Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2485 สะเทือนเมืองยอดยุทธ์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2485 สะเทือนเมืองยอดยุทธ์
ตอนที่ 2485 สะเทือนเมืองยอดยุทธ์
ทุกคนเริ่มเข้าใจขึ้นมารางๆ แล้ว
ความเฟื่องฟูระดับนี้ก็มีแต่ในแดนใหญ่พันศึกถึงจะได้เห็น
ควรรู้ว่าโลกพันจักรวาลไพศาลปานใด นับรวมมิติจักรวาลไม่รู้เท่าไหร่
ทว่านับแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่งจะมีระดับจักรพรรดิกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเข้ามารวมตัวในแดนใหญ่พันศึก
และนี่ก็ทำให้ในแดนใหญ่พันศึก นอกจากประชากรพื้นถิ่นแล้ว สิ่งที่ผู้คนมองเห็นแทบจะทั้งหมดล้วนเป็นระดับจักรพรรดิ
ถึงขั้นปรากฏภาพ ‘ระดับจักรพรรดิมากมายดุจสุนัข’ ก็ไม่ปานอย่างหนึ่งขึ้น
แต่ความจริงแล้ว หากอยู่ในมิติฟ้าดาราบางแห่งในโลกพันจักรวาล จำนวนระดับจักรพรรดิกลับน้อยนิดสุดขั้วอย่างแน่นอน
นี่ก็คือความเข้าใจที่ต่างกันจากพื้นฐาน
ถ้าหากโลกพันจักรวาลมีเพียงหนึ่งพันมิติจักรวาล เช่นนั้นเอาระดับจักรพรรดิหนึ่งหมื่นคนที่ฝากชื่อบนกระดานปฐพีมาเฉลี่ยดู แต่ละมิติจักรวาลก็จะมีมหาจักรจักรพรรดิฝากชื่อเพียงแค่สิบคนเท่านั้น
ถ้าหากแบ่งลึกลงไปถึงกาลเวลาที่ผ่านมาอีก… เช่นนั้นก็ยิ่งน้อยนิดเข้าไปใหญ่!
เมื่อเข้าใจเรื่องพวกนี้แล้ว ทุกคนต่างอึ้งค้าง สะท้านสะเทือนอย่างบอกไม่ถูก
และไม่มีใครกล้าดูเบาชายชุดเงินที่เป็นไปได้สูงว่าอาจอยู่ในนอกลำดับที่หนึ่งหมื่นเมื่อครู่คนนั้นแล้ว
“ให้ข้าลองดูหน่อย” ชายผมม่วงคนหนึ่งเดินขึ้นมา มั่นใจเต็มที่
ทว่าหลังจากทดลองแล้ว บนศิลาศึกข้ามแดนนั่นกลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร
ทำเอาชายผมม่วงคนนั้นหน้าแดงเส้นเลือดบนคอปูดขึ้นมาทันที กำหมัดแน่น เขาถึงขั้นไม่มีแม้แต่คุณสมบัติฝากชื่อ!
ในมิติจักรวาลที่เขาอยู่ เขาเป็นนายเหนือหัวเทียมฟ้าคนหนึ่ง เหยียดแคลนสรรพสิ่ง ถูกสรรพชีวิตมากมายแหงนเงยเคารพ สามารถรอดชีวิตมาถึงด่านนภาอมตะที่เก้าก็พิสูจน์ความแข็งแกร่งในพลังของเขาได้แล้ว
ทว่าผลลัพธ์… ถึงกับไม่สามารถฝากชื่อไว้บนกระดานปฐพีได้!
แรงโจมตีนี้ยิ่งใหญ่เกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
คนมากมายต่างมองดูจนใจเต้นเนื้อกระตุก รู้สึกถึงแรงกดดันถึงขีดสุด และในที่สุดก็เข้าใจ อย่าว่าแต่อยู่นอกลำดับที่หนึ่งหมื่นในกระดานปฐพีเลย
ลำพังแค่ฝากชื่อไว้ ก็มีคนน้อยมากที่ทำได้!
หลังจากนั้นก็มีคนมากมายเดินเข้าไปอีกเรื่อยๆ ผลลัพธ์คือล้วนไม่สามารถฝากชื่อไว้ได้ หน้าม่อยคอตกจากไปกันแทบทั้งสิ้น
ชั่วขณะหนึ่งเมื่อทอดสายตามองบนศิลาศึกข้ามแดนอีกครั้ง คนมากมายล้วนฉายแววยำเกรงออกมา
มันสูงลิ่วไม่อาจไต่เต้าชัดๆ มหาจักรพรรดิแห่งยุคทั้งหมดนับแต่อดีตฝากชื่อไว้บนนั้น ส่องประกายฉายแสง เจิดจรัสจนทำให้ผู้คนแทบจะกราบไหว้
ยิ่งเข้าใจมากเท่าไหร่ ยิ่งสะพรึงกลัวมากเท่านั้น ความห่างชั้นมากเกินไปแล้ว
“แค่กระดานปฐพีอันเดียว ก็ปฏิเสธเจตจำนงของผู้ฝากชื่อมากมาย เช่นนั้นพวกที่สามารถฝากชื่อบนกระดานนภาได้ต้องน่ากลัวขนาดไหนกัน แล้วกระดานเร้นลับเล่า มีแค่พวกยอดอัจฉริยะเหนือหมื่นยุคอย่างในตำนานเท่านั้นที่สามารถฝากชื่อได้ใช่หรือไม่”
มีคนงึมงำ ปากเริ่มขมเฝื่อน ตอนได้เห็นคราแรกสุดยังไม่รู้สึกอะไร แต่ตอนนี้ล้วนจุกอก ดุจดั่งเผชิญหน้ากับบุคคลในตำนานที่เคยเจิดจรัสเฉิดฉายกลางสายน้ำแห่งกาลเวลาทั้งกลุ่ม
“ยังมีคนอยากลองดูอีกหรือไม่”
สถานที่แห่งนี้รวมคนจำนวนหลายร้อย คนมากมายต่างเคยลองแล้ว ผลสุดท้ายมีจำนวนเพียงน้อยนิดไม่กี่คนที่สามารถฝากชื่อบนกระดานปฐพีได้ คนอื่นล้วนคอตกจากไป
เวลานี้เหลือเพียงคนกลุ่มน้อยอย่างพวกหลินสวินที่ยังไม่เคลื่อนไหว
“พี่ชายท่านนี้ เจ้าไม่ไปลองดูหน่อยหรือ เผื่อฝากชื่อบนกระดานปฐพีได้ เส้นทางภายหน้าจะต้องสว่างไสวไร้สิ้นสุดแน่นอนเชียวนะ”
มีคนยุหลินสวิน เห็นรอบกายตั้งแต่หัวจรดเท้าของเขาไร้กลิ่นอายใดๆ เรียบง่ายไม่หวือหวา ไร้ซึ่งประกายคม ดังนั้นจึงถากถางและกระแนะกระแหนเขาอย่างห้าวหาญยิ่ง
“ฮ่าๆ พี่ชายท่านนี้รู้จักประมาณตน รู้ดีว่าลองไปก็ไร้ประโยชน์ แล้วไยต้องแส่หาเรื่องขายหน้าตัวเองอีกเล่า นี่สิคือคนฉลาด” มีอีกคนกล่าวหัวเราะร่า
บริเวณใกล้เคียงมีเสียงหัวเราะระลอกหนึ่งดังขึ้น
“อีกเดี๋ยวข้าหวังว่าพวกเจ้าสองคนจะยังหัวเราะออกกันอยู่นะ” หลินสวินก็หัวเราะขึ้นมาเช่นกัน เขาไม่สนใจจะถือสานัก เพราะอีกฝ่ายก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร
“พี่ชายเจ้าตั้งใจจะไปลองดูจริงๆ หรือ” คนผู้นั้นที่ยุยงหลินสวินตกใจ
ก็เห็นหลินสวินเดินตรงดิ่งเข้าไปแล้ว
เขายืนอยู่เบื้องหน้าศิลาศึกข้ามแดน กายจิตว่างเปล่า ที่แตกต่างจากคนอื่นคือรอบกายเขาราบเรียบไม่หวือหวา และไม่ได้สั่งสม เพียงยื่นมือกดลงไปลวกๆ
คนไม่น้อยอดหัวเราะไม่ได้ เจ้าหมอนี่แค่อยากไปลองดูสักตั้งจริงๆ มองแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ได้ตั้งความหวังใดๆ สักนิด
ทว่าครู่ต่อมารอยยิ้มของพวกเขาพลันแข็งค้าง
ตูม!
เสียงมรรคสายหนึ่งดุจดั่งสะเทือนเก้าสวรรค์ ระเบิดปะทุออกมาจากศิลาศึกข้ามแดนนั่นฉับพลัน ดังก้องเวิ้งฟ้า สะเทือนเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน
ทุกคนแถวนั้นล้วนอึ้งค้างอยู่กับที่ สีหน้าเหมือนเห็นผีตัวเป็นๆ
นี่มันอะไรกัน
แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่สงบจิตหยั่งรู้เจตจำนงมหามรรคอยู่รอบๆ เหล่านั้นก็ยังถูกทำให้ตกใจด้วย ทั่วร่างล้วนสั่นเทิ้ม
ความเคลื่อนไหวยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ ซัดจนหูสองข้างของพวกเขาอื้ออึง สภาวะจิตสั่นเทิ้ม
แต่ไม่รอให้ทุกคนตอบสนอง ก็เห็นว่า…
ประกายศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าล้นฟ้า ศิลาโบราณร้องกระหึ่ม ดอกมหามรรคดอกแล้วดอกเล่าพลิ้วลอย จากนั้นแสงศักดิ์สิทธิ์เรืองรองก็ท่วมเงาร่างของหลินสวินที่ยืนอยู่ตรงนั้น!
เสียงสวรรค์เป็นระลอกดังก้องขึ้น ทำให้ฟ้าดินแถบนี้พิสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์และขึงขัง ห้วงอากาศใกล้เคียงล้วนถูกย้อมด้วยแสงมรรคที่แวววาวโปร่งแสงชั้นหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น”
เวลานี้ทั่วทั้งเมืองยอดยุทธ์พวกกร้าวแกร่งไม่รู้เท่าไหร่ถูกทำให้ตกใจ พากันหยุดกิจกรรมในมือ ทอดสายตามองมาทางพื้นที่ที่ศิลาศึกข้ามแดนตั้งอยู่
“สวรรค์ นั่นคือ…”
“ศิลาโบราณร่วมขับขาน แสงมรรครวมตัว นี่เป็นลักษณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเฉพาะตอนฝากชื่อบนกระดานเร้นลับเท่านั้น!”
“เย้ยฟ้าแล้ว นี่เป็นใครกัน?!”
“รีบไปดูเร็ว”
ชั่วขณะเดียว ในเมืองไม่รู้มีเงาร่างมากน้อยเท่าไหร่เริ่มเคลื่อนไหว
ผู้ที่สามารถฝากชื่อบนกระดานเร้นลับ ล้วนเรียกได้ว่าเป็นนายเหนือหัวสูงสุดในระดับเดียวกัน มีท่วงท่าผ่าเผยที่ไร้ศัตรู ส่องสะท้อนอดีตปัจจุบัน!
บุคคลเช่นนี้ล้วนมีศักยภาพแฝงที่อยู่เหนือระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ!
และในเวลานี้ บริเวณศิลาศึกข้ามแดน
ทุกคนที่ก่อนหน้านี้ยังถากถางและกระแนะกระแหนหลินสวิน เวลานี้ล้วนร้องอุทานตกใจ สะท้านสะเทือนไม่หยุด สติหลุดอย่างสิ้นเชิง
ใครจะคาดคิด เจ้าคนที่ธรรมดาไม่หวือหวาคนหนึ่ง แค่ยื่นมือออกไปส่งๆ เท่านั้นก็เรียกลักษณ์ประหลาดที่มโหฬารเช่นนี้ได้แล้วหรือ
นี่ไม่ใช่การฝากชื่อบนกระดานปฐพี
และไม่ได้ก้าวไปฝากชื่อบนกระดานนภา
แต่เป็นการฝากชื่อบนกระดานเร้นลับที่ดุจดั่งตำนานนั่นต่างหาก!
นี่เหนือความหมายของทุกคนสิ้นเชิง เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้ที่พวกเขายังถากถางหลินสวิน ต่างก็ล้วนหน้าเขียวขึ้นมา
ส่วนคนที่อยู่ไกลออกไปต่างก็ปากอ้าตาค้าง มองจากที่ไกลๆ บนยอดของศิลาศึกข้ามแดนเจิดจรัสเรืองรองทั้งแถบ ดอกมหามรรคบานสะพรั่ง แสงเทพระยิบระยับแผ่ครอบฟ้าดิน
ดุจดั่งมีอาทิตย์ดวงหนึ่งพาดกลางฟ้า มีคนฝากชื่อบนศิลา ส่องสว่างห้วงอากาศทั้งแถบ!
คนกลุ่มแรกพุ่งมาถึง เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นว่าเวลานี้ศิลาศึกข้ามแดนยังคงส่งเสียงครวญ แสงมหามรรคงดงามพร่างพราวไหลเวียน
“คนผู้นี้เป็นใคร หรือจะเป็นบุคคลแห่งยุคที่มาจากเผ่าจักรพรรดิอมตะ”
“ลักษณ์ประหลาดเช่นนี้ ต่อให้ฝากชื่อบนกระดานเร้นลับก็มีให้เห็นไม่มาก นี่แสดงว่าคนที่กำลังฝากชื่อในเวลานี้ ลำดับจะต้องอยู่ต้นๆ สะเทือนทั่วทิศอย่างแน่นอน!”
มกุฎมหาจักรพรรดิมากมายปรากฏตัว บรรพจารย์ขั้นเก้าจำนวนหนึ่งก็มาด้วยเช่นกัน ถึงขั้นยังมีบุคคลลึกลับที่ที่มาไม่ธรรมดามากมายอีกด้วย
เวลานี้ต่างพากันมองบนศิลาศึกข้ามแดนนั่นเป็นจุดเดียว สีหน้าสะท้านไหว
เพราะลักษณ์ประหลาดนั่นยิ่งใหญ่เกินไป ห่างไกลเกินกว่าพวกธรรมดาทั่วไปจะเทียบชั้นได้ เห็นชัดว่าพิเศษอย่างยิ่ง
ควรรู้ว่าในอดีตที่ผ่านมาก็มีบุคคลชั้นเลิศที่สามารถฝากชื่อบนกระดานเร้นลับปรากฏตัวอยู่บ้าง ชักนำให้เกิดลักษณ์ประหลาดแตกต่างกัน
นี่สำหรับผู้ฝึกปราณจำนวนหนึ่งในเมืองยอดยุทธ์แล้ว ก็ถือว่าพบเห็นจนชินตาแล้ว
แต่เวลานี้ลักษณ์ประหลาดระดับนี้กลับแตกต่างยิ่ง เรืองรองยิ่งใหญ่เหนือกว่าในอดีต!
ทั่วตัวเรือนศิลาศึกข้ามแดนเรืองแสง เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์เดือดพล่าน เหินทะยานชั้นฟ้า ส่งเสียงครวญไม่หยุด บังเกิดเสียงแห่งมหามรรคก้องกระหึ่ม มีท่วงทำนองมหามรรคอันลึกลับอย่างหนึ่งแผ่ครอบที่แห่งนี้
“ก่อนนี้ไม่นาน ลักษณ์ประหลาดที่เคยเกิดขึ้นจากยักษ์ใหญ่แห่งยุคของตระกูลไหนสักแห่งในน่านฟ้าชั้นที่เจ็ด คล้ายจะไม่ได้แกร่งกล้าขนาดนี้ด้วยซ้ำ…”
มีคนพึมพำ
“คนที่เจ้าพูดถึงคือฮว่ารั่วซวีกระมัง นั่นเป็นถึงมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปดคนหนึ่งเชียว แต่ถ้าหากเทียบกันจริงๆ ลักษณ์ประหลาดที่เขาชักนำมาในครานั้น เทียบกับสิ่งที่กำลังเกิดอยู่ตอนนี้ไม่ได้จริงๆ”
คนมากมายแตกตื่น ต่างคนต่างเปรียบเทียบกันเองในใจ
ระยะนี้มีบุคคลแห่งยุคจำนวนหนึ่งฝากชื่อบนกระดานเร้นลับอยู่ไม่ขาด เรียกความฮือฮาในเมือง ถูกคนนับไม่ถ้วนจับตามอง
ภายในนี้มีบุคคลในตำนานที่มาจากแดนใหญ่พันศึก และมีพวกกร้าวแกร่งที่มาจากโลกยอดนิรันดร์ด้วยเช่นกัน
แต่หลังจากเทียบกันแล้ว ผู้คนกลับค้นพบอย่าน่าตกใจ ว่าลักษณ์ประหลาดที่อุบัติขึ้นยามเมื่อคนเหล่านั้นฝากชื่อในอดีตที่ผ่านมา ถึงกับไม่มีใครเทียบเวลานี้ได้สักคน!
“คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่”
ชั่วขณะเดียวผู้คนยิ่งสงสัยใคร่รู้มากขึ้นเรื่อยๆ พากันทอดสายตามองไป
น่าเสียดาย ละอองแสงรอบบริเวณศิลาศึกข้ามแดนนั่นเจิดจ้าเกินไป ซ้ำยังคละคลุ้งด้วยกลิ่นอายมหามรรคอันคลุมเครือ ตัดขาดการสอดส่อง ทำให้พวกเขามองเห็นเพียงเงาร่างเลือนรางสายหนึ่ง
รอมาเนิ่นนาน ยามเมื่อประกายแสงมงคลล้นฟ้านั่นจางลง ดอกมหามรรคสลายไป ผู้คนจึงมองเห็นเงาร่างสายนั้นได้ถนัดตา
นั่นเป็นใบหน้าที่แปลกตาสายหนึ่ง เงาร่างสูงโปร่ง กลิ่นอายราบเรียบไม่หวือหวา ไม่มีอานุภาพน่ายำเกรงใดๆ ให้เอ่ยถึง ดุจดั่งคนธรรมดาทั่วไปที่มีให้เห็นทุกที่กลางทะเลคน
มีเพียงรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาเกลี้ยงเกลา โดดเด่นไม่ธรรมดา
ทุกคนต่างอึ้งไป คนผู้นี้เป็นใคร
ชั่วขณะหนึ่งบรรยากาศในที่นั้นอึดอัด คนมากมายมองหน้าสบตากัน ต่างหวังว่าจะมีคนโพล่งชื่อคนผู้นั้นออกมา แต่ที่น่าอึดอัดก็คือ ถึงกับไม่มีคนเรียกชื่อใดๆ ออกมาได้
เห็นชัดว่านี่เป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งมาถึงเมืองยอดยุทธ์ พวกกร้าวแกร่งที่ดูเหมือนธรรมดาสามัญ อันที่จริงครอบครองรากฐานพลังน่าสะพรึงไร้สิ้นสุดคนหนึ่ง!
มีคนตั้งท่าจะส่งเสียง เป็นฝ่ายไปซักถามที่มาของหลินสวิน แต่กลับพบว่าอีกฝ่ายถึงกับจากไปทันที ร่องรอยเลือนหาย พริบตาเดียวก็อันตรธานหายลับไป
ผู้ฝึกปราณจำนวนหนึ่งอดใจไปสะกดรอยตามไม่ได้
แต่ไม่ทันไรก็ค้นพบอย่างตกใจว่าอีกฝ่ายไม่รู้ใช้วิชาลับอะไร ไม่สามารถจับร่องรอยได้ หายลับไปอย่างไร้ร่องรอย!
แม้จะเป็นเช่นนี้ ความฮือฮาที่หลินสวินฝากชื่อไว้บนศิลาศึกข้ามแดนในครั้งนี้ก็ยังทำให้สถานที่แห่งนี้เดือดพล่าน เรียกสายตาสนใจจากทั่วทิศ
“อะไรนะ มีคนเย้ยฟ้า ถึงกับกดข่มลักษณ์ประหลาดที่ฮว่ารั่วซวีชักนำมาเชียวหรือ”
“ว่ากันว่าฮว่ารั่วซวีน่าจะอยู่ลำดับหนึ่งในพันบนกระดานเร้นลับ แม้จะไม่รู้ลำดับที่แน่ชัด แต่ก็เรียกได้ว่าพลิกฟ้าแล้ว ถึงอย่างไรรายชื่อที่สลักบนกระดานเร้นลับนั่น ก็ล้วนเป็นบุคคลแห่งยุคนับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ล้วนแต่มีบุคลิกไร้ศัตรูกันทั้งนั้น”
“และเมื่อเทียบกันเช่นนี้ ลำดับของบุคคลลึกลับผู้นี้เป็นไปด้สูงว่าอาจเหนือฮว่ารั่วซวี ต้องทะยานขึ้นไปในในรายชื่อหนึ่งพันอันดับแรกอย่างแน่นอน!”
เรื่องนี้ยิ่งพัดกระพือ ทำเอาทั่วทั้งเมืองยอดยุทธ์ฮือฮา สร้างระลอกคลื่นใหญ่ซัดโหม ไม่รู้มีคนมากเท่าไหร่กำลังคาดคะเนและถกเถียง
และใกล้ๆ ศิลาศึกข้ามแดนก็มีคนกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเร่งรุดมา พยายามสืบข้อมูลที่มากยิ่งขึ้น
ไม่นานชายชุดทองที่หล่อเหลายิ่งคนหนึ่งปรากฏตัว ดวงตาลุ่มลึกหาใดเปรียบ ทุกท่วงท่าอิริยาบถมีอนุภาพน่าเกรงขามที่โดดเด่นเหนือใคร เหยียดหยันสรรพชีวิต
เขายืนอยู่หน้าศิลาศึกข้ามแดน ไม่ขยับเขยื้อน คล้ายกำลังขบคิด
มีคนรุ่นอาวุโสสะดุ้งโหยง รู้สึกคุ้นตา จำฐานะของชายชุดทองคนนี้ได้ ในใจอดตกตะลึงไม่ได้
——