Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2631 ร้านศาสตราวุธ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2631 ร้านศาสตราวุธ
ตอนที่ 2631 ร้านศาสตราวุธ
หลินสวินพยักหน้ากล่าว “ได้”
เด็กหนุ่มชุดดำดูคล้ายใจกล้าขึ้นมาบ้างแล้ว หันมองพวกพ้องที่ถูกกำราบเหล่านั้นแล้วเอ่ยว่า “และห้ามฆ่าพวกเขาเหมือนกัน หาไม่ถึงตายข้าก็ไม่ยอมพูด”
หลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้ กล่าวยิ้มๆ ว่า “ตามที่เจ้าขอ”
ด้วยพลังของเขา ก่อนหน้านี้หากไม่เพราะถูกกระบี่ศึกในมือเด็กหนุ่มชุดดำคนนี้ดึงดูดความสนใจ ก็ไม่มีทางสนใจการปล้นฆ่าครั้งนี้เด็ดขาด หรือกล่าวได้ว่าคร้านจะลงมือ
พริบตาเดียวเขาก็สามารถเคลื่อนย้ายหนีไปได้ ย่อมไม่มีทางให้โอกาสอีกฝ่ายปล้นฆ่าใดๆ แม้แต่นิด
ตอนนี้สำหรับเขา ฆ่าหรือไม่ฆ่าคนพวกนี้ล้วนไม่สำคัญ
อาจเพราะรอยยิ้มอ่อนโยนสุขุมนั่นของหลินสวินซึมซาบไปถึงเด็กหนุ่มชุดดำคนนี้ หลังนิ่งเงียบครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยว่า
“กระบี่เล่มนี้เป็นของต่างหน้าที่ท่านพ่อข้าทิ้งไว้ให้ข้าก่อนตาย”
ของต่างหน้าหรือ
หัวคิ้วหลินสวินขมวดน้อยๆ กล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าพ่อของเจ้าได้กระบี่เล่มนี้มาจากไหน”
เด็กหนุ่มชุดดำส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าจะรู้ได้อย่างไร”
จากนั้นเขาคล้ายกลัวว่าหลินสวินจะเปลี่ยนใจทีหลัง จึงรีบกล่าวต่อทันที “แต่ว่าตอนยังมีชีวิตท่านพ่อข้าทำงานอยู่น่านน้ำทะเลแถวๆ เกาะกาฬทักษิณตลอด หากท่านอยากสืบหาที่มาของกระบี่นี้ บางทีอาจไปลองดูที่เกาะกาฬทักษิณสักหน่อยก็ได้”
‘เกาะกาฬทักษิณ นั่นไม่ใช่สถานที่ที่จะมุ่งหน้าไปคราวนี้พอดีหรือ’
หลินสวินคิดในใจครู่หนึ่งก่อนกล่าว “เจ้าไปด้วยกันกับข้า”
สีหน้าเด็กหนุ่มชุดดำพลันเปลี่ยนเป็นซีดขาวทันที ยังเข้าใจว่าจะตกเป็นตัวประกัน หากสืบหาที่มาของกระบี่นี้ไม่พบก็จะถูกหลินสวินฆ่าตาย
หลินสวินอดยิ้มขันไม่ได้ เจ้าหนุ่มนี่ระวังตัวสุดกำลัง จิตใจก็ไม่ถือว่าเลวร้าย อย่างน้อยยังห่วงความเป็นความตายของพวกพ้องเหล่านั้น แค่ออกจะขี้ขลาดไปหน่อยเท่านั้น
“ไปเถอะ ไม่ว่าจะหาคำตอบที่ข้าต้องการพบหรือไม่ ก็ไม่มีทางทำอันตรายถึงชีวิตเจ้าแน่”
กล่าวพลางหลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง พาเด็กหนุ่มชุดดำเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ
กระทั่งมองดูพวกเขาจากไป ผู้ฝึกปราณที่ถูกกำราบเหล่านั้นพลันถอนหายใจโล่งอกในที่สุด ต่างคนต่างมองหน้ากันไปมา ล้วนกลัวอยู่ในใจลึกๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้
…
“เจ้าชื่ออะไร” ระหว่างทางหลินสวินเอ่ยถาม
“เฟิงเจ๋อ” เด็กหนุ่มชุดดำเห็นชัดว่าว่าง่ายมาก เขารู้ดีถึงสถานการณ์ของตัวเองแล้ว
“พ่อเจ้าเคยบอกการใช้งานแท้จริงของกระบี่เล่มนี้กับเจ้าหรือไม่” หลินสวินเอ่ยถามสบายๆ
“นี่ไม่ใช่กระบี่ศึกระดับอริยะหรือ” เฟิงเจ๋อข้องใจ
หลินสวินส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ มันไม่ใช่แค่สมบัติระดับอริยะธรรมดาทั่วไป รอมีเบาะแสแล้วข้าจะบอกเจ้าอีกที”
เฟิงเจ๋อกล่าวอึ้งๆ “ท่านกล่าวเช่นนี้ จู่ๆ ข้าก็นึกขึ้นมาได้ ท่านแม่ข้าเคยบอกว่าสมบัติยิ่งใหญ่ที่สุดที่ท่านพ่อเหลือทิ้งไว้ให้ข้าก็คือกระบี่เล่มนี้ ให้ข้ารักษาเท่าชีวิต ห้ามทำหายเด็ดขาด หากเป็นอย่างที่ท่านว่าจริง กระบี่นี้… อาจไม่ธรรมดามากจริงๆ”
“ตอนนี้แม่ของเจ้าอยู่ที่ไหน” หลินสวินใจกระตุก
“อยู่บนเกาะกาฬทักษิณนี่เอง” เฟิงเจ๋อบอก
หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ
เวลาหนึ่งก้านธูปให้หลัง
เกาะที่เปรียบดั่งแผ่นดินใหญ่ลอยกลางฟ้าแห่งหนึ่งปรากฏเหนือผิวทะเลสีดำแห่งนั้น มีเนื้อที่หมื่นลี้เต็ม
เกาะกาฬทักษิณ!
เกาะแห่งหนึ่งที่ทั้งห่างไกลและแร้นแค้นที่สุดในทะเลประหัตมาร
ทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่งเกาะนี้จะพบเจอการโจมตีจากมรสุมกลางทะเล เป็นผลให้พวกชั่วร้ายโหดเหี้ยมเหล่านั้นล้วนไม่ยินดีปักหลักอยู่ในสถานที่เส็งเคร็งแบบนี้
แต่สำหรับผู้ฝึกปราณที่สภาพชีวิตบีบบังคับเหล่านี้ เกาะกาฬทักษิณเป็นแหล่งที่อยู่ที่ค่อนข้างปลอดภัยแห่งหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ที่นี่สภาพแวดล้อมเลวร้ายกันดาร แต่ก็สามารถเป็นที่กำบังให้พวกเขาได้ไปในตัว
อย่างไรเสียใครจะอยากถ่อมาปล้นฆ่ายังสถานที่อัตคัดกันเล่า
ช่วงก่อนหน้านี้หลินสวินตะลอนไปตามสถานที่ต่างๆ ในทะเลประหัตมาร เว้นแต่เพียงเกาะกาฬทักษิณที่แร้นแค้น เป็นเพราะที่แห่งนี้ข้นแค้นเกินไป ในจิตใต้สำนึกจึงคิดเอาเองว่าคนระดับท่านลู่ไม่มีทางกบดานอยู่ที่นี่เด็ดขาด
แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าระหว่างที่มุ่งหน้ามายังเกาะกาฬทักษิณ ถึงกับทำให้เขาพบกระบี่ศึกเล่มนั้นในมือเฟิงเจ๋อ!
เป็นผลให้เวลานี้ความคิดบางส่วนในใจเขาเริ่มเปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน
ไม่นานหลินสวินก็พาเฟิงเจ๋อมาถึงเกาะกาฬทักษิณ ทอดสายตามองออกไป ทุกแห่งหนบนเกาะนี้มีแต่สิ่งก่อสร้างหินที่ตั้งกระจัดกระจาย ล้วนเรียบง่ายซอมซ่อ แม้แต่ท้องถนนก็ยังคดเคี้ยว รุงรังไม่เป็นระเบียบ
ผู้ฝึกปราณที่กระจายตัวอยู่บนเกาะล้วนเป็นพวกยากจนข้นแค้นเกือบทั้งหมด ระดับขั้นพลังอะไรล้วนมีหมด เพียงแต่ไม่มีระดับจักรพรรดิ กระทั่งกึ่งจักรพรรดิยังไม่มีสักคน
สิ่งที่ทำให้หลินสวินแปลกใจคือ ยังมีเด็กหนุ่มสาวและเด็กเล็กอีกมากมาย อายุยังน้อยแต่ล้วนมีใบหน้ากร้าวแกร่งอย่างคนที่ผ่านการขัดเกลาในชีวิตกันแล้ว
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ล้วนเป็นเด็กที่เกิดและเติบโตอยู่ที่นี่
หาไม่ด้วยพลังของพวกเขา ไม่มีทางมีโอกาสเข้าสู่ทะเลประหัตมารได้เด็ดขาด และไม่มีทางรอดชีวิตอยู่ในโลกที่วุ่นวายนองเลือดเช่นนี้ได้
หลินสวินชำเลืองมองเฟิงเจ๋อที่อยู่ข้างตัว ในใจก็รู้ทันที เจ้าหนูนี่เห็นชัดว่าเกิดและโตที่นี่เหมือนกัน
เกาะกาฬทักษิณกว้างใหญ่มาก มีเนื้อที่หมื่นลี้ แต่ทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่งจะประสบการโจมตีจากมรสุมในทะเล ทำให้สถานที่นี้ไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัยเท่าไร
ด้วยจิตรับรู้ของหลินสวิน กวาดสำรวจไม่นานก็เข้าใจสถานการณ์บางส่วนบนเกาะโดยคร่าวๆ แล้ว
“ไป พาข้าไปพบแม่ของเจ้า” หลินสวินกล่าว
เฟิงเจ๋อกล่าวอย่างลังเล “ท่าน… รับปากได้หรือไม่ว่าจะไม่ทำร้ายท่านแม่ของข้า”
หลินสวินตบไหล่ซูบผอมของเด็กหนุ่มก่อนเอ่ยว่า “หากข้าอยากทำเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องให้เจ้านำทางสักนิด แค่ค้นวิญญาณตรงๆ ก็หาคำตอบได้จากความทรงจำของเจ้าแล้ว”
เฟิงเจ๋อร้องอืมคราหนึ่ง ก่อนนำทางอยู่ข้างหน้า
ครึ่งชั่วยามให้หลัง เฟิงเจ๋อพาหลินสวินมายังหน้าบ้านหินเรียบๆ แห่งหนึ่ง หญิงแต่งงานแล้วในชุดกระโปรงผ้าหยาบปักกิ่งหนามแทนปิ่นกำลังเย็บซ่อมชุดเก่ามอซออยู่ในบ้านหิน
นางมีมรรควิถีไม่สูงเช่นเดียวกัน เพียงระดับราชันอมตะเคราะห์ขั้นเจ็ดเท่านั้น ดังนั้นหน้าตาจึงดูไม่แก่ชรานัก เพียงแต่หว่างคิ้วกลับสะสมกลิ่นอายทุกข์ยาก
ด้วยปราณอย่างนาง สามารถมีชีวิตอยู่ในสถานที่เลวร้ายอันตรายเช่นนี้ได้ก็ไม่ง่ายแล้ว
“ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว”
เฟิงเจ๋อสูดหายใจลึก ก่อนเอ่ยเสียงเบา
หญิงแต่งงานแล้วแล้วรีบโยนชุดที่ปะเย็บในมือลงบนพื้นทันควัน แล้วเดินดุ่มๆ ออกมาจากบ้านหิน “บอกมา เจ้าไปปล้นจี้ที่ทะเลกับพวกสารเลวนั่นอีกแล้วใช่ไหม เจ้ารู้หรือไม่ว่าพ่อของเจ้าตายอย่างไร?! หลายปีมานี้ข้าเลี้ยงดูเจ้าง่ายนักหรือ”
นางเท้าเอวด่าเฟิงเจ๋อโครมๆ สุดท้ายขอบตาล้วนแดงก่ำ “เจ้า… หากเจ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจะให้ข้าทำอย่างไร”
เฟิงเจ๋ออึกอัก ก้มหน้างุดกล่าวว่า “ท่านแม่ มีแขกมาขอรับ”
ครานี้หญิงแต่งงานแล้วถึงเพิ่งสังเกตเห็นหลินสวิน นางเช็ดน้ำตาตรงขอบตาเบาๆ ก่อนจะฉีกยิ้มกล่าวว่า “ทำให้ท่านเห็นเรื่องขายหน้าแล้ว ข้าเพียงแต่…”
หลินสวินเอ่ยเสียงอ่อนโยน “หัวอกคนเป็นพ่อแม่ทั่วหล้า ข้ากลับคิดว่าท่านสั่งสอนถูกแล้ว สถานที่ข้อแค้น ก็ควรตั้งปณิธานให้บริสุทธิ์เอาไว้ อย่าเลือกเดินทางผิด เช่นนี้วันหน้าจึงจะประสบความสำเร็จได้”
หญิงแต่งงานแล้วแล้วอึ้งไป กล่าวว่า “ไม่ทราบว่าท่านชื่อแซ่อะไร และมาจากไหนหรือ”
หลินสวินยิ้มกล่าว “ชื่อไม่สำคัญ ข้ามาครั้งนี้แค่อยากรู้ที่มาของกระบี่เล่มนี้”
กล่าวพลางเขาหยิบกระบี่ศึกเล่มนั้นออกมา
หญิงแต่งงานแล้วหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เอ่ยว่า “กระบี่นี้… กระบี่นี้เป็นของต่างหน้าที่สามีข้าเหลือทิ้งไว้ ไปอยู่ในมือท่านได้อย่างไร”
สีหน้าแววตาเจือแววสงสัยและระวังตัว
เฟิงเจ๋อรีบกล่าวจากด้านข้างเป็นพัลวัน “ท่านแม่ ผู้อาวุโสท่านนี้ไม่ใช่คนเลว เขาแค่อยากรู้ที่มาของกระบี่เล่มนี้ของท่านพ่อ ดังนั้นข้าจึงพาเขามา”
หลินสวินพยักหน้าน้อยๆ “ไม่ผิด คนที่หลอมกระบี่เล่มนี้สำคัญกับข้ามาก เขาเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของข้า ข้ามาทะเลประหัตมารครั้งนี้ก็มาเพื่อตามหาเขา”
คราวนี้หญิงแต่งงานแล้วถึงคลายความระวังตัวลง กล่าวด้วยแววตาซับซ้อน “เรื่องนี้ข้ารู้ เมื่อประมาณห้าสิบกว่าปีก่อน ดาบคู่ใจของสามีข้าถูกทำลายในการต่อสู้ครั้งหนึ่ง ตั้งแต่ตอนนั้นเขาก็หมดกำลังใจ เพราะไม่มีดาบต่อสู้แล้ว คิดอยากมีชีวิตอยู่ในเกาะกาฬทักษิณแห่งนี้ต่อนั้นยากเย็นเกินไปจริงๆ”
“ดังนั้นข้าจึงมุ่งหน้าไปที่ร้านศาสตราวุธแห่งหนึ่งบนเกาะ หวังว่าจะซื้อสมบัติเหมาะมือให้สามีข้าสักชิ้น แต่เงินในมือข้าขาดอีกเยอะ ขณะที่กำลังจะจากไป เจ้าของร้านศาสตราวุธคนนั้นบอกว่าสามารถขายเชื่อสมบัติให้ข้าได้หนึ่งชิ้น รอภายหน้าหากมีเงินแล้วค่อยไปจ่ายคืนทีหลัง”
“ต่อมาข้าถึงรู้ว่าเจ้าของร้านศาสตราวุธคนนั้นไม่รู้ไปรู้มาจากไหน ว่าหลายปีมานี้สามีข้าไม่เคยก่อเรื่องปล้นฆ่าสร้างความเดือดร้อน พฤติกรรมเที่ยงตรงโปร่งใส จึงยินดีขายเชื่อสมบัติให้พวกเรา”
กล่าวถึงตรงนี้หว่างคิ้วของหญิงแต่งงานแล้วปรากฏแววซาบซึ้งแรงกล้า “อันที่จริงแม้บอกว่าขายเชื่อ แต่ข้าและสามีต่างรู้ว่าเจ้าของร้านศาสตราวุธคนนั้นไม่ได้คิดจะให้พวกเราใช้หนี้คืนสักนิด”
ภายในใจหลินสวินตื่นเต้น เดาคำตอบบางส่วนได้คร่าวๆ แล้ว ก่อนกล่าวว่า “ร้านศาสตราวุธนั่นอยู่บนเกาะกาฬทักษิณนี้ใช่หรือไม่”
หญิงแต่งงานแล้วพยักหน้า “ใช่แล้ว”
หลินสวินสูดหายใจลึกระงับอารมรณ์ตื่นเต้นภายในใจเอาไว้ ก่อนหันสายตามองเฟิงเจ๋อแล้วเอ่ยว่า “เมื่อครู่เจ้าไม่ได้ถามว่ากระบี่นี้มีความลับอะไรหรือ ข้าจะแสดงให้เจ้าดู”
ชิ้ง!
ก็เห็นปลายนิ้วหลินสวินลูบเบาๆ บนปลายกระบี่ เสียงกระบี่ครวญแปลกประหลาดสายหนึ่งดังขึ้น กระบี่ศึกทั้งเล่มปรากฏกระแสพลังสีดำออกมาวูบหนึ่งแล้วปกคลุมทั่วร่างหลินสวิน
ภายใต้สายตาจับจ้องอย่างสะท้านสะเทือนของเฟิงเจ๋อ พลังสีดำนั่นกลายเป็นชุดศึกชุดหนึ่ง ปกคลุมศีรษะ ไหล่ เอว ขาและเท้าทั้งสองข้างของหลินสวิน…
ชุดศึกทั้งชุดพลันรวมเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ศึกในมือหลินสวิน แผ่ระลอกคลื่นพลังหนาวสะท้าน เย็นเฉียบ น่าสะพรึงชวนสยองออกมา
หญิงแต่งงานแล้วดวงตาเหม่อลอย กล่าวพึมพำว่า “ใช่ แบบนี้แหละ ปีนั้นสามีข้าก็อาศัยกระบี่นี้โจมตีขับไล่พวกโจรชั่วช้าสารเลวมากมาย…”
เฟิงเจ๋อสีหน้าสะท้านไหว แววตาเปลี่ยนเป็นบ้าคลั่งขึ้นมา กล่าวว่า “ที่แท้… ที่แท้สภาพแท้จริงของกระบี่นี้คือแบบนี้เอง…”
ฮูม…
เมื่อประกายเทพสีดำพลิกม้วนระลอกหนึ่ง ชุดศึกที่ปกคลุมบนตัวหลินสวินก็หายลับไป กระบี่ศึกในมือคืนสู่สภาพก่อนหน้านี้
“นี่คือชุดศึกสลักวิญญาณ สมบัติวิเศษพิสดารหาใดเปรียบอย่างหนึ่ง ยามเจ้าเหยียบย่างระดับอริยะ ก็สามารถใช้พลังของสมบัติชิ้นนี้ได้”
หลินสวินยื่นกระบี่ศึกให้เฟิงเจ๋อพร้อมกำชับอย่างจริงจัง
ชุดศึกสลักวิญญาณ!
เฟิงเจ๋อใจสั่นสะท้าน รับกระบี่ศึกด้วยสองมือ ใบหน้าล้วนทอประกายต่างออกไป
หลินสวินเองก็ทอดถอนใจไม่หยุด
ชุดศึกสลักวิญญาณ นี่คือสมบัติวิเศษพิสดารที่มีเพียงท่านลู่เท่านั้นที่สามารถเข้าใจวิธีหลอมมัน!
ปีนั้นตอนอยู่จักรวรรดิจื่อเย่า หลินสวินเคยหลอมสมบัติเช่นนี้ด้วยตัวเอง หลายปีผ่านไปเช่นนี้ มีหรือเขาจะไม่รู้จุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของชุดศึกสลักวิญญาณ
กล่าวได้ว่าทอดสายตาไปทั่วหล้า ล้วนเรียกได้ว่ามีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร!
ก่อนหน้านี้ก็เพราะมองทะลุนัยเร้นลับของกระบี่ศึกเล่มนี้ จึงทำให้หลินสวินตื่นเต้นปานนั้น เพราะเขารู้ว่าขอเพียงสืบเสาะความเป็นมาของกระบี่นี้ ต้องหาท่านลู่พบอย่างแน่นอน
และตอนนี้ เหลือเพียงก้าวเดียวแล้ว…
หาร้านศาสตราวุธร้านนั้น!
…………………..