Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2434 มรรคกักวิญญาณ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2434 มรรคกักวิญญาณ
ตอนที่ 2434 มรรคกักวิญญาณ
ผ่านไปอีกครึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว
ระหว่างทางพบเจอการซุ่มโจมตีน้อยใหญ่อย่างต่อเนื่องหลายสิบครั้ง แต่เกินครึ่งมาจากทหารนรกที่รวมตัวกัน
จำนวนแม่ทัพนรกน้อยนิดยิ่งนัก ภายในครึ่งเดือนเพิ่งถูกเขาสังหารไปห้าคน เมื่อได้มุกยมโลกห้าเม็ด ก็ได้พลังแห่งนรกอันไพศาลมาด้วย
ถึงตอนนี้ลายมรรคนรกเก้าลายที่อยู่ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งต่างควบรวมชัดขึ้นมาก มีเค้าลางจะสมบูรณ์อยู่กลายๆ ไม่ปนเปและคลุมเครืออย่างตอนแรกอีก
การเก็บเกี่ยวยิ่งใหญ่เช่นนี้ ก่อนหลินสวินเข้ามาในแดนนรกเซินหลัว ก็คาดไม่ถึงสักนิดเช่นกัน
‘ด้วยพลังการต่อสู้ในตอนนี้ของข้า การสังหารระดับบรรพจารย์ขั้นเก้าไม่อาจพูดว่าเป็นภัยคุกคามอีกแล้ว ไม่แน่เมื่อบรรลุระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดขั้นหลอมสุญ ก็สามารถลองดูว่าจะต้านบรรพจารย์มรรคได้หรือไม่แล้ว…’
‘นอกจากนี้เห็นได้ชัดว่าอานุภาพเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งยังเพิ่มสูงขึ้นไม่น้อย เข้ากับพลังต่อสู้ที่ข้ามีตอนนี้…’
ขณะที่เร่งเดินทาง หลินสวินก็สัมผัสการเปลี่ยนแปลงในมรรควิถีของตน
‘อีกอย่างพลังมรดกทั้งหมดที่คัมภีร์เตาหลอมมหามรรคหลอมรวมก็เกินครึ่งไปแล้ว แต่ยังห่างจากการหลอมหมื่นมรรค วิวัฒน์หมื่นวิชาอย่างแท้จริงอยู่ไม่น้อย’
หลายปีมานี้ร่างแยกทั้งห้าต่างหยั่งรู้และหลอมพลังมรดกต่างๆ ในตัวหลินสวินอยู่ตลอด
แค่หลอมรวมไม่นับเป็นอะไร
โดยพื้นฐานของการหลอมรวม การบุกเบิกเส้นทางของตัวเอง เปลี่ยนเป็นของตนเองจึงจะเป็นเป้าหมาย
นี่ก็คือการบุกเบิกและส่งต่อ
กระทั่งตอนนี้ นอกจากยอดมรดกมรรคกระบี่ทั้งห้าอย่างคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน คัมภีร์กระบี่มหาลมกรด ไปไร้หวนเป็นต้นแล้ว
พลังมรดกหลายสิบชนิดอย่างวิชาบัวเขียวหยั่งโลก คัมภีร์ร้อยสมุนไพรทั่วหล้า คัมภีร์มหาครรภ์จุติก็ถูกหลอมรวมไม่หยุด กลายเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์เตาหลอมมหามรรคของหลินสวิน
นี่ก็คือ ‘การประพันธ์คัมภีร์’
ขอเพียงมีคัมภีร์จักรพรรดิที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง และช่วยเสริมมรรควีถีในตัวเอง จึงจะมีความสามารถไปหยั่งรู้อมตะเมื่อเมื่ออยู่ในระดับบรรพจารย์!
‘เรื่องสำคัญตอนนี้ ยังเป็นการทะลวงขั้น!’
‘มีเพียงทะลวงขั้นจึงทำให้ข้าไปได้ไกลยิ่งขึ้น รอดได้นานยิ่งขึ้นในแดนใหญ่พันศึก หาไม่แล้วเมื่อเผชิญหน้ากับพวกบรรพจารย์มรรคเข้า ก็ได้แต่ระวังตัวหลบหนี…’
ดวงตาดำหลินสวินมีแววหนักแน่นฉายวาบ
และตอนนี้ปราณของเขาก็มาถึงขั้นไม่เกรงกลัวฟ้าดินขั้นสมบูรณ์แล้ว ขาดแค่จุดเปลี่ยนทะลวงขั้นก็จะเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นหลอมสุญ
ถึงตอนนั้น การเพิ่มพูนของพลังปราณก็จะทำให้พลังต่อสู้ของเขาแปรสภาพใหม่หมดไปด้วย!
“ข้างหน้าอีกไม่ไกลก็เป็นด่านประตูผีแล้ว” จู่ๆ นกกระจอกเขียวก็เอ่ยเตือน
หลินสวินใจกระตุก สลัดความคิดฟุ้งซ่านแล้วเงยมองไป
กลางหมอกสีดำไกลลิบมีเงาประตูมหึมาบานหนึ่งปรากฏขึ้นกลายๆ ด้านบนจรดนภา ด้านล่างเชื่อมแผ่นดิน แม้จะคลุมเครือเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ แต่ดูสูงตระหง่านและลึกลับเป็นที่สุด
ด่านประตูผี!
สถานที่น่าสะพรึงในนรกปรโลกที่ร่ำลือกัน ทันทีที่เข้าด่านนี้ วิญญาณสิ้นไม่อาจหวนคืน!
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงคำร่ำลือในยุคก่อน
ยามหลินสวินเข้าประชิดอย่างระมัดระวัง ก็พบว่าด่านประตูผีนี้มีประตูสีดำมหึมาบานหนึ่ง เหมือนกับประตูสวรรค์ที่พาดอยู่กลางฟ้าดิน
เสาหินทั้งสองด้านต่างหนาหลายสิบจั้ง บนเสาหินมีภาพลายเมฆกระดำกระด่างสลักอยู่ เสียหายไม่สมบูรณ์มานานด้วยผ่านการกัดกร่อนของกาลเวลาอันไร้สิ้นสุด
และบนขื่อประตูอันสูงยิ่งนั้นก็มีอักษรตัวโตๆ ที่สลักด้วยลายมรรคประหลาดสีดำสองคำ
ประตูผี!
ทำให้คนมองเห็นแล้วรู้สึกผวาไปครู่หนึ่ง
“เมื่อเข้าไปในประตูนี้ ไม่เพียงจะพบการซุ่มโจมตีของทหารนรกกับแม่ทัพนรก บนเส้นทางต่อๆ ไปยังเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเจอการโจมตีจากของอสนีมืดหกสาย”
นกกระจอกเขียวเตือน
อสนีมืดหกสายที่ว่า หมายถึงสายฟ้าที่เต็มไปด้วยพลังพิสดารหกชนิด ลือกันว่ามีเพียงแดนนรกถึงให้กำเนิดเภทภัยน่ากลัวเช่นนี้ได้
สายฟ้าทั้งหกชนิดนี้ได้แก่ อสนีเลือดอสูร อสนีชะตาสวรรค์ อสนีวิญญาณมนุษย์ อสนีพิฆาตผีร้าย อสนีกลืนนรก อสนีแกร่งเดรัจฉาน
อสูร สวรรค์ มนุษย์ ผีร้าย นรก เดรัจฉาน ต่างสอดคล้องกับหกภพภูมิในยุคก่อน!
จากนั้นนกกระจอกเขียวก็แนะถึงความน่ากลัวของอสนีมืดหกสายให้หลินสวินรู้
เมื่อได้ยินว่าหากถูกอสนีแกร่งเดรัจฉานเล่นงาน ระดับจักรพรรดิยังถูกฟาดจนกลายเป็นเดรัจฉาน ไม่อาจกลับสู่ร่างจริงได้ หลินสวินก็แทบจะหัวเราะออกมา
พอคิดว่าจู่ๆ ระดับจักรพรรดิกลุ่มหนึ่งกลายเป็นสัตว์อย่างหมู หมา แพะ ภาพเช่นนี้ย่อมเรียกได้ว่าล้ำเลิศ
ถึงขั้นที่หลินสวินนึกถึงภาพที่ซีเคยลงมือขับไล่ โดยเปลี่ยนเหล่าอริยะเป็นฝูงแพะสมัยอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณอย่างอดไม่ได้
“เจ้าอย่าขำไป ถ้าหากเจ้ากลายเป็นสัตว์ เกรงว่าจะร้องไห้ไม่ออก” นกกระจอกเขียวแค่นหัวเราะหยัน
หลินสวินอึ้งไปครู่หนึ่ง ขนลุกขึ้นมาทั้งตัว ถ้าเป็นจริงตามนี้ คิดดูก็น่าเสียวสันหลังวาบ…
“จริงสิ เจ้าไม่ได้บอกว่าใกล้ๆ กับด่านประตูผียังมีเขตผนึกลึกลับแห่งหนึ่งหรือ” หลินสวินนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา
นกกระจอกเขียวเอ่ย “เข้าไปในด่านประตูผีนี้ มุ่งหน้าไปไม่เกินสิบลี้ ด้านหนึ่งจะมีซากป้ายศิลาตั้งอยู่ป้ายหนึ่ง ด้านบนเขียนคำว่า ‘พญายม’ ในส่วนลึกด้านตะวันออกของซากป้ายศิลานี้ก็คือที่ตั้งของเขตผนึกลึกลับแห่งนั้น”
“พญายมหรือ”
หลินสวินเลิกคิ้ว “ตกลงในเขตผนึกลึกลับนั่นมีอันตรายแบบไหนอยู่”
“พลังระเบียบที่พังทลายไปด้วยหลังจากยุคก่อนล่มสลาย อมตะไม่ดับสูญราวกับเปลวเพลิงสีดำอันโชติช่วง ทั้งได้รับการขนานนามว่า ‘เพลิงระเบียบดับสูญ’”
นกกระจอกเขียวเอ่ยเสียงต่ำ “ในอดีตเคยมีบรรพจารย์มรรคที่แท้จริงไปสำรวจในนั้น แต่กลับประสบอันตรายไม่อาจล่วงรู้ได้ ทันทีที่หนีออกมาทั้งร่างก็ถูกเพลิงระเบียบดับสูญปกคลุม จิตสิ้นวิญญาณสลายในชั่วพริบตา กลายเป็นเถ้าธุลีปลิวว่อน”
“ก็ด้วยเหตุนี้ ถึงทำให้ผู้คนรู้ว่าอันตรายในเขตผนึกลึกลับนี้สามารถปลิดชีพบรรพจารย์มรรคได้!”
หลินสวินหวาดหวั่นอย่างอดไม่ได้ นัยน์ตาหดหรี่ “ในเมื่ออันตรายขนาดนี้ ทำไมเจ้ายังแนะนำให้ข้าไปสักครั้ง”
“เพราะในศาตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของเจ้าหล่อเลี้ยงพลังระเบียบสองชนิด อาศัยสิ่งนี้สามารถต้านทานพลังเพลิงระเบียบดับสูญได้ ถ้าสามารถเก็บเพลิงนี้ได้บ้าง… ฮี่ๆ ถึงขั้นเอาไปคุกคามระดับอมตะได้!”
เมื่อนกกระจอกเขียวพูดเช่นนี้ออกมา ทำเอาหลินสวินยังหน้าเปลี่ยนสีอย่างอดไม่ได้ เพิ่งตระหนักได้ว่า ‘วาสนา’ ที่นกกระจอกเขียวพูดคืออะไร
นกกระจอกเขียวเอ่ยต่อว่า “แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการสันนิษฐานของข้า ถ้าเจ้าไม่อยากไปจริงๆ ก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรที่บ้าๆ นั่นก็อันตรายไปจริงๆ”
หลินสวินแววตาไหววูบ นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ไปดูก่อนค่อยว่ากัน”
เขาก้าวเดินเข้าไปในด่านประตูผี
ฮูม…
เมื่อเงาร่างเขามาถึงใต้ด่านประตูผี จู่ๆ ระเบียบนิพพานในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งก็ปรากฏออกมา
จากนั้นก็ปลดปล่อยละอองแสงนิพพานอันงดงามสดใส ปกคลุมบนเสาหินมหึมาทั้งสองด้านรวมถึงขื่อประตูที่อยู่สูงลิบนั้น
“มันเจอพลังที่สามารถดูดซับและหลอมได้อีกหรือ” นกกระจอกเขียวอึ้งไป
หลินสวินเองก็คาดไม่ถึงเช่นกัน แต่จากนั้นก็รู้สึกตั้งตาคอย
ไม่นานนักระเบียบนิพพานถึงเก็บลำแสงกลับสู่เตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง
จิตรับรู้ของหลินสวินแทรกเข้าไปในนั้น สัมผัสเล็กน้อยก็เห็นทันที ว่าในแดนนรกในโลกระเบียบนิพพานนั้นมีด่านประตูผีที่ด้านบนจรดเก้าฟ้า ด้านล่างเหยียดยาวถึงเก้านรกเพิ่มขึ้นมาบานหนึ่ง!
เห็นได้ชัดว่าพลังที่ถูกระเบียบนิพพานดูดซับและหลอมก่อนหน้านี้เป็นส่วนหนึ่งของแดนนรก!
ทว่าคราวนี้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เพียงแค่มีหนึ่งในลายมรรคนรกเก้าลายที่ชัดเจนสมบูรณ์ขึ้นมาในชั่วพริบตา
เมื่อหลินสวินสัมผัสไป ก็มีนัยเร้นลับมหามรรคอันพิสดารระลอกหนึ่งผุดขึ้นในใจ
เนิ่นนานในที่สุดหลินสวินก็เข้าใจ ในลายมรรคนรกลายนี้มีมหามรรคนรกที่สมบูรณ์ประทับอยู่ มีนามว่า ‘มรรคกักวิญญาณ’!
มรรคนี้แบ่งเป็นข้ามแดนและกักวิญณาณ พลังแห่งการข้ามแดน สามารถนำส่งวิญญาณผู้วายชนม์ เศษเสี้ยววิญญาณ วิญญาณชั่ว วิญญาณผู้กล้า และจิตวิญญาณให้ข้ามแดนได้…
จิตวิญญาณที่ถูกส่งข้ามแดน ล้วนถูกหลอมเป็นพลังวิญญาณบริสุทธิ์ สามารถใช้ฟูมฟักและหลอมพลังจิตวิญญาณของตนได้
ส่วนกักวิญญาณ กลับเป็นพลังที่อหังการยิ่งกว่า ในการต่อสู้ห้ำหั่นก็เหมือนควบคุมพันธนาการ สามารถจับจิตวิญญาณดั้งเดิมของอีกฝ่ายแล้วลากออกมาได้!
ที่ลึกลับที่สุดก็คือมรรคกักวิญญาณนี้ไม่ใช่วิชาลับ แต่เป็นกฎเกณฑ์มหามรรคอย่างหนึ่ง หลังได้ครอบครองแล้วสามารถแปลงเป็นส่วนหนึ่งของมรรควิถีของตน
เมื่อเป็นเช่นนี้ พลังนี้ก็สามารถใช้ในวิธีการต่อสู้ต่างๆ ได้!
เมื่อได้เข้าใจเรื่องพวกนี้ ในใจหลินสวินสะท้านไหวอย่างอดไม่อยู่ มรรคกักวิญญาณนี้น่ากลัวยิ่ง ไม่รู้จริงๆ ว่าแดนนรกในยุคก่อนต้องน่ากลัวปานไหน ถึงได้ครอบครองพลังมหามรรคที่พิสดารอหังการเช่นนี้ได้
ขณะเดียวกันหลินสวินก็ตะหนักได้ ว่ามรรคนี้เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับด่านประตูผีนี้อย่างแนบแน่น
ไม่ว่าจะเป็นการส่งจิตวิญญาณข้ามแดนหรือกักวิญญาณ ต่างล้วนเป็นการนำพาเข้าสู่ด่านประตูผี เป้าหมายก็คือดำเนินการตัดสินและพิพากษา และจัดการผ่านศาลหกภูมิ!
หลินสวินประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ ‘ลายมรรคนรกมีเก้าลาย หนึ่งในนั้นเป็นมรรคกักวิญญาณ เช่นนั้นอีกแปดลายจะเป็นอะไร’
น่าเสียดาย ลายมรรคนรกแปดลายนี้ยังไม่สมบูรณ์ คิดจะมองทะลุความลึกลับในนั้น ก็ทำได้เพียงเก็บสะสมพลังอย่างช้าๆ เท่านั้นแล้ว
“รีบไปเถอะ”
นกกระจอกเขียวเร่ง ปราดเดียวก็มองออกว่าหลินสวินต้องได้ผลเก็บเกี่ยวใหญ่มาแน่ นี่ทำให้มันอยากรู้นัก แต่ก็รู้ว่าหลินสวินย่อมไม่เปิดเผยเด็ดขาด
หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ และลอบสั่งกายมรรคไม้เขียวให้เริ่มหยั่งรู้มรรคกักวิญญาณ ถึงค่อยเดินไปเบื้องหน้า
พอผ่านด่านประตูผี ในเส้นทางถัดจากนั้นหลินสวินก็ระมัดระวังอย่างหาใดเทียบ ด้วยกลัวว่าถ้ามีอสนีแกร่งเดรัจฉานผ่าลงมาสักสายตนจะโดนผ่าเอาได้
ยามเดินไปไม่ถึงสามลี้ จู่ๆ แม่ทัพนรกคนหนึ่งก็พาทหารนรกกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาหาหลินสวินจากในหมอกดำอบอวล
หลินสวินจะเกรงใจได้อย่างไร ทะยบานตัวเข้าไป ผ่านไปเพียงครู่สั้นๆ ก็ปลิดชีพเจ้าพวกนี้จนเกลี้ยง ได้มุกยมโลกเม็ดหนึ่งมาอย่างง่ายดาย
ทว่าเมื่อหลินสวินคิดจะสังเกตดูความเปลี่ยนแปลงของลายมรรคนรกเก้าลายนั้น
จู่ๆ สายฟ้าสีเลือดสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเงียบๆ กรีดผ่านห้วงอากาศฟาดมายังหลินสวิน ตั้งแต่เริ่มจนจบไม่ส่งเสียงสักแอะ
ขนาดความเร็วยังเร็วจนน่าเหลือเชื่อ!
ด้วยไม่ทันตั้งตัว หลินสวินจึงทำได้เพียงใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเข้ารับตรงๆ
ปึง!
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสั่นโคลงรุนแรง ส่งเสียงอึงอลดังลั่น สายฟ้าสีแดงทั้งแถบซัดสาดกระจัดกระจาย ซัดให้เงาร่างหลินสวินถอยหลังโซเซ เลือดลมปั่นป่วนไปครู่หนึ่ง
เขาตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ สายฟ้านี้จะแข็งแกร่งเกินไปแล้วกระมัง!
อานุภาพเช่นนั้นแข็งแกร่งกว่าบรรพจารย์ขั้นเก้าอยู่บ้าง ทั้งยังแปลกประหลาดหาใดเทียบ เงียบเชียบไร้เสียง ปรากฏขึ้นกะทันหันทำให้คนไม่ทันตั้งตัว
ไม่ทันให้โอกาสหลินสวินได้ไตร่ตรอง สายฟ้าที่มีแสงเลือดประหลาดสายแล้วสายเล่าก็เคลื่อนออกมาจากกลางหมอกดำนั้นอย่างเงียบเชียบอีกครั้ง…
——