Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2450 เยวี่ยตู๋ชิว
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2450 เยวี่ยตู๋ชิว
ตอนที่ 2450 เยวี่ยตู๋ชิว
นกปีศาจบินโฉบฟ้า ท่วงท่าดุดัน เบียดใกล้เข้ามาทางหลินสวิน
หลินสวินชะงักเท้าทันควัน มองไปด้วยสายตาเรียบเฉย มุมปากเจือแววเยียบเย็นที่คล้ายมีแต่ไม่มี
มีคนมองเขาเป็นศัตรูอีกแล้วหรือ
พอดีเลย สำหรับเขาแล้ว นี่ไหนเลยจะไม่ใช่เหยื่อที่มาหาถึงที่กลุ่มหนึ่ง
หลินสวินรู้ดียิ่ง คนเหล่านี้เห็นชัดว่ายังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นตรงบริเวณปากทางเข้าแดนลับฝึกหลอม
หาไม่เกรงว่าคงไม่กล้าเฉียดใกล้เข้ามาอย่างแข็งกร้าวเช่นนี้แน่
“ฮ่าๆๆ หลิงเสวียนจื่อ คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอเจ้าที่นี่”
บนนกปีศาจ ชายชุดหรูที่ผอมสูงคนหนึ่งอดระเบิดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ สายตาที่จ้องหลินสวินดุดันไร้กลัวเกรง
คนอื่นก็ตั้งท่าพร้อมกระโจนใส่
คนกลุ่มนี้ไม่ธรรมดายิ่ง มาจากขุมอำนาจเดียวกัน ชายชุดหรูที่เป็นผู้นำเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง มีปราณขั้นเจ็ด
ข้างกายยังมีบรรพจารย์ขั้นเก้าสองคน ในบรรดาผู้แข็งแกร่งที่เข้าร่วมแดนลับฝึกหลอมทั้งหมด กำลังพลระดับนี้ถือว่าแข็งแกร่งมากแล้ว ไม่อาจดูเบา
“ข้าเองก็ดีใจยิ่งที่ได้เจอทุกท่าน” หลินสวินเผยรอยยิ้มเจิดจ้า
นี่ทำให้ทุกคนอึ้งไป ล้วนค่อนข้างแปลกใจ
ตามความเข้าใจของพวกเขา แม้หลิงเสวียนจื่อจะเคยสังหารเหวินเซ่าเหิง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ หนำซ้ำเหตุที่เขาสามารถรอดพ้นจากการลงโทษของจวนเจ้าเมืองได้ ก็เป็นเพราะได้อานิสงส์จากถานไถเฟิงเท่านั้น
ไม่มีใครเชื่อว่าหลิงเสวียนจื่อที่เพิ่งมีพลังระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นหก พลังต่อสู้จะแกร่งกล้ามากมายอะไร
ยิ่งกว่านั้นพวกเขาต่างพากันรู้ชัดว่าหลิงเสวียนจื่อมาจากสถานที่ตกต่ำอย่างทางเดินโบราณฟ้าดารา เบื้องหลังแม้จะมีที่พึ่ง แต่ก็สามารถมองข้ามได้อย่างสิ้นเชิง
และเป็นเพราะการตัดสินเช่นนี้ ทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากพอไปเผชิญหน้ากับหลินสวิน
แต่ตอนนี้ท่าทีเรียบเฉยผ่อนคลายของหลินสวิน กลับทำให้ในใจพวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่รางๆ
และในเวลานี้เสียงหัวเราะเย็นเยียบเจือแววต่ำลึกน่าดึงดูดสายหนึ่งก็ดังขึ้น
“เจ้าพวกโง่ ก่อนหน้านี้หลิงเสวียนจื่อนั่นเพิ่งฆ่ามหาจักรพรรดิไปสิบกว่าคน ในนั้นยังมีมกุฎมหาจักรพรรดิและบรรพจารย์ขั้นเก้าอยู่ด้วย พวกเจ้ายังมองเขาเป็นเหยื่ออีก อยากรนหาที่ตายกันรึ”
เสียงก้องสะท้อนกลางฟ้าดินราวเสียงมหามรรค
ก็เห็นว่าไกลออกไปเงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ เขาหน้าตาหล่อเหลา สวมชุดนักพรตสีเข้ม แขนเสื้อกว้างสะบัดโบก ยามกะพริบตามีไอแรกกำเนิดคละคลุ้ง
ใต้เท้าของเขายังเหยียบน้ำเต้าเปลือกเขียวขนาดยักษ์เหมือนเรือลำหนึ่ง ท่วงท่าสง่างามโดดเด่นนั้นเรียกได้ว่าหาที่เปรียบไม่ได้
หลินสวินหัวคิ้วขมวดมุ่นทันใด
และพวกชายชุดหรูที่ยืนอยู่บนนกปีศาจนั่น เวลานี้ล้วนฉายแววตกใจ ในใจล้วนสั่นผวาระลอกหนึ่ง นี่พูดจริงหรือพูดเล่น
หลิงเสวียนจื่อนี่วิปริตขนาดนั้นเชียวหรือ
แม้พวกเขาจะถูกด่าว่าโง่ แต่กลับจำที่มาของชายชุดนักพรตคนนั้นได้ มั่นใจยิ่งว่าจากฐานะของอีกฝ่าย ไม่มีทางลดตัวมาพูดพล่อยๆ เด็ดขาด
ชั่วขณะเดียวพวกเขาล้วนถอยหลีกโดยจิตใต้สำนึก รักษาระยะห่างระหว่างหลินสวินไว้ไกลๆ มองเขาเหมือนเป็นสัตว์ร้ายชักนำพิบัติ
“เจ้าตั้งใจจะช่วยพวกเขาหรือ” หลินสวินถาม ในใจเขาผุดข้อมูลจำนวนหนึ่งที่เกี่ยวกับอีกฝ่ายขึ้นมา
เยวี่ยตู๋ชิว
มกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปด ฉายา ‘มหาจักรพรรดิจู๋หลิว’ มาจาก ‘เขตแดนดาราเทพผงาด’ ที่อยู่อันดับหนึ่งในโลกพันจักรวาลเช่นเดียวกับเฟิงจวินหลิน
ชาติกำเนิดของเขาไม่ธรรมดายิ่ง พรสวรรค์แปลกพิสดาร ฝึกปราณมาเก้าพันปี รากฐานพลังลึกล้ำสุดหยั่ง
เยวี่ยตู๋ชิวก็เป็นหนึ่งในบุคคลจำนวนน้อยนิดที่หลินสวินให้ความสำคัญ ในหมู่ผู้แข็งแกร่งที่เข้าร่วมการเคี่ยวกรำในครั้งนี้
ถึงอย่างไรมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปด ลำพังแค่ปราณระดับนี้ก็สามารถทำให้ใครก็ตามไม่อาจมองข้ามได้แล้ว
กลับเห็นเยวี่ยตู๋ชิวที่สวมชุดนักพรต หล่อเหลาโดดเด่นส่ายหน้ากล่าวยิ้มๆ “ข้าแค่อยากเตือนพวกเขาหน่อย ไม่อยากให้ตายโดยไม่รู้ว่าตายอย่างไร”
สีหน้าของพวกชายชุดหรูที่อยู่บนนกปีศาจล้วนค่อนข้างไม่น่าดู แต่ได้เห็นเยวี่ยตู๋ชิวพูดเช่นนี้ พวกเขายิ่งไม่กล้าชะล่าใจ
หลินสวินเหลือบมองเยวี่ยตู๋ชิวปราดหนึ่ง ก่อนหมุนตัวจากไป
เยวี่ยตู๋ชิวมีสีหน้าคล้ายขบคิดขณะมองเข้าจากไป
“สหายยุทธ์ หลิงเสวียนจื่อนั่นน่ากลัวขนาดนั้นจริงหรือ” เวลานี้ในที่สุดชายชุดหรูก็อดถามขึ้นมาไม่ได้
“ไม่เชื่อหรือ เช่นนั้นพวกเจ้าก็ลองดู จำไว้ ครั้งนี้เป็นเพราะเห็นแก่ที่พวกเจ้ามาจากเขตแดนดาราเทพผงาด ข้าถึงได้เตือนด้วยความหวังดี ครั้งหน้า… พวกเจ้าก็อวยพรให้ตัวเองแล้วกัน”
เยวี่ยตู๋ชิวกล่าวจบก็เหยียบน้ำเต้าเปลือกเขียวขนาดใหญ่นั่นเหินทะยานผ่านห้วงอากาศจากไป
พวกชายชุดหรูมองหน้าสบตากัน ไม่มีใครไม่ตกใจจนเหงื่อกาฬแตกพลั่ก เมื่อครู่… พวกเขาเพิ่งเดินไปจ่อปากเหวความตายมาชัดๆ!
…
หลังจากหลินสวินมุ่งหน้าไปอีกหลายพันลี้ บนหนทางเริ่มปรากฏกลิ่นคาวเลือด นอกจากนี้ยังมีเศษซากสมบัติ รวมถึงร่องรอยการต่อสู้ดุเดือดที่หลงเหลืออยู่
เห็นชัดว่าเข้าสู่พื้นที่อันตรายแล้ว
มาถึงที่นี่ แม้แต่หลินสวินก็ยังเปลี่ยนเป็นระแวดระวังขึ้นมา
ผ่านไปไม่นานเท่าไร ทะเลสาบมหึมาแห่งหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในครรลองสายตา สิ่งที่พรั่งพรูในทะเลสาบคือแสงดาราสีทอง พร่างพราวสว่างไสว ย้อมฟ้าดินให้กลายเป็นสีทอง
ที่ทำให้ผู้คนใจสะท้านคือ กลางทะเลสาบสีทองนั่นถึงกับแผ่กลิ่นอายคมกริบที่น่าสะพรึงถึงขีดสุดออกมา ทำเอาฟ้าดินล้วนปั่นป่วน ส่งเสียงฉีกขาดดังแควกๆ ออกมา
เมื่อเข้าใกล้ ล้วนรู้สึกว่าผิวหนังเจ็บปวดเหมือนถูกมีดกรีดเฉือน เจ็บจนคนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น
เวลานี้รอบทะเลสาบสีทองแห่งนั้นมีเงาร่างไม่น้อยยืนอยู่ก่อนแล้ว ต่างเตรียมพร้อมเต็มที่ เสมือนว่าในทะเลสาบสีทองแห่งนั้นซุกซ่อนสมบัติสะท้านฟ้าเอาไว้
และก็เป็นที่นี่ที่หลินสวินสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตซึ่งลอยปะทะหน้าเข้ามา ทำให้เขาตระหนักได้ว่าในทะเลสาบที่เคลือบแสงดาราสีทองนั่นซุกซ่อนแหล่งดาราเอาไว้!
“ข้าลาดตระเวนพื้นที่แถบนี้มานาน มีเพียงกลิ่นอายสีทองคมกริบที่นี่เท่านั้นที่กดดันผู้คน มหามรรคเวียนกำเนิด เมื่อสันนิษฐานเช่นนี้ แหล่งดาราที่ซุกซ่อนในส่วนลึกของทะเลสาบนี้ ต้องบรรจุพลังกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับมหามรรคทองคำเป็นแน่”
“แค่ไม่รู้ว่าในทะเลสาบนี่ซ่อนอันตรายระดับใดไว้…”
“เมื่อครู่มีคนบุกเข้าไปในนั้น พริบตาก็ถูกเกลียวคลื่นสีทองน่ากลัวสังหาร ภาพเช่นนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว”
เสียงเบาๆ ระลอกหนึ่งดังขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงสนทนาเหล่านี้ หลินสวินถึงได้รู้ในยามนี้ว่าที่แท้เมื่อครู่เพิ่งมีคนลงมือไป แต่กลับทิ้งชีวิตในทะเลสาบสีทองแห่งนี้
มิน่าแม้ที่นี่จะมีระดับจักรพรรดิไม่น้อยยืนอยู่ กลับไม่มีใครกล้าผลีผลามลงมือ เห็นได้ชัดว่าล้วนกำลังเฝ้ารอโอกาสอยู่
การมาของหลินสวินก็เรียกสายตาสนใจได้มากมายเช่นเดียวกัน ล้วนเหมือนกับพวกชายชุดหรูที่พบเจอก่อนหน้านี้ไม่ผิด สีหน้าเหมือนพบเจอเหยื่อรายใหม่อย่างไรอย่างนั้น
หลินสวินไม่ได้สนใจ ในหมู่คนพวกนั้นที่กระจายตัวอยู่ริมทะเลสาบนี้ ไม่ใช่พวกร้ายกาจที่ควรค่าให้ชายตาแลด้วยซ้ำ
เขาทอดสายตาไปยังกลางทะเลสาบสีทอง
ชั่วพริบตาหลินสวินสัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าส่วนลึกของทะเลสาบแถบนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายมหามรรคทองคำที่เข้มข้นเป็นที่สุด ประหนึ่งแทบจะกลายเป็นสิ่งของที่จับต้องได้จริงๆ น่าตกใจถึงขีดสุด
แต่ขณะเดียวกันยังมีกลิ่นอายอันตรายบางส่วนจำศีลอยู่ในนั้น ดุจดั่งวิญญาณผีพราย ถูกประกายดาราสีทองปกคลุม ไม่สามารถมองทะลุได้
“ทุกท่าน หลิงเสวียนจื่อปรากฏตัวที่นี่แล้ว ไม่สู้พวกเราร่วมกันลงมือจับตัวเขาเป็นอย่างไร เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ไยต้องเสี่ยงอันตรายไปแย่งชิงแหล่งดาราในทะเลสาบนี่อีก”
ทันใดนั้นเสียงเย็นเยียบสายหนึ่งดังขึ้น มาจากชายชราที่สวมชุดคลุมนกกระเรียน ค้ำไม้เท้ารูปงู เผยกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของบรรพจารย์ขั้นเก้าออกมา
ทันทีที่เอ่ยประโยคนี้ออกมา สายตามากมายล้วนมองมายังหลินสวิน ตั้งท่าพร้อมกระโจนใส่
ใครต่างก็รู้ดีว่าเหวินเซ่าเหิงให้คำมั่นสัญญาแล้ว ขอเพียงสามารถสังหารหลินสวินได้ ก็จะได้รับแหล่งดาราสิบก้อนเพื่อออกจากเมืองตั้งต้น หนำซ้ำหากยินดี ยังสามารถติดตามอยู่ข้างกายเหวินเซ่าเหิง มุ่งหน้าสู่โลกยอดนิรันดร์พร้อมกันได้อีกด้วย!
นี่เป็นสิ่งล่อใจที่คนมากมายไม่อาจปฏิเสธ
ก็เป็นเวลานี้ที่เงาร่างหลินสวินขยับไหวทันควัน มาหยุดอยู่เบื้องหน้าชายชราชุดคลุมกระเรียนคนนั้น เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งร่วงลงมาจากฟ้าเสียงดังกระหึ่ม ทำการโจมตี
คนมากมายล้วนอึ้งค้าง หลิงเสวียนจื่อนี่ก็อหังการเกินไปแล้ว พูดจาไม่เข้าหูคำเดียวก็ลงมือทันทีเลยหรือ
ก็เห็นชายชราชุดคลุมกระเรียนแค่นเสียงเย็น โบกสะบัดไม้เท้ารูปงูโจมตีออกไปทันที
อานุภาพไม่อาจเรียกว่าไม่มาก ถึงอย่างไรก็เป็นพลังของบรรพจารย์ขั้นเก้า ระดับจักรพรรดิทั่วไปเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ยังต้องหลบเลี่ยงประกายคมของเขา
แต่พร้อมๆ กับเสียงระเบิดที่ดังสะเทือนจนหูจวนจะหนวก ไม้เท้ารูปงูนั่นถูกกระแทกหักเสียงดังเปรี๊ยะ แตกกระจายเป็นละอองไร้สิ้นสุด
ชายชราชุดคลุมกระเรียนหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ เพิ่งตั้งท่าจะหลบเลี่ยงก็ไม่ทันแล้ว ได้แต่ฝืนต้านเอาไว้
ตูม!
พื้นที่บริเวณนั้นประหนึ่งฟ้าถล่มดินทลาย พลังทำลายล้างที่ปลดปล่อยออกมาหอบม้วนซัดกวาด บดขยี้ห้วงอากาศพังทลาย เกิดเสียงระเบิดสะเทือนฟ้าดิน
และภายใต้เสียงปะทะนี้ ร่างชายชราชุดคลุมกระเรียนถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกดข่มโดยสิ้นเชิง ผิวหนังและกระดูกทั่วร่างแตกระเบิดทุกกระเบียด ส่งเสียงร้องน่าอนาถออกมา
สุดท้ายทั้งตัวเขาก็ถูกซัดแหลกทั้งอย่างนั้น กายจิตแตกดับ!
ภาพนองเลือดอหังการนั้น ทำเอาระดับจักรพรรดิที่อยู่รอบๆ ทะเลสาบสีทองตกใจจนสั่นเทิ้มทั้งที่ไม่ใช่หน้าหนาว วิญญาณแทบจะหลุดออกมา
ไหนเลยจะคาดคิด บรรพจารย์ขั้นเก้าที่อานุภาพล้นฟ้าคนหนึ่ง ถึงกับถูกสังหารในชั่วพริบตา!
นี่คือสิ่งที่มกุฎมหาจักรพรรดิขั้นหกทำได้หรือ
เวลานี้ไอสังหารและความละโมบในใจทุกคนล้วนหายเกลี้ยงไม่มีเหลือ ถูกความหนาวเหน็บไร้สิ้นสุดเข้าแทนที่ สายตาที่มองหลินสวินล้วนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“ใครยังอยากลองดูอีกบ้าง”
แววตาหลินสวินเย็นเยียบดุจสายฟ้า กวาดมองทั่วพื้นที่
ไม่มีใครกล้าสบตาเขา อานุภาพเข่นฆ่าที่น่าสะพรึงระดับนั้นสะท้านสะเทือนสภาวะจิตของระดับจักรพรรดิเหล่านี้
“ถ้าไม่อยากตาย ก็จากไปซะตอนนี้” หลินสวินกล่าวเสียงเย็น
ประโยคเดียวออกคำสั่งไล่คน ไม่มีเกรงใจสักนิด หมายจะใช้กำลังครอบครองทะเลสาบสีทองแห่งนี้
คนมากมายสีหน้าไม่น่าดู ต่างสบตากัน แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้าต่อต้าน ฝืนข่มความไม่ยินยอมในใจก่อนหมุนตัวจากไป
“สหายยุทธ์ แหล่งดาราของที่นี่ถูกพวกเราจับจ้องแต่แรกแล้ว เจ้ามาทีหลังกลับจะชิงไป หมายครอบครองที่นี่คนเดียว ออกจะไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาไปหน่อยแล้วกระมัง”
มีคนส่งเสียงไม่พอใจออกมา
ตูม!
หลินสวินยื่นมือคว้าออกไป มือใหญ่ปานบังฟ้าพาดผ่านกลางห้วงอากาศ ห่อหุ้มด้วยอานุภาพน่าสะพรึงประหนึ่งไร้ศัตรู กำคนผู้นี้เอาไว้แน่น
อย่าว่าแต่ตีโต้ แม้แต่เรี่ยวแรงขัดขืนก็ยังไม่มี ก็เหมือนเหยี่ยวจับลูกเจี๊ยบอย่างไรอย่างนั้น!
ความจริงคนผู้นี้เป็นระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น ในสายตาหลินสวินตอนนี้ย่อมไม่ควรค่าแก่การมองด้วยซ้ำ
“ไป เข้าไปในทะเลสาบ ขอดูฝีมือหน่อย หากรอดมาได้ก็ถือว่าเจ้าโชคดี หากประสบเคราะห์ ก็ได้แต่โทษที่เจ้าดวงซวยเท่านั้นแล้ว” หลินสวินเอ่ยปากเรียบๆ
เหล่าผู้แข็งแกร่งที่ยังไม่จากไปเห็นเช่นนี้ ไม่มีใครไม่หวาดผวา
“เจ้า… ถึงกับกล้าทำกับข้าเช่นนี้ ศิษย์พี่ของข้าต้องฆ่าเจ้าแน่!!”
คนผู้นั้นตกใจ ตะโกนลั่นไม่หยุด รู้สึกตกใจกลัว คิดไม่ถึงเด็ดขาดว่าคำพูดที่ตนแค่โพล่งแสดงความไม่พอใจประโยคเดียว ก็ชักนำภัยร้ายมาใส่ตัวแล้ว
หลินสวินไม่สะทกสะท้าน การข่มขู่เช่นนี้ไม่มีผลกับเขาสักนิด
เขาสะบัดมือออกไปคราหนึ่ง
สวบ!
คนผู้นั้นถูกโยนเข้าไปในทะเลสาบสีทองนั่นตรงๆ
คนผู้นี้ก็ใช่ย่อย หลังจากร่วงลงไปในทะเลสาบก็เลือกพุ่งตัวออกมาในทันที ทว่าเงาร่างของเขาเพิ่งมาอยู่เหนือผิวทะเลสาบ น้ำวนสีทองขนาดมหึมาสายหนึ่งก็พุ่งทะยานขึ้นมา ม้วนเขาเข้าไปในทะเลสาบตรงๆ อีกครั้ง พริบตาก็อันตรธานหายไป
รอบๆ ทะเลสาบ หลังจากเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นปุบปับนี้ต่างพากันอดสูดหายใจเย็นไม่ได้ หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่
ต่อให้เป็นหลินสวิน นัยน์ตาก็ยังหดรัดลงเล็กน้อย
……………………