคาดการณ์ไม่ผิด ไม่เกินสามปีรังมังกรสีทองนี้ก็จะทะลวงเปลือก หลังจากจ้าวจิ่งเซวียนนั่นดูดแก่นพลังสมบัติจากธรรมชาติเพียงพอแล้ว เด็กในท้องของนางก็จะถือกำเนิด เจ้า… ไม่กังวลว่าถึงตอนนั้นข้าจะชิงเด็กคนนี้ไปหรือ”
เหยี่ยนซิงนัยน์ตาวาบแววนึกสนุก ประโยคเดียวทำเอาอ๋าวฮ่วนไห่เลิกคิ้ว ประโยคนี้จี้จุดเรื่องที่เขาระแวงที่สุด
แรกเริ่มเดิมทีอ๋าวฮ่วนไห่วางแผนว่าหลังจากเด็กคนนี้คลอดออกมา ก็จะเลี้ยงดูเขาในฐานะทายาทเลือดบริสุทธิ์ของเผ่า ให้เขาเรียกตนว่าปู่ตั้งแต่เด็ก และเรียกอ๋าวเหิงอวี่ลูกชายคนโตว่าบิดา
สำหรับจ้าวจิ่งเซวียน จะถูกขังอยู่ที่นี่ชั่วชีวิต ให้เด็กคนนั้นไม่รู้ว่าพ่อแม่แท้ๆ ของเขาคือใคร
เช่นนี้ต่อไปเมื่อเด็กคนนี้โตขึ้น ก็จะต้องมองเผ่าเจินหลงเป็นบ้านอย่างแน่นอน
ทว่าถึงอย่างไรก็มีอันตรายซ่อนอยู่ เพราะโลกนี้ไม่เคยมีความลับ เรื่องที่เกิดขึ้นในงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน หากรั่วไหลออกไปและถูกเด็กคนนั้นรู้เข้า จะต้องชักนำความวุ่นวายที่ไม่จำเป็นมากมายอย่างแน่นอน
ทว่าตอนที่เหยี่ยนซิงมาหาถึงที่นี่ กลับเสนออีกหนึ่งความเป็นไปได้ให้อ๋าวฮ่วนไห่ นั่นก็คือชิงพลังพรสวรรค์สายเลือดของเด็กคนนั้น!
วิธีนี้เผ่าเจินหลงของพวกเขาไม่สามารถทำได้ แต่เหยี่ยนซิงกลับทำได้!
ดังนั้นอ๋าวฮ่วนไห่จึงตอบรับทำการแลกเปลี่ยนกับเหยี่ยนซิงโดยไม่ลังเล เมื่อเรื่องนี้สำเร็จก็จะมอบโลหิตสมบัติบรรพชนมังกรที่เหยี่ยนซิงต้องการไปให้
แต่ในใจอ๋าวฮ่วนไห่กลับอดกังวลไม่ได้ว่าเหยี่ยนซิงจะมีจุดประสงค์อื่น!
ที่มาของเหยี่ยนซิงเขากระจ่างชัดดี นั่นคือตระกูลอมตะอีกฟากฝั่งที่เผ่าเจินหลงยังไม่กล้าล่วงเกิน เบื้องลึกเบื้องหลังน่ากลัวจนไม่สามารถจินตนาการได้
หากเหยี่ยนซิงจะลงมือทำบางอย่างกับเด็กคนนั้นจริงๆ เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องแย่แน่
“สหายยุทธ์อย่าได้ล้อเล่นเช่นนี้” อ๋าวฮ่วนไห่ข่มอารมณ์ยิ้มพูด “เพื่อเด็กคนนี้ เผ่าเจินหลงของข้าสามารถทำเรื่องที่ไม่สนค่าตอบแทนที่ต้องเสียไปได้”
นี่เป็นการเตือนสติ และเป็นการตักเตือนอย่างไร้รูปอย่างหนึ่ง
เหยี่ยนซิงขานรับว่าอ้อ กล่าวว่า “ถ้าถึงตอนนั้นข้าทำเรื่องที่ผิดต่อพวกเจ้าจริงๆ ล่ะ”
ฟุ่บ!
ยามนี้เองห้วงอากาศเกิดคลื่นระลอกหนึ่ง ผู้อาวุโสชื่อหลิงที่รูปลักษณ์ปานเด็กหนุ่มมาเยือนกลางอากาศ
ทันทีที่เขามาถึง สายตาก็จ้องเหยี่ยนซิงอย่างเย็นเยียบพร้อมกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าสามารถลองดูได้ ว่าข้าจะสังหารเจ้าด้วยตัวเองหรือไม่!”
……………………….