Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2289 ลักษณ์ประหลาดสะเทือนใต้หล้าไม่เป็นสองรองใคร
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2289 ลักษณ์ประหลาดสะเทือนใต้หล้าไม่เป็นสองรองใคร
ตอนที่ 2289 ลักษณ์ประหลาดสะเทือนใต้หล้าไม่เป็นสองรองใคร
ตามตำนานช่วงที่แดนแรกกำเนิดก่อเกิดขึ้น มีสามแสงเคราะห์ถือกำเนิดขึ้นด้วย
แบ่งเป็นดับมรรค เฉือนวิญญาณ ผนึกเทพ
สามแสงเคราะห์มีอานุภาพแปลกประหลาดที่คาดไม่ถึง อย่างแสงเคราะห์ดับมรรค ทันทีที่ปรากฏ ขอเพียงถูกแสงนี้ต้องโดน ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ มรรควิถีทั้งหมดย่อมถูกลบหายไปจนสิ้น!
เท่าที่จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงรู้ แสงเคราะห์ดับมรรคก็คือด่านเคราะห์แห่งยุคอย่างหนึ่งที่มุ่งเป้าไปยังศาสตราจักรพรรดิ นับแต่โบราณมายากจะได้เห็น
ในใจหลินสวินก็ขนลุกไปพักหนึ่ง แสงเคราะห์สีเทาที่รวมตัวอยู่ในส่วนลึกของเมฆาเคราะห์อย่างต่อเนื่องนั้นแผ่กลิ่นอายแปลกประหลาดหาใดเปรียบ เห็นได้ชัดว่าแตกต่างจากอสนีเคราะห์ก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
และตอนนี้ก็เป็นช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานที่สุดในการหลอมอาวุธของเขา ก้าวผ่านโครงอาวุธก็ก่อตัวเป็นรูปร่าง แปรสภาพครั้งสุดท้ายได้อย่างสมบูรณ์
ก้าวไม่พ้น…
สิ่งที่ทุ่มเทก่อนหน้านี้ก็จะถูกลบหายไปจนหมด!
ฟุ่บ!
อสนีเคราะห์สีเทาที่คล้ายแสงเคราะห์ดับมรรคสายนั้นในที่สุดก็ก่อตัวเป็นรูปร่าง ทิ้งตัวลงมาจากส่วนลึกของเมฆาเคราะห์เหมือนแสงเคลื่อนเลือนรางสายหนึ่ง
เพลิงมรรคอัศจรรย์โหมกระหน่ำ จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงลงมือเต็มกำลัง เปลวไฟเจิดจรัสงามตระการถึงขีดสุดแถบหนึ่งพวยพุ่ง
แต่สิ่งที่แปลกประหลาดคือยังไม่ทันได้ต้านทานแม้แต่น้อย แสงเคราะห์สีเทานั้นก็ตัดผ่านพลังที่จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงปลดปล่อยออกมาโดยไร้สุ้มเสียง!
แย่แล้ว!
จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงหน้าเปลี่ยนสีอย่างสิ้นเชิง
เห็นว่าแสงเคราะห์สีเทานี้กำลังจะตกลงไปในเตาหลอมที่วิวัฒน์จากเพลิงมรรคอัศจรรย์ ในช่วงอันตรายถึงขีดสุดนี้ โซ่ระเบียบสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศกะทันหัน
โซ่เทพนี้ควบรวมจากเปลวไฟสีม่วง เปล่งประกายพร่างพราว แสงตั้งต้นของระเบียบและกฎเกณฑ์เอ่อล้นหมุนอ้อมรอบตัวมัน
แสงเคราะห์สีเทานั้นถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา จากนั้นก็ถูกโซ่เทพนั่นหลอมละลาย เผาจนแตกหักไปทีละน้อย กลายเป็นละอองแสงสลัวรางลอยเข้าไปในเพลิงมรรคอัศจรรย์
จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงอึ้งงันอย่างสมบูรณ์ เพลิงหงส์ระเบียบ!?
พลังที่หลอมจากระเบียบต้นกำเนิดแดนหงส์เซียนนี้ จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงมีหรือจะจำไม่ได้
แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่าในช่วงสุดท้ายนี้ บรรพชนหงส์เซียนที่ยังไม่ตื่นและแปรสภาพอย่างสมบูรณ์จากการนิพพาน ถึงกับเลือกลงมือเอง
ทั้งยังใช้เพลิงหงส์ระเบียบโดยไม่คำนึงถึงอะไรด้วย!
‘เจ้าบ้าไปแล้วรึ ข้าปกป้องเจ้ามาหลายปี ไม่ใช่อยากให้เจ้าล้มเหลวในช่วงสุดท้ายของการตื่นนะ!’ จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงสื่อจิต เกือบจะเสียการควบคุม
ส่วนลึกที่สุดของทะเลเพลิงซึ่งอยู่ใต้แดนลับ ในไข่ยักษ์แดงเพลิงโชติช่วงนั้นมีเสียงต่ำลึกและเลือนรางดังขึ้น ‘การนิพพานของข้าถือว่าก้าวผ่านแล้ว พลังภายนอกพวกนี้… สำหรับข้ากลับเป็นพันธนาการสุดท้าย เมื่อเทียบกันแล้วไม่สู้ทำให้เขาสมปรารถนายังดีกว่า’
จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงยังอยากพูดอะไรบางอย่าง เสียงตูมดังสนั่น ความรู้สึกนึกคิดของนางพลันปวดแสบ ก็เห็นเพลิงหงส์ระเบียบสายนั้นสลายไปทีละน้อย ละลายเป็นของเหลวที่เปล่งประกายพร่างพราวมากมาย โถมเข้าไปในเตาหลอมที่วิวัฒน์จากเพลิงมรรคอัศจรรย์
เมื่อของเหลวแต่ละหยดร่วงหล่น ราวกับมีหงส์เซียนเสมือนมีชีวิตตัวหนึ่งสยายปีกเริงระบำ เสียงก้องกังวานดังไปทั่วเก้าชั้นฟ้า
‘จะ จะ เจ้า…’ จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงพูดจาไม่ปะติดปะต่อ ตกตะลึงอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ก่อนหน้านี้บรรพชนหงส์เซียนใช้เพลิงหงส์ระเบียบสลายแสงเคราะห์ดับมรรคนั้น ทำให้นางไม่อาจสงบใจจนเกือบจะคลุ้มคลั่ง
และตอนนี้เมื่อเห็นพลังของเพลิงหงส์ระเบียบโถมเข้าไปในเพลิงมรรคอัศจรรย์ทีละน้อย นางก็แทบคลั่งแล้วจริงๆ
นี่เป็นถึงพลังต้นกำเนิดที่บรรพชนหงส์เซียนต้องใช้ยามแปรสภาพขั้นสุดท้าย หากไม่มีเพลิงหงส์ระเบียบแล้ว ยังจะพูดถึงการนิพพานและแปรสภาพอะไรได้อีก
ตูม!
เพลิงมรรคอัศจรรย์ส่งเสียงกึกก้องถึงขีดสุด ปลดปล่อยเปลวเพลิงเหลือคณาออกมา ทะลวงขึ้นเหนือเมฆ ถึงกับเผาเมฆาเคราะห์ทั่วฟ้านั้นเป็นเถ้าถ่าน!
กลิ่นอายนั้นน่าหวาดกลัวเกินไป อยู่เหนือความคาดหมายของหลินสวินโดยสิ้นเชิง ทำให้เขาอึ้งงันอย่างอดไม่ได้
ความจริงแล้วเขาในตอนนี้ไม่อาจไปควบคุมเพลิงมรรคอัศจรรย์ได้อีกแล้ว ได้แต่มองดูภาพน่าเหลือเชื่อทั้งหมดนี้ตาปริบๆ
ตูม!
กระทั่งต่อมาจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงกลายเป็นเปลวไฟแถบหนึ่งแล้วทะยานออกมา ยืนมองอยู่ด้านข้าง สีหน้าวูบไหวไม่หยุด จิตใจก็ไม่อาจนิ่งสงบเหมือนคลื่นซัดพลิกสมุทร
การหลอมอาวุธนี้ย่อมเรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อน!
หลอมเก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนรวมถึงศาสตราจักรพรรดิอัศจรรย์หลายสิบชิ้นเป็นเจตวัตถุก่อน จากนั้นค่อยใช้พลังมหามรรคของหลินสวินเป็นกระบวนค่ายกล ใช้วิชาแห่งตนเป็นลายมรรค หลอมรวมเป็นโครงอาวุธ…
กระทั่งต่อมาค่อยชักนำมาซึ่งด่านเคราะห์แห่งยุค ถึงขั้นต้องให้จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงลงมือจึงยืนหยัดได้ถึงตอนนี้
กระทั่งแสงเคราะห์ดับมรรคที่เหมือนตำนานนั้นปรากฏ ทำให้จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงจนปัญญา คิดว่าการหลอมอาวุธครั้งนี้ด้วยเย้ยฟ้าเกินไปจึงละเมิดสิ่งต้องห้ามบางอย่าง ต้องถูกลิขิตให้ล้มเหลวแน่นอน…
ใครจะคิดว่าในช่วงสุดท้ายบรรพชนหงส์เซียนกลับลงมือ ใช้พลังของเพลิงหงส์ระเบียบสลายแสงเคราะห์ดับมรรค สุดท้ายไม่เพียงแต่หลอมรวมพลังของแสงเคราะห์ดับมรรคเข้าไปในศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของหลินสวิน แม้แต่เพลิงหงส์ระเบียบก็เปลี่ยนเป็นพลังต้นกำเนิด กลายเป็นส่วนหนึ่งของศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์นั้น!
การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องนี้เรียกได้ว่าชวนระทึกขวัญและน่าเหลือเชื่อ ทั้งทำให้การหลอมอาวุธนี้ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว
อย่างน้อยในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทั่วหล้าหมื่นแดนดินล้วนไม่มีศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ชิ้นใดที่เกิดการเปลี่ยนแปลงมากเช่นนี้ยามหลอมออกมา!
จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงเหลือเพียงความคิดเดียว ‘ภายใต้การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ ศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ที่หลอมออกมาได้ในท้ายที่สุดนี้จะมีลักษณะเป็นอย่างไร’
ขณะเดียวกันจิตใจของหลินสวินก็กระเพื่อมไหวไม่หยุดเหมือนกระแสน้ำซัดสาด เขาก็คิดไม่ถึงว่าการหลอมอาวุธครั้งหนึ่ง ถึงตอนท้ายกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงมากเช่นนี้
โดยเฉพาะภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในตอนท้ายยิ่งทำให้เขารับมือไม่ทันอย่างสิ้นเชิง ได้แต่มองตาปริบๆ
แต่เขายังระบุได้ว่าการหลอมอาวุธครั้งนี้… สำเร็จแล้ว!
ตูม!
ในเวลานี้เองเสียงกัมปนาทของมหามรรคที่พาให้คนใจสั่นพลันดังก้อง พร่ามัวและหนักแน่นเหมือนแดนแรกกำเนิดเบิกฟ้าผ่าดิน
พลันเห็น…
เพลิงมรรคอัศจรรย์ม้วนซัดเหมือนถูกกำราบถึงขีดสุด ส่งเสียงครวญคร่ำอย่างรุนแรงระลอกหนึ่ง แสงสมบัติเจิดจรัสหาใดเปรียบปรากฏออกมาจากเพลิงมรรคอัศจรรย์ทีละน้อย
ทุกชั่วขณะที่ปรากฏ แดนลับแห่งนี้จะสั่นสะเทือนไปมาครั้งหนึ่ง แสงสมบัติที่อบอวลกลางอากาศนั้นก็แข็งแกร่งขึ้นหนึ่งส่วน
ต่อมาภายหลังก็ได้ยินเสียงมรรคราวอสนีบาต แสงสมบัติดุจกระแสน้ำ ทำให้แดนลับแห่งนี้ตกอยู่ในความสั่นสะเทือน กลิ่นอายที่น่าหวาดหวั่นแผ่อบอวล
ในที่สุดจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงก็เห็น ‘ศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์’ ที่เกิดขึ้นจากตัวแปรมากมายชิ้นนี้ ตั้งแต่แวบแรกที่เห็นนางก็สะท้านไหว
…
ขณะเดียวกันบนท้องฟ้าเหนือร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่ง ในส่วนลึกที่สุดของเวิ้งฟ้า ปรากฏลักษณ์ประหลาดที่อัศจรรย์หาใดเปรียบนานัปการ
มีทางเดินบุปผชาติควบรวมเบ่งบาน มีแสงเทพนับหมื่นแสนไหลพุ่งราวน้ำตก มีเสียงอริยเทพที่เงียบสงบดังขึ้นรางๆ มีภาพของทั่วหล้าฟ้าดาราเคลื่อนคล้อยไหววูบ มี…
ลักษณ์ประหลาดที่น่าเหลือเชื่อมากมาย เหมือนกำลังอธิบายถึงแก่นอัศจรรย์สูงสุดของมหามรรค
สุดท้ายลักษณ์ประหลาดแถบนั้นกลายเป็นกระถางใบหนึ่ง มีแสงศักดิ์สิทธิ์นับหมื่นแสนล้อมพิทักษ์ มีบุปผามรรคเหลือคณาหมุนอ้อม มีเสียงมรรคดุจเสียงจากธรรมชาติดังขึ้นรางๆ…
กระถางใบนี้กำราบฟ้าดาราชั่วกัปกัลป์ กลายเป็นสิ่งเดียวที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์ในกาลเวลาไร้สิ้นสุด!
เหตุการณ์นี้ถึงขั้นทำให้พวกน่ากลัวทั้งหมดที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่นอกเมืองซึ่งห่างออกไปตกใจ ไม่ว่าจะเป็นพวกซี ซย่าจื้อ ต้าหวง หวงชางเทียน หรือพวกเฒ่าดึกดำบรรพ์ของเผ่าเสือขาวและเต่าดำ ทั้งหมดล้วนสังเกตเห็นปรากฏการณ์ประหลาดนี้อย่างชัดเจน
‘หลินสวินหลอมศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์สำเร็จแล้วหรือ’ ซี ซย่าจื้อ ต้าหวงมีความคิดหนึ่งขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
‘คงไม่ใช่ว่า… บรรพชนของเผ่าข้าตื่นแล้วกระมัง’ พวกหวงชางเทียนใจสั่นสะท้าน คิดว่าลักษณ์ประหลาดที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้ มีโอกาสสูงที่จะเป็นสัญญาณการตื่นของบรรพชนหงส์เซียน
‘นี่ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่!’ ส่วนไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิงและเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าของเผ่าเสือขาวกับเต่าดำ แต่ละคนล้วนสายตาวูบไหว ในใจตื่นตระหนกอยู่บ้าง
พวกเขาก็สงสัยเช่นกัน ว่าบรรพชนหงส์เซียนที่เก็บตัวเงียบมาหมื่นกาลนั้นเริ่มนิพพานและตื่นแล้วหรือไม่
เพียงแต่ไม่รอให้ทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้กันได้สัมผัสอย่างละเอียด ลักษณ์ประหลาดทรงกระถางยักษ์ที่สะท้อนในส่วนลึกของเวิ้งฟ้านั้นพลันกลายเป็นกระบี่มรรคเล่มหนึ่ง
นั่นคือกระบี่มรรคอะไร
ราวกับร่างจำแลงของระเบียบ คมกริบหาใดเปรียบ บนปลายกระบี่มีไอคลุมเครืออมตะเวียนวน บดทลายฟ้าดารา ปั่นป่วนวัฏจักรว่างเปล่า คล้ายว่าทำลายพันธนาการของห้วงอากาศไร้สิ้นสุด ตัดขาดการเปลี่ยนแปลงชั่วกาลได้!
ตูม!
ทุกคนล้วนรู้สึกเพียงว่าแสบตา จิตวิญญาณเหมือนถูกเฉือนตัด ในใจรู้สึกหวั่นหวาดและเย็นวาบขึ้นมาพร้อมกัน
เมื่อได้สติ ลักษณ์ประหลาดในเวิ้งฟ้านั้นก็หายไปนานแล้ว
เหมือนภาพต่างๆ ที่เห็นเมื่อครู่คือภาพหลอน
แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเรื่องจริง!
“ฆ่า! รีบบุกเข้าไปในเมือง!”
ไป๋หลิงเจินแผดเสียงคำรามสะท้านฟ้าดิน
เดิมทีพวกซีและพวกหวงชางเทียนก็อยู่ในสถานการณ์ที่ถูกล้อมโจมตีอย่างหนึ่ง แม้ไม่อาจพูดได้ว่าอันตราบถึงชีวิต แต่ก็รู้สึกกดดันอย่างมาก
ถึงอย่างไรคู่ต่อสู้ก็คือบรรพจารย์จักรพรรดิสิบเก้าคนเต็มๆ การล้อมโจมตีเช่นนั้นมีหรือจะธรรมดา
หากไม่ใช่ว่ามีซีที่ต้านการโจมตีของบรรพจารย์จักรพรรดิหลายคนได้ สถานการณ์ของพวกเขาคงเปลี่ยนเป็นร้ายแรงถึงขีดสุดนานแล้ว
และตอนนี้เมื่อไป๋หลิงเจินออกคำสั่ง การโจมตีของเผ่าเสือขาวและเต่าดำก็บ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิมแล้ว ระดับจักรพรรดินับร้อยคนถล่มจู่โจมเต็มกำลังพร้อมกัน สุดท้ายกระบวนค่ายกลผนึกที่ปกคลุมรอบเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงก็ไม่อาจยืนหยัด พังทลายสนั่นหวั่นไหว
ละอองแสงโปรยปราย กึกก้องดุจกระแสน้ำ เมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงที่กว้างใหญ่นั้นไม่มีสิ่งใดกีดขวางอีก
พวกหวงชางเทียนไม่มีใครไม่หน้าเปลี่ยนสี กระบวนค่ายกลใหญ่พังทลาย ร้านช่างเทพตกอยู่ในอันตรายแล้ว!
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว อย่างไรก็ต้องทำให้ถึงที่สุด นอกเหนือจากนั้นล้วนแล้วแต่ฟ้าลิขิต! อย่าทำให้สภาวะจิตได้รับผลกระทบเด็ดขาด!” ต้าหวงตวาดลั่น ห่วงว่าจิตต่อสู้ของพวกหวงชางเทียนจะสั่นคลอนจนเสียการควบคุม
หวงชางเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆ ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของปัญหาเช่นกัน ดวงตาเขาแดงก่ำ คำรามเสียงแตกพร่า “ฆ่า! สู้กับพวกมัน!”
ตูม…
การต่อสู้ดุเดือดยิ่งกว่าเดิม ถึงขั้นใช้คำว่าเหี้ยมโหดมาบรรยายได้
ไม่มีกระบวนค่ายกลผนึกมาป้องกัน เมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงที่มีอาณาเขตซึ่งเรียกได้ว่ากว้างใหญ่ไพศาล สูงตระหง่านโดดเด่น สง่างามเกรียงไกรนี้ก็เหมือนไม้ผุที่เปราะบาง พังทลายล่มสลายดังครั่นครืน ท้องถนนและสิ่งปลูกสร้างนับไม่ถ้วนกลายเป็นเถ้าละอองลอยละล่องในชั่วพริบตา
ไม่มีใครสนใจความเจ็บปวดที่เมืองถูกทำลาย
ด้วยตอนนี้กองทัพใหญ่ของเผ่าเสือขาวและเต่าดำพุ่งเข้ามาในเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงเหมือนกระแสน้ำ เปิดฉากฆ่าฟันคนในเผ่าหงส์เซียนและเผ่าจักรพรรดิช่างเทพที่อยู่ในเมือง
ไม่อาจต้านทานได้อย่างสิ้นเชิง
ไม่ว่าจะเป็นซี ซย่าจื้อ ต้าหวง หรือเหล่าคนใหญ่คนโตอย่างพวกหวงชางเทียน ล้วนถูกไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิง และพวกน่ากลัวสกัดอย่างแน่นหนาอยู่ตลอด ถูกลิขิตให้ไม่อาจปลีกตัวไปขวางเรื่องทั้งหมดนี้
ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกบีบหัวใจยิ่งกว่าคือหลังจากเมืองถล่ม ระดับจักรพรรดิมากมายของเผ่าเสือขาวและเต่าดำฉวยโอกาสพุ่งเข้าไป ทั้งยังมุ่งหน้าไปยังร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่งทันที!
เวลานี้สถานการณ์อันตรายถึงขั้นไม่มีอะไรยิ่งกว่า!
………………….