Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2449 ถูกหมายหัวแล้ว
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2449 ถูกหมายหัวแล้ว
ตอนที่ 2449 ถูกหมายหัวแล้ว
ครึ่งเค่อต่อมา
ปึง!
หลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง กำจัดพลังจิตของชายชรา
อีกฝ่ายได้บอกเรื่องที่เขาอยากทำความเข้าใจแล้ว อีกทั้งเขากล้าฟันธงว่าเฒ่าชราคนนี้ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังสักนิด
เรื่องทั้งหมดง่ายดายยิ่ง
ก่อนหน้านี้ในเมืองตั้งต้น ระดับจักรพรรดิจำนวนหนึ่งก็ถูกเหวินเซ่าเหิงลอบหว่านล้อม เสนอเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้ระดับจักรพรรดิคนใดก็ตามไม่อาจปฏิเสธได้
ขอเพียงฆ่าเขาหลินสวินให้ตายในแดนลับฝึกหลอม ผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ล้วนสามารถพึ่งใบบุญเหวินเซ่าเหิง มีโอกาสกลายเป็นผู้คุ้มกันใต้ปกครองของเขา มุ่งหน้าสู่โลกยอดนิรันดร์ไปด้วยกัน
ต่อให้ไม่เต็มใจพึ่งพิงเหวินเซ่าเหิง ขอเพียงร่วมมือจัดการหลินสวิน ก็สามารถได้รับรางวัลเป็นแหล่งดาราสิบก้อน!
แหล่งดาราสิบก้อน อิงตามมูลค่าตลาดก็มากถึงห้าสิบห้าผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่ง!
ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ด้วยของสิ่งนี้ ก็จะออกจากเมืองตั้งต้นได้อย่างราบรื่น เหยียบย่างบนหนทางที่มุ่งหน้าสู่โลกยอดนิรันดร์ต่อไปได้
นี่ทำให้หลินสวินแปลกใจยิ่ง เหวินเซ่าเหิงร่ำรวยถึงขั้นนี้เชียวหรือ
แต่ไม่นานหลินสวินก็เข้าใจ สาเหตุที่เหวินเซ่าเหิงกล้าให้สัญญา เป็นเพราะได้รับการรับรองจากเหิงเทียนซั่ว!
ครู่เดียวหลินสวินก็เข้าใจกระจ่าง
มีเจ้าเมืองอย่างเหิงเทียนซั่วรับรอง ระดับจักรพรรดิทั่วไปมีหรือจะปฏิเสธเงื่อนไขที่ล่อใจเช่นนี้
นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหลินสวินเพิ่งเข้าสู่แดนลับฝึกหลอมก็ถูกซุ่มโจมตีทันที
และในที่สุดหลินสวินก็รู้ชัด ว่าเหตุใดก่อนหน้านี้คนพวกนั้นถึงได้เคลื่อนไหวเช่นนั้น ในแดนลับฝึกหลอมแห่งนี้ ไม่ว่าใครพบเห็นเขาล้วนต้องมองเขาเป็นเหยื่อกันหมด
“คนตายเพราะทรัพย์สมบัตินกตายเพราะอาหาร คำพูดนี้ถึงจะหยาบกระด้างไปหน่อย แต่กลับเป็นเหตุผลที่ไม่เสื่อมสลายมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน…”
นัยน์ตาดำของหลินสวินไหวกระเพื่อม เขาไม่กลัวอุบายของเหวินเซ่าเหิง แต่กลับไม่อาจไม่ไตร่ตรองถึงภัยคุกคามที่มาจากบรรพจารย์มรรคอย่างเหิงเทียนซั่ว
“มองข้าเป็นศัตรู ต่อให้ทำลายเจ้าแล้วจะอย่างไร…” ในใจหลินสวินตัดสินโทษตายให้เหิงเทียนซั่วแล้ว
จากนั้นเขาก็เก็บทรัพย์หลังศึก
การต่อสู้ก่อนหน้านี้มีระดับจักรพรรดิสิบกว่าคนถูกเขาสังหาร ในจำนวนนั้นมีบรรพจารย์ขั้นเก้าสามคน บุคคลขอบเขตมกุฎสองคน ที่เหลือล้วนเป็นระดับจักรพรรดิทั่วไป
ทรัพย์หลังศึกที่รวบรวมได้ก็มากมายหลากหลายเช่นกัน
ในนั้นมีผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งรวมทั้งสิ้นสามล้านกว่าผลึก มุกยมโลกห้าเม็ด สมบัติโบราณศาสตราจักรพรรดิสารพัดชนิดยี่สิบกว่าชิ้น…
ของอย่างอื่นเช่นเจตวัตถุ วัตถุดิบเทพกองพะเนินเป็นภูเขา จากการคาดเดาคร่าวๆ ของหลินสวิน อย่างน้อยก็มีมูลค่ากว่าหนึ่งล้านผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่ง
นอกจากนี้ยังมีข้าวของจิปาถะอีกจำนวนหนึ่ง อย่างเช่นมรดกตำราลับ วิชายุทธ์ ลูกกลอนโอสถเป็นต้น
“ผลตอบแทนไม่เลว” หลินสวินสีหน้าพึงพอใจ
สิ่งที่เขาขาดแคลนมากที่สุดในตอนนี้ก็คือทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาล มีเพียงเช่นนี้เท่านั้นจึงจะสามารถแลกเปลี่ยนมุกยมโลกที่มากกว่าเดิมได้ เพื่อนำไปหลอมลายมรรคนรกเก้าสายนั้น
ต่อจากนั้นหลินสวินเอาร่มโบราณสำริดคันหนึ่งออกมา
นี่คือสมบัติโบราณที่ลึกลับแปลกประหลาดชิ้นหนึ่ง ภายในมีผนึกลายมรรคที่แปลกพิสดาร ครอบฟ้าบังตะวัน ปกคลุมแปดทิศ มีชื่อเรียกว่า ‘ร่มค้ำฟ้า’
ในสมบัติชิ้นนี้เดิมประทับพลังเจตจำนงที่เป็นของบรรพจารย์มรรค แต่ตอนนี้ถูกหลินสวินทำลายไปแล้ว
สาเหตุที่หลินสวินเก็บสมบัติชิ้นนี้ไว้ ก็เพราะในร่มโบราณสำริดนี้มีคุณสมบัติอมตะเป็นริ้วๆ อบอวลออกมา ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง
นี่เป็นศาสตรามรรคอมตะที่เสียหายยับเยินชิ้นหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงจะเป็นเช่นนี้ แต่อานุภาพของมันกลับแข็งแกร่งและน่ากลัวยิ่งกว่าศาสตราจักรพรรดิส่วนใหญ่
แต่สิ่งที่หลินสวินให้ความสำคัญยิ่งกว่า คือวัตถุอมตะในสมบัตินี้
จากที่เขาเข้าใจ วัตถุอมตะนี้ล้ำค่าและราคาแพงหาใดเปรียบ หากอยู่ในโลกยอดนิรันดร์ ก็เป็นสิ่งล้ำค่าระดับสมบัติจากธรรมชาติ สามารถนำมาหลอมศาสตรามรรคอมตะได้!
หลินสวินหมุนร่มค้ำฟ้าคันนี้เล่นในมือหนหนึ่ง ก็ตัดสินใจออกเดินทาง
วู้ม…
ป้ายยืนยันตัวตนปรากฏขึ้นมา
สัมผัสเล็กน้อยหลินสวินก็ระบุได้ว่าในป้ายยืนยันตัวตนแผ่กลิ่นอายสายหนึ่งออกมา ชี้ไปยังทิศทางไกลโพ้น
ตามกฎการเข้าร่วมแดนลับฝึกหลอม ภายในหนึ่งเดือนมีเพียงเข้าไปในเขตที่ป้ายยืนยันตัวตนระบุ จึงจะสามารถเปิดใช้งานเส้นทางที่เชื่อมสู่โลกภายนอกและออกไปจากที่แห่งนี้ได้
และในแดนลับฝึกหลอมนี้ก็แบ่งออกเป็นเก้าอาณาเขตใหญ่ นี่ก็หมายความว่าหลินสวินจำเป็นต้องเข้าไปในอาณาเขตที่ป้ายยืนยันตัวตนของตนระบุ ถึงตอนนั้นจึงสามารถออกจากที่แห่งนี้ได้
เพียงแต่จนป่านนี้หลินสวินก็ยังไม่แน่ใจว่าสุดท้ายตนจะไปถึงพื้นที่ไหนกันแน่
สวบ!
เงาร่างหลินสวินพริบไหว เริ่มเคลื่อนไหวตามการชี้นำของป้ายยืนยันตัวตน
“ในเก้าอาณาเขตใหญ่ล้วนมีภัยอันตรายที่ต่างกันกระจายอยู่ ที่ซ่อนแหล่งดาราก็มักจะอยู่ในสถานที่อันตราย”
ระหว่างทางนกกระจอกเขียวที่ซ่อนตัวอยู่ในถุงหอมกล่าวชี้แนะ “ในนั้น อาณาเขตที่น่าสะพรึงที่สุดย่อมเป็นอาณาเขตที่เก้า ในกาลเวลาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่เข้าไปล้วนร่วงหล่นอยู่ในนั้น ไม่มีใครโชคดีรอดมาได้สักคน”
“แต่ในสมัยนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้เข้าร่วมการฝึกฝนคนใดก็ตาม จวนเจ้าเมืองล้วนไม่จัดคนมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตที่เก้าอีก เพราะนั่นไม่ต่างอะไรกับการส่งไปตาย”
เพิ่งได้ยินถึงตรงนี้ในใจหลินสวินพลันหนักอึ้งทันใด “เจ้าหมายความว่า จวนเจ้าเมืองเป็นคนจัดแจงว่าจะให้ผู้แข็งแกร่งที่มาเข้าร่วมคนใดเข้าไปในอาณาเขตไหนหรือ”
“นี่มันของแน่อยู่แล้ว”
นกกระจอกเขียวตอบโดยพลัน
สีหน้าหลินสวินพลันวูบไหวไม่นิ่งขึ้นมาทันที เขามีสังหรณ์แรงกล้าอย่างหนึ่ง เกรงว่าตนคงถูกเจ้าเฒ่าเหิงเทียนซั่วนั่นวางอุบายแต่ต้นแล้ว!
“เจ้าคงไม่ได้กำลังสงสัยว่า…” เห็นได้ชัดว่านกกระจอกเขียวเองก็เดาอะไรขึ้นมาได้แล้ว น้ำเสียงพลันเปลี่ยนไปทันควัน “หากเป็นเช่นนี้จริง นี่ไม่ใช่ว่าใกล้จบเห่กันแล้วหรือ”
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ข่มกลั้นไอสังหารในใจเอาไว้ กล่าวว่า “นกกระจอกเขียว เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าในอาณาเขตที่เก้าซุกซ่อนอันตรายอะไร”
“ได้ยินว่าที่นั่นเป็นสถานที่สำคัญแกนหลักที่ทวยเทพยุคก่อนพำนักอาศัย แต่หลังจากผ่านการเปลี่ยนแปลงล้างยุคสมัยแล้ว ภายในอาณาเขตที่เก้านั่นก็กลายเป็นสถานที่แปลกพิสดารและอัปมงคลอย่างที่สุด”
นกกระจอกเขียวก็ตระหนักได้ ว่าสถานการณ์ของหลินสวินเป็นไปได้สูงว่าอาจเปลี่ยนเป็นเลวร้าย จึงไม่กล้าเก็บงำ เล่าสิ่งที่ตนรู้ออกมาจนหมด
เพียงแต่หลังจากฟังจบหลินสวินถึงพบว่า สิ่งที่นกกระจอกเขียวรู้ทั้งหมดก็เป็นเพียงคำเล่าขานส่วนหนึ่งเท่านั้น ภายในนั้นมีอันตรายขนาดไหนกันแน่ ไม่มีใครรู้แน่ชัด
เพราะผู้ที่เข้าไปในนั้นตั้งอดีตจนถึงปัจจุบันล้วนตายกันหมด
แม้จะเป็นพวกที่แข็งแกร่งอย่างระดับอมตะ ก็ไม่มีใครโชคดีรอดมาได้สักคน!
นี่ทำให้ไอสังหารในใจหลินสวินยิ่งเดือดทะลักมากขึ้น สีหน้ามืดทะมึน
เขาไม่เคยล่วงเกินเหิงเทียนซั่วสักนิด แต่อีกฝ่ายกลับวางแผนอำมหิตเช่นนี้เพราะความสัมพันธ์กับเหวินเซ่าเหิง เห็นชัดว่าไม่คิดจะให้เขาหลินสวินรอดชีวิตออกไปได้!
“สิ่งที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือการรวบรวมแหล่งดารา รอถึงตอนนั้นค่อยคิดเรื่องออกไปก็ยังไม่สาย…”
หลินสวินไม่ได้เปลี่ยนทิศทาง
จากที่เขารู้ หากจะไปถึงอาณาเขตที่เก้าก็ต้องข้ามผ่านอาณาเขตที่หนึ่งถึงแปด จนกระทั่งไปถึงส่วนลึกสุดของแดนลับฝึกหลอมแห่งนี้ ซึ่งก็คือสถานที่ที่อาณาเขตที่เก้าตั้งอยู่
ระหว่างทางนี้มีเวลาให้เขาไปเสาะหาแหล่งดารา
หนึ่งชั่วยามต่อมา
หลินสวินหยุดนิ่งทันควัน สีหน้าตกใจ
เบื้องหน้าเขาปรากฏไอหมอกสีเทาขุ่นมัวแถบหนึ่ง คละคลุ้งสี่ทิศ ซึมเข้าไปในห้วงอากาศไร้ขอบเขต แม้ว่าเปิดตาทิพย์ของเขาจะสามารถมองทะลุมายา ทะลวงความลวงได้ แต่ก็ยังไม่สามารถมองผ่านไอหมอกสีเทาที่คละคลุ้งทั่วทิศแถบนี้ได้
ทว่าเขาพอจะสัมผัสได้ ว่ากลางไอหมอกสีเทานี้คล้ายกับมีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าดาราโคจรพันเท่าหมื่นเท่ากำลังซัดสาดอยู่
ต่อหน้าพลังนี้ ต่อให้เป็นระดับบรรพจารย์มรรคก็เป็นเหมือนมดแมลง รับการโจมตีเดียวไม่ไหวเช่นกัน!
“นี่คือปราการกั้นเขตของแดนลับฝึกหลอม คล้ายกับปราการห้วงอากาศที่กั้นระหว่างโลกใหญ่กับโลกเล็ก” นกกระจอกเขียวกล่าวชี้แนะ
“กล่าวเช่นนี้ หลังไอหมอกสีเทานี่ก็คือเขตที่หนึ่งแล้วหรือ” หลินสวินคล้ายใคร่ครวญ
“ไม่ผิด ด้วยป้ายยืนยันตัวตนในมือเจ้า สามารถผ่านปราการกั้นเขตสายนี้ไปได้สบาย ไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับบาดเจ็บใดๆ” นกกระจอกเขียวกล่าว
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
หลินสวินลอบถอนหายใจ พลังในพยับหมอกสีเทานั่นน่าสะพรึงเกินไป สามารถสังหารบรรพจารย์มรรคได้ ขืนพรวดพราดเข้าไปมีแต่ตายไม่เหลือรอดอย่างแน่นอน
เขาไม่ได้ลังเล ครู่ต่อมาก็เคลื่อนเข้าสู่พยับหมอกสีเทากลุ่มนั้น ก่อนจะอันตรธานหายไป
…
อาณาเขตที่หนึ่ง
เทือกเขาทอดสลับเรียงราย โกรกธารแผ่นดินใหญ่ตัดสลับ
นี่เป็นโลกที่รกร้างแห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเนินเขา หินผา แผ่นดิน… ทุกแห่งหนล้วนปรากฏกลิ่นอายความตายที่ประหนึ่งวังเวง แตกดับ
ในห้วงอากาศ กลิ่นอายเข่นฆ่าหนาทึบที่กดข่มจิตใจผู้คนคละคลุ้ง ลมแรงพัดโบก ดุจดั่งมีดคมกริบนับพันนับหมื่นเล่มหอบม้วน ตัดเฉือนพื้นผิวเทือกเขาออกเป็นรอยแยกสะดุดตาน่าหวาดหวั่นสายแล้วสายเล่า
“กลิ่นอายเข่นฆ่าน่าสะพรึงนัก”
หลังจากหลินสวินเข้าไปในพยับหมอกสีเทานั่น ก็มายังโลกแห่งนี้แล้ว
กลิ่นอายเข่นฆ่าที่มีอยู่ทั่วทุกอณูนั้น คล้ายมีดนับไม่ถ้วนบาดเฉือน ผู้ฝึกปราณทั่วไปโผล่มาที่นี่ เกรงว่ายังไม่ทันตอบสนองก็ถูกตัดเฉือนนับชิ้นไม่ถ้วนแล้ว
ที่แห่งนี้รกร้างวังเวงมาก เดินเข้ามาหลายร้อยลี้ตลอดทาง แม้แต่สิ่งมีชีวิตสักตัวก็ยังไม่มีให้เห็น สิ่งที่กระทบสายตามีเพียงภูผาและโขดหินโล้นเตียน แห้งเหี่ยวทั้งแถบ
ลมกระโชกเป็นระลอกพัดผ่าน ดุจดาบกระบี่ล้างผลาญ เกรี้ยวกราดและอึมครึม แม้แต่หลินสวินก็ยังไม่อาจไม่โคจรปราณ ถึงได้รู้สึกผ่อนคลายลงไปมาก
“สถานที่ซ่อนแหล่งดารามีจุดพิเศษอะไรบ้างหรือไม่” เขาเอ่ยถาม
แหล่งดาราเป็นพลังต้นกำเนิดดาราอย่างหนึ่ง ภายในบรรจุนัยเร้นลับมหามรรคอันน่าอัศจรรย์
ในกาลเวลาไร้สิ้นสุด แดนลับฝึกหลอมแห่งนี้จะกลืนกินดาราดวงแล้วดวงเล่าในจักรวาลเป็นระยะ
ดวงดาวเหล่านี้หลังจากร่วงหล่นในโลกแดนลับฝึกหลอมนี้ ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงมหัศจรรย์ขึ้น กลายเป็นแหล่งดาราที่บรรจุคุณลักษณะกฎเกณฑ์ที่ไม่เหมือนกัน ฝังอยู่ตามสถานที่ต่างกันออกไป
แหล่งดารามีทั้งไม่สมบูรณ์และสมบูรณ์แบบ คุณลักษณะมหามรรคที่บรรจุภายในนั้นก็ย่อมไม่เหมือนกัน
แหล่งดาราที่คุณภาพสมบูรณ์เป็นเลิศจำนวนหนึ่ง ถึงขั้นสามารถฟูมฟักนัยเร้นลับมหามรรคอันน่าเหลือเชื่อออกมาได้
ในสายตาผู้ฝึกปราณ แหล่งดาราเป็นทั้งสมบัติล้ำค่าที่หยั่งถึงมหามรรคอย่างหนึ่ง และเป็นทั้งเจตวัตถุหายากที่หลอมศาสตราจักรพรรดิได้
ในตอนที่ศาสตราจักรพรรดิดูดซับแหล่งดารา ก็จะได้รับนัยเร้นลับกฎเกณฑ์มหามรรคภายในแหล่งดาราไปด้วย เรียกได้ว่ามหัศจรรย์
นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำไมมูลค่าของแหล่งดาราถึงได้แพงหูฉี่เช่นนี้
ก็เห็นนกกระจอกเขียวรีบร้อนกล่าว “พลังชีวิต ขอเพียงมีสถานที่ที่พลังชีวิตแผ่ออกมา ย่อมต้องมีแหล่งดาราอยู่ เจ้าเองก็ได้เห็นแล้ว สถานที่ในการเคี่ยวกรำนี้ก็คือโลกรกร้างปิดตายที่ไม่มีหญ้างอกแม้แต่ต้นเดียว ขอเพียงปรากฏพลังชีวิต ย่อมต้องถูกพบทันทีแรกแน่นอน”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้
หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ
ทันใดนั้นนกปีศาจมหึมาตัวหนึ่งบินผ่านท้องฟ้า ปีกสองข้างสยายออกกินพื้นที่ถึงพันจั้ง ซัดลมคลั่งขึ้นวูบหนึ่ง อึดใจเดียวก็โผบินมาเยือนจากเวิ้งฟ้าไกลออกไป
บนหลังนกปีศาจตัวนั้นมีเงาร่างเจ็ดแปดสาย เมื่อเห็นหลินสวินถึงกับเดินทางตัวคนเดียวก็ดูคล้ายตกใจยิ่ง สีหน้าฉายแววประหลาด
กระทั่งยามเห็นลักษณะหลินสวินถนัดตา สีหน้าของเงาร่างเหล่านี้ก็เปลี่ยนเป็นพิลึกพิลั่นขึ้นมาทันที มีทั้งละโมบ ทั้งตกใจ ทั้งฮึกเหิม
ก็เปรียบเสมือนบังเอิญพบเหยื่อที่ถูกใจมาเนิ่นนานตัวหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ!
——