Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2691 หนึ่งฝ่ามือตบเละ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2691 หนึ่งฝ่ามือตบเละ
ตอนที่ 2691 หนึ่งฝ่ามือตบเละ
ภายใต้ท้องฟ้า หลินสวินก้าวเดินไปข้างหน้า สีหน้าไม่สุขหรือทุกข์ เงาร่างก็เปิดเผยโดยสมบูรณ์
ภาพเช่นนี้ไม่นานก็ดึงดูดความสนใจของผู้ชมการต่อสู้เหล่านั้น
หลายคนประหลาดใจ
“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่ ไม่รู้หรือว่าหากเปิดเผยร่องรอยจะชักนำเคราะห์สังหารเข้ามามากมาย”
การทดสอบเริ่มขึ้นแล้ว ในสมรภูมิหมื่นยอดตอนนี้เหล่ามกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิต่างเคลื่อนไหว ทว่าต่างจากหลินสวิน
บางคนเก็บงำกลิ่นอาย หาที่ซ่อนตัวที่ปลอดภัยรอเหยื่อเงียบๆ
บ้างกำลังวางกระบวนผนึก
บ้างใช้วิชาลับติดต่อ ‘พวกพ้อง’ วางแผนจะเคลื่อนไหวเป็นกลุ่ม
บรรดามกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่ได้รับความสนใจที่สุดอย่างตงหวงเซ่าเหวิน ฉีชิงซือ มู่จุนอู๋ ต่างใช้วิชาลับเรียกหาพวกพ้อง
ด้วยฐานะของพวกเขา ย่อมสามารถระดมมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิกลุ่มหนึ่งให้ทำตามคำสั่งพวกเขาได้
นี่ไม่นับว่าผิดกฎ
อันที่จริงก่อนการทดสอบครั้งนี้จะเริ่มขึ้น ผู้โดดเด่นที่เข้าร่วมการคัดเลือกเหล่านี้ต่างสร้างพันธมิตรเล็กๆ เป็นการส่วนตัวแล้ว
มีเพียงหลินสวิน หลังจากการทดสอบเริ่มต้นก็ไม่ปกปิดสักนิด เคลื่อนไหวโดยตรง ก้าวเดินกลางฟ้าดิน ราวกับกระบี่ที่ชักออกจากฝักโดยไม่ปกปิด เปิดฉากเคลื่อนไหว
นี่ดูผิดแปลกมากอย่างไม่ต้องสงสัย
“เจ้าหมอนี่นับว่าใจกล้าเหมือนที่เล่าลือ!”
ข้างๆ สัตว์เทพกิเลนทอง ตงหวงฉยงหัวเราะหยัน ‘เจ้าหมอนี่’ ที่เขาพูดถึงเป็นใคร ทุกคนล้วนกระจ่างแจ้ง
“ฟ้าต้องการให้เขาตาย ก็ต้องทำให้เขาคลั่งก่อน”
ฉีทิงจื่อเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ก่อนหน้านี้ในโลกมีข่าวลือมากมาย บอกว่าเจ้าเดรัจฉานคนนี้พลังต่อสู้เย้ยฟ้า ความสามารถยอดเยี่ยม แต่ตอนนี้ดูท่าข่าวลือเหล่านั้นเกินจริงมากไปแล้ว”
มู่ชางเจี่ยเอ่ยเนิบๆ “กระทำการอย่างเขา ไม่ต้องถึงหนึ่งเดือน ภายในสามวันก็ถูกคัดออกแล้ว”
“สามวันหรือ ไม่ บางทีไม่ถึงหนึ่งวันเจ้าหมอนี่ก็ต้องออกจากการทดสอบแล้ว”
จงหลีชงเอ่ยเรียบๆ “พวกเจ้าดูสมรภูมิหมื่นยอดนั่น ทุกทิศทางของเจ้าหมอนี่ล้วนมีคู่ต่อสู้กระจายอยู่ ที่อยู่ใกล้ห่างเพียงหมื่นลี้ ที่อยู่ไกลห่างไม่กี่หมื่นลี้ และเขาก็ไม่ปกปิดกลิ่นอายใดๆ อีกไม่นานจะต้องเกิดการปะทะขึ้นแน่!”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อว่า “และขอเพียงเกิดการปะทะ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะต้องดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ ถึงตอนนั้นนกปากซ่อมสู้กับหอยกาบ ชาวประมงได้ประโยชน์ ใครจะทนไม่ฉวยโอกาสกอบโกยผลประโยชน์ได้”
ทุกคนอดพยักหน้าไม่ได้
สิ่งที่จงหลีชงวิเคราะห์ก็คือความเห็นที่พวกเขาเห็นพ้องด้วย
สุดท้ายจงหลีชงกล่าวสรุป “จากที่ข้าดู การกระทำนี้ของหลินสวินมีเพียงคำเดียว โง่!”
คำว่าโง่ดังก้องทั้งที่นั้น
ในนั้นไม่ปกปิดความเย้ยหยันและดูหมิ่นสักนิด
จวินหวนไม่ได้พูดอะไร ความจริงดีกว่าคำพูด คำพูดไร้สาระพูดมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์
รอตอนที่หลินสวินได้รับชัยชนะ ก็เป็นการโต้ตอบคำพูดเย้ยหยันพวกนี้ได้ดีที่สุดแล้ว
แต่กลับมีคนไม่ยอมปล่อยจวินหวน ตงหวงฉยงเอ่ยเสียงกึกก้องราวกับสายฟ้า “จวินหวน เหตุใดเจ้าไม่เถียงให้ศิษย์น้องเล็กคนนี้ของเจ้าสักหน่อยเล่า หรือคิดไม่ถึงเช่นกันว่าศิษย์น้องเล็กคนนี้จะโง่เขลาขนาดนี้”
จวินหวนเลิกคิ้วเรียวยาวราวกับใบหลิว เอ่ยพูดเรียบๆ “ไม่เช่นนั้นเราพนันกันไหม หากศิษย์น้องเล็กของข้าถูกคัดออก ข้าจะตบหน้าตัวเองต่อหน้าทุกคนพร้อมกล่าวว่าน่าอับอายขายหน้า แต่หากศิษย์น้องเล็กของข้าผ่านการทดสอบ เจ้าเองก็ต้องตบหน้าตัวเองและเอ่ยว่ามีตาหามีแววไม่”
ทั่วบริเวณล้วนผิดคาด
นี่ร้ายกาจยิ่งกว่าเสียอีก!
ต่อให้เป็นผู้คุมการทดสอบอย่างพวกฟางเต้าผิง เซียวเหวินหยวน ยังเผยสีหน้าประหลาดใจ
ตงหวงฉยงเองก็อึ้งไป จากนั้นแค่นเสียงเย็นเยียบ “ไร้สาระ เรื่องการทดสอบคัดเลือกเช่นนี้ใช่เรื่องล้อเล่นที่ไหน ต่อให้ข้าชนะก็ไม่เป็นเกียรติ”
“ไม่กล้าพนันก็หุบปาก”
จวินหวนน้ำเสียงสบายๆ “ประโยคนี้ก็พูดกับทุกคนในนี้ด้วย ใครกล้าพนันข้าจะเดิมพันด้วย ถ้าไม่กล้าก็อย่าพูดพล่อยๆ”
สีหน้าของหลายคนอึมครึม
พวกฉีทิงจื่อ จงหลีชง มู่ชางเจี่ยสีหน้ายิ่งมืดทะมึนลงไม่น้อย
คำพูดนี้ของจวินหวนเป็นการท้าทายพวกเขาอย่างที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย!
“ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลนี่ช่างบ้าบิ่น” ตงหวงชิงส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้มหยัน
กลับเห็นฟางเต้าผิงสีหน้านิ่งสงบ เซียวเหวินหยวนยิ้มไม่เอ่ยคำ หลีเจินยังคงเงียบ
เมื่อไม่มีใครต่อบทสนทนา ทำเอาในใจตงหวงชิงอดอึดอัดไม่ได้ จากนั้นก็ฟื้นคืนสู่ยามปกติโดยพลัน ในใจลอบคิดว่าหลังจากหลินสวินถูกคัดออก อยากดูนักว่าพวกเขาจะมีท่าทีอย่างไร
“เจอกันแล้ว!”
เสียงร้องด้วยความตกใจระลอกหนึ่งดังขึ้นในที่นั้น
สายตาของผู้คนถูกดึงดูดทันที มองไปยังตำแหน่งที่หลินสวินอยู่ในสมรภูมิหมื่นยอด
นั่นเป็นที่ราบกว้างใหญ่ผืนหนึ่ง ต้นไม้ใบหญ้าอุดมสมบูรณ์ ยามเงาร่างของหลินสวินปรากฏ จู่ๆ ตรงหน้าเขาก็มีชายผมดำที่สะพายกระบองสำริด รูปร่างผอมสูงสวมชุดสีดำคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา
“กู้หลิวไห่!”
ทุกคนรู้ฐานะของชายคนนั้นแทบจะในทันที
กู้หลิวไห่ มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งของตระกูลกู้ หนึ่งในสี่ตระกูลตงหวง อุปนิสัยเหี้ยมหาญ แจ้งมรรคด้วยการสังหาร ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสิบมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิแห่งน่านฟ้าที่เจ็ด
อันดับของเขาสามารถอยู่ในห้าอันดับแรกอย่างมั่นคง!
นี่เป็นคนที่อานุภาพปานสุริยันบนฟ้า แข็งแกร่งอย่างที่สุด ชื่อเสียงเลื่องลือมายาวนาน
ในที่นั้นฮือฮา ทุกคนอดกลั้นหายใจจดจ่อไม่ได้
ตั้งแต่การทดสอบเริ่มขึ้นจนถึงตอนนี้เพียงแค่ครึ่งชั่วยาม หลินสวินก็เจอกับกู้หลิวไห่แล้ว ระหว่างทั้งสองจะเกิดการต่อสู้ชั้นเลิศเพียงใด
ชั่วขณะนี้หลายคนอดปาดเหงื่อแทนหลินสวินไม่ได้
ในสมรภูมิหมื่นยอด
หลินสวินมองเห็นคู่ต่อสู้คนแรกที่เจอจากไกลๆ ในหัวก็ปรากฏข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอีกฝ่ายขึ้นมา
ผู้แข็งแกร่งที่เข้าร่วมการทดสอบล้วนมีม้วนหยกสีทองม้วนหนึ่ง ในนั้นบันทึกข้อมูลของคู่ต่อสู้ทุกคน
“หลินสวิน!”
ไกลออกไปดวงตากู้หลิวไห่วับวาบ ทั่วร่างไอสังหารพุ่งทะยาน กฎเกณฑ์ทั่วตัวตัดสลับ กลายเป็นสายฟ้าสีดำแน่นขนัดราวกับมังกรรัดพันกัน
ตูม!
ห้วงอากาศบริเวณนั้นทรุดทลาย ต้นไม้ใบหญ้าบนพื้นดินกลายเป็นเถ้า ฟ้าดินเปลี่ยนสี
เห็นดังนี้เหล่าผู้ชมที่อยู่โลกภายนอกล้วนเผยสีหน้าอัศจรรย์ใจ สมกับเป็นหนึ่งในสิบมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิแห่งน่านฟ้าที่เจ็ด อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาไม่ธรรมดา
“เพิ่งพบกันก็เกิดความเคลื่อนไหวขนาดนี้แล้ว นี่เจ้าหวังจะดึงดูดคนอื่นมาหรือ”
หลินสวินเอามือไพล่หลัง แววตาลุ่มลึกขณะพูดเรียบๆ
กู้หลิวไห่ดวงตาราวกับกระบี่ ชักกระบองสำริดคู่ที่สะพายอยู่ด้านหลังออกมา เอ่ยว่า “คนที่อยากฆ่าเจ้ามีเยอะมาก ข้าไม่อยากสู้กับเจ้าจนถึงที่สุดตั้งแต่การทดสอบเพิ่งเริ่มขึ้น”
“ดังนั้นเจ้าจึงวางแผนจะดึงดูดคนอื่นๆ มา ยืมพลังของพวกเขาทำให้ข้าถูกคัดออกหรือ” หลินสวินถาม
กู้หลิวไห่พยักหน้า “ไม่ผิด”
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะอยู่รอดจนรอคนอื่นๆ มาถึงหรือ” หลินสวินสีหน้าไม่ดีใจหรือเสียใจ
กู้หลิวไห่อดยิ้มไม่ได้ “หลินสวิน เจ้าหลงระเริงเกินไปแล้ว แค่ยื้อเวลาช่วงหนึ่งเท่านั้นเจ้าคิดว่าข้าทำไม่ได้หรือ”
“เจ้าทำไม่ได้”
ในเสียงที่ผ่อนคลาย จู่ๆ เงาร่างของหลินสวินก็หายไป
กู้หลิวไห่นัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย
เปรี้ยง!
กระบองสำริดคู่ที่อยู่ในมือเขาตัดไขว้กัน เกิดเสียงทำลายล้างราวกับสายฟ้าผ่าออกมาทันใด
ชั่วขณะนั้นเหมือนมีมังกรคลั่งคู่หนึ่งมาเยือนจากฟากฟ้าดุจสายอสนีบาต บุกโลกมนุษย์อย่างเหิมหาญ กลิ่นอายทำลายล้างไร้ใดเปรียบแผ่กระจาย ทำเอาฟ้าดินมืดมน ภูผาธาราล้วนทรุดตัว
ทันทีที่ลงมือกู้หลิวไห่ก็เผยฝีมือของมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่เหนือจินตนาการออกมา ไม่ใช่สิ่งที่บรรพจารย์จักรพรรดิทั่วไปจะเทียบได้
อานุภาพเช่นนั้นทำให้ระดับอมตะหลายคนลอบพยักหน้า ทอดถอนใจที่คนรุ่นใหม่เหนือกว่าคนรุ่นเก่า
ตูม!
ในห้วงอากาศปั่นป่วน เงาร่างของหลินสวินปรากฏออกมา อยู่ห่างจากกู้หลิวไห่เพียงสิบจั้ง
และสายฟ้าน่ากลัวที่แทรกสอดอยู่ในกระบองสำริดนั่นก็กำลังซัดมาทางร่างของเขา
กลับเห็นหลินสวินสะบัดแขนเสื้อ แสงมรรคดุจหุบเหว ทำลายอสนีบาตทั่วฟ้าจนแหลกสลาย แม้แต่กระบองสำริดทั้งคู่ยังถูกซัดจนส่งเสียงครวญรุนแรง
กู้หลิวไห่นัยน์ตาหดรัด
ในใจเขาไม่เคยดูถูกหลินสวิน หลายปีมานี้ผลงานการต่อสู้ของหลินสวินล้วนเคยถูกเขาศึกษาอย่างจริงจัง รู้ดีว่าหลินสวินไม่ใช่คนธรรมดา
ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ใช้วิธีเช่นนี้ ที่คิดเพียงอยากยื้อหลินสวินไว้ รอคนอื่นๆ มาค่อยกำจัดหลินสวินด้วยกัน
แต่เขายังคิดไม่ถึงว่าพลังต่อสู้ที่หลินสวินเผยออกมากลับน่ากลัวเพียงนี้ ถึงขั้นแข็งแกร่งกว่าในข่าวลือช่วงใหญ่
นี่ทำให้กู้หลิวไห่ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่เข้าทีในทันใด ไม่กล้าชักช้าอีก
ตูม!
ก็เห็นบนร่างเขาปรากฏภาพมรรคสายฟ้าสีดำภาพหนึ่งโดยพลัน ในภาพมรรคเป็นทิวทัศน์ประหนึ่งพิบัติเคราะห์ดับโลกา
อภินิหารพรสวรรค์… ภาพอสนีดับโลกา
นี่เป็นความสามารถที่แข็งแกร่งที่สุดของกู้หลิวไห่ ใช้เลือดเนื้อทั้งชีวิตของเขา สะท้อนให้เห็นถึงมรรควิถีทั้งหมดอย่างที่สุด
“เพิ่งเริ่มการต่อสู้ กู้หลิวไห่ก็ใช้อภินิหารที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว!”
ผู้ชมการต่อสู้ในโลกภายนอก ชั่วขณะนี้ล้วนหวั่นไหวโดยไม่มีข้อยกเว้น เห็นชัดว่ากู้หลิวไห่สัมผัสได้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงถูกบีบให้งัดไพ่ตายออกมา
และจากเรื่องนี้ก็สามารถดูออกว่าความสามารถในการต่อสู้ของหลินสวินน่ากลัวเพียงใด
“ไป!”
ในเสียงคำราม รอบตัวกู้หลิวไห่ล้วนถูกกลิ่นอายของภาพอสนีดับโลกาปกคลุม สายฟ้าดับโลกาที่หนาใหญ่ราวกับมังกรมากมายพลิกม้วนปรากฏ พุ่งเข้าหาหลินสวินพร้อมเสียงอึงอล
แววตาของหลินสวินราบเรียบไร้คลื่น สีหน้ายิ่งไม่เคยปรากฏอารมณ์ใดๆ
มีเพียงมือขวาของเขาที่จู่ๆ ก็ยื่นไปคว้ากลางอากาศ
ตูม!
ฝ่ามือยักษ์ข้างหนึ่งอุบัติ นิ้วทั้งห้าที่แข็งแกร่งดุจเสาค้ำสวรรค์รัดพันด้วยระลอกคลื่นกลืนกินอันน่ากลัว และกลางฝ่ามือของเขา ก็เหมือนเหวลึกไร้ที่สิ้นสุด มีธารดาราสุริยันจันทรา หมื่นลักษณ์ทั่วหล้าดับสลายอยู่ภายใน
มือใหญ่บังฟ้า!
ก็เห็นว่า…
สายฟ้าดับโลกาสีดำที่ราวกับมังกรนับไม่ถ้วนพลันถูกคว้าไว้แน่น หยุดชะงักอยู่กลางอากาศ
เมื่อมือใหญ่ข้างนั้นของหลินสวินกำแน่นขึ้น
ตูม!
เสียงกัมปนาทสะเทือนฟ้าดินดังก้อง สายฟ้าสีดำเหล่านั้นระเบิดออกทุกกระเบียด กลายเป็นละอองแสงเล็กๆ สาดกระเซ็น
ภาพสะท้านใจคนเช่นนี้ ทำให้เสียงอุทานด้วยความตกใจระลอกหนึ่งดังขึ้นในโลกภายนอก ในใจทุกคนล้วนสั่นสะท้านอย่างไม่มีข้อยกเว้น
นี่ก็แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
“เปิด!”
กู้หลิวไห่ตะโกน ภาพอสนีดับโลกาที่สั่งสมพลังมานานทะยานฟ้าท่ามกลางเสียงกึกก้อง ราวกับเคราะห์อสนีไร้เทียมทานมาเยือนโลก
แปดทิศสี่ด้าน เมฆสิบฝั่งทรุดตัว!
ปรากฏการณ์ประหลาดดับโลกาที่น่ากลัวทำให้ฟ้าดินอับแสง
กลับเห็นหลินสวินยื่นมือใหญ่ออกไปตบคราหนึ่งโดยไม่มองด้วยซ้ำ
ปัง!!!
ภาพอสนีดับโลกาที่ถูกกู้หลิวไห่มองว่าเป็นอภินิหารพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุดพลันสั่นไหวรุนแรง ระเบิดออกท่ามกลางเสียงแตกหัก
ลูกตาของกู้หลิวไห่เกือบหลุดออกมา หน้าเปลี่ยนสีไปอย่างสิ้นเชิง
ไพ่ตายที่แข็งแกร่งที่สุดของตน ถูกฝ่ามือเดียวตบแหลกละเอียดง่ายๆ เช่นนี้หรือ
นี่เหมือนค้อนหนักที่ทุบลงบนหัวใจเขาอย่างรุนแรง ทำให้สภาวะจิตของเขามีสัญญาณเสียการควบคุม
และตอนนี้ฝ่ามือใหญ่ที่บดบังฟ้านั่นก็ตบลงมาอีกครั้ง
มองจากไกลๆ เหมือนม่านนภามาเยือน ปิดฟ้าบังตะวัน!
ชั่วขณะนี้กู้หลิวไห่รู้สึกเพียงว่าร่างตนเล็กจ้อยราวกับมดปลวก เกิดความรู้สึกสิ้นหวังไร้ที่พึ่ง เจ้าหมอนี่…
แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร!
ตูม!
ความเจ็บปวดรุนแรงไร้ขอบเขตแผ่ไปทั่วร่างกู้หลิวไห่ เขาได้ยินเสียงกระดูกแตก เสียงเลือดสาดกระเซ็นของตน ทำให้เขาส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด
พริบตานั้นกู้หลิวไห่รู้สึกเพียงว่าตนกำลังจะตายแล้ว!
และในสายตาของทุกคนที่โลกภายนอก ภายใต้ฝ่ามือนั้นของหลินสวิน กู้หลิวไห่ถูกตบจนเละ ทั้งร่างถูกทุบลงกับพื้น เลือดเนื้อไม่เหลือสภาพ ร่างกายแตกหัก
พื้นดินบริเวณนั้นพังทลายเป็นโกรกธารขนาดใหญ่ รูปทรงรอยฝ่ามือ
ภาพที่เผด็จการนี้ทำให้ระดับอมตะเหล่านั้นยังสติหลุดเล็กน้อย
บุคคลแห่งยุคที่จัดอยู่ในสิบยอดมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิแห่งน่านฟ้าที่เจ็ด ถูกฝ่ามือเดียวกำราบง่ายๆ เช่นนี้หรือ
นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ทั่วลานมรรคเงียบกริบ
พวกตงหวงฉยง ฉีทิงจื่อต่างขมวดคิ้วไม่หยุด
แน่นอนว่ากู้หลิวไห่ไม่ใช่คนธรรมดา แต่กลับถูกกำราบเช่นนี้ ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ที่หลินสวินเผยออกมาเหนือความคาดหมายของพวกเขาไปแล้ว
และสำหรับเรื่องนี้ จวินหวนเพียงยิ้มด้วยท่าทางผ่อนคลายเท่านั้น
การต่อสู้ครั้งนี้ควรเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว
ในฝุ่นควันที่จางหายไป
กู้หลิวไห่ที่ร่างกายแตกหักเปื้อนเลือด น่าอนาถอย่างที่สุด กลับค้นพบกะทันหันว่าตนยังไม่ตาย และยังไม่ถูกคัดออก
นี่ทำให้เขาอดประหลาดใจไม่ได้
ก็เป็นตอนนี้เองที่เสียงราบเรียบของหลินสวินดังขึ้น
“ก่อนหน้านี้ข้าบอกแล้วว่าเจ้ารั้งข้าไว้ไม่ได้ น่าเสียดายที่ศักยภาพของเจ้าอ่อนแอเกินไป ฐานะก็ไม่เพียงพอ รายชื่อสามคนในมือข้า… จะให้เจ้าง่ายๆ ไม่ได้”
กู้หลิวไห่อึ้งงัน
หมายความว่าอย่างไร
ตนไม่มีคุณสมบัติให้หลินสวินเตะออกจากการทดสอบด้วยซ้ำหรือ
การเย้ยหยันที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ราวกับมีดที่แทงเข้าไปในใจของกู้หลิวไห่อย่างแรง ภาพตรงหน้าพลันดำมืด ฟ้าพลิกดินหมุน
——