Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2743 เหมือนเซียนสวรรค์ขี้เมา!
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2743 เหมือนเซียนสวรรค์ขี้เมา!
ตอนที่ 2743 เหมือนเซียนสวรรค์ขี้เมา!
คนใหญ่คนโตอย่างพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นส่งเสียงกันอย่างต่อเนื่อง
ความหมายในคำพูดของพวกเขา เหมือนกำลังบอกทุกคนว่าหลินสวินข้ามด่านเคราะห์ในครั้งนี้จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
นี่ทำให้ทุกคนในที่นี้ล้วนไม่อาจเยือกเย็น
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้…”
คนมากมายที่ตั้งตาคอยให้หลินสวินแจ้งมรรคเป็นอมตะล้วนอดหดหู่ไม่ได้
“เดาได้แต่แรกแล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้!”
และมีคนมากมายแค่นหัวเราะในใจ เบิกบานใจไม่หยุด
ความสามารถของหลินสวินยามข้ามด่านเคราะห์ก่อนหน้านี้สะท้านสะเทือนจิตใจของพวกเขาไม่หยุด มีหรือจะไม่รู้ว่าหากให้หลินสวินแจ้งมรรคสำเร็จ เขาต้องแผ่ประกายที่ไร้คนเทียบได้ออกมาอย่างแน่นอน
ยังดี ทั้งหมดนี้ล้วนไม่มีทางเกิดขึ้น!
เวลานี้แม้แต่พวกฉินอู๋อวี้ เซียวเหวินหยวน หลีเจินยังชักเริ่มไม่แน่ใจ จิตใจสงสัยหวั่นหวาด
อานุภาพของเจตจำนงพิบัติเคราะห์นี้วิปริตเกินบรรยายชัดๆ ทำให้พวกเขายังหวาดหวั่น ไม่อาจจินตนาการได้จริงๆ ว่าหลินสวินจะสลายเคราะห์นี้ได้อย่างไร
ใบหน้างามของจินเทียนเสวียนเยวี่ยซีดขาว ทั่วร่างเย็นเยียบ นางเม้มริมฝีปากแน่น ทั้งตัวตึงเครียดถึงขีดสุด
เสวียนจิ่วอิ้นเดิมตั้งใจจะปลอบนาง แต่กลับพูดไม่ออกสักคำ
เพราะเวลานี้เขาเองก็ถูกมหาเคราะห์น่าสะพรึงครั้งนี้ทำให้สะท้านสะเทือนเช่นกัน ในใจราวถูกมือใหญ่บีบแน่น!
และทุกคนในที่นี้ก็อยู่ในสภาพใจสั่นรัวแขวนลอย
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่ถูกกลีบดอกไม้พิบัติเคราะห์นับไม่ถ้วนปิดครอบไว้ เลือดสีแดงสดหยดหนึ่งควบรวม อาบอยู่ในพลังคลุมเครือของระเบียบนิพพาน สั่นกระตุกรุนแรงเสมือนเดือดได้ที่
ปัง!
ในเสียงแตกระเบิดที่เบาถึงขีดสุด มุกเลือดหยดนี้แหลกละเอียด กลายเป็นเส้นใยนับไม่ถ้วน เกี่ยวกระหวัดพลังที่เป็นส่วนหนึ่งของระเบียบนิพพานเอาไว้ ค่อยๆ ก่อเป็นเงาร่างที่เลือนรางมายาสุดขีดออกมาสายหนึ่ง
เป็นหลินสวินนั่นเอง!
เพียงแต่เวลานี้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งถูกกลีบดอกไม้พิบัติเคราะห์เป็นชั้นๆ ปิดครอบ จากโลกภายนอกย่อมไม่อาจมองทะลุถึงลักษณ์อัศจรรย์ในเตากระบี่นี้ได้
หลินสวินนั่งขัดสมาธิ เงาร่างดั่งมายาไม่มั่นคงถึงที่สุด เสมือนสามารถแตกสลายได้ทุกเมื่อดุจฟองอากาศ
พลังระเบียบนิพพานห้อมล้อม ดูดซับหล่อหลอมกลีบดอกไม้ที่ถูกกักขังอยู่ใกล้ๆ เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทีละกลีบ ควบรวมกลายเป็นพลังชีวิตที่ผ่องพิสุทธิ์เอ่อล้น และถูกเงาร่างของหลินสวินดูดซับไปอย่างละโมบ
กลีบดอกไม้พิบัติเคราะห์เหล่านี้มาจากเจตจำนงสูงสุดสายนั้นของส่วนลึกในเมฆาเคราะห์ แปลงมาจากอักษรต้องห้ามที่ยากพรรณนา ภายในบรรจุพลังแห่งพิบัติเคราะห์น่าสะพรึงเอาไว้
กล่าวโดยสรุป กลีบดอกไม้พิบัติเคราะห์เหล่านี้เดิมก็คืออสนีเคราะห์ เป็นตัวแทนเจตจำนงฟ้า เพียงแต่พลังน่าสะพรึงหาใดเปรียบ เทียบเท่ากับสิ่งต้องห้าม
และเวลานี้เมื่อระเบียบนิพพานหล่อหลอมพิบัติเคราะห์เหล่านี้ กลับทำให้เกิดเป็นพลังชีวิตที่แปรสภาพอย่างที่สุดอย่างหนึ่ง ช่วยหลินสวินก่อร่างสร้างร่างมรรคใหม่ ทำให้พลังปราณและมรรควิถีแปรสภาพถึงขีดสุด!
เงาร่างที่เลือนรางดุจมายาของหลินสวินค่อยๆ ก่อตัวชัดเจนขึ้นทีละน้อย เหมือนถูกพลังมหามรรคสูงสุดหลอมสร้าง หลังหลอมตีเป็นร้อยพันครั้ง ก็แผ่พลังเดือดพล่านไร้เทียมทานออกมา
ถึงตอนท้ายทั้งตัวหลินสวินฟื้นคืนสภาพเดิม ผมดำปลิวสยาย ผิวกายดุจหลอมสร้างจากหยกเทพ เจิดจ้าบาดตา แสงมรรคยากบรรยายไหลเวียน
ปากจมูกเขาสูดหายใจ ดุจลมพายุสั่นไหว สีหน้าราบเรียบตามเดิม เงาร่างลอยอยู่ภายในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง กลิ่นอายทั่วร่างพุ่งทะยานด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ…
เขาลืมตาขึ้นขึ้นมาพลัน ยื่นมือคว้าลำแสงอสนีที่พิสุทธิ์เจิดจ้า นี่คือพลังกลีบดอกไม้พิบัติเคราะห์ที่ถูกระเบียบนิพพานกลั่นหลอม
และตอนนี้ก็ถูกเขานำมาหลอมร่างตนเอง
และก็เป็นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ร่างกาย จิตใจ วิญญาณ เจตจำนง มรรควิถีของหลินสวิน ล้วนประหนึ่งแปรสภาพเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ทำลายโซ่ตรวน ทลายอุปสรรค เหยียบย่างขึ้นสู่ระดับที่ยากจะเชื่อ!
ที่น่าเหลือเชื่อที่สุดคือ ระหว่างที่อยู่ในการปกคลุมของระเบียบนิพพาน เขาเริ่มสัมผัสและรับรู้ถึงนัยเร้นลับกลางระเบียบนิพพาน และเกิดการหยั่งรู้ด้วยเหตุนี้ เริ่มควบรวมกฎเกณฑ์มหามรรคแห่งตนตามจิตใต้สำนึก
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งส่งเสียงอึงอล ระเบียบนิพพานเปล่งแสง กลีบดอกไม้พิบัติเคราะห์เป็นกลีบๆ ถูกหลอมละลาย และลิ่นอายบนตัวหลินสวินก็ยิ่งกร้าวแกร่งขึ้นเรื่อยๆ น่าสะพรึงขึ้นทุกที
นี่คือนิพพานที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างหนึ่ง
และก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าเหลือเชื่อที่สุดที่หลินสวินเคยประสบมาตั้งแต่ฝึกปราณมาจนบัดนี้!
ทั้งหมดนี้แม้โลกภายนอกจะมองไม่เห็น แต่เมื่อเวลาเคลื่อนคล้อย ผู้คนกลับสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ
“เหตุใดเคราะห์นี้ยังไม่สิ้นสุด”
มีคนใหญ่คนโตแปลกใจ
ประโยคเดียวทำเอาคนมากมายผุดความคิดแตกต่าง นี่ไม่ใช่หมายความหลินสวินยังไม่ได้ล้มเหลวอย่างแท้จริงหรือ
“ดูเหมือนว่าจะยังไม่ถึงเวลาตัดสินแพ้ชนะจริงๆ สินะ”
เสวียนเฟยหลิงพึมพำ นัยน์ตาวาบวาวดุจคบเพลิง
“พูดเช่นนี้ คนที่หวังดีจะช่วยฝังศพแทนหลินสวินไม่ใช่ว่าต้องผิดหวังอย่างยิ่งหรือ”
ตู๋กูยงกล่วงเรียบๆ
“เห็นจะเป็นเช่นนั้น”
ฟางเต้าผิงสีหน้าราบเรียบ
นี่เป็นการเอาคืนอย่างหนึ่ง เพียงแต่พวกฝูเหวินหลีไม่อาจสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว พวกเขามองดูพิบัติเคราะห์ที่ยังคงสำแดงอยู่ตลอด ไม่เคยจางหายไปนั่นด้วยสีหน้าแปลกใจ แววตาเต็มไปด้วยความยากจะเชื่อ
ขนาดนี้ก็ยังไม่ตายหรือ
ในที่นั้นทุกคนต่างก็อึ้งค้าง
เจตจำนงอสนีเคราะห์นั่นต้องห้ามน่าสะพรึงปานใด เปลี่ยนเป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนอื่นเกรงว่าป่านนี้คงถูกสังหารไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ใครจะกล้าเชื่อว่าหลินสวินยังไม่เคยประสบเคราะห์อย่างแท้จริง
ตูม!
และเวลานี้เอง ในส่วนลึกของเมฆาเคราะห์ เจตจำนงที่คลุมเครือยากเข้าใจสายนั้นเกิดเสียงกึกก้องสะเทือนฟ้า จากนั้นพิบัติเคราะห์อสนีจากสี่ทิศแปดทางเสมือนหมื่นคืนถิ่น พุ่งทะยานรวมตัวอยู่กลางเจตจำนงสายนั้นอย่างบ้าคลั่ง
ต่อจากนั้นเจตจำนงสายนั้นก็เปล่งแสงเจิดจ้า สะท้อนแสงเคราะห์ที่ประหนึ่งวันสิ้นโลกออกมา!
กลิ่นอายน่าสะพรึงระดับนั้นทำให้ระดับอมตะในที่นั้นยังหน้าถอดสี จิตใจราวถูกโจมตีหนักหน่วง รู้สึกถึงความหวาดกลัวและกดดันอันยิ่งใหญ่
นี่ย่อมเป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเคราะห์นี้อย่างไม่ต้องสงสัย!
ภายใต้สายตาสะท้านไหวนับไม่ถ้วน เจตจำนงสายนั้นลุกโชน แปลงเป็นแสงเคราะห์ขมุกขมัวสายหนึ่ง ฟันออกมาจากส่วนลึกของเวิ้งฟ้าฉับพลัน!
เสียงอุทานและกรีดร้องดังขึ้น ดวงตาของผู้สืบทอดเหล่านั้นเจ็บแปลบ จิตใจเหมือนถูกฉีกทึ้ง รู้สึกถึงความน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
บรรดาคนใหญ่คนโตเหล่านั้นต่างหนังหัวชาหนึบ ทั่วร่างแข็งทื่อ ถูกแสงเคราะห์ที่ดุจดั่งพุ่งมาจากวันสิ้นโลกสายนั้นข่มขวัญ
มันน่าสะพรึงเกินไป ไม่สามารถใช้คำพูดมาอธิบายได้ เหมือนดั่งของต้องห้าม ไม่อาจบรรยาย!
หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง พวกเขายังสงสัยว่านี่เป็นมหาเคราะห์ที่เล่นงานระดับอมตะอย่างพวกเขา ไม่ใช่ระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง!
พูดแล้วเหมือนช้าแต่ความจริงนั้นรวดเร็วยิ่ง แสงเคราะห์ร่วงมาเยือน มองข้ามพันธนาการแห่งเวลาและห้วงอากาศ เหมือนดาบที่คมกริบที่สุดในโลก ฟันลงในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่ถูกกลีบดอกไม้พิบัติเคราะห์ปิดครอบเป็นชั้นๆ เอาไว้ใบนั้น
ตูม!
ฟ้าดินแถบนั้นจมจ่อม แตกระเบิด ถูกบดขยี้เหมือนกระดาษเปื่อย แผ่นดินไหวภูเขาสะเทือน ประดุจวันสิ้นโลกอย่างแท้จริงมาเยือนเหนือยอดเขาที่เก้า
พิบัติเคราะห์น่าสะพรึงพวยพุ่งปั่นป่วน ทำเอาคนใหญ่คนโตเหล่านั้นยังไม่อาจไม่ถอยร่น หลบหลีกออกไกลๆ กลัวเพียงว่าจะโดนลูกหลงจากพลังระดับนั้น
และก็เป็นเวลานี้ พวกเขามองเห็นภาพที่ยากจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต…
กลางแสงเคราะห์ที่เจิดจ้าน่าสะพรึง เงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งปรากฏออกมา เหนือศีรษะมีเตากระบี่ลอยอยู่ ดุจดั่งก้าวออกมาจากตำนานเทพในหน้าประวัติศาสตร์ ทั่วร่างมีแสงมรรคไพศาลไหลเวียน!
ตัวเขาดั่งเหวใหญ่ ใช้อานุภาพกลืนกินเวิ้งฟ้า กวาดกลืน บดขยี้ ดับผลาญแสงเคราะห์ที่ฟันลงมานั่นทั้งหมด!
จากนั้นกลิ่นกายทั้งตัวเขาก็พุ่งทะยาน พร่างพราวไปทั้งร่าง เขาพลันยื่นมือออกมา ชี้นิ้วเหมือนกระบี่แล้วฟันใส่เวิ้งฟ้า
ตูม!
ภูเขาไฟที่เหมือนกดข่มหมื่นกาลแตกระเบิดภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ ลำแสงไร้เทียมทานเจือเสียงกระบี่ครวญดังก้องเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน พุ่งตรงเข้าสู่ส่วนลึกของเวิ้งฟ้า
จากนั้นเวิ้งฟ้าราวกับภาพวาด ถูกหนึ่งกระบี่กรีดแหวกจากตรงกลาง เมฆาเคราะห์สีดำที่ปิดครอบทั่วฟ้าแตกสลายหายไปเหมือนฟองอากาศา
หนึ่งกระบี่นี้ กวาดขวางเมฆาเคราะห์ทั่วฟ้า!
ทั่วลานเงียบสงัด ไร้สรรพเสียงใด
คนใหญ่คนโตเหล่านั้นล้วนอดเบิกตากว้างไม่ได้ สีหน้าอึ้งค้าง เนิ่นนานก็ไม่สามารถดึงสติกลับมา
แสงเคราะห์สายนั้นต้องห้ามปานใด กลับถูกหลินสวินใช้มรรควิถีแห่งตนกลืนกินหล่อหลอมทั้งอย่างนั้น อีกทั้งใช้หนึ่งกระบี่ฟันเวิ้งฟ้า สลายเมฆาเคราะห์หมื่นจั้ง
ภาพเช่นนั้นน่าตกตะลึงในหมื่นกาลชัดๆ!
บรรดาผู้สืบทอดเหล่านั้นล้วนปากอ้าตาค้าง สมองว่างเปล่า
ก่อนหน้านี้จิตรับรู้ของพวกเขาถูกปิดกั้น อะไรก็มองไม่เห็น ยามสายตาคืนสู่สภาพชัดเจนตามปกติ ก็เห็นว่าเมฆาเคราะห์บนเวิ้งฟ้านั่นถูกแบ่งเป็นสองส่วน แตกระเบิดรุนแรง ทำเอาจิตใจพวกเขาสะท้านสะเทือนอย่างสิ้นเชิง
ทิวทัศน์ในยามนี้
เหมือนเซียนสวรรค์ขี้เมาหวดฟาดเมฆาเคราะห์แหลกกระจุย!
เวิ้งฟ้ากลับสู่สภาพแจ่มกระจ่างดังเดิม ฟ้าสดใสหมื่นลี้ กลิ่นอายพิบัติเคราะห์น่าสะพรึงนั่นหายไปหมดสิ้น เสมือนทุกสิ่งที่เพิ่งเกิดเมื่อครู่เป็นความฝันที่ไม่สมจริงฉากหนึ่ง
เพียงแต่ความหวาดกลัว สั่นไหว และสะท้านสะเทือนในใจผู้คนกลับไม่สามารถสลัดทิ้งไปได้
“เขาทำสำเร็จแล้ว…”
ฉีหลิงเจิ้น จงหลีหรัน กู้เซ่าอิ้น ฟู่เจาเซิงจิตใจจมดิ่ง ความไม่ยินยอมผุดขึ้นในใจ
จนถึงตอนนี้ พวกเขาถึงกล้าแน่ใจในที่สุดว่าหลินสวินไม่เพียงรอดชีวิต ซ้ำยังทะลวงด่านเคราะห์แจ้งมรรคในคราวเดียว!
ภาพที่พวกเขาคิดว่าหลินสวินจะต้องร่วงหล่นอย่างแน่นอนก่อนหน้านี้ ย่อมไม่มีทางเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด
“ถึงกับสำเร็จแล้วจริงๆ ด้วย!”
คนมากมายเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน สีหน้าเผยแววดีใจและตื่นเต้นที่ยากปกปิด บรรยากาศที่แต่เดิมเงียบสงัดก็ถูกเสียงร้องอุทานเซ็งแซ่กลบมิด
ก่อนหน้านี้ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่หลินสวินข้ามด่านเคราะห์ทำให้ผู้คนสิ้นหวังและจนปัญญาปานใด เพราะพิบัติเคราะห์ระดับนั้นเหนือจินตนาการและความเข้าใจของทุกคนอย่างสิ้นเชิง มองไม่เห็นความหวังที่จะสำเร็จสักนิด
ทว่าท้ายที่สุดหลินสวินกลับรอดชีวิตดั่งปาฏิหาริย์ แจ้งมรรคอมตะเหนือยอดเขาที่เก้า!
นี่เหมือนสิ่งที่ไม่มีชีวิตกลับปรากฏกลิ่นอายแห่งชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
พวกตงหวงเซ่าเหวิน ฉีชิงซือ มู่จุนอู๋ราวถูกสายฟ้าฟาด สีหน้านิ่งขรึมอย่างสมบูรณ์
เหตุการณ์นี้ได้กำหนดแล้วว่า นับแต่วันนี้ไปพวกเขากับหลินสวินก็คือคนที่อยู่คนละโลก ไม่ใช่คนรุ่นเดียวกันอีกต่อไป ทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่น!
“สำเร็จแล้ว… คุณชายทำสำเร็จแล้ว…”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยพึมพำ ตื่นเต้นจนร่างอรชรสั่นน้อยๆ ความหวั่นวิตก กดดัน และตึงเครียดในใจล้วนได้รับการปลอบประโลมครั้งใหญ่ที่ใหญ่ในชั่วขณะนี้
“ใช่ สำเร็จแล้ว เจ้าหมอนี่ไม่เคยทำให้พวกเราผิดหวังอยู่แล้ว!”
เสวียนจิ่วอิ้นยิ้มเจิดจ้า เพียงแต่สองหมัดที่กำแน่นนั้นกลับแสดงให้เห็นว่าภายในใจเขาตื่นเต้นยิ่งกว่าที่แสดงออกมา
“ฮ่าๆๆๆ! ผลสำเร็จระดับนี้ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่มีมครเทียบเทียม!”
ยามนี้เฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างเสวียนเฟยหลิงยังตื่นเต้นจนระเบิดหัวเราะ อัศจรรย์ใจไปกับเรื่องนี้ด้วย
“อย่างน้อยในประวัติศาสตร์โลกยอดนิรันดร์ ข้าก็เพิ่งเคยเจอเคราะห์มรรคอมตะที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้เป็นครั้งแรก สามารถสะเทือนหมื่นกาลได้!”
ตู๋กูยงก็ยากจะข่มกลั้นอารมณ์ ทอดถอนใจชื่นชม
“จริงแท้!”
ฟางเต้าผิงพยักหน้าจริงจัง แววตมเต็มไปด้วยความทอดถอนใจ
มหาเคราะห์ครั้งหนึ่งทำให้สภาวะจิตของเฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างพวกเขาล้วนเดือดพล่านดุจกระแสน้ำ ไม่อาจสงบนิ่ง นี่ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าการข้ามด่านเคราะห์ของหลินสวินน่าตกตะลึงปานใด!
และเหล่าคนใหญ่คนโตอย่างพวกฉินอู๋อวี้ โม่หลันซาน เซียวเหวินหยวน หลีเจิน เวลานี้ก็ยากจะกลบซ่อนความยินดีและสะท้านสะเทือนในใจเอาไว้ได้
หลินสวินทะลวงด่านเคราะห์ในครั้งนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไป และไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว!
พวกเขาก่อนหน้านี้ล้วนมือชุ่มเหงื่อ กังวลไม่รู้กี่ครั้ง
ครั้นหันมองดูคนใหญ่คนโตอย่างพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋น ชือเวิน ทังชิว สีหน้าแต่ละคนแข็งทื่อ อึมครึม ไม่น่าดูยิ่ง!
——