Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2391 ชำระล้างครั้งใหญ่
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2391 ชำระล้างครั้งใหญ่
ไป๋อวี้จิงยิ้ม กระบี่โบราณในมือโฉบพุ่งก่อนฟันฉับลงมา
สวบ!
ปราณกระบี่ดุจสายรุ้ง แผ่คลุมจักรวาล หิมะหนาพันลี้ระเหยกลายเป็นพยับหมอกนับไม่ถ้วน
กระบี่นี้เรียบง่ายธรรมดา ปราศจากร่องรอยแม้เพียงเสี้ยว เฉกเช่นเซียนบนสวรรค์ฟันลงมาส่งๆ แต่กลับมีอานุภาพส่องสะท้อนภูผาธารา
หลินสวินยืนนิ่งไม่ขยับ รวบนิ้วตวัดวาด
หนึ่งกระบี่เหมือนกัน เรียบง่ายธรรมดา อานุภาพและเจตกระบี่ที่สั่งสมอยู่ภายใน กลับทำลายกระบี่นี้ของไป๋อวี้จิงจนพังทลาย แตกแยกปลิวว่อนกลางอากาศ
“มรรคกระบี่ดี!”
ไป๋อวี้จิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แขนเสื้อกว้างสะบัด นิ้วมือควบคุมกระบี่ พลันย่างเท้าติดต่อกันเก้าครั้งกลางอากาศ
แต่ละก้าวที่ก้าวออกไป อานุภาพรอบกายเขาก็พุ่งทะยานขึ้นช่วงหนึ่ง กระบี่โบราณในมือของเขาก็ดุดันขึ้นสามส่วน
จนกระทั่งก้าวออกไปเก้าครั้ง
อานุภาพของเขาทะลวงเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน เจตกระบี่ของเขาแผ่ทั่วภูผาธารากว้างใหญ่
“ไป!”
กระบี่โบราณโฉบพุ่ง ฟันใส่ห้วงอากาศ
ประดุจแสงมรรคสายหนึ่งฉีกทึ้งราตรีนิรันดร์หมื่นกาล ปรากฏขึ้นบนโลก
นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัดเล็กน้อย ฟันหนึ่งกระบี่ออกไปเช่นกัน
หนึ่งกระบี่เกิดดับ!
เจตกระบี่เพียงสายเดียว กลับแปลงเป็นภาพห้วงอากาศผันแปร สรรพสิ่งดับสลาย
ท่ามกลางเสียงก้องกระหึ่มสนั่นหวั่นไหว กระบี่นี้ของไป๋อวี้จิงถูกสลายสิ้นในระยะห่างจากหลินสวินสิบจั้ง
ไป๋อวี้จิงขมวดคิ้ว “ไยต้องออมมือ หากเจ้าอยากรักษาศักดิ์ศรีของข้า ก็ขอให้ใช้พลังแท้จริงมาต่อสู้เถอะ”
หลินสวินนิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนกล่าว “ได้”
เขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง
ปราณกระบี่ดุจดั่งธารดาราแผ่ม้วนออกมา มีภาพหุบเหวใหญ่ลอยผลุบโผล่อยู่ในนั้นรางๆ สุริยันจันทรา ภูผาธาราหมื่นลักษณ์ล้วนดับสลาย
ไป๋อวี้จิงนัยน์ตาหดรัด
เขาส่งเสียงคำรามยาวดุจสายฟ้าฟาดออกมา เงาร่างสูงใหญ่กำยำประหนึ่งลุกโชน ปลดปล่อยแสงสว่างไร้สิ้นสุด
และกลางฝ่ามือของเขา กระบี่โบราณลุกโชนหลั่งเลือด ฟาดฟันออกมา
หนึ่งกระบี่เซียนพิโรธ!
นี่สะท้อนนัยเร้นลับมรรคกระบี่ตลอดชีวิตของไป๋อวี้จิง
ทันทีที่กระบี่พุ่งออกมา ภูผาธาราหมื่นลี้โดยมีสำนักกระบี่เทียมฟ้าเป็นศูนย์กลางล้วนส่อแววถล่มทลาย หมื่นชีวิตมอดดับ
เสียงหวาดผวานับไม่ถ้วนดังก้องตามๆ กัน
น่าเสียดาย แม้แต่กระบี่ที่สามารถสะเทือนอดีตปัจจุบัน สะท้านโลกหล้านี้ สุดท้ายกลับยังไม่สามารถต้านการโจมตีของหลินสวินได้ แตกสลายกลางห้วงอากาศ
ตูม โครม!
กระแสปราณกระบี่แผ่พุ่ง ดุจดั่งน้ำวนมหามรรคหมุนวนรุนแรง ชั่วพริบตาร่างของไป๋อวี้จิงอาบเลือด บาดเจ็บสะบักสะบอม ผมเผ้ายุ่งเหยิง ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบเขาไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว!
เมื่อเห็นภาพนี้ เหล่าคนใหญ่คนโตของสำนักกระบี่เทียมฟ้าล้วนส่งเสียงอุทานตกใจ สีเลือดบนใบหน้าถดถอย ขาวซีดไร้ที่เปรียบ
“เปิดทางเถอะ”
ไกลออกไปหลินสวินเอ่ยปาก
ไป๋อวี้จิงในตอนนี้เพิ่งมีปราณเพียงระดับจักรพรรดิขั้นสอง แม้มรรคกระบี่ทั้งตัวจะเรียกได้ว่าเฉิดฉาย แต่สุดท้ายก็ได้แค่เท่านี้
“สิ่งใดคือกระบี่ อาวุธสังหารที่คมกริบที่สุดในโลก”
“สิ่งใดคือมรรคกระบี่ ยอมหักไม่ยอมงอ หมื่นกาลไม่เคลื่อนย้าย”
ไกลออกไปไป๋อวี้จิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สายตาแน่วแน่ “มรรคกระบี่ของข้า ไม่มีคำว่าถอย”
หลินสวินพยักหน้า “ดี เช่นนั้นข้าจะทำให้ท่านสมปรารถนา”
ยามนี้ในที่สุดเขาก็ย่างเท้าก้าวไปข้างหน้า อานุภาพน่าสะพรึงท่วมทันไร้ขอบเขตปลดปล่อยออกจากตัวเขาด้วยเช่นกัน
อึดใจนั้นดุจดั่งดวงอาทิตย์เจิดจ้าโผล่ขึ้นกลางหิมะที่ปลิวว่อนคลุ้งฟ้า แสงสว่างของเขาส่องสะท้อนจักรวาล!
ครืนโครม!
ห้วงอากาศใกล้เคียงล้วนพังถล่ม
บนเทือกเขาไพศาลที่สำนักกระบี่เทียมฟ้าตั้งอยู่ กระบวนผนึกไม่รู้เท่าไหร่คล้ายแบกรับแรงบีบคั้นไม่ไหว พลันแตกระเบิดโครมครามในเวลานี้ แผ่ละอองแสงนับไม่ถ้วน
เสียงโหยหวน คำรามลั่นอย่างตกใจดังขึ้นตามๆ กันในที่แห่งนี้
และทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเพียงเพราะอานุภาพบนตัวหลินสวินเท่านั้น!
“สยบ!”
ไป๋อวี้จิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย บนตัวปลดปล่อยพลังแกร่งกร้าวไร้ทัดเทียมออกมา กระชับกระบี่พุ่งขึ้นไป เข้าต่อสู้เต็มกำลัง
เพียงแต่ชั่วขณะเดียวเท่านั้น
เขาก็ถูกซัดสะเทือนถอยไม่หยุด ไม่ว่าเขาจะบุกโจมตีอย่างไร กัดฟันสู้แค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินสวินก็ยังพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า
ตั๊กแตนขวางรถก็ไม่พ้นเท่านี้
กระทั่งยามหลินสวินหยุดฝีเท้า
ไป๋อวี้จิงผิวหนังแตกระแหง เลือดไหลราวน้ำตก ลมหายใจหอบกระชั้น เงาร่างโงนเงนทำท่าจะล้ม
เขามองหลินสวินด้วยสายตาเจือแววสั่นสะเทือน คล้ายเพิ่งตระหนักได้ว่าความห่างชั้นของตนและอีกฝ่ายห่างไกลกันแค่ไหน
“ศึกครั้งนี้ สิ้นสุดเพียงเท่านี้”
หลินสวินมองเขาปราดหนึ่งแล้วพาซูไป๋หมุนตัวไป
“ไปแล้วหรือ”
ไป๋อวี้จิงอึ้งไป เพียงแต่ตอนที่เขาหันหลังมองไปยังบริเวณที่สำนักกระบี่เทียมฟ้าตั้งอยู่ กลับเหมือนถูกสายฟ้าฟาด ชะงักงันอยู่ตรงนั้น
ก็เห็นพื้นที่ภูเขาพังถล่มนานแล้ว สำนักกระบี่เทียมฟ้าที่ยิ่งใหญ่ราวกับเกิดเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัด ระเนระนาดทุกหย่อมหญ้า
ผู้สืบทอดนับไม่ถ้วนร้องลั่นอยู่ในซากปรักหักพัง แตกตื่นวุ่นวาย
ส่วนเหล่าคนใหญ่คนโตอย่างพวกเจ้าสำนักฉางฮ่วนจื่อก็ไม่รู้ว่าประสบเคราะห์ไปเมื่อไหร่ ล้วนนอนล้มกระจัดกระจายอยู่ตรงนั้น ดวงตาเบิกกว้าง เต็มไปด้วยความไม่ยินยอม
ภูผาธารางามวิจิตรหมื่นลี้ กลายเป็นแผ่นดินไหม้เกรียมทั้งผืนไปเช่นนี้!
ไป๋อวี้จิงสั่นเทิ้มไปทั้งตัว เพิ่งเข้าใจตอนนี้ว่าเหตุใดหลินสวินถึงจากไป ที่แท้ตอนที่สู้กันก่อนหน้านี้ ตอนที่ตนยังกัดฟันสู้สุดชีวิต สำนักกระบี่เทียมฟ้าแห่งนี้ก็ถูกถล่มราบคาบไปแล้ว!
จู่ๆ ไป๋อวี้จิงก็รู้สึกเหมือนไร้เรี่ยวแรง ทรุดนั่งลงกลางอากาศ หอบหายใจเฮือกใหญ่
เขานึกถึงคำที่หลินสวินเคยพูดในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ
สังหารเฉพาะต้นตอความชั่วร้าย กำจัดเพียงสำนัก ไม่กระทบผู้อื่น!
ตอนนี้หลินสวินทำไปแล้วจริงๆ
“กฎกรรมเวียนวน กรรมย่อมตามสนอง…” ไป๋อวี้จิงพึมพำ
ในวันนี้ ลมหิมะปกคลุมผืนฟ้า
ในวันนี้ สำนักกระบี่เทียมฟ้าในดินแดนรกร้างโบราณถูกหลินสวินคนเดียวถล่มราบ
ในวันนี้ ทันทีที่ข่าวแพร่ออกไป ทั่วหล้าล้วนสั่นสะเทือน
…
การล่มสลายของสำนักกระบี่เทียมฟ้า ประหนึ่งเปิดม่านการล้างไพ่ครั้งหนึ่ง แง้มเปิดทั่วหล้า ทำให้ขุมอำนาจอื่นๆ ในดินแดนรกร้างโบราณล้วนแตกตื่น ตกอยู่ในสภาพสั่นกลัวอยู่ไม่สุข
สองวันต่อมา
มีข่าวแพร่ออกมาอีกระลอก แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ที่หากว่ากันถึงรากฐานและอิทธิพลแล้ว ล้วนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสำนักกระบี่เทียมฟ้า ภูเขาสำนักถล่มครืน กลายเป็นซากปรักหักพัง สิ่งที่สืบทอดกันมานานปีนับไม่ถ้วนก็สะบั้นลงเช่นนี้
ว่ากันว่าตอนนั้นหลินสวินมาเยือนกลางอากาศลำพัง เพียงช่วงสั้นๆ ก็กำราบคู่ต่อสู้ทั้งหมด แผลงฤทธิ์ไร้ศัตรู!
ห้าวันต่อมา
ข่าวการล่มสลายของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณแพร่ออกมา ทำให้สถานการณ์ใต้หล้าที่แต่เดิมก็วุ่นวายอยู่แล้วยิ่งโกลาหลเข้าไปใหญ่
ผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่หวาดผวาเพราะเรื่องนี้ เสมือนเห็นการกวาดล้างครั้งใหญ่กำลังแสดงอยู่ตำตา ขุมอำนาจในดินแดนรกร้างโบราณที่ในอดีตไม่มีใครสั่นคลอนได้ ตอนนี้กลับล่มสลายต่อเนื่อง กลายเป็นเถ้าธุลีกลางซากหักพัง
เจ็ดวันต่อมา
สำนักยุทธ์นครนิลพังพินาศ
สิบวันต่อมา
เขาวิญญาณหมื่นอสูรพังพินาศ
…เวลาสั้นๆ ไม่ถึงครึ่งเดือน เหล่ายักษ์ใหญ่ต่างพังล้ม ทำให้สถานการณ์ทั่วหล้าโกลาหลอย่างสมบูรณ์
และชื่อที่เกี่ยวข้องกับหลินสวินก็ประหนึ่งพายุคะนอง กึกก้องทั่วดินแดนรกร้างโบราณไม่หยุดหย่อน สะเทือนจิตใจของคนทั่วหล้า
จนกระทั่งต่อมา ยามเมื่อเงาร่างของหลินสวินปรากฏขึ้นที่สำนักบางแห่ง ถึงพบว่าที่แห่งนั้นคนหายตึกร้าง ไม่มีผู้สืบทอดแม้แต่คนเดียวนานแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเมื่อขุมอำนาจแต่ละแห่งล่มสลาย ก็ทำให้ขุมอำนาจอื่นๆ ล้วนตระหนักได้แล้ว ว่าครั้งนี้หลินสวินไม่คิดจะปล่อยใครหน้าไหนไปทั้งนั้น
ดังนั้นขุมอำนาจบางส่วนถึงได้สลายสำนักตัวเอง เผ่นหนีไปก่อนล่วงหน้า
หนึ่งเดือนต่อมา
ในดินแดนรกร้างโบราณ ไม่ว่าขุมอำนาจใดก็ตามที่เคยเป็นปฏิปักษ์และมองหลินสวินเป็นศัตรูในปีนั้น ล้วนล่มสลายกลายเป็นควันเมฆผ่านตา
และนับแต่วันนี้ไป โครงสร้างของทั้งโลกหล้าล้วนถูกหลินสวินคนเดียวตีแตกโดยสมบูรณ์ ยุคสมัยใหม่เริ่มเปิดม่านขึ้นนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
ทุกสมัยใต้หล้าย่อมปรากฏผู้โดดเด่น ขุมอำนาจทั้งหมดในดินแดนรกร้างโบราณก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
การล่มสลายของยักษ์ใหญ่เหล่านั้น ก็หมายความว่าต่อไปจะมีสำนักใหม่ ขุมอำนาจใหม่แห่งแล้วแห่งเล่าผงาดขึ้น รับเอาอาณาเขตและทรัพยากรที่แต่เดิมเคยเป็นของเหล่ายักษ์ใหญ่!
สำหรับเรื่องนี้ ขุมอำนาจไม่รู้เท่าไหร่ลอบขอบคุณหลินสวินอยู่ในใจ หากไม่ใช่เพราะเขาล้างไพ่โลกหล้า ไหนเลยจะมีโอกาสให้ขุมอำนาจอย่างพวกเขาผงาดขึ้นมาได้
คลื่นลมทั่วหล้าปั่นป่วน สรรพสิ่งในโลกสั่นสะเทือน
หลินสวินที่จัดการเรื่องทั้งหมดนี้เสร็จสิ้น ก็พาซูไป๋มุ่งหน้าไปยังจุดที่ต้นเทพชางอู๋ตั้งอยู่นานแล้ว