Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2652 กล่องหยกสีดำ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2652 กล่องหยกสีดำ
ตอนที่ 2652 กล่องหยกสีดำ
หลินสวิน!
เจ้าหนุ่มที่ทำให้ตระกูลลั่วเกลียดชังจนกัดฟัน แต่ก็ปรารถนาอยากได้ตัวมาอย่างที่สุด ถึงกับปรากฏตัวในอาณาเขตตระกูลลั่วของพวกเขาในคืนนี้!
ความรู้สึกนี้…
เหมือนเหยื่อที่ทำทุกวิถีทางก็ไม่อาจได้มา กลับเป็นฝ่ายวิ่งมาหาถึงที่ เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นกะทันหันถึงเพียงนี้ ทำเอาตั้งตัวไม่ติดจริงๆ
ชั่วขณะนี้ลั่วฉงจิตใจเบิกบานนัก เงยหน้าหัวเราะลั่น “หลินสวิน ที่แท้เจ้าก็คือหลินสวิน ฮ่าๆๆ พยายามแทบตายกลับไม่ได้มา แต่ยามเมื่อได้มากลับไม่เปลืองแรง”
บรรดาบุคคลสำคัญของตระกูลลั่วสายรองที่อยู่บริเวณนั้น หลังจากผ่านความผิดคาดในตอนแรกต่างตื่นเต้นขึ้นมาเช่นกัน แต่ละคนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าๆ เจ้าหมอนี่ถึงกับพาตัวมาติดตาข่ายเอง!”
“วาสนากลั่นแกล้งคนจริงๆ!”
“เจ้าหมอนี่คงไม่ใช่กลับตัวกลับใจ คิดจะมารับใช้ตระกูลลั่วแล้วกระมัง”
เสียงต่างๆ ดังขึ้น
แววตาหลินสวินแปลกพิกล คนพวกนี้ดีใจเร็วเกินไปหรือไม่
ความจริงจะโทษที่พวกลั่วฉงตื่นเต้นขนาดนี้ก็ไม่ได้ บนร่างหลินสวินไม่เพียงปลุกพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินขึ้นมาแล้ว ที่สำคัญกว่าคือสมบัติอย่างพวกห้องโถงมรรคาสวรรค์ กระบี่ศุภโชคก็อยู่บนตัวเขา!
นี่เป็นถึงสมบัติที่พวกลั่วฉงใฝ่หาทุกเช้าค่ำมาไม่รู้กี่ปี!
“ทุกท่าน ในเมื่อเจ้าหมอนี่กล้าปรากฏตัวที่นี่ เกรงว่าคงมีที่พึ่ง”
แววตาเผยหรูเองก็เผยประกายประหลาดเช่นกัน เพียงแต่กลับสงบนิ่งไปบ้าง
ดังคาด ต่อจากนั้นเหอป๋อหยางก็เอ่ยว่า “สิ่งที่สามารถมั่นใจได้คือ ลั่วเฟิงถูกเจ้าหมอนี่จับตัวไป พวกลั่วอวิ๋นซาน ลั่วอวิ๋นเหอต่างถูกเจ้าหมอนี่สังหาร ก็หมายความว่าคลื่นลมบางส่วนที่ตระกูลลั่วประสบช่วงที่ผ่านมานี้ ล้วนมาจากฝีมือของเจ้าหมอนี่”
คำพูดเหล่านี้ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกลั่วฉงสลายไป ความตื่นเต้นในใจก็ถูกความเดือดดาลที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้แทนที่ แต่ละคนสีหน้าไม่น่าดูอย่างที่สุด
ช่วงที่ผ่านมานี้เพราะเรื่องลั่วเฟิงถูกจับตัวไป และเรื่องที่พวกลั่วอวิ๋นเหอไร้ข่าวคราว ทรมานพวกเขาจนแทบบ้าแล้ว
พวกเขาล้วนคิดว่าคนที่ทำเรื่องนี้จะต้องเป็นขุมอำนาจใหญ่สักตระกูลอย่างแน่นอน ใครจะคิดว่าทั้งหมดนี้กลับมาจากฝีมือของหลินสวินเพียงคนเดียว
ชั่วขณะเดียวแววตาพวกเขาล้วนเปลี่ยนเป็นอยากฆ่าหลินสวินให้ตายเสียเดี๋ยวนี้
“ที่แท้ก็เป็นเดรัจฉานอย่างเจ้า!”
ลั่วฉงตวาด “เฟิงเอ๋อร์ล่ะ เจ้าซ่อนเขาไว้ที่ไหน”
คนอื่นๆ เองก็ไอสังหารพวยพุ่ง
หลินสวินยิ้ม “ตอนนี้หากพวกเจ้าเร่งทำเวลามุ่งหน้าไปทะเลอสนีแยกฟ้า บางทีอาจสามารถช่วยเก็บกระดูกให้ ‘เฟิงเอ๋อร์’ ที่เจ้าพูดถึงได้บ้าง”
ในใจลั่วเฟิงเจ็บปวดรุนแรงโดยพลัน โกรธจนหน้าเขียว กล่าวว่า “เจ้า… เจ้าถึงกับกล้าสังหารเฟิงเอ๋อร์! เดรัจฉาน! เจ้าสมควรโดนสับเป็นหมื่นชิ้น!”
เหล่าคนสำคัญตระกูลลั่วเองก็เดือดดาลถึงขีดสุด
ลั่วเฟิงเป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนเดียวของตระกูลลั่วสายรอง แต่ตอนนี้กลับถูกฆ่าไปแล้ว!
นี่เท่ากับฆ่าความหวังที่ตระกูลลั่วของพวกเขาจะลืมตาอ้าปากในอนาคต!
ฟ้าดินเย็นเยียบ ไอสังหารที่น่ากลัวราวกับพลิกแม่น้ำคว่ำมหาสมุทรเข้าปกคลุมพื้นที่แถบนี้
ห่างออกไปไกล คนในตระกูล ผู้ติดตาม สาวใช้ คนเบื้องล่างจำนวนนับไม่ถ้วนของตระกูลลั่วต่างตกใจ มองอยู่ไกลๆ ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
ในจำนวนนั้นมีลั่วเสวียนเจินด้วย
เมื่อเห็นหลินสวินที่ถูกล้อมกลางห้วงอากาศเหนือยอดเขาเมฆามรกต หัวใจของเขาก็ตกไปอยู่ตาตุ่ม มือเท้าเย็นเฉียบ
จบกัน…
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยังจะพูดถึงเรื่องไปช่วยพวกผู้อาวุโสสายตรงเหล่านั้นอะไรอีก ท่านอาเองก็เกรงว่าจะเอาตัวรอดได้ยาก!
“คุณหนู เจ้าหมอนี่รับมือยากมาก คงจะครอบครองไพ่ตายที่สามารถคุกคามระดับอมตะได้ แต่ถ้าเปิดฉากต่อสู้จริงๆ การกำราบเขาก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
กลางอากาศเฒ่าชราหัวโล้นอวี่ไหวที่สูงใหญ่น่าเกรงขามกล่าวเย็นเยียบ “ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเห็นของท่านแล้ว”
เผยหรูสีหน้าเรียบเฉย เอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว สามีข้าเคยรับปากว่าขอเพียงแค่จับเจ้าหมอนี่ได้ สมบัติบนตัวเขาอย่างห้องโถงมรรคาสวรรค์ กระบี่ศุภโชคก็จะเป็นของข้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้เหตุใดพวกเจ้าต้องลังเลอีก ลงมือก็พอ”
คำพูดนี้ทำให้สีหน้าของลั่วฉงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพิ่งหมายจะพูดอะไรสักอย่าง
ตูม!
บนท้องฟ้าแสงมรรคอมตะพรั่งพรู
อวี่ไหวออกโจมตีอย่างเหี้ยมหาญแล้ว
เงาร่างของเขาทรงพลัง ทันทีที่ลงมือก็ประหนึ่งเทพสงครามไร้ศัตรูในตำนาน ฝ่ามือกำเป็นหมัด แสงมรรคอมตะพร่างพราวไหลหลั่งรวมตัว ห้วงอากาศรอบๆ ทรุดทลายโดยพลัน
และเมื่อหมัดนี้ซัดออกไป ความรู้สึกที่มอบให้ก็เหมือนดั่งฟ้าถล่มดินทลาย สรรพสิ่งแหลกสลาย!
น่ากลัวนัก!
เหล่าคนที่มองอยู่ไกลๆ ต่างแสบตา จิตใจถูกโจมตี เกือบจะทรุดลงกับพื้น
ต่อให้เป็นเหล่าคนสำคัญที่อยู่ข้างกายลั่วฉงยังล้วนตัวแข็งทื่อ ขนลุกไปทั้งตัว แม้พวกเขาจะเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิ แต่ตอนนี้ก็รู้สึกถึงความกดดันอันใหญ่ยิ่งเช่นกัน
เพราะนี่คืออานุภาพของระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้า!
ด้านเหอป๋อหยางเองก็ลงมือในเวลาเดียวกัน
เคร้ง!
กระบี่มรรคขาวหิมะที่ถูกเขาเหยียบอยู่ใต้เท้ามาโดยตลอดส่งเสียงครวญใสกว่าเสียงมังกรครวญ
ทันใดนั้นปราณกระบี่ขาวโพลนพุ่งทะลวงเวิ้งฟ้าตรงๆ กฎเกณฑ์อมตะไร้ใดเปรียบอัดแน่นอยู่ในกระบี่ โจมตีเข้าใส่หลินสวินอย่างรุนแรง
กระบี่มรรคแยกขาว!
กระบี่มรรคอมตะที่แท้จริงชิ้นหนึ่ง!
ยามนี้เมื่อฟันออกไป เจตกระบี่ที่ทรงพลังนั่นเหมือนจะผ่าฟันฟ้าดินออก รุนแรงและรวดเร็วถึงขีดสุด
เช่นนี้ก็สามารถมองออกว่าระดับอมตะสองคนนี้ ยามลงมือล้วนไม่ออมมือสักนิด!
เพราะตั้งแต่ชั่วขณะที่พวกเขารู้ฐานะของหลินสวิน ก็ไม่เคยดูถูกใดๆ พวกเขารู้ชัดว่าหลินสวินมีไพ่ตายที่สามารถคุกคามระดับอมตะได้
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่คิดจะให้โอกาสหลินสวินได้ใช้ไพ่ตาย
ไม่ว่าจะเป็นหมัดนั้นของอวี่ไหว หรือกระบี่นี้ของเหอป๋อหยาง ล้วนแข็งแกร่งเหนือจินตนาการ!
ทว่ากลับเห็นหลินสวินยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับ
มีเพียงตรงหน้าเขาที่พลันปรากฏกล่องหยกสีดำออกมา
ยาวไม่เกินหนึ่งฉื่อ หนาสี่นิ้วมือ ดำสนิท เก่าแก่เรียบง่าย
ตูม!
พลังหมัดอันน่ากลัวของอวี่ไหวปกคลุมลงมาราวกับภูผาถล่มสมุทรซัดสาด ห้วงอากาศรอบตัวหลินสวินแหลกละเอียดโดยพลัน สาดซัดกระแสปั่นป่วนน่ากลัว
ทว่าตำแหน่งที่หลินสวินยืนอยู่กลับเหมือนโขดหินที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้ พลังหมัดที่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์อมตะนั่นน่ากลัวเพียงใด แต่กลับถูกขวางอยู่นอกหนึ่งฉื่อจากรอบตัวหลินสวิน ไม่สามารถเข้าไปได้แม้แต่ชุ่นเดียว!
อวี่ไหวนัยน์ตาหดรัด
หมัดนี้สามารถซัดมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิทุกคนได้อย่างง่ายดาย แต่กลับถูกพลังลึกลับไร้รูปสายหนึ่งขวางไว้!
ฉัวะ!
แทบจะในเวลาเดียวกัน กระบี่มรรคแยกขาวที่ขาวโพลนก็ฟันเข้ามา
หลินสวินยังคงยืนนิ่งเหมือนเก่า
ศาสตรามรรคอมตะเล่มนี้ดุดันและอหังการเพียงใด กดข่มเวิ้งฟ้าทลาย แต่เมื่อมาถึงในระยะหนึ่งฉื่อเหนือศีรษะหลินสวินก็ถูกสกัดกั้นเช่นกัน ครวญร้องรุนแรงไม่หยุด เหมือนฟันใส่กำแพงที่แข็งแกร่งไม่อาจทำลาย
สีหน้าของเหอป๋อหยางเองก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
สายตาของเขากับอวี่ไหวหยุดอยู่บนกล่องหยกสีดำที่ปรากฏตรงหน้าหลินสวินในทันที
“เป็นกล่องหยกสีดำนั่น!”
สีหน้าของลั่วฉงอึมครึมไม่สามารถสงบได้ ส่วนคนอื่นๆ อึ้งงันไปนานแล้ว
ใครจะกล้าเชื่อว่ามกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งจะขวางการโจมตีขนาบของระดับอมตะสองคนได้
หลินสวินในตอนนี้ สายตามองกล่องหยกสีดำอย่างจดจ่อ เสื้อผ้าพลิ้วไหว ไม่มีความกังวลใดๆ แม้แต่น้อย สงบนิ่งและเยือกเย็น
เขายื่นมือเปิดกล่องหยกสีดำ การกระทำอ่อนโยนแผ่วเบา สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา
ภาพที่ผิดปกตินี้ทำให้ในใจเหอป๋อหยางและอวี่ไหวกระตุกวูบ ต่างตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่เข้าที เปิดฉากโจมตีที่น่ากลัวที่สุดอย่างไม่ลังเล
“ทะยาน!”
ตรงหน้าอวี่ไหว บรรทัดหยกสีม่วงพุ่งทะยาน กลายเป็นแสงมรรคอมตะไพศาล ชั่วพริบตาเหมือนสุริยันสีม่วงดวงโตทะยานขึ้นเหนือเขาเทพหลังมังกร โชติช่วงและพร่างพราวปานนั้น
“ไป!”
เขาส่งเสียงตะโกน บรรทัดหยกสีม่วงทะยานฟ้าทันที กดข่มห้วงอากาศจนเกิดเสียงอึงอล พุ่งกำราบไปทางหลินสวิน
และในเวลาเดียวกันเหอป๋อหยางเองก็ใช้วิชาลับชั้นสูง กระบี่มรรคแยกขาวพริบไหว พลันกลายเป็นกระบี่บินมากมายแน่นขนัดแสนเล่มในทันที รวมตัวเป็นค่ายกลกระบี่อมตะที่เร้นลับไม่อาจคาดเดา!
อานุภาพที่น่ากลัวนั่นแผ่ขยาย ทำให้ในที่นั้นเกิดเสียงอุทานด้วยความตกใจไม่รู้เท่าไหร่ ยอดเขาอื่นๆ ที่ตั้งอยู่บริเวณนั้นสั่นไหวรุนแรงขึ้นมา
“คนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรีบถอย!”
ในเสียงตะโกน ลั่วฉงเรียกประทับมรรคสำริดออกมาทันที บนประทับปรากฏพลังระเบียบที่คลุมเครือน่ากลัว แผ่กระจายออกในชั่วพริบตา
ฉับพลันนั้นเขาเทพหลังมังกรที่กว้างใหญ่เหมือนตื่นจากการหลับใหล พลังระเบียบสายฟ้าสายแล้วสายเล่าราวกับโซ่เทพไหวกะพริบ ตัดสลับไปมา อุบัติขึ้นเหนือยอดเขาทุกลูก เปล่งแสงพร่างพราวออกมา ถึงได้สลายอานุภาพน่ากลัวที่ระดับอมตะสองคนนั้นปลดปล่อยออกมาได้
แต่ยังไม่รอให้ทุกคนผ่อนคลาย ภาพที่ทำให้พวกเขาอึ้งงันจนอ้าปากค้างก็ปรากฏขึ้นแล้ว…
ไม่ว่าจะเป็นบรรทัดหยกที่ราวกับสุริยันดวงโตสีม่วงของอวี่ไหว หรือค่ายกลกระบี่อมตะที่น่ากลัวจนทำให้คนขนลุกซู่ของเหอป๋อหยาง ยังคงถูกขวางไว้ในตำแหน่งที่ห่างจากรอบตัวหลินสวินหนึ่งฉื่อ!
ไม่สามารถเข้าใกล้ได้แม้แต่ชุ่นเดียว
ยิ่งไม่อาจทำร้ายหลินสวินได้สักนิด
ถึงขั้นที่ไม่เคยทำให้แววตาเขาเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย!
“นี่… นี่…”
หลายคนเบิกตาโพลง พูดไม่ออกด้วยซ้ำ ติดอ่างไปหมด
ลั่วฉงเองก็สูดหายใจสะท้าน กล่องหยกสีดำนั่นเป็นสมบัติระดับใดกันแน่ ถึงกับสามารถขวางการจู่โจมเต็มกำลังของระดับอมตะสองคนได้
ตอนนี้หลินสวินเปิดกล่องหยกสีดำนั่นออกแล้ว ละอองแสงสีเขียวอ่อนเล็กละเอียดเหมือนภาพฝันมายาลอยออกจากภายใน กลายเป็นเงาร่างปานมายา
สีหน้าของเหอป๋อหยางและอวี่ไหวล้วนอึมครึม ในใจเดือดดาล กระตุ้นพลังแห่งตนราวกับบ้าคลั่ง แต่ยังคงไม่มีประโยชน์
มีเพียงแสงมรรคทั่วฟ้าอึงอล สั่นไหวอย่างต่อเรื่อง แต่ไม่อาจทำอันตรายหลินสวินได้สักนิด!
“ข้าไม่เชื่อ!”
ทันใดนั้นเงาร่างอรชรสง่างามของเผยหรูทะยานขึ้นฟ้า ยกมือขึ้นโบกคราหนึ่ง กลางฝ่ามือปรากฏเจดีย์สมบัติสีดำที่ลึกลับแปลกประหลาดหลังหนึ่ง
ใต้เจดีย์สมบัติเป็นฐานบัวเบ่งบานสามสิบหกกลีบ
ยอดเจดีย์สมบัติเป็นรูปปั้นเทพสีดำนั่งขัดสมาธิ มีสามหัวหกแขน หัวเป็นนกร่างเป็นคน ถือสมบัติอย่างกระบี่มรรค แท่นประทับ แส้หางม้า ระฆัง ลูกประคำ และคัมภีร์
ศาสตรามรรคอมตะ… เจดีย์บงกชเร้นพรหม!
“ไป!”
เมื่อเผยหรูโบกมือ เจดีย์สมบัติสีดำประหลาดทะยานฟ้า หมุนวนโคจร ฐานบัวสามสิบหกกลีบส่องแสงสว่างไสว ราวกับวิวัฒน์เป็นโลกอันกว้างใหญ่ที่มีลักษณ์อัศจรรย์แตกต่างกันสามสิบหกแห่ง
รูปปั้นที่นั่งขัดสมาธินั่นลืมตาขึ้นโดยพลัน ลุกยืนและเหยียบลงบนโลกสามสิบหกแห่งนั้น ขยับสามหัวโบกหกแขน ราวกับเทพสวรรค์ที่สูงส่งไร้ที่เปรียบ โจมตีเข้าใส่หลินสวินอย่างรุนแรง
ปัง! ปัง! ปัง!
ฟ้าพลิกดินคว่ำ จักรวาลหมุนย้อน
เงาร่างที่ประหนึ่งเทพสวรรค์นั่นน่ากลัวหาใดเปรียบ ทุกการโจมตีซัดจนฟ้าดินสั่นสะเทือน แสงมรรคอมตะอันน่ากลัวม้วนแผ่
คนมากมายบริเวณนั้นเลือดลมพลิกม้วน จิตวิญญาณแตกตื่น ภาพตรงหน้าพร่าเบลอ หวาดกลัวกันทั่วหน้า
คนตระกูลลั่วหลายคนที่มองดูอยู่ไกลๆ พวกที่ตอบสนองไวหนีไปไกลในทันที ส่วนพวกที่ตอบสนองช้าก็ทนรับไม่ไหว ทรุดลงพื้นหมดสติไป!
………………….