Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2640 ด่านเคราะห์ของลู่ป๋อหยา
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2640 ด่านเคราะห์ของลู่ป๋อหยา
ตอนที่ 2640 ด่านเคราะห์ของลู่ป๋อหยา
ลู่ป๋อหยายิ้มแล้วเอ่ยว่า “ด้วยการทดสอบทั้งสองครั้งนี้ ข้าเชื่อว่าเจ้ามีความสามารถไปต่อต้านกับตระกูลลั่วได้แล้ว”
พอพูดถึงการทดสอบหลินสวินก็ยิ้มเจื่อนอย่างอดไม่ได้ “ท่านลู่ แค่พบหน้ากันเท่านั้น ไยต้องทดสอบแบบนี้ด้วย หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าจะตายที่เขตลมสนามแม่เหล็กแห่งนั้นไปนานแล้ว”
ลู่ป๋อหยาหัวเราะร่าขึ้นมา เอ่ยว่า “เจ้าก็คือเจ้า คนอื่นคือคนอื่น ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้ข้าออกจากถ้ำสวรรค์ปรกอุดมไปเมื่อหกสิบปีก่อน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในโลกยอดนิรันดร์ช่วงหลายปีมานี้ข้าเองก็รู้ดี”
“คนอื่นอาจจะไม่สามารถเข้าไปในเขตลมสนามแม่เหล็ก แต่เจ้าต้องทำได้แน่ ถึงอย่างไรตอนนี้ขนาดเผ่าจักรพรรดิอมตะน่านฟ้าที่หกยังรู้ว่าเจ้ามีไพ่ตายที่ใช้ต้านพลังระเบียบได้อยู่ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ การไปต้านพลังระเบียบห้วงอากาศในเขตลมสนามแม่เหล็กก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ส่วนพลังผนึกเก้าชั้นของถ้ำสวรรค์แดนมงคลนี้ รวมถึงการทดสอบของโลงนิรันดร์นี้ เดิมทีก็เป็นสิ่งที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าอยู่แล้ว ถ้าเจ้ายังแก้ไม่ได้อีกนั่นต่างหากที่แปลก”
หลินสวินถึงได้เข้าใจ ที่แท้การทดสอบทั้งสองครั้งนี้ล้วนผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว
“เพียงแต่จะรวบรวมเหล็กเทพพลังแม่เหล็กพวกนี้ไปทำอะไรหรือ” หลินสวินถาม
ลู่ป๋อหยาเอ่ย “เอาศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของเจ้ามา”
หลินสวินนำเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมาส่งให้ทันที
ลู่ป๋อหยาหยิบมาพิจารณาครู่ใหญ่ ในดวงตาก็เผยแววตื่นตะลึง เอ่ยว่า
“สมบัตินี้ไม่อาจเทียบกับศาตราจักรพรรดิได้นานแล้ว แม้ว่าข้าไม่รู้นัยเร้นลับที่แท้จริงของมัน แต่ดูออกว่าลักษณะของสมบัตินี้มีท่วงทำนองอมตะอยู่กลายๆ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นอายระเบียบอบอวล มหัศจรรย์นัก คิดว่าหลายปีนี้เจ้าคงมองสมบัตินี้เป็นเลือดดวงใจทั้งชีวิตของเจ้าไปแล้ว”
หลินสวินอดเอ่ยขึ้นอย่างเลื่อมใสไม่ได้ “ท่านลู่ตาถึงนัก”
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเคยผ่านมหาเคราะห์อัศจรรย์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีตปัจจุบัน ทั้งยังเคยสร้างใหม่ในด่านเคราะห์ดูดซับสารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณ รวมถึงดูดซับพลังเพลิงหงส์ระเบียบมาแล้ว
ช่วงหลายปีมานี้สมบัติจำพวกที่ใช้วัตถุอมตะจำนวนหนึ่งที่หลินสวินได้มา ล้วนถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งหลอมหมดแทบทั้งนั้น
ต่อให้ไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้ ระเบียบนิพพานก็แทรกซึมอยู่ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งมาหลายปี จึงทำให้มันเปลี่ยนเป็นแปลงไปจากเดิมนานแล้ว
อย่างน้อยในการประชันระหว่างสมบัติ เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งก็ไม่หวั่นการประชันกับศาสตรามรรคอมตะมานานแล้ว!
ท่านลู่หัวเราะไปด่าไปว่า “ตาถึงอะไร เจ้าหนู เจ้ารู้จักพูดจากะล่อนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร!”
เขาเฝ้ามองหลินสวินเติบโต เพราะตอนเด็กเคี่ยวเข็ญและเข้มงวดกับอีกฝ่ายมาตลอด ทำให้ตั้งแต่หลินสวินยังเด็กก็มีความสุขุมและเฉลียวฉลาดอย่างที่คนรุ่นเดียวกันไม่มี
แต่ก็ด้วยเหตุนี้ ทำให้เขาขาดความร่าเริงและเปิดเผยอย่างที่เด็กหนุ่มควรมี
เรื่องนี้ต้องพูดว่าเป็นความเสียใจอย่างหนึ่ง
แต่พอมองหลินสวินที่อยู่ตรงหน้า ท่านลู่ก็ยังชื่นใจ เหมือนกับต้นอ่อนที่ตนปลูกเองกับมือ ในตอนนี้ได้เติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่สูงเทียมฟ้า สามารถต้านลมบังฝนด้วยตัวเองได้แล้ว!
หลินสวินยิ้มเอ่ยว่า “ท่านลู่ มาพูดเรื่องเหล็กเทพพลังแม่เหล็กเถอะ”
ท่านลู่ส่งเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งให้หลินสวินแล้วเอ่ยว่า “แม้ข้าจะไม่อาจช่วยเจ้าพัฒนาสมบัติชิ้นนี้ให้สมบูรณ์แบบขึ้นได้ แต่กลับรู้ว่าเหล็กเทพพลังแม่เหล็กเป็นเจตวัตถุที่หายากมากชนิดหนึ่ง ไม่เพียงใช้หลอมศาสตรามรรคอมตะได้ ยังรองรับพลังกาลเวลาได้ด้วย”
หลินสวินตื่นตะลึง เอ่ยว่า “รองรับพลังกาลเวลาหรือ”
“ไม่ผิด ดาบเงาแสงของตาทวดของเจ้าก็ใส่เหล็กเทพพลังแม่เหล็กหนึ่งหมื่นชั่งเข้าไปเป็นเจตวัตถุ จึงมีรากฐานที่สามารถประทับพลังกาลเวลาได้ หาไม่แล้วสมบัติทั่วๆ ไปไม่อาจรับการกัดกร่อนและทำลายของพลังกาลเวลาได้”
ลู่ป๋อหยาเอ่ย “พรสวรรค์หุบเหวกลืนกินเกี่ยวข้องกับพลังกาลเวลา ตอนเจ้าปลุกอภินิหารพรสวรรค์ขั้นที่สี่ ก็จะสามารถใช้พลังกาลเวลาควบรวมเป็นกฎเกณฑ์ ประทับไว้ในศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของตนเองได้ เช่นนี้แล้วระหว่างที่เจ้าต่อสู้ ยามขยับตัวก็จะสำแดงพลังกาลเวลาออกมาได้”
“และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ตอนนั้นสิบยักษ์ใหญ่อมตะน่านฟ้าที่แปดหวาดกลัวตาทวดของเจ้า!”
หลินสวินใจสั่น ในที่สุดก็เข้าใจความตั้งใจของลู่ป๋อหยาแล้ว เห็นชัดว่าเหล็กเทพพลังแม่เหล็กหนึ่งแสนชั่งนั้นมีขึ้นเพื่อปูทางให้เขาควบรวมกฎเกณฑ์กาลเวลาในภายหน้า!
ลู่ป๋อหยายิ้มอ่อนโยน เอ่ยว่า “พลังผนึกเก้าชั้นที่ปกคลุมนอกถ้ำสวรรค์ปรกอุดมแห่งนี้ก่อนหน้านี้ ก็คือกระบวนค่ายกลเก้าหลักที่หลอมเหล็กเทพพลังแม่เหล็ก และหลอมรวมกฎเกณฑ์เวลา เชื่อว่าตอนนี้เจ้าเข้าใจนัยเร้นลับในนั้นทั้งหมดอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว และตอนนี้ยังมีเหล็กเทพพลังแม่เหล็กหนึ่งแสนชั่งนี้อีก เท่ากับว่ายามเจ้าบรรลุระดับอมตะ ก็จะสามารถหลอมกฎเกณฑ์กาลเวลาออกมาจากในเตากระบี่นี้ได้สายหนึ่งแล้ว”
หลินสวินจิตใจปั่นป่วน พลังผนึกเก้าชั้นนั้นถึงกับมีความหมายลึกซึ้งเช่นนี้! สิ่งนี้เหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง และยังดูออกด้วยว่าการจัดแจงของท่านลู่นั้นใส่ใจแค่ไหน!
ต่อให้ตั้งแต่พบกันจนตอนนี้ท่านลู่ไม่ได้พูดอะไร ทั้งยังไม่ได้แสดงท่าทางตื่นเต้นหรือเสียอาการ แต่เห็นชัดว่าเขาเฝ้ามองตนอยู่ตลอด ช่วยวางแผนให้ตน ความใส่ใจรอบด้านเช่นนี้ทำให้หลินสวินอบอุ่นใจเช่นกัน
“ถ้าเจ้าซาบซึ้งก็พูดออกมา ตอนนี้ข้าจะไม่ดุและเข้มงวดกับเจ้าอย่างตอนนั้นแล้ว” ลู่ป๋อหยายิ้มเอ่ย
“เอ่อ…”
หลินสวินก็ยิ้มแล้ว เอ่ยว่า “ข้าแค่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเหล็กเทพพลังแม่เหล็กหนึ่งแสนชั่งถึงสามารถประทับกฎเกณฑ์เวลาได้สายเดียว”
ลู่ป๋อหยาถลึงตา เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “อานุภาพดาบเงาแสงนั่น คิดว่าเจ้าก็ต้องเคยสัมผัสมาแล้ว ลั่วอวิ๋นซานไม่ได้ครอบครองพรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน และไม่ได้ครอบครองกฎเกณฑ์กาลเวลาก็ยังใช้ได้ อานุภาพน่ากลัวขนาดไหน และดาบเงาแสงก็มีกฎเกณฑ์เวลาประทับอยู่สายเดียวเท่านั้น”
หลินสวินเอ่ย “ถ้าข้ามีเหล็กเทพพลังแม่เหล็กมากกว่านี้ล่ะ”
ลู่ป๋อหยาอึ้งไป ทันใดนั้นก็เหมือนตระหนักอะไรได้ สีหน้าชอบกล “ดูท่าข่าวลือช่วงนี้จะเป็นความจริง ภูเขาเทพสนามแม่เหล็กที่อยู่ในเขตลมสนามแม่เหล็กนั่น ถูกเจ้าเก็บมาจริงๆ ด้วย”
หลินสวินยิ้มเป็นนัย
“ถ้าเป็นแบบนี้ก็ประทับกฎเกณฑ์เวลาเพิ่มขึ้นได้จริงๆ แต่ข้าไม่เคยลองมาก่อน รอถึงตอนนั้นพวกเรามาช่วยกันคิดก็ได้”
ลู่ป๋อหยาเอ่ยพึมพำ
“มีท่านลู่ช่วยต้องทำได้แน่”
หลินสวินประจบอย่างลื่นไหล
ลู่ป๋อหยาชี้หลินสวินพลางหลุดหัวเราะออกมา “เจ้าหนูอย่างเจ้านี่… ต่างจากตอนเด็กๆ ตามคาด!”
“ท่านลู่ ท่านในตอนนี้มีพลังปราณระดับไหนกันแน่” จู่ๆ หลินสวินก็เอ่ยถาม
ปริศนาข้อนี้เก็บอยู่ในใจเขามานานแล้ว
ลู่ป๋อหยาครุ่นคิดครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “ฟื้นฟูพลังมาได้ประมาณแปดส่วนของในอดีตแล้ว อืม น่าจะเทียบเท่ากับ… ระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าของยุคนี้กระมัง แต่ถ้าฆ่าศัตรู ด้วยความสามารถด้านการสลักลายมรรคของข้า ต่อให้เจอคู่ต่อสู้ขั้นดับเทพก็ไม่ต้องใส่ใจมากนัก”
ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าหรือ
พลังแปดส่วนหรือ
หลินสวินสีหน้าตกตะลึง เอ่ยว่า “ท่านลู่ แต่ทำไมสมัยท่านอยู่ในโลกชั้นล่าง ถึงได้ถูกคนอย่างเหยี่ยนซิงหรือจอมจักรพรรดิไร้นามไล่ฆ่าล่ะ”
เรื่องนี้น่าเหลือเชื่อนัก
ถ้าบอกว่าถูกพลังระเบียบของโลกชั้นล่างข่ม แต่เหยี่ยนซิงในตอนนั้นก็ถูกข่มเหมือนกัน ทว่าก็เป็นผู้หญิงคนนี้ที่ทำลายคุกใต้เหมืองกับมือ ทำให้ลู่ป๋อหยายังต้องหนี!
พูดง่ายๆ ลู่ป๋อหยาในตอนนั้น… ศักยภาพอ่อนแอจริงๆ
“สิ่งนี้เกี่ยวโยงถึงเคราะห์มรรคห้าเสื่อม”
ลู่ป๋อหยาเหมือนไม่ได้แปลกใจที่หลินสวินถามเช่นนี้ เอ่ยว่า “แม่เจ้าคงเคยบอกเจ้าแล้วว่าข้าโชคดีรอดชีวิตมาจากยุคก่อน แต่ต่อให้ได้ตาทวดของเจ้าช่วย กระทั่งตอนนี้มรรควิถีทั้งตัวก็ยังได้รับผลกระทบจากเคราะห์มรรคห้าเสื่อมอยู่”
“ด่านเคราะห์เช่นนี้ถือกำเนิดในยุคสมัยดับสิ้น น่ากลัวหาใดเทียบ ห้าเสื่อมที่ว่าก็คือกาย วิญญาณ ใจ เจต มรรควิถี พลังห้าอย่างต่างได้รับเคราะห์แห่งความเสื่อม”
“ด่านเคราะห์กาย เรียกอีกอย่างว่าด่านเคราะห์เปลือกนอก เมื่อเผชิญด่านเคราะห์ เปลือกนอกเน่าเปื่อย เสื่อมโทรมและดับสลาย”
“ด่านเคราะห์วิญญาณ ก็เป็นด่านเคราะห์ที่พุ่งเป้าที่จิตวิญญาณ”
“ด่านเคราะห์ใจพิสดารเป็นที่สุด ทันทีที่ประสบเคราะห์ สภาวะจิตพังทลาย คลุ้มคลั่งไร้สติรู้ตัว”
“ด่านเคราะห์เจต จะพุ่งเป้าที่พลังเจตจำนง ต่อให้เหลือเพียงพลังเจตจำนงอยู่บนโลกก็จะถูกทำลาย”
“ด่านเคราะห์มรรควิถี ย่อมพุ่งเป้าที่พลังปราณ”
“ภายใต้เคราะห์มรรคห้าเสื่อม ทุกชีวิตไม่ว่าพลังปราณจะสูงหรือต่ำล้วนต้องดับสลายไม่อาจดำรง พวกแข็งแกร่งอย่างระดับอมตะก็หนีภยันตรายของยุคสมัยดับสิ้นได้ยาก!”
เสียงเขาต่ำลึกเผยความหวาดหวั่นอย่างแรงกล้า “ยุคก่อนเปล่งประกายเจิดจ้าปานไหน แต่เพราะยุคสมัยดับสิ้น ผู้ที่อยู่รอดมาได้ก็มีแค่หยิบมือเท่านั้น”
“ตอนนั้นข้าอาศัยยอดสมบัติยันต์ที่ตระกูลทิ้งไว้ให้ชิ้นหนึ่งจึงโชคดีต้านเคราะห์นี้และรอดมาได้”
“แต่ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้กลับได้รับผลกระทบจากพลังของเคราะห์มรรคห้าเสื่อมมาโดยตลอด…”
ฟังถึงตรงนี้หลินสวินยังหวาดผวาอย่างห้ามไม่อยู่ นึกถึง ‘อู๋ซวง’ วิญญาณระเบียบ นางเป็นถึงวิญญาณระเบียบมรรคสวรรค์ของโลกแห่งหนึ่ง สูงส่งปานไหน เลิศล้ำเหนือใคร
แต่ก็ประสบกับ ‘เคราะห์มรรคห้าเสื่อม’ ในยุคสมัยดับสิ้น ถึงกับเกือบหายลับไป!
และตามคำพูดของท่านลู่ พวกที่แข็งแกร่งอย่างระดับอมตะก็ยังประสบภัยคุกคามของมหาเคราะห์เช่นนี้ได้!
เรื่องนี้แค่คิดก็รู้สึกหวาดหวั่นแล้ว
“สมัยอยู่โลกยอดนิรันดร์ตอนนั้น มีตาทวดของเจ้าใช้วิชาลับต้องห้ามช่วยข้าสลายพลังเคราะห์มรรคห้าเสื่อมภายในร่าง จึงทำให้ข้ารักษาพลังต่อสู้ในสมัยที่อยู่จุดสูงสุดได้”
ลู่ป๋อหยาเอ่ย “แต่ตั้งแต่ตาทวดของเจ้าจากไป และข้ากับแม่และลุงเจ้าหนีลงไปโลกชั้นล่าง พลังเคราะห์มรรคห้าเสื่อมในร่างของข้าก็แผลงฤทธิ์ ระดับพลังมีแนวโน้มจะพังพินาศ ถึงต้องอดทนและเก็บตัวจำศีล หาไม่แล้วตอนนั้นจะมองดูเจ้ากับพ่อแม่เจ้าประสบอันตรายไปต่อหน้าต่อตาได้อย่างไร”
เสียงเจือความโกรธ จนใจ และขมขื่น
เคราะห์มรรคห้าเสื่อม!
มีเพียงเคยประสบมาจริงๆ เท่านั้นจึงจะรู้ถึงความน่ากลัวของด่านเคราะห์เช่นนี้!
ในที่สุดตอนนี้หลินสวินก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดตอนนั้นท่านลู่จึงอ่อนแอขนาดนั้น ที่แท้ทั้งหมดนี้ก็เกี่ยวกับ ‘เคราะห์มรรคห้าเสื่อม’ ทั้งนั้น
“ตอนนี้ท่านยังได้รับผลกระทบจากด่านเคราะห์เช่นนี้หรือไม่”
หลินสวินถามอย่างอดไม่ได้
ลู่ป๋อหยาพยักหน้า “ตอนนั้นข้ากับตาทวดของเจ้าเคยหยั่งเชิงและอนุมานดูหลายครั้ง สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า ถ้าไม่อาจมองทะลุนัยเร้นลับนิรันดร์ ย่อมไม่อาจขจัดพลังพิสดารเช่นนี้ได้อย่างแท้จริง”
“ก็เพราะเหตุนี้ ตาทวดของเจ้าจึงยึดติดกับการไปโจมตีประตูนิรันดร์ขนาดนั้น เขากังวลว่าในอนาคตสักวันหนึ่งจะเจอเคราะห์มรรคห้าเสื่อม จึงวางแผนเตรียมวิธีรับมือไว้ก่อน น่าเสียดาย…”
“สุดท้ายก็ล้มเหลวอยู่ดี…”
——