Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2634 การทดสอบจากท่านลู่
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2634 การทดสอบจากท่านลู่
ตอนที่ 2634 การทดสอบจากท่านลู่
ซวีรั่วกู่ไม่อ้อมค้อม เปิดโปงฐานะหลินสวินอย่างชัดเจนทันที!
หลินสวินอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนยิ้มเอ่ยว่า “ใช่แล้ว”
ซวีรั่วกู่เผยยิ้ม เอ่ยรำพึงว่า “หลายปีก่อนหน้านี้นานมากแล้ว อาจารย์ก็เคยบอกว่าภายหน้าคุณชายหลินสวินจะต้องมาหา ให้ข้าคอยเฝ้าดูให้ดี เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอคุณชายวันนี้ เชิญเข้ามาเถอะ!”
ขณะพูดก็เชิญหลินสวินเข้ามานั่ง รินชาให้เขาด้วยตัวเอง ทั้งยังเสนอของว่างโอชะจำนวนหนึ่งด้วย “นี่เป็นของขึ้นชื่อส่วนหนึ่งของทะเลประหัตมาร หาไม่ได้ในโลกภายนอก คุณชายลองชิมดูได้”
หลินสวินตกใจอยู่บ้างที่ได้รับการดูแลอย่างดี เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสเกรงใจกันเกินไปแล้ว”
ซวีรั่วกู่หัวเราะเบิกบานเอ่ยว่า “อาจารย์ข้าก็คือท่านลู่ของเจ้า พวกเรานับเป็นรุ่นเดียวกัน เจ้าเรียกข้าว่าสหายยุทธ์ ส่วนข้าเรียกเจ้าว่าน้องชายก็พอ”
หลินสวินคล้อยตาม
ทักทายกันครู่หนึ่งหลินสวินก็ถามอย่างอดไม่ได้ว่า “สหายยุทธ์ ท่านลู่ไม่อยู่จริงหรือ”
ซวีรั่วกู่เอ่ย “เมื่อประมาณหกสิบปีที่แล้ว อาจารย์ก็จากไป มุ่งหน้าไปยัง ‘เขตผนึกเร้น’ หนึ่งในสามเขตผนึกใหญ่ของทะเลประหัตมาร จนตอนนี้ก็ยังไม่เคยกลับมา”
เขตผนึกเร้น!
หลินสวินใจสะท้าน นั่นเป็นสถานที่อันตรายเช่นเดียวกับ ‘เขตลมสนามแม่เหล็ก’ และ ‘ถ้ำเทพแสงเหนือ’
ว่ากันว่าในสมัยโบราณ เขตผนึกเร้นก็ดำรงอยู่ในทะเลประหัตมารแล้ว คล้ายเป็นแดนลับที่ไม่อยู่ในยุคสมัยนี้
ที่นั่นถูกปกคลุมอยู่กลางกระแสระเบียบบ้าคลั่งทั้งปี ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดก็คือ กระแสระเบียบเหล่านั้นโคจรตามวงโคจรลึกลับบางอย่าง แปรสภาพเป็น กระบวนค่ายกลผนึกฟ้าประทานนับไม่ถ้วน
กระบวนค่ายกลผนึกที่แปลงจากพลังระเบียบ แค่คิดดูก็รู้ว่าเขตผนึกเร้นนั้นน่ากลัวปานไหน!
ก่อนมาเกาะกาฬทักษิณ อันที่จริงหลินสวินก็เคยคิดว่าถ้าหาเบาะแสท่านลู่ไม่เจออีกก็จะไปเขตผนึกเร้นแห่งนั้นดูสักรอบ
ในความคิดเขา เขตผนึกเร้นอาจจะน่ากลัวหาใดเทียบ แต่สำหรับนักสลักลายมรรคอย่างท่านลู่แล้ว กลับเต็มไปด้วยความเย้ายวนอย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงอย่างไรกระบวนค่ายกลผนึกที่แปลงจากกระแสระเบียบนั้น ต่อให้เป็นหลินสวิน ยามได้ยินครั้งแรกในใจยังเกิดความสงสัยแรงกล้า
“ท่านลู่ได้บอกไหมว่าจะกลับมาเมื่อไร” หลินสวินถาม
ซวีรั่วกู่เผยรอยยิ้ม คล้ายรู้อยู่ก่อนแล้วว่าหลินสวินจะถามเช่นนี้ เอ่ยว่า “ก่อนอาจารย์จากไปได้สั่งเอาไว้ว่าถ้าคุณชายอยากพบเขา จำเป็นต้องผ่านการทดสอบบางอย่าง”
“การทดสอบหรือ” หลินสวินอึ้ง ท่านลู่เปลี่ยนเป็นคนลึกลับแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร
“ไม่ผิด ข้าเองก็แปลกใจเช่นกันว่าทำไมอาจารย์ต้องทำแบบนี้ แต่ตอนนั้นอาจารย์บอกว่า ถ้าน้องชายสามารถผ่านการทดสอบก็จะเข้าใจเอง”
ซวีรั่วกู่ยิ้มเอ่ย
ขณะพูดเขาก็หยิบยันต์หยกที่ทำขึ้นจากกระดูกสัตว์ชิ้นหนึ่งออกมาส่งให้หลินสวิน แล้วเอ่ยว่า “การทดสอบมีสองอย่าง นี่เป็นการทดสอบแรก”
เมื่อจิตรับรู้หลินสวินแทรกเข้าไปก็เข้าใจทันที
การทดสอบแรกนี้ อันที่จริงคือการไปเก็บรวมรวมเหล็กเทพพลังแม่เหล็กหนึ่งแสนชั่งที่เขตลมสนามแม่เหล็ก หนึ่งในสามเขตผนึกใหญ่ของทะเลประหัตมาร
ดูเหมือนง่าย แต่ควรรู้ว่าเขตลมสนามแม่เหล็กเป็นสถานที่ที่อันตรายมาก เต็มไปด้วยพลังระเบียบห้วงอากาศอันพิสดารหาใดเทียบ ลือกันว่าขนาดระดับอมตะเข้าไป ยังถูกพายุที่แปลงจากพลังระเบียบห้วงอากาศฉีกกระจุยในชั่วพริบตา!
แค่คิดก็รู้ว่าหมายจะเข้าไปรวมรวมเหล็กเทพพลังแม่เหล็กในนั้นอันตรายแค่ไหน
แน่นอนว่าหลินสวินจะไม่เข้าไปในนั้นก็ได้ เพราะในช่วงระยะหนึ่งในเขตลมสนามแม่เหล็กจะมีการปะทุของกระแสพลังออกมา ตอนนั้นจะมีเหล็กเทพพลังแม่เหล็กถูกซัดออกมาและกระจัดกระจายอยู่ในโลกภายนอก
แต่ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะสะสมเหล็กเทพพลังแม่เหล็กได้ครบหนึ่งแสนชั่ง
“บอกตามตรง ตอนข้าได้รู้การทดสอบแรกนี้ยังตกตะลึงยกใหญ่อย่างอดไม่ได้ เขตลมสนามแม่เหล็กนั่นอันตรายขนาดไหน ระดับอมตะบุ่มบ่ามเข้าไปก็ตายหมดไม่มีรอด การทดสอบนี้ของอาจารย์จะ…”
พูดถึงตรงนี้ซวีรั่วกู่ก็กระแอมเบาๆ เขาไม่กล้าไปกังขาหรือวิจารณ์วิธีการของอาจารย์
“ลำบากอยู่บ้างจริงๆ แต่ในเมื่อเป็นการทดสอบ คิดว่าท่านลู่ต้องมีเจตนาลึกซึ้งแน่” หลินสวินครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วก็ยิ้มถามว่า “สหายยุทธ์ แล้วการทดสอบที่สองคืออะไรหรือ”
ซวีรั่วกู่กล่าว “เนื้อหาการทดสอบที่สองซ่อนอยู่ในที่ที่อาจารย์ปิดด่านทำสมาธิ รอหลังจากน้องชายผ่านการทดสอบแรก ข้าจะพาเจ้าไป”
หลินสวินพยักหน้า หยัดตัวขึ้นกล่าว “จะร่ำไรไม่ได้ ตอนนี้ข้าจะไปเขตลมสนามแม่เหล็กนั่นสักหน่อย”
ซวีรั่วกู่ประหลาดใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ “น้องชายเพิ่งมา อยู่ที่นี่ก่อนสักพักแล้วค่อยออกเดินทางก็ไม่ล่าช้าหรอก”
หลินสวินยิ้มพลางปฏิเสธ
ซวีรั่วกู่เห็นดังนี้ก็ไม่รั้งอีก เอ่ยว่า “น้องชาย ทะเลประหัตมารโกลาหลยุ่งเหยิง ถ้าเจ้าต้องการความช่วยเหลือก็บอกมาได้เลย แม้หลายปีนี้ถ้ำสวรรค์ปรกอุดมของพวกเราพวกเราเร้นตัวอยู่ที่นี่ น้อยนักที่จะสนใจเรื่องราวในโลก แต่ด้วยความสามารถของพวกเรา ย่อมไม่เคยกลัวการล่วงเกินใคร”
คำพูดเดียว พูดออกมาอย่างอหังการนัก
คิดดูก็ถูก คนที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ปรกอุดมมีแต่นักสลักลายมรรคที่มีความเชี่ยวชาญไม่ธรรมดาในด้านการสลักลายมรรค แค่กระบวนผนึกลายมรรคที่วางไว้ล้วนสามารถทำให้ขุมอำนาจใหญ่ใดๆ ก็ตามรับไม่ไหว!
หลินสวินยิ้มเอ่ย “ถ้าจำเป็นข้าจะเอ่ยปากแน่”
ขณะพูดทั้งสองก็เดินออกมาจากคฤหาสน์แล้ว
นอกคฤหาสน์ เห็นชัดว่าเสวียนฝูที่สวมชุดแดง สีหน้าซึมทื่อเฉยชารอมาพักหนึ่งแล้ว เมื่อเห็นหลินสวินเดินออกมาก็สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยถามว่า “เจ้า… คือหลินสวินหรือ”
หลินสวินประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ยังพยักหน้าเอ่ยว่า “ไม่ผิด”
“หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” แววซับซ้อนผุดขึ้นในดวงตาเสวียนฝู พอพูดจบก็หมุนตัวจากไป
หลินสวินงุนงงไปหมด หมายความว่าอย่างไร
“น้องชาย เสวียนฝูแซ่ลั่ว”
ซวีรั่วกู่ที่อยู่ข้างๆ อธิบายเสียงเบาประโยคหนึ่ง
หลินสวินนัยน์ตาหดรัด ลูกหลานตระกูลลั่วหรือ แต่ทำไมถึงอยู่ที่นี่
ซวีรั่วกู่กล่าว “อาจารย์บอกว่าเสวียนฝูเป็นลูกหลานตระกูลลั่วสายหลัก สถานการณ์ในตระกูลลั่วยากเข็ญ ถูกทรมานและกลั่นแกล้งไม่น้อย หลายปีก่อนอาจารย์พาเขากลับมาถ้ำสวรรค์ปรกอุดม สอนศาสตร์การสลักวิญญาณให้เขาด้วยตัวเอง พรสวรรค์ของเด็กคนนี้โดดเด่นนัก โดยเฉพาะในด้านการหยั่งรู้ลายมรรค ในรุ่นเดียวกันยังไม่มีใครเหนือกว่าเขา โดดเด่นผิดธรรมดา เป็นปฐมาจารย์สลักลายมรรคที่ชื่อสมความสามารถผู้หนึ่งไปนานแล้ว”
หลินสวินถึงเพิ่งกระจ่างในยามนี้
ตระกูลลั่วแบ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่คือสายหลักกับสายรอง มารดาของเขาลั่วชิงสวินเป็นทายาทสายหลัก
เพียงแต่ตั้งแต่ลั่วทงเทียนหายตัวไปอย่างประหลาด ยามลั่วเซียวบิดาของลั่วชิงสวินสืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลก็เกิดความเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ถูกลั่วฉงผู้นำสายรองชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลไป
ตั้งแต่นั้นมาผู้อาวุโสในตระกูลลั่วสายหลักเหล่านั้นก็ถูกกำราบและกักขัง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คาดเดาได้ว่าลูกหลานของสายหลักของตระกูลลั่ว ต่อให้ยังใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลลั่ว สถานการณ์ก็ย่อมไม่ดีแน่
ลั่วเสวียนฝูก็อยู่ในกรณีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ส่วนคนตระกูลลั่วที่ถูกหลินสวินฆ่าตายเมื่อหลายปีก่อนนั้นอย่างพวกลั่วอวิ๋นซาน ลั่วอวิ๋นอี้ ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตของตระกูลลั่วสายรอง
‘หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง…’
หลินสวินนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของลั่วเสวียนฝูแล้วอึ้งไปอย่างอดไม่ได้ เจ้าหมอนี่คงไม่ได้หวังจะยืมมือตนไปแก้แค้นตระกูลลั่วกระมัง
เขาเอ่ยถาม “สหายยุทธ์ นอกจากลั่วเสวียนฝูคนนี้ ในถ้ำสวรรค์ปรกอุดมยังมีลูกหลานตระกูลลั่วคนอื่นอีกหรือไม่”
“ไม่มีแล้ว ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นทะเลประหัตมาร และฐานะของอาจารย์ก็ออกจะพิเศษ ทันทีที่ข่าวแพร่งพรายออกไป เกรงว่าจะมีศัตรูมาหาถึงที่” ซวีรั่วกู่กล่าว
“ศัตรูหรือ คนตระกูลลั่วสายรองพวกนั้นหรือ” หลินสวินเอ่ย
“ไม่ได้มีแต่พวกเขา”
ซวีรั่วกู่ถอนใจยาวกล่าวว่า “เรื่องพวกนี้ข้าก็รู้ไม่มาก อาจารย์เองก็ไม่เคยเล่า รอภายหน้ายามเจ้าได้พบอาจารย์ก็ลองถามเขาดู ไม่แน่อาจจะรู้คำตอบ”
หลินสวินพยักหน้าเอ่ย “สหายยุทธ์ เรื่องฐานะของข้าหวังว่าจะไม่เปิดเผยออกไปก่อนชั่วคราว เทียบกันแล้ว ศัตรูของข้ามีแต่จะมากกว่าท่านลู่”
ซวีรั่วกู่เงียบไป ทันใดนั้นก็เอ่ยอย่างจริงจังว่า “เจ้าวางใจก็พอ”
วันนั้นหลินสวินออกจากถ้ำสวรรค์ปรกอุดม และหายลับไปบนเกาะกาฬทักษิณ
……
เจ็ดวันผ่านไป
บริเวณด้านนอกเขตลมสนามแม่เหล็ก
วิ้วๆๆ…
เสียงพายุพลังแม่เหล็กน่าครั่นคร้ามเป็นระลอกม้วนตลบ ส่งเสียงสะเทือนแก้วหู ห้วงอากาศถูกฉีกกระชากขาดพังมลาย ฟ้าดินแถบนี้เผยทิวทัศน์ยับเยินอันโกลาหลยิ่งออกมา
นี่ยังเป็นแค่บริเวณด้านนอกเท่านั้น
และในที่ไกลลิบ เขตลมสนามแม่เหล็กก็เหมือนมังกรยาวตัวมหึมาไร้สิ้นสุดตัวหนึ่งขดตัวอยู่กลางฟ้าดิน มันรวมตัวขึ้นจากพลังแม่เหล็กสีดำ แปลงเป็นเขตลมน่าครั่นคร้ามลอยอยู่ตรงนั้น กลายเป็นหนึ่งในสามเขตผนึกใหญ่ที่แค่คนเอ่ยถึงก็หน้าเปลี่ยนสีมาตั้งแต่โบราณ
และว่ากันว่าภูเขาเทพสนามแม่เหล็กลึกลับลูกนั้นก็อยู่ในส่วนลึกสุดของเขตลมสนามแม่เหล็ก!
เมื่อหลินสวินมาถึง ก็พบกับ ‘กระแสแม่เหล็ก’ ที่จะปะทุออกมาเป็นช่วงๆ พอดี
มองออกไปไกลๆ พลังกลืนกินที่เกิดขึ้นในเขตลมสนามแม่เหล็กก็เหมือนกับการหายใจเข้าออก ขณะที่กลืนกิน กระแสห้วงอากาศที่แหลกกระจุยนั้นจะถูกลากไปในเขตลมสนามแม่เหล็กโดยสมบูรณ์ ทำให้ห้วงอากาศเกิดสภาวะเงียบสงัดและพังทลาย
และเมื่อเขตลมสนามแม่เหล็กปลดปล่อยออกมา ก็จะเป็นเหมือนภูเขาไฟปะทุ พลังแม่เหล็กสีดำถาโถมพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง แผ่กระจายออกไปทั่ว ปั่นป่วนจนฟ้าพลิกดินคว่ำ!
นี่ก็คือกระแสแม่เหล็ก ภัยพิบัติธรรมชาติอันแปลกประหลาดหาใดเทียบชนิดหนึ่ง ว่ากันว่าเกิดจากพลังระเบียบห้วงอากาศที่ลึกลับสุดหยั่ง
แค่มองดูจากไกลๆ หลินสวินยังใจเต้นอกสั่น สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา
แต่เขาก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าในการโคจรของกระแสแม่เหล็กนั้น มักจะมีแสงดำที่เย็นเยียบบาดตาเป็นสายๆ พุ่งออกมาจากเขตลมสนามแม่เหล็กเป็นพักๆ กรีดแหวกฟ้ากว้าง ลอยไปยังภายนอก
เมื่อมองดูโดยละเอียด นั่นเป็นหินสีดำขลับรูปร่างแตกต่างกันไป มีประกายเหมือนโลหะ
นี่คือหินเทพพลังแม่เหล็ก
ในหินเทพพลังแม่เหล็กล้วนบรรจุเหล็กเทพพลังแม่เหล็กไว้ นี่เป็นสมบัติล้ำค่าหายากอย่างหนึ่ง ถึงกับเอามาใช้เป็นเจตวัตถุในการหลอมศาสตรามรรคอมตะได้!
และทุกครั้งที่มีหินเทพพลังแม่เหล็กพุ่งออกมา ตามบริเวณต่างๆ ภายนอกเขต ก็จะมีคนกระโจนออกมาแก่งแย่ง
มักจะเกิดการต่อสู้เข่นฆ่านองเลือดอย่างเลี่ยงไม่ได้
เหมือนเช่นตอนนี้ การมาถึงของหลินสวินก็ทำให้ผู้ฝึกปราณที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหลายคนระแวดระวัง ไม่ปกปิดไอสังหารของตัวเองสักนิด
เห็นชัดว่ามองเขาเป็นคู่ต่อสู้แย่งชิง
เทียบกันแล้วหลินสวินไม่ได้ใส่ใจสักนิด ยืนอยู่เพียงลำพังเช่นนั้น เมื่อเทียบกับจำนวนหนึ่งแสนชั่ง หินเทพพลังแม่เหล็กที่ถูกกระแสแม่เหล็กซัดออกมาเหล่านั้นก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำหนึ่งแก้วดับเพลิงจากรถขนฟืน ไม่อาจดึงดูดให้หลินสวินไปแย่งชิงได้สักนิด
เขามองดูกระแสแม่เหล็กที่กำลังปะทุนั้นอยู่ไกลๆ ในใจก็อนุมานว่าควรจะเข้าไปในเขตลมสนามแม่เหล็กนั้นอย่างไรดี
——