Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2337 ศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2337 ศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อ
ตอนที่ 2337 ศิษย์พี่สี่หลิงเสวียนจื่อ
ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งในที่นั้นมากมายต่างกระเหี้ยนกระหือรือ
พวกเขามองว่าถ้าสังหารพวกนอกรีตอย่างหลินสวินได้ อาจจะแลกเอาความรู้สึกดีของท่านจอมมรรคผู้นั้นมาได้ ไม่แน่ว่าอาจจะทะยานขึ้นฟ้าในปราดเดียว!
“คุกเข่าลง!” ชายชุดแดงดุดันองอาจ แผดเสียงกราดเกรี้ยว
เขาพุ่งไปตรงหน้าหลินสวิน ทว่ายามเงาร่างเพิ่งอยู่กลางอากาศ เมื่อหลินสวินหันสายตามองเขาปราดหนึ่ง
ปัง!
แม้แต่จิตวิญญาณของชายชราชุดแดงยังระเบิดกระจุยเป็นชิ้นๆ นับไม่ถ้วน ปะทุออกเป็นหมอกเลือดหายลับไปในอากาศ ทำเอาทุกคนที่อยู่ใกล้ๆ ส่งเสียงร้องแหลมตกตะลึงไม่หยุด
ยามนี้ในฟ้าดินแห่งนี้ มีผู้คนนับไม่ถ้วนงุนงง ตะลึงกับภาพนองเลือดนี้
กึ่งจักรพรรดิผู้หนึ่ง!
บนทะเลกลืนวิญญาณในตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่ใต้ระดับจักรพรรดิแล้ว ดังคำกล่าวที่ว่าระดับจักรพรรดิไม่ปรากฏตัว กึ่งจักรพรรดิก็คือเจ้า แต่ตอนนี้เพียงแค่ถูกมองปราดเดียวก็ตายคาที่กลางอากาศ ง่ายดายเรียบง่ายปานนั้น ตายไปเช่นนั้นเลยหรือ
คนมากมายตัวแข็งทื่อ สมองงุนงง ต่างนึกว่าตนตาฝาดไป
ทั้งที่นั้นเงียบสงัด
เงาร่างที่เดิมหมายจะเคลื่อนไหวเหล่านั้นต่างใจสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไป
ทุกคนต่างอึ้งค้างปากค้าง โดยเฉพาะเหยียนจวิ้น เมิ่งเหลียนชิง กับพวกชายหนุ่มหล่อเหลาที่อยู่ข้างกายหลินสวินเหล่านั้นยังไม่กล้าเชื่อว่าสิ่งที่ตนเห็นจะเป็นจริง
กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งถูกฆ่าอย่างพิสดารปานนี้ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ นี่ยังอยู่ต่อหน้าท่านจอมมรรคด้วย!
ควรรู้ว่าในใจผู้ฝึกปราณที่อยู่ที่นี่ตอนนี้ ท่านจอมมรรคก็คือบุคคลดั่งทวยเทพบนสวรรค์ ใครจะกล้าทำเรื่องล่วงเกินเช่นนี้ได้
แต่หลินสวินกลับคล้ายไม่หวั่นกลัวแม้สักนิด!
“เจ้าแค่มองดูอยู่อย่างนี้เท่านั้น ทั้งที่คนเมื่อครู่แจ้นมาหาที่ตายเพื่อรักษาเกียรติให้เจ้าเชียวนะ”
และท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดน่าตะลึงนี้ หลินสวินมือไพล่หลัง เอ่ยเสียงเรียบ
“ใครมาออกแรงแทนข้า สังหารเจ้าคนบาปนี่” เหนือชั้นฟ้า เงาร่างที่หันหลังให้สรรพชีวิตนั้นไม่ได้หันมา เพียงส่งเสียงอันยิ่งใหญ่ออกมา
เสียงพูดเงียบลง
“ข้ายินดี”
“ขอท่านจอมมรรคคลายโทสะ ข้าจะปลิดชีพเจ้าคนนอกรีตนี่!”
ก็พบว่ามีเงาร่างห้าหกร่างลุกขึ้นมา แต่ละคนล้วนแข็งแกร่ง อานุภาพระดับจักรพรรดิอบอวลไปทั้งร่าง แผ่กระจายไปทั้งที่นั้นเหมือนภูเขาถล่มทะเลคำรน ก่อให้เกิดความโกลาหลระลอกหนึ่ง ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างแตกตื่นพากันหลบหลีก
ยามนี้เหยียนจวิ้นตกตะลึงจนทรุดลงไปกับพื้น จำเงาร่างเหล่านั้นได้ ต่างเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิที่ไม่ได้เผยร่องรอยมานาน แต่ละคนน่าเกรงขามเทียมฟ้า กดข่มเหนือโลกา!
ดวงหน้างามของเมิ่งเหลียนชิงเปลี่ยนไป นางจ้องหลินสวินเขม็ง คล้ายกำลังวิเคราะห์บางอย่าง
ส่วนชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายนางเหล่านั้นต่างกระวนกระวาย ลุกขึ้นมาพากันหลบไปไกล ด้วยเกรงว่าอยู่ใกล้หลินสวินเกินไปจะถูกลูกหลงไปด้วย
“ธิดาเทพเมิ่ง รีบหลบเร็ว เจ้าตัวซวยนี่มันอยากตาย เจ้าจะโดนลูกหลงไปด้วยไม่ได้!”
“แม่นางเหลียนชิงรีบหลบเร็ว!”
ชายหนุ่มเหล่านี้พากันเอ่ยปาก เผยสีหน้าร้อนรน
“หลบไปเถอะ” หลินสวินมองเมิ่งเหลียนชิงคราหนึ่ง เอ่ยเสียงเรียบเฉย ขณะพูดก็สะบัดแขนเสื้อ เมิ่งเหลียนชิงกับเหยียนจวิ้นต่างถูกเคลื่อนย้ายออกไปไกล
เมิ่งเหลียนชิงเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน แววตาซับซ้อน นางเพิ่งรับรู้ในตอนนี้ว่าตัวเองถูกหลอกแล้ว เจ้าคนที่ราบเรียบไม่มีอะไรพิเศษคนนี้ สามารถส่งตนออกมาในระหว่างที่ตนไม่รู้ตัวได้ จะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร
ทว่า…
เขาจะเป็นคนในตอนนั้นหรือไม่
ระดับจักรพรรดิทั้งหมดหกคนพุ่งมาทางนี้แล้ว แววตาเย็นชา ชายชุดดำผมขาวคนหนึ่งตะคอกเย็นชาว่า
“เจ้าคนบาป ถึงกับกล้ามาก่อเรื่องที่นี่ ต่อให้ท่านจอมมรรคไม่เอ่ยปาก ข้าก็ไว้ชีวิตเจ้าไม่ได้!”
เสียงดังกึกก้องสะเทือนทั้งที่นั้น อานุภาพระดับจักรพรรดิทั้งตัวปั่นป่วนเมฆลม ทำให้ผู้คนมากมายสูดหายใจสะท้าน ตกตะลึงอยู่ในใจ
หลินสวินไม่แม้แต่จะสนใจ
ในหลายปีมานี้เขาฆ่าระดับจักรพรรดิไปไม่รู้เท่าไร นับยังนับไม่หมด ขนาดสำนักโบราณจรัสเทพ แดนกษิติครรภ์ยังถูกถอนรากถอนโคน จะไปสนใจการท้าทายจากระดับจักรพรรดิไม่กี่คนนี้ได้อย่างไร
ตาดำเขามองดูเงาร่างที่อยู่เหนือชั้นฟ้าไกลออกไปแล้วเอ่ยว่า “ถ้าพวกเขาตาย ตอนเจ้าบูชายัญก็จะมีกำลังคนลดลงไปไม่น้อย จะไม่สนใจสักนิดหรือ พูดอีกอย่างก็คือ เจ้าคิดจะอาศัยเจ้าพวกนี้มาหยั่งเชิงพลังของข้าหรือ”
บูชายัญหรือ
หลายคนสงสัย
“ตาย!”
ขณะเดียวกันชายผมขาวชุดดำนั้นก็ชิงลงมือก่อนแล้ว อานุภาพระดับจักรพรรดิทั้งร่างปะทุออกมา พลานุภาพคับฟ้า
ตูม!
นิ้วมือทั้งห้าของเขาแผ่ขยาย คว้าลงไปกลางอากาศ กฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิพร่างพราวเจิดจ้า กลายเป็นมือใหญ่เข้าปกคลุมไปทางหลินสวิน
แต่หลินสวินทำเพียงอ้าปากพ่นคำหนึ่งออกมาเบาๆ
“ไสหัวไป!”
คำเดียวกลับทำให้ฟ้าดินแห่งนี้ปั่นป่วน เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เงาร่างที่เบียดแน่นอยู่ในลานถูกซัดตุปัดตุเป๋ เลือดกบปากจมูก ภาพตรงหน้าพร่ามัว
ก็พบว่ามือใหญ่ที่ปกคลุมมายังหลินสวินนั้นระเบิดกระจุยดับสลาย ส่วนชายชุดดำผมขาวเหมือนถูกโจมตีอย่างรุนแรง ร่างกายถูกกระแทกกระเด็นออกไปเสียงดังปึง กระแทกจนห้วงอากาศแหลกกระจุย ลอยออกไปไม่รู้กี่จั้งถึงตกลงในที่สุด และร่างของเขายับเยินเลือดหลั่งริน อวัยวะตันห้ากลวงหกแตกทลาย ส่งเสียงร้องน่าอนาถเจ็บปวดออกมา
ระดับจักรพรรดิคนอื่นที่เดิมคิดจะลงมือเห็นดังนี้ ต่างเหมือนถูกสายฟ้าฟาด มือเท้าเย็นเยียบ อกสั่นขวัญแขวน
คำว่าไสหัวไปคำเดียว ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นสามคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัส!
เรื่องนี้ไม่เคยได้ยินหรือเคยพบเห็นมาก่อนจริงๆ!
บัดนี้ฟ้าดินที่เคยน่าเกรงขามและเงียบสงัดมีแต่ความโกลาหลปั่นป่วน แต่ละคนสีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
นั่นเป็นถึงระดับจักรพรรดิคนหนึ่งเชียวนะ! ทำไมถึงแพ้จนดูเหมือน… อ่อนแอปานนี้ได้!
“นี่…” พวกชายหนุ่มหล่อเหลาที่หลบไปไกลเหล่านั้นตาแทบหลุดจากเบ้า สะท้านขวัญสั่นสะเทือนอย่างสิ้นเชิง
บางส่วนฟันกระทบกันดังกึกๆ กลัวจนขวัญหาย ตลอดทางนี้พวกเขาเย้ยหยันและแบ่งแยกหลินสวินมาตลอด ใครจะกล้าคิดว่าชายหนุ่มที่ราบเรียบไม่วิเศษวิโสอะไรคนหนึ่ง กลับมีอานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดินเช่นนี้ได้
เมิ่งเหลียนชิงยังเหม่ออยู่ตรงนั้น จิตใจสั่นระรัว ก่อนหน้านี้นางยังกังขาว่าเต้ายวนคือคนในตอนนั้นหรือไม่
แต่ตอนนี้กลับไม่กล้าแน่ใจแล้ว
แค่เปล่งเสียงมรรคเบาๆ ก็สามารถทำร้ายระดับจักรพรรดิ! ต่อให้เป็นคนในตอนนั้น ผ่านการฝึกปราณไม่กี่สิบปีเกรงว่ายังไม่อาจทำได้ถึงขั้นนี้กระมัง
ณ ที่นั้นโกลาหล เสียงอุทานและตื่นตะลึงดังขึ้นรอบทิศ
ก็ในตอนนี้เอง อานุภาพที่หลินสวินเก็บงำมาตลอดแผ่ออกมา
ครืน!
ฟ้าดินสั่นระรัว มหามรรคอึงอล ฟ้าดินภูผาธาราถล่มลง ชั้นเมฆสิบทิศพังทลาย
ก็พบว่าหลินสวินเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เงาร่างสูงสง่ามีแสงมรรคไหลเวียน แสงเทพโอบล้อม ยืนอยู่ง่ายๆ เช่นนั้นก็ดูองอาจราวกับทวยเทพเหนือฟ้า เด่นตระหง่านน่าเกรงขาม!
ชั่วขณะนี้ทั้งที่นั้นเงียบสงัด ผู้ฝึกปราณทุกคนต่างจิตใจสั่นไหว ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิเหล่านั้นก็ยังสูดหายใจสะท้าน ศีรษะชาหนึบ รู้สึกได้ถึงพลังกดข่มที่กระทบเข้ามา ทำให้สภาวะจิตหวาดผวา รู้สึกหายใจติดขัดแทบพังทลาย
ความจริงแล้วนี่ไม่ใช่อานุภาพที่หลินสวินเป็นฝ่ายปลดปล่อยออกมาเอง แต่เป็นอานุภาพของระดับปราณของเขาที่แผ่ออกมาตามธรรมชาติในตอนนี้
นี่คืออานุภาพของมกุฎมหาจักรพรรดิ!
เป็นความน่าเกรงขามที่ใช้เลือดและชีวิตของจักรพรรดิหลอมขึ้นมา หลังจากลงดาบใส่เฒ่าชราระดับจักรพรรดิไม่รู้เท่าไร!
คนธรรมดาเห็นเขา ประหนึ่งเห็นทวยเทพ ทำได้เพียงหมอบกราบ
ผู้ฝึกปราณเห็นเขา ราวกับนายเหนือหัวมหามรรค ทำได้เพียงเทิดทูน!
และท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดนี้ เงาร่างที่นั่งขัดสมาธิหันหลังให้สรรพชีวิตเหนือชั้นฟ้านั้นก็หมุนตัวมาช้าๆ ในที่สุด
เงาร่างเขาถูกแสงมรรคไร้ที่สิ้นสุดปกคลุม ตระการตาประหนึ่งอาทิตย์กล้าเหนือเวิ้งฟ้า เด่นตระหง่านเหลือประมาณ ผู้ฝึกปราณทั้งที่นั้นต่างรู้สึกแสบตาจนลืมตาไม่ขึ้น
ท่านจอมมรรคหันมาแล้ว!
ทั้งที่นั้นเงียบเชียบไร้เสียง จิตใจของผู้คนนับไม่ถ้วนปั่นป่วน เหมือนกับได้เห็นความหวัง
“พวกเราละอายที่อ่อนด้อย ไม่สามารถจับคู่ต่อสู้ได้ ขอท่านจอมมรรคให้อภัย!”
ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิคนหนึ่งเผยสีหน้าละอาย
“ขอท่านจอมมรรคลงมือ กำราบเจ้าหมอนี่!” ทั้งยังมีคนเอ่ยปากร้องขอ
ก็พบว่า ‘ท่านจอมมรรค’ เมินจักรพรรดิเหล่านั้นไปตรงๆ ดวงตาเจิดจ้าดั่งดวงอาทิตย์มองไปยังหลินสวิน เสียงยิ่งใหญ่เผยความปรีดา
“หลินสวิน หลินเต้ายวน ผู้สืบทอดลำดับที่ห้าสิบแห่งคีรีดวงกมล หนึ่งบัวที่อาจารย์รอคอยมาหมื่นกาล เป็นเจ้าตามคาด ให้ข้าเดา ศิษย์พี่รองส่งเจ้ามาใช่ไหม ศิษย์น้องเล็ก”
เสียงถึงกับดูยินดีปรีดา ดังกึกก้องกลางฟ้าดิน
คำพูดเดียวทำให้ทั้งที่นั้นนิ่งอึ้ง
ศิษย์น้องเล็ก!?
เจ้าคนที่จู่ๆ ก็บุกมา มองว่ามหามรรคที่ท่านจอมมรรคแสดงไม่เจนจัดอะไร ถึงกับเป็นศิษย์น้องเล็กของท่านจอมมรรคหรือ
ระดับจักรพรรดิที่ร้องขอให้ท่านจอมมรรคลงมือหน้าเขียวแล้ว ปั่นป่วนไปหมด
“หลินสวิน… หลินสวิน… ถึงกับเป็นเจ้าจริงๆ!” และในตอนนี้เองเมิ่งเหลียนชิงก็เหมือนโดนฟ้าผ่า เนตรงามเบิกกว้างทันใด จ้องเงาร่างหลินสวินเขม็ง สีหน้าทั้งโล่งใจ สั่นสะท้าน และซับซ้อนยากบรรยาย
เดิมนางหมายจะกำจัดเงามืดในใจทิ้ง
แต่ตอนนี้ถึงพบว่าเงามืดนี้ก็เหมือนกับรอยประทับหนึ่งที่ถูกขับออกไปได้ยาก นี่ทำให้นางไม่มีแม้แต่แรงมาแสดงความไม่ยินยอม
เหลือเพียงความหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
ส่วนใหญ่เพราะคิดไม่ถึงว่าไม่พบกันหลายปี เดิมนึกว่าตนครอบครองพลังที่เหนือกว่าอีกฝ่ายไปแล้ว ใครจะคิดว่าอีกฝ่ายสูงส่งขนาดที่ตนทำได้เพียงแหงนมอง สูงจนไม่อาจวาดหวังได้!
หลินสวิน!
ชายหนุ่มหล่อเหลาเหล่านั้นก็อึ้งค้าง ต่างรู้สึกพังทลาย พวกเขาย่อมรู้ถึงความน่ากลัวของคนผู้นั้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเมื่อได้พบกันอีก อีกฝ่ายก็สามารถมองระดับจักรพรรดิเป็นมดตัวจ้อยได้แล้ว!
ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ เกรงว่าต้องอยู่ท่ามกลางความหวาดกลัวที่มีเงามืดของหลินสวินครอบงำแน่
ส่วนเหยียนจวิ้น…
หมดสติไปอย่างไม่เอาไหนนานแล้ว…
“คนทรยศอย่างเจ้าเรียกข้าว่าศิษย์น้องเล็กได้หรือ”
หลินสวินเอ่ยเสียงเรียบ “ตอนนั้นอาจารย์ไว้ชีวิตเจ้าครั้งหนึ่งให้เจ้าสำนึกผิดที่นี่ กลับตัวกลับใจ สร้างสภาวะจิตใหม่ แต่เจ้ากลับไม่รู้สำนึก ยึดติดทางมาร ทั้งยังแพร่งพรายมรดกมหามรรคของศิษย์พี่รองให้จักรพรรดิสวรรค์ดำรงล่วงรู้ จิตใจเช่นนั้น… ชั่วช้านัก!”
“ยึดติดทางมารหรือ”
หลิงเสวียนจื่อที่แปลงเป็น ‘ท่านจอมมรรค’ ยิ้ม “ศิษย์น้องเล็ก คำพูดนี้จะพูดมั่วๆ ไม่ได้ ศิษย์พี่ศิษย์น้องอย่างเจ้ากับข้าพบกันครั้งแรกก็อย่าถกเรื่องในอดีตเหล่านั้นเลย หาไม่แล้วให้ผู้ฝึกปราณที่อยู่ที่นี่เหล่านี้ได้ยินเข้า จะเสียชื่อพวกเราคีรีดวงกมล เจ้าว่าอย่างไรล่ะ”
หลินสวินพูดเสียงเรียบ “ข้าคิดว่าถ้าตอนนี้เจ้าชดใช้โทษด้วยความตาย ก็จะรักษาชื่อเสียงของคีรีดวงกมลไว้ได้”
หลิงเสวียนจื่อถอนใจยาว “ดูท่าศิษย์น้องจะอคติกับข้าอย่างลึกซึ้งเชียว เป็นเพราะศิษย์พี่รองบอกเจ้าว่าข้าหลิงเสวียนจื่อเกิดมารในใจ เลือกเดินทางผิดจึงถูกกำราบที่นี่ใช่ไหม”
“ผิดแล้ว!”
ขณะพูดหลิงเสวียนจื่อก็ลุกขึ้นจากการนั่งขัดสมาธิ แสงมรรคทั้งร่างแผ่กระจายส่องสว่างไปทั้งเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน ดูโอหังจองหอง “ตอนนั้นสาเหตุที่ข้าถูกกำราบ ก็เพราะข้ากับอาจารย์มีความเห็นไม่ตรงกันเรื่องมหามรรคที่ตัวเองยึดถือก็เท่านั้น หาไม่แล้วทำไมอาจารย์ถึงไม่ฆ่าข้า แต่ทำแค่… กำราบไว้เล่า”
——