Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2629 นัยเร้นลับของกระดูกคุน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2629 นัยเร้นลับของกระดูกคุน
ตอนที่ 2629 นัยเร้นลับของกระดูกคุน
ปึง!
โซ่เทพสีขาวหิมะแตกระเบิดเป็นข้อๆ สาดพุ่งกระแสเพลิงระเบียบสว่างจ้าแสบตาออกมา เอ่อท่วมทั้งตัวหลินสวินจมอยู่ภายในนั้น
หวั่นโหรวที่ยืนอยู่ข้างๆ หลินสวินตกใจจนใบหน้างามขาวซีดราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง
ไม่ไกลออกไปเจียวไท่หังหัวเราะลั่นกล่าวว่า “ต่อให้พลังต่อสู้เย้ยฟ้าแล้วอย่างไร ภายใต้การปกคลุมของเพลิงระเบียบแสงโรจน์นี้ ก็ต้องประสบเคราะห์อยู่ดี!”
“อย่างนั้นหรือ เจ้าดีใจเร็วไปหน่อยหรือไม่”
เสียงเรียบเฉยสายหนึ่งดังขึ้น ก็เห็นเพลิงระเบียบสีขาวโพลนเหมือนวัวโคลนจมทะเล อันตรธานหายลับไป ก่อนจะเผยเงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินขึ้นมา
สมบูรณ์ไม่บาดเจ็บ!
รอมยิ้มเจียวไท่หังแข็งค้าง ลูกตาแทบหลุดออกมา “ภายใต้พลังระดับนี้ แม้แต่ระดับอมตะก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้า… เจ้าต้านทานได้อย่างไร”
ไม่เพียงแค่ต้านทานได้ ซ้ำยังไม่บาดเจ็บแม้แต่นิด!
นี่น่าเหลือเชื่อย่างเห็นได้ชัด
แม้แต่หวั่นโหรวยังอดปากอ้าตาค้างไม่ได้ ขนาดพลังระเบียบยังฆ่าไม่ตาย!?
คุณชายสืออวี่ผู้นี้ออกจะแข็งแกร่งไปหน่อยแล้วกระมัง
“นี่คือเพลิงระเบียบที่เจ้าเก็บรวบรวมมาจากถ้ำเทพแสงเหนือหรือ”
หลินสวินถามขึ้นด้วยความอยากรู้
ยิ่งเขาสงบนิ่งและทำตัวตามสบายมากเท่าไหร่ ในใจเจียวไท่หังก็ยิ่งหวาดกลัวและลนลานมากเท่านั้น ไม่อาจจินตนาการได้ว่าในน่านฟ้าที่หกนี้มีคนหนุ่มเย้ยฟ้าเช่นนี้โผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่
“เจ้าเป็นใครกันแน่!?”
เจียวไท่หังเบิกตาถลน แผดเสียงกล่าว
“อาจารย์ เขา… เป็นไปได้สูงว่าเขาอาจเป็นหลินสวิน!!”
ไกลออกไปจอมมรรคมารแดงที่เลือดกบปากจมูกตะโกนขึ้น
หลินสวินหรือ
เจียวไท่หังอึ้งไป จากนั้นพลันหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ในสมองนึกถึงข่าวลือต่างๆ ที่เกี่ยวกับผู้สืบทอดคีรีดวงกมลคนนั้นในช่วงหลายปีมานี้อย่างอดไม่ได้
ในข่าวลือ หลินสวินนั่นบุกตะลุยจากน่านฟ้าที่หนึ่งไปถึงน่านฟ้าที่ห้า ตลอดทางเรียกพายุฝนนองเลือด แม้แต่พวกเผ่าจักรพรรดิอมตะทั้งกลุ่มยังทำอะไรไม่ได้!
ต่อให้เป็นระดับอมตะลงมือ เขาก็หนีรอดได้อย่างปลอดภัยเสมอมา
กล่าวได้ว่าแม้แต่ในน่านฟ้าที่หกตอนนี้ ชื่อของผู้สืบทอดคีรีดวงกมลหลินสวินยังเป็นตัวแทนของตำนานที่ไม่มีใครแย่งความเฉิดฉายของเขาไปได้
คนร้ายกาจโลกตะลึงที่ทำให้เผ่าจักรพรรดิอมตะยังปวดหัว!
หากบอกว่าสืออวี่ตรงหน้านี้คือผู้สืบทอดคีรีดวงกมลคนนั้น เช่นนั้นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเส้นทางก็อธิบายได้ง่ายแล้ว
การตายของคนตระกูลเหิงเหล่านั้นก็ไม่ใช่ไร้แค้นไร้พยาบาทสักนิด!
เพราะบนโลกใบนี้ ในบรรดาพวกคนร้ายกาจที่กล้าสังหารคนจากเผ่าจักรพรรดิอมตะ ย่อมมีหลินสวินด้วยอย่างแน่นอน ทั้งยังเป็นคนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในช่วงหลายปีมานี้
“พูดพล่ามมากเกินไปแล้ว”
และเป็นเวลานี้ที่หลินสวินเริ่มลงมือแล้ว แขนเสื้อโบกสะบัด ปราณกระบี่ประหนึ่งครอบฟ้าคลุมดินพุ่งสาดออกมาปิดครอบทั่วทั้งตำหนักใหญ่
เจียวไท่หังต้านทานสุดกำลังก็เปลืองแรงเปล่า พริบตาเดียวร่างก็ถูกแสงกระบี่นับไม่ถ้วนฟันแหลก ก่อนสิ้นใจยังส่งเสียงคำรามที่เจือความเศร้าปนโกรธและอ้างว้างออกมา
“ได้ตายภายใต้เงื้อมมือระดับตำนานอย่างเจ้า… ก็ไม่ขาดทุน!”
ส่วนจอมมรรคมารแดงยิ่งไม่เอาไหน ถึงขั้นไร้เรี่ยวแรงต้านทานพลังเข่นฆ่าระดับนี้ พริบตาเดียวก็ร่างแหลกมรรคสลาย ซ่านเซ็นไปภายใต้ปราณกระบี่ไพศาล
กระทั่งทุกสิ่งกลับสู่ความเงียบสงบ ในตำหนักใหญ่แห่งนี้เป็นรูพรุนยับเยินหมดแล้ว ทุกแห่งหนประทับรอยกระบี่สยองติดตา
“ท่าน… คือหลินสวินจริงๆ หรือ” หวั่นโหรวแววตาสับสน ทุกสิ่งที่พบเจอในวันนี้สร้างแรงโจมตีรุนแรงต่อนางเกินไป ทำให้สมองของนางค่อนข้างมึนตื้อ
หลินสวินเอ่ยเสียงอบอุ่น “ใช่หรือไม่ล้วนไม่สำคัญแล้ว สิ่งสำคัญคือแม้เจียวไท่หังจะตาย แต่สิ่งที่เจ้าควรไตร่ตรองคือควรช่วยพ่อของเจ้าคลี่คลายเคราะห์สังหารจากตระกูลเหิงอย่างไร”
หวั่นโหรวฉุกคิดขึ้นมา นิ่งเงียบครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
“ไปเถอะ”
หลินสวินเดินออกไปนอกตำหนักใหญ่
หวั่นโหรวทอดมองเงาหลังสูงโปร่งโดดเด่นของเขาพลางพึมพำในใจ ไม่ว่าเขาเป็นใคร อย่างไรก็เป็นผู้มีพระคุณของหอการค้าเก้าใบของข้า เท่านี้ก็พอแล้ว…
…
บนทะเลประหัตมาร
ยานสมบัติของหอการค้าเก้าใบลอยเคลื่อนอยู่กลางอากาศ
“คุณชาย ท่านโปรดรับสมบัตินี้ไว้เถิด”
หวั่นโหรวยื่นกล่องหยกที่ปิดผนึกกระดูกบริสุทธิ์บรรพจารย์คุนไว้ให้หลินสวิน นางในเวลานี้สงบสติลงได้โดยสมบูรณ์แล้ว
“ข้าช่วยพวกเจ้าไม่ใช่เพราะของพวกนี้” หลินสวินกล่าวสบายๆ
หวั่นโหรวกล่าวอย่างจริงจัง “บุญคุณและเมตตายิ่งใหญ่ของคุณชาย ผู้น้อยไม่มีสิ่งใดตอบแทน หากคุณชายไม่รับสมบัตินี้ เกรงว่าชั่วชีวิตนี้ข้าคงสงบใจไม่ลง”
หลินสวินอึ้งไปครู่หนึ่ง ไม่ได้บอกปัดอีกกล่าวว่า “เช่นนั้นข้าก็ไม่หมิ่นน้ำใจแล้ว”
ว่ากันตามตรง เขาสงสัยใคร่รู้เรื่องกระดูกบริสุทธิ์บรรพจารย์คุนนี่อย่างมาก
คราวนี้สีหน้าหวั่นโหรวจึงเผยยิ้มคล้ายโล่งใจออกมาก่อนเอ่ยว่า “ถัดจากนี้ข้าจะเคลื่อนกำลังทั้งหมดของหอการค้าเก้าใบช่วยคุณชายหาคน รอมีเค้าเงื่อนแล้วก็จะออกจากทะเลประหัตมาร”
“แบบนี้เกรงว่าจะเสียเวลาไม่น้อย ตามความเห็นข้า เจ้ารีบกลับไปพบบิดาเจ้าและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เขาฟังโดยเร็วที่สุดดีกว่า” หลินสวินเอ่ยเตือน
หวั่นโหรวยิ้มกล่าว “ข้าส่งคนกลับออกจากทะเลประหัตมารล่วงหน้าแล้ว ขอเพียงท่านพ่อข้าได้รับม้วนหยกของข้าก็จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด อันที่จริงข้าตั้งใจจะเชิญท่านพ่อมุ่งหน้ามาที่ทะเลประหัตมาร อย่างน้อยที่นี่ก็ไม่ต้องกลัวการแก้แค้นจากตระกูลเหิง”
หลินสวินคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าว “นี่เป็นความคิดที่ดีจริงๆ”
ไม่นานนักหวั่นโหรวก็จากไป ส่วนหลินสวินนั่งขัดสมาธิบนเตียง เปิดกล่องหยกใบนั้น
ทันใดนั้นกลิ่นอายอมตะเก่าแก่ดั้งเดิมวูบหนึ่งก็แผ่คลุ้งออกมา ทำให้หลินสวินกระปรี้กระเปร่า
ในกล่องหยก แสงมรรคสว่างเรืองรอง ดุจดั่งโลกฟ้าดาราไพศาลใบหนึ่ง กระดูกคุนชิ้นสมบูรณ์ลอยอยู่กลางฟ้าดารา ความกว้างใหญ่ของมันกินพื้นที่หมื่นลี้ สะท้านสะเทือนใจคน
กลิ่นอายประหนึ่งอมตะเป็นสายๆ แผ่คลุ้งออกมาจากกระดูกคุน วิเศษศักดิ์สิทธิ์ไร้สิ้นสุด มันใหญ่เกินไปแล้ว ทั้งยังรักษาสภาพสมบูรณ์ พาดขวางกลางฟ้าดารา แม้จะเหลือเพียงโครงกระดูกชิ้นหนึ่ง แต่ยังคงมอบความรู้สึกบีบคั้นปะทะเข้ามา
เมื่อจิตรับรู้ของหลินสวินแทรกเข้าไปสัมผัสภายในนั้น ท่ามกลางความรางเลือน เสมือนเห็นว่ากลางโลกกแรกกำเนิดมีคุนตัวหนึ่งโฉบโผนออกมา ปีกดุจเมฆลอยกลางนภา ปิดฟ้าบังตะวัน กระโจนคราเดียวก็เข้าสู่ห้วงอากาศฟ้าดารา!
คุน!
สัตว์เทพฟ้าประทานที่มีอยู่เฉพาะในตำนานเก่าแก่ ตำนานเล่าว่ามันถือกำเนิดในฮุ่นตุ้นแรกกำเนิด ตอนเกิดก็มีพลังเกรียงไกรที่สามารถแบ่งแยกฟ้าดิน แบ่งขุ่นใสได้ชัดเจน
สายเลือดของมันประทับนัยเร้นลับแรกกำนิดเอาไว้ พลังของมันบรรจุปริศนามหามรรคตั้งต้นที่สุด พรสวรรค์ของมันยิ่งเรียกได้ว่าอยู่เหนือหมื่นเผ่าทั่วหล้า!
ผู้คนต่างกล่าวว่าคุนเป็นสัตว์เทพฟ้าประทานที่ใกล้เคียงอมตะนิรันดร์มากที่สุด สามารถทัดเทียมกับพวกฃน่าสะพรึงของเผ่าเทพนิรันดร์ได้!
ในคำเล่าลือ หากได้รับกระดูกบริสุทธิ์ของคุน ก็จะสามารถหยั่งรู้นัยเร้นลับอมตะดั้งเดิมที่สุดจากในนั้นได้!
และตอนนี้ กระดูกบริสุทธิ์บรรพจารย์คุนที่สมบูรณ์เช่นนี้ก็อยู่ต่อหน้าหลินสวินแล้ว
นี่ทำให้หัวใจเขาร้อนวูบวาบระลอกหนึ่งเช่นกัน
ด้วยมรรควิถีในตอนนี้ของหลินสวิน บนโลกใบนี้ยากจะมีสมบัติที่สามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้อีก แต่กระดูกบริสุทธิ์บรรพจารย์คุนที่อยู่ตรงหน้ากลับทำให้เขาใจเต้นและตื่นเต้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
สาเหตุเป็นเพราะ สมบัตินี้ประทับนัยเร้นลับดั้งเดิมแห่งอมตะเอาไว้เหมือนคำเล่าลือจริงๆ!
และนี่คือสิ่งที่เขาต้องการอย่างเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้พอดี!
หลังจากทะลวงระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิขั้นสัมบูรณ์ ก็ห่างจากมรรคาอมตะเพียงแค่ธรณีประตูเดียว แต่ธรณีประตูนี้กลับสูงเกินไป สูงจนตอนนี้หลินสวินยังไม่สามารถเหยียบย่างได้
ไม่ใช่มรรควิถีเขาไม่แข็งแกร่งพอ หากแต่ขาดจุดเปลี่ยน!
หากแตะไม่ถึงจุดเปลี่ยนที่ว่า ต่อให้ตรากตรำเพียรฝึกปราณอีกหลายพันปี ก็ถูกลิขิตให้ไม่มีทางเหยียบย่างไปยังมรรคาอมตะได้
หรือกล่าวได้ว่า การทะลวงระดับอมตะไม่เกี่ยวข้องกับการพากเพียรฝึกปราณแล้ว และไม่เกี่ยวกับเจตจำนงและสติปัญญาในตัวเช่นกัน แต่ต้องการการ ‘หยั่งถึง’ คราหนึ่ง!
บางครั้งอาจเป็นสิ่งที่มาแบบปุบปับ หรืออาจเป็นหนึ่งความคิดที่มาโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่ก็เป็นการสัมผัสเสี้ยวหนึ่งที่เกิดขึ้นในความพร่าเลือน ทั้งหมดนี้ล้วนก่อให้เกิดจุดเปลี่ยนทะลวงด่านได้ทั้งสิ้น
เพียงแต่โอกาสเช่นนี้หายากเกินไป ร้องขอยากเกินไป และร้องขอไม่ได้สักนิด
ลึกล้ำสุดแสน ทรมานจิตใจคน!
แต่ตอนนี้มีกระดูกบริสุทธิ์บรรพจารย์คุนนี้แล้วย่อมไม่เหมือนกัน ในนั้นมีกลิ่นอายและลายกระดูกเกี่ยวข้องกับอมตะโดยธรรมชาติ เป็นของดั้งเดิมที่สุด ขอเพียงสงบจิตสัมผัสและหยั่งรู้ ก็จะสามารถทำความเข้าใจและสอดส่องพลังรวมถึงนัยเร้นลับระดับอมตะได้ทีละก้าว
และทั้งหมดนี้ล้วนสามารถเพิ่มโอกาสให้ผู้ฝึกปราณเกิดการ ‘หยั่งถึง’ ได้อย่างมาก!
ใช่แล้ว เพียงแค่โอกาสเท่านั้น
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ ความยิ่งใหญ่ในมูลค่าของมันก็สามารถทำให้ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิในโลกบ้าคลั่ง ถึงขั้นยินดีทุ่มเททุกสิ่งเพื่อโอกาสเช่นนี้!
และนี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมในใจหลินสวินถึงรู้สึกตื่นเต้น
เขาก็ขาดโอกาสเช่นนี้เหมือนกัน แต่เขาไม่เคยสนใจสิ่งเหล่านี้มาโดยตลอด
เพราะว่ากันถึงที่สุด เขาเหยียบย่างมรรคจักรพรรดิจนบัดนี้ที่มีมรรควิถีระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิขั้นสัมบูรณ์ ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งร้อยปีเท่านั้น ภายหน้ายังมีเวลาไปสัมผัสและหยั่งรู้จุดเปลี่ยนทะลวงด่านระดับนั้นอีกถมเถ
แต่ตอนนี้เมื่อมีกระดูกบริสุทธิ์บรรพจารย์คุนชิ้นนี้ ทุกอย่างก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว!
เนิ่นนานก่อนหลินสวินจะเก็บกล่องหยกที่บรรจุกระดูกบริสุทธิ์บรรพจารย์คุนลงไป ในใจก็ทอดถอนใจเช่นกัน
มีเหตุย่อมมีผล ล้วนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หากไม่เพราะตนหยิบยื่นความช่วยเหลือให้หวั่นโหรวตลอดทาง มีหรือจะได้รับวาสนาเช่นนี้
เวลาหลังจากนั้นหวั่นโหรวบังคับยานสมบัติ พาหลินสวินฝ่าตะลุยในทะเลประหัตมาร ตระเวนสืบข่าวเกี่ยวกับลู่ป๋อหยาทั่วสารทิศ
หลินสวินไม่ได้เปิดเผยชื่อท่านลู่ ด้วยกังวลว่าจะก่อปัญหาที่ไม่จำเป็นขึ้น ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว ท่านลู่ก็เคยติดตามเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์กรำศึกไปทั่วหล้า และเคยรับใช้ในตระกูลลั่ว
หากถูกคนมีเจตนาแอบแฝงสังเกตเห็นว่าตนกำลังตามหาท่านลู่ ไม่แน่ว่าอาจเป็นการเปิดเผยข่าวที่ว่าท่านลู่ซ่อนตัวอยู่ในทะเลประหัตมารออกไปก็ได้
ในระหว่างทางที่ตามหา หลินสวินก็เข้าใจความเป็นไปและสถานการณ์บางส่วนในทะเลประหัตมารเพิ่งขึ้นอีกขั้น
ทะเลประหัตมาร โลกที่ประหนึ่งเขาวงกต ระเบียบห้วงอากาศปั่นป่วนเหลือทน
และที่นี่มีขุมอำนาจน้อยใหญ่กระจายตัวอยู่นับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่ขุมอำนาจเล็กล้วนก่อตั้งขึ้นโดยโจรอันธพาลและนักโทษฉกรรจ์ที่ไม่ได้มีรากฐานพลังอะไร
และขุมอำนาจที่เรียกว่าอยู่ปลายยอดอย่างแท้จริง มีเพียงเจ็ดแห่ง ถูกเรียกขานว่า ‘เจ็ดสำนักมารใหญ่’!
เหมือนอย่าง ‘เรือนหกหยิน’ บนเกาะพันมงคลก็เป็นขุมอำนาจของสำนักมารหกหยินหนึ่งในเจ็ดสำนักมารใหญ่
และในข่าวลือ บรรดาเจ็ดสำนักมารใหญ่เหล่านี้ล้วนมีระดับอมตะควบคุมดูแล เพียงแต่ที่สุดแล้วจะจริงหรือเท็จ คนนอกไม่อาจล่วงรู้ได้
นอกจากเจ็ดสำนักมารใหญ่แล้ว ในทะเลประหัตมารยังมีพวกร้ายกาจที่สัญจรผ่านไปมาลำพังแฝงตัวอยู่ ส่วนใหญ่ล้วนมีความแข็งแกร่งน่าสะพรึงถึงขีดสุด
ถึงขั้นที่คนร้ายกาจส่วนหนึ่งยังทำให้เจ็ดสำนักมารใหญ่กริ่งเกรงอยู่สามส่วน!
และเมื่อค่อยๆ ทำความเข้าใจ ภาพจำเด่นชัดที่สุดที่ทะเลประหัตมารมีให้หลินสวินก็คือ… ความโกลาหล!
การเข่นฆ่านองเลือดมีให้เห็นทุกที่ เหตุการณ์ปั่นป่วนไม่สงบปรากฏทุกแห่งหน การผนวกกลืนระหว่างขุมอำนาจ ความอาฆาตพยาบาทระหว่างผู้ฝึกปราณ… ล้วนพบเห็นบ่อยจนไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่
——