Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2750 ความลับของระดับนี้
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2750 ความลับของระดับนี้
ตอนที่ 2750 ความลับของระดับนี้
ตระกูลเสวียนตั้งอยู่ในทางเดินโบราณฟ้าดารา
นับแต่อดีตถึงบัดนี้ ตระกูลเสวียนไม่เคยถูกรังแกมาก่อน
ต่อให้เป็นคนใหญ่คนโตอย่างพวกจอมจักรพรรดิไร้นาม จักรพรรดิสวรรค์ดำรง และตระกูลลั่วมาเยือนทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็ไม่เคยล่วงเกินตระกูลเสวียนแม้เพียงเสี้ยว
เพราะรากฐานของตระกูลเสวียนมั่นคงมากจริงๆ
เมื่อก่อนหลินสวินยังไม่เข้าใจว่ารากฐานนี้มาจากไหน แต่ตอนนี้มีหรือจะไม่กระจ่าง
ขอเพียงมีเสวียนเฟยหลิงรองหัวหน้าหอแห่งหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดผู้นี้อยู่ บนทางเดินโบราณฟ้าดาราก็ไม่มีขุมอำนาจไหนกล้าล่วงเกินตระกูลเสวียน!
ดังนั้นเมื่อได้รับม้วนหยกที่เสวียนจิ่วอิ้นยื่นให้ในงานเลี้ยงสังสรรค์ครั้งนี้ หลินสวินจึงมั่นใจว่าเนื้อหาในม้วนหยกนี้ย่อมไม่มีทางผิดพลาด
นี่ทำให้ความกังวลใหญ่ที่สุดในใจหลินสวินหายไป
ไม่มีใครรู้ว่าก่อนหน้าจะแจ้งมรรคทะลวงระดับ ตอนที่รู้ว่าขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้นส่งกองกำลังมุ่งหน้าไปยังโลกชั้นล่างในทางเดินโบราณฟ้าดารา ในใจหลินสวินเดือดดาลเพียงใด
นี่เป็นเส้นขอบเขตความอดทนของเขา!
เดิมทีตามแผนการของเขา หลังจากแจ้งมรรคอมตะก็จะเริ่มเตรียมไปสะสางภัยเงียบนี้
ทว่าตอนนี้เมื่อเสวียนจิ่วอิ้นส่งม้วนหยกนี้ออกมา ทำให้หลินสวินวางใจได้ในที่สุด
แต่จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วน้อยๆ อีกครั้ง
ไม่ได้เจอนานหลายปีเช่นนี้ จิ่งเซวียนเขียนถึงตนแค่ประโยคเดียวได้อย่างไร ออกจะงกหมึกพู่กันเกินไปหน่อยแล้วกระมัง
จนกระทั่งงานเลี้ยงสิ้นสุด เขารั้งตัวเสวียนจิ่วอิ้นไว้กล่าวว่า “ข่าวสำคัญเช่นนี้ เจ้าหนูอย่างเจ้าเหตุใดจึงไม่รีบบอกข้า”
“ข้าก็เพิ่งได้รับข่าวมาจากท่านเทียดเหมือนกัน ทางเดินโบราณฟ้าดารานั่นห่างไกลเกินไป คนตระกูลเสวียนของพวกเรามุ่งหน้าไปโลกชั้นล่างก่อน ผ่านการค้นหาและตรวจสอบจึงพบเบาะแสบางอย่างของตระกูลหลิน จากนั้นก็ตะบึงไปแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ต่อ หลังผ่านการค้นหาเกือบสิบวันถึงพบคนตระกูลหลินเหล่านั้นโดยบังเอิญ…”
เสวียนจิ่วอิ้นรีบกล่าวอย่างฉับไว “ยามข่าวเหล่านี้ส่งจากตระกูลเสวียนมาถึงโลกยอดนิรันดร์ก็เป็นหลังจากที่เจ้าแจ้งมรรคแล้ว”
คราวนี้หลินสวินถึงเข้าใจ กล่าวว่า “แต่เหตุใดบนม้วนหยกจึงมีเพียงประโยคเดียว”
“ฮี่ๆๆ”
เสวียนจิ่วอิ้นหัวเราะขึ้นมา “ข้าได้ยินมาเช่นกันว่านี่เป็นคำขอของพี่สะใภ้ท่านนั้นของข้า ตอนนั้นนางบอกว่า ในม้วนหยกบันทึกแค่ประโยคนี้ประโยคเดียวก็พอ หากพูดมากความกลับจะยิ่งทำให้เจ้าคิดถึงบ้านเกิดและญาติมิตร พานจะถ่วงการใหญ่ของเจ้า”
หลินสวินอึ้งค้าง
จากนั้นในใจพลันผุดไออุ่นและความละอายอย่างบอกไม่ถูกขึ้นมา
ผ่านไปหลายปีมีเพียงจิ่งเซวียนดูแลบุตรเพียงลำพัง แต่คนเป็นบิดาอย่างตนกลับไม่สามารถอยู่เคียงข้าง ช่างผิดต่อพวกเขาจริงๆ!
“เอาละ เรื่องราวคลี่คลายลงแล้ว เจ้าไม่ต้องกังวลใจอะไรอีก ภายหน้าฝึกปราณอยู่ที่หอแรกนภา หากพบเจอเรื่องวุ่นวายก็แจ้งชื่อท่านเทียดของข้าไปได้ รับรองได้ผลชะงัด”
เสวียนจิ่วอิ้นตบไหล่หลินสวินดังป้าบ
ผัวะ!
ท้ายทอยของเขาถูกตบด้วยฝ่ามือหนึ่ง เงาร่างของเสวียนเฟยหลิงปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าหนูอย่างเจ้าไม่เอาไหน ถึงได้ชอบเป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือที่สุด หลินสวินจะเหมือนเจ้าได้อย่างไร หลังจากวันนี้ให้ฝึกปราณที่เรือนเมฆาคลั่งต่อ หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามออกมาข้างนอกแม้แต่ก้าวเดียว”
เสวียนจิ่วอิ้นคร่ำครวญขึ้นมาทันที
เสวียนเฟยหลิงกลับไม่สนใจเขา ทอดสายตามองหลินสวินแล้วกล่าวว่า “เรื่องของทางเดินโบราณฟ้าดาราเจ้าไม่ต้องกังวล มีตระกูลเสวียนอยู่”
หลินสวินประสานหมัดคารวะ กล่าวจากก้นบึ้งหัวใจ “ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งนัก”
เสวียนเฟยหลิงไม่เพียงช่วยเขาสะสางปัญหาใหญ่ ในอดีตยังเคยช่วยลั่วชิงสวินมารดาของเขา ท่านลู่ และท่านลุงลั่วชิงเหิงออกจากโลกยอดนิรันดร์
ถึงขั้นที่หลังจากพวกลั่วชิงสวินมาถึงทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็เป็นตระกูลเสวียนออกมือส่งพวกเขาไปยังโลกชั้นล่าง!
หลินสวินไม่มีทางลืมบุญคุณยิ่งใหญ่เหล่านี้เด็ดขาด
“เจ้าเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล และยังเป็นทายาทของลั่วทงเทียน ข้าจะไม่ช่วยเจ้าได้อย่างไร หากจะขอบคุณก็ไม่จำเป็นหรอก จำไว้ว่าแม้จะแจ้งมรรคอมตะ ต่อไปยามอยู่ลัทธิแรกกำเนิดก็ต้องกระทำตามกฎ นี่มีแต่จะเป็นประโยชน์ไร้โทษกับเจ้า”
เสวียนเฟยหลิงกล่าวกำชับด้วยรอยยิ้ม
หลินสวินพยักหน้า
คืนนั้นเขาตรงดิ่งกลับถ้ำสวรรค์แดนมงคลของตนในหอแรกนภา
…
ในถ้ำสถิต
หลินสวินนั่งขัดสมาธิ เสริมความมั่นคงให้มรรควิถีในตัว
กฎเกณฑ์อมตะเป็นสายๆ แผ่คลุ้งออกมา ลอยล่องกลายเป็นวงแหวนเทพอมตะอยู่ข้างหลังเขา เมื่อเขาโคจรปราณ วงแหวนเทพอมตะก็เคลื่อนโคจรช้าๆ ตามไปด้วยประหนึ่งมีชีวิต
วงแหวนเทพอมตะเป็นสัญลักษณ์เด่นชัดของขั้นอายุขัยเทียมฟ้า
และภายในร่าง โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์เปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง กลายเป็น ‘โลกมรรคอมตะ’
โลกมรรคอมตะก็คือที่อยู่ของรากฐานมรรคาอมตะ ดุจดั่งโลกไพศาลของจริง หลอมรวมขึ้นจากกฎเกณฑ์และมรรควิถีในตัวผู้ฝึกปราณ
จักรวาลดารา ภูผาธาราต้นไม้ใบหญ้าและวัฏจักรภายในนั้น ล้วนหลอมรวมขึ้นจากกฎเกณฑ์อมตะบริสุทธิ์
ฐานมรรคยิ่งแน่นหนาเท่าไร โลกมรรคอมตะก็ยิ่งมั่นคงและไพศาลเท่านั้น
โลกมรรคอมตะของหลินสวินไม่เหมือนกับคนระดับเดียวกันทั่วไป ปรากฏนัยเร้นลับเกิดดับ วัฏจักรเวียนวน ดับสิ้นและเกิดใหม่อย่างหนึ่ง
เสมือนว่าโลกมรรคอมตะของเขากำลังนิพพานอยู่ทุกเมื่อ น่าตกใจสุดขีด
นอกจากนี้ไอแรกกำเนิดขุ่นมัวรายล้อมอยู่ในนั้น วิวัฒน์เป็นต้นกำเนิดอมตะที่สมบูรณ์ที่สุด ทำให้ทั่วทั้งโลกมรรคอมตะปรากฏท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ ‘หมื่นกาลแรกกำเนิด หงเหมิงไร้ขอบเขต ยิ่งใหญ่เป็นอมตะ’ อย่างหนึ่ง!
นี่น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง
และนี่ก็เป็นมรรคาอมตะที่หลินสวินเสาะแสวง เป็นจุดสำคัญที่แตกต่างจากคนอื่นๆ ในระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง
กล่าวโดยสรุป หากโลกมรรคอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าของคนอื่นเปรียบได้กับจักรวาลแห่งหนึ่งในโลกพันจักรวาล เช่นนั้นโลกมรรคอมตะของหลินสวินก็เปรียบได้กับอาณาเขตแห่งหนึ่งในโลกยอดนิรันดร์!
ต่างกันราวฟ้ากับเหว!
ทั้งหมดนี้ล้วนได้รับมายามทะลวงระดับแจ้งมรรคครั้งนี้ สิ่งที่พิบัติเคราะห์ที่เรียกได้ว่าเป็นประวัติการณ์นั่นมอบให้เขา คือมรรคาที่ไม่เคยมีมาก่อน
เป็นหนทางสู่ยอดอมตะ เป็นเส้นทางแห่งแดนปรินิพพาน และเป็นเส้นทางในตำนานที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลรอคอยมาหมื่นกาลและเกิดขึ้นกับตัวหลินสวินในที่สุด!
หลินสวินเพิ่งได้สัมผัสกับนัยเร้นลับแท้จริงของระดับนี้ขณะฝึกปราณ
พลังมหามรรคในตัวของเขาล้วนดูดซับพลังของระเบียบนิพพานในระหว่างข้ามด่านเคราะห์ หล่อหลอมเป็นกฎเกณฑ์อมตะ สามารถเรียกได้ว่ากฎเกณฑ์นิพพาน
ยามต่อสู้กับพวกฉีหลิงเจิ้น กฎเกณฑ์อมตะระดับสวรรค์ขั้นเก้าของอีกฝ่ายก็ไม่สามารถกดข่มกฎเกณฑ์นิพพานแม้แต่น้อย!
ทว่าจุดที่เร้นลับที่สุดของระเบียบนิพพานไม่ได้อยู่ที่การต่อสู้ แต่อยู่ที่นิพพาน!
และนี่ก็หมายความว่าพลังระเบียบที่หลินสวินหลอมหลังจากนี้ ยิ่งมีมากเท่าไรระเบียบนิพพานของเขาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ทำให้อานุภาพของเขาก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง!
กล่าวง่ายๆ คือ ระเบียบนิพพานไม่มีลำดับขั้น เพราะอานุภาพของมันสามารถเปลี่ยนแปลงและเลื่อนขั้นได้ไม่หยุด!
ขณะเดียวกันระเบียบนิพพานยังมีพลังดับสิ้นและเกิดใหม่อันเร้นลับ สามารถสร้างและก่อกำเนิดพลังระเบียบอื่นๆ ขึ้นใหม่ได้ ทั้งยังสามารถหลอมทำลายระเบียบเหล่านี้ได้อย่างสิ้นเชิง
เหมือนอย่างเสี่ยวเซียน เสี่ยวหมิงและอู๋ซวงที่ตอนนี้ยังอยู่ในระเบียบนิพพาน ล้วนถูกระเบียบนิพพานสร้างและให้กำเนิดใหม่!
ตามความเห็นหลินสวิน ระเบียบนิพพานเหมือนร่างมารดาอย่างหนึ่งยิ่งว่า สามารถทำให้พลังระเบียบอื่นๆ ฟื้นคืนชีพ ได้รับการฟูมฟักอยู่ในนั้น นี่ยิ่งเห็นชัดว่าระเบียบนิพพานไม่ธรรมดา!
หลินสวินยังอดสงสัยไม่ได้ว่ายามตนมองนัยเร้นลับของระเบียบนิพพานทะลุปรุโปร่ง จะสามารถทำให้คนที่ตายไปนานแล้วเข้าสู่การนิพพานเกิดใหม่ได้หรือไม่…
เพราะพลังการสร้างและเกิดใหม่นั่นน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้วจริงๆ!
นอกจากนี้ที่จิตวิญญาณของหลินสวินก็วิวัฒน์จาก ‘รูปจำลองเจตจำนง’ กลายเป็น ‘รูปจำลองอมตะ’ ดูเหมือนเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนชื่อ แต่อันที่จริงจิตวิญญาณของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ มีพลังประหนึ่งอมตะไม่เสื่อมสูญ
และนี่ก็คือรากเหง้าของ ‘อายุขัยเทียมฟ้า’
หมื่นโลกไม่ดับ ข้าย่อมเป็นอมตะ
ซึ่งหมายความว่าขั้นอายุขัยเทียมฟ้ามี ‘รูปจำลองอมตะ’!
กายมรรคของหลินสวินก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน ทั้งผิวหนัง เอ็นกระดูก เลือดเนื้อ เส้นลมปราณ จุดชีพจร และอวัยวะภายในทั้งปวง…
ทั่วร่างทั้งภายนอกและภายในล้วนถูกทำลายล้างและสร้างใหม่หลายครั้งในระหว่างการข้ามด่านเคราะห์ ภายในบรรจุพลังอมตะที่พลุ่งพล่านไร้ทัดเทียม
กลิ่นอายของเลือดหยดเดียวล้วนสามารถพังถล่มภูผาธารา สังหารระดับมหาจักรพรรดิได้!
และเส้นผมของเขาก็เรียกได้ว่าเป็นวัตถุอมตะ
เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้มีนัยเร้นลับมหัศจรรย์และใหม่เอี่ยมนับไม่ถ้วนซ่อนอยู่อย่างลึกล้ำ และนี่คือจุดเริ่มต้นแห่งมรรคาอมตะของหลินสวิน
เมื่อเขามองนัยเร้นลับเหล่านี้ออกอย่างปรุโปร่ง ย่อมสามารถก้าวไปได้ไกลขึ้นบนมรรคานี้อย่างแน่นอน!
ครึ่งเดือนเต็มให้หลัง
หลินสวินตื่นจากการนั่งสมาธิ โลกมรรควิถีในตัวเขาได้รับการเสริมความมั่นคงอย่างสมบูรณ์แล้ว
เพียงแต่ดูจากภายนอกกลิ่นอายของเขากลับสามัญและราบเรียบ ความรุ่งเรืองดับสิ้น คืนสู่ความเรียบง่าย ทุกท่วงท่าอิริยาบถล้วนเป็นท่วงทำนองอันเป็นธรรมชาติ
เฉกเช่นมหามรรค ไร้รูปไร้นาม
‘ครึ่งเดือนสั้นๆ ก็ผลาญแกนเทพอมตะในตัวจนหมดเกลี้ยง…’
หลินสวินยิ้มขื่นระลอกหนึ่ง
ตั้งแต่เข้าสู่ลัทธิแรกกำเนิดจนตอนนี้ เขาได้รับแกนเทพอมตะราวๆ หมื่นชั่ง ตอนนั้นยังสามารถเติมเต็มการฝึกปราณระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิของเขาได้เหลือเฟือ
แต่ตอนนี้เมื่อเขาเหยียบย่างมรรคาอมตะ แกนเทพอมตะเหล่านี้ก็ไม่พอใช้แล้ว
หลินสวินจำได้ว่าอิงตามกฎระเบียบของลัทธิแรกกำเนิด หลังจากศิษย์สามหอเหยียบย่างมรรคาอมตะ แต่ละเดือนจะได้รับแกนเทพอมตะหนึ่งหมื่นชั่ง เจตวัตถุอมตะสามพันชั่ง รวมถึงสวัสดิการอื่นๆ บางส่วนของสำนัก
แต่จากที่หลินสวินคำนวณ ต่อให้มีแกนเทพอมตะหนึ่งหมื่นชั่งในทุกเดือน ก็ยังห่างไกลไม่สามารถเติมเต็มความต้องการในการฝึกปราณในปัจจุบันของเขาได้
อย่างน้อย… ก็ต้องห้าหมื่นชั่ง!
แน่นอนว่าสมบัติอย่างแกนเทพอมตะ ยิ่งมีมากก็ยิ่งดี
‘หากสามารถกลายเป็นรองผู้ดูแลได้ ทุกๆ เดือนจะได้รับแกนเทพอมตะสามหมื่นชั่ง หากกลายเป็นผู้ดูแลก็จะได้รับแกนเทพอมตะห้าหมื่นชั่ง หากเป็นผู้อาวุโสก็จะได้รับ…’
หลินสวินคำนวณเงียบๆ
ผ่านไปนาน เขาตัดสินใจว่ารอยามขัดเกลาเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งจนถึงขั้นคล่องมือแล้ว ค่อยไปชิงตำแหน่งรองผู้ดูแล!
ถึงตอนนั้นย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้
แม้ว่าหลินสวินจะไม่กลัว แต่ก็คิดจะเตรียมตัวให้พร้อมก่อน
รองผู้ดูแลดูเหมือนเทียบไม่ได้กับผู้ดูแล เทียบไม่ได้กับผู้อาวุโส ยิ่งเทียบไม่ได้กับรองหัวหน้าหอ แต่รองผู้ดูแลทุกคนล้วนเป็นพวกร้ายกาจที่ผ่านศึกเลวร้ายมานับไม่ถ้วน เคี่ยวกรำในมรรคาอมตะไม่รู้นานเท่าไร
หากอยู่ในน่านฟ้าที่เจ็ด รองผู้ดูแลเหล่านี้ล้วนสามารถกลายเป็นเสาหลักของเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหนึ่งได้!
หอแรกนภามีรองผู้ดูแลทั้งหมดยี่สิบสี่คน คิดจะเข้าแทนที่หนึ่งในนั้น ย่อมต้องเอาชนะอีกฝ่ายในด้านความแข็งแกร่งให้ได้เสียก่อน
หลังจากตัดสินใจ หลินสวินเรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมา
วู้ม!
แสงมรรคไพศาลพร่างพรม กลิ่นอายราบเรียบเก่าแก่แผ่คลุ้ง เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งลอยอยู่กลางอากาศ มีท่วงทำนองอมตะประหนึ่งกำราบอดีตตราบปัจจุบันอยู่รำไร
ยามข้ามด่านเคราะห์ เตานี้เคยได้รับความเสียหายร้ายแรง แต่ภายใต้การปกป้องของระเบียบนิพพาน ก็ได้รับการตีหลอมและสร้างใหม่ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด
กล่าวได้ว่าเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งในตอนนี้ สามารถเรียกได้ว่าเป็นศาสตรามรรคอมตะแล้ว
เพียงแต่อานุภาพของมันแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่ หลินสวินก็ยังไม่แน่ใจ
ถึงอย่างไรยามสังหารพวกฉีหลิงเจิ้นสี่คน เขาใช้หมัดเปล่าตลอด ไม่มีโอกาสทดสอบอานุภาพของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสักนิด
…………………