CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2806 จักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์

  1. Home
  2. Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
  3. ตอนที่ 2806 จักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ตอนที่ 2806 จักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์

ยอดเขาราตรีสงัดทางตะวันตกของเมือง

ใต้ท้องฟ้าสีรัตติกาลราวกับหมึก เทือนเขาแถบนี้คดเคี้ยวราวกับงู

ใต้เทือกเขาที่บ้านเรือนเรียงราย แสงไฟบางตา เงาแสงกระดำกระด่าง

ที่นี่อยู่ใกล้กับพื้นที่ที่นภาดาราศุภโชคตั้งอยู่ แต่เพราะไอวิญญาณเบาบาง เทือกเขารกร้าง ทำให้ผู้ฝึกปราณที่อาศัยอยู่ล้วนเป็นบุคคลที่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิ

ตอนที่หลินสวินมาถึงที่นี่ ยังไม่ถึงครึ่งเค่อ

เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นจุดสนใจ การปรากฏตัวครั้งนี้เขาเก็บงำกลิ่นอาย ระหว่างทางไม่ได้ถูกคนติดตาม

เพียงแต่เขาอดประหลาดใจไม่ได้ ว่าที่แท้เป็นใครกันแน่ที่ให้ตนมาที่นี่

เขาเดินไปตามทางภูเขาคดเคี้ยวตรงตีนเขา ระหว่างทางเหมือนเนิบช้าแต่ความจริงรวดเร็วนัก ไม่ทันไรก็มาถึงกลางยอดเขาราตรีสงัด เหนือขึ้นไปอีกก็คือท้องฟ้ารัตติกาลอันมืดมน

“ไม่มีคนสะกดรอยตามหรือ”

เสียงที่เย็นเยียบดังขึ้น

หลินสวินเงยหน้าทันควัน มองไปในความมืดตรงยอดเขา สามารถมองเห็นเค้าโครงตำแหน่งเก่าแก่หลังหนึ่งได้รางๆ

ตอนที่จิตรับรู้แผ่ไป กลับถูกพลังลึกลับในความมืดนั่นต้านทาน ทำให้หลินสวินไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นใคร

แต่สามารถมั่นใจได้ว่าจะต้องซ่อนอยู่ในตำหนักเก่าแก่นั่นแน่

“ไม่มี”

หลินสวินกล่าว “ท่านส่งข่าวมากลางดึก มีธุระอะไรกับข้า”

“เข้ามาคุยกัน”

เสียงนั่นพูดถึงตรงนี้ก็เงียบไป

หลินสวินคิดๆ แล้วเดินหน้าต่อ ยามมาถึงพื้นที่มืดมนนั้น ก็รู้สึกว่าพลังลึกลับชั้นหนึ่งกวาดผ่านร่าง แต่กลับไม่ได้รู้สึกถึงความอึดอัดใดๆ

เขาไม่ได้ลังเล ก้าวเข้าไปในความมืด

ท้องฟ้ามีดวงดาวพริบไหว สาดแสงประกาย พื้นที่แถบนี้ราวกับถูกความมืดกลืนกิน มองไม่เห็นเงาแสงใดๆ

โชคดีที่จิตรับรู้ยังอยู่ สามารถสัมผัสได้ถึงตำหนักเก่าแก่ที่ดูทรุดโทรมและรกร้างนั่น

จากนั้นหลินสวินก็ ‘เห็น’ เงาร่างหนึ่ง

เขายืนนิ่งอยู่หน้าประตูตำหนัก เงาร่างผอมซูบ ร่างสวมชุดเกราะหักพัง เผ้าผมหนวดเครายุ่งเหยิง สภาพตกต่ำ มีเพียงดวงตาทั้งคู่ที่เย็นเยียบเฉียบคมราวกับกระบี่

หลินสวินนัยน์ตาหดรัดโดยพลัน “สือซานหรือ”

ยามอยู่หน้าตำหนักมืดมินในแดนผนึกเรืองแสง หลินสวินเคยเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว และเคยเห็นสือซานที่บาดแผลเต็มตัวเรียกร่างต้นของซย่าจื้อว่า ‘นายหญิง’!

“เหตุใดไม่ใช่ตาทวดของเจ้าลั่วทงเทียนมาที่นี่”

เงาร่างนั้นเอ่ยเสียงเย็นเยียบ ไม่ได้ปฏิเสธคำเรียก ‘สือซาน’ นี้

หลินสวินขมวดคิ้วพูด “หรือว่าตอนนั้นตาทวดของข้าเคยรับปากท่านว่าเขาจะมาอีก”

“เขาไม่ได้บอกเจ้าหรือ”

แววตาสือซานยิ่งเย็นเยียบกว่าเดิม จ้องหลินสวินราวกับกระบี่ น่ากลัวอย่างที่สุด

หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “เขามาไม่ได้แล้ว”

สือซานเอ่ย “เพราะเหตุใด”

หลินสวินตระหนักได้ว่าหากไม่พูดความจริงคงยากจะแลกความเชื่อใจของสือซานได้

เขาใคร่ครวญคร่าวๆ แล้วกล่าวว่า “เมื่อนานมาแล้วยามเขามุ่งหน้าไปประตูนิรันดร์ ถูกคนฉวยโอกาสทำร้าย จนตอนนี้ยังไม่พบร่องรอย”

สือซานเงียบไปครู่ใหญ่ก่อยหมุนตัวเข้าตำหนัก “เข้ามาเถอะ”

ยามนี้ในใจหลินสวินกลับกังวลอยู่บ้างอย่างยากจะได้เห็น

สือซานเคยติดตามข้างกายร่างต้นของซย่าจื้อ ย่อมสามารถรู้ฐานะและอดีตของร่างต้นของซย่าจื้อได้จากปากสือซาน!

‘อย่างไรก็ต้องเผชิญหน้า…’

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วเดินเข้าตำหนักเก่าแก่ที่ความมืดปกคลุมแห่งนั้น

“นั่ง”

สือซานนั่งขัดสมาธิอยู่บนเบาะรองนั่งก่อนแล้ว

หลินสวินนั่งลงบนเบาะรองนั่งที่อยู่ตรงข้าม เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสต้องการพบข้าครั้งนี้ คิดจะทำอะไรกันแน่”

“โลงนิรันดร์”

สือซานไม่ได้ปกปิดเหมือนก่อนหน้านี้ พูดตรงๆ ว่า “นั่นเป็นสมบัติที่ซ่อนตัวของนายหญิงของข้า ยามลั่วทงเทียนไปจากแหล่งสถานศุภโชคเคยรับปาก ว่าขอเพียงเจอวิธีที่จะสามารถปลุกนายหญิงของข้าได้ก็จะนำโลงนี้ย้อนกลับมาแหล่งสถานศุภโชค”

ในใจหลินสวินสะท้านไหว แววตาซับซ้อน เขาตระหนักได้แล้วว่าที่ไท่เสวียนพูดคงไม่ผิด ซย่าจื้อ… เป็นไปได้สูงมากว่าจะแปลงมาจากวิญญาณชีวิตของคนในโลง!

“ผู้อาวุโส เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าท่านกับท่านตาทวดของข้ารู้จักกันได้อย่างไร” หลินสวินพูด

สือซานเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “นั่นเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว ข้าถูกศัตรูตามฆ่า หนีมาถึงเมืองเทพศุภโชคไม่นานก็สลบไสลไม่ได้สติ ตอนนั้นสถานการณ์วิกฤต หากถูกศัตรูพบข้าต้องตายแน่”

“ก็เป็นตอนนั้นเอง ลั่วทงเทียนที่เพิ่งมาแหล่งสถานศุภโชคได้ไม่นานช่วยข้าเอาไว้ ภายหลังลั่วทงเทียนถูกศัตรูพวกนั้นตามฆ่าจนเมืองเทพศุภโชคโกลาหลไปทั่ว”

“เดิมทีข้านึกว่าการพบกันโดยบังเอิญนี้ ภายใต้สถานการณ์อันตรายเช่นนี้เขาคงจะส่งตัวคนแปลกหน้าอย่างข้าไป ไม่จำเป็นต้องลำบากเพราะเรื่องนี้ ถึงอย่างไรที่มาของศัตรูก็แข็งแกร่งมากเกินไปจริงๆ…”

“แต่ข้าคิดไม่ถึงว่าลั่วทงเทียนกลับไม่ยอมแพ้ ช่วยข้าต่อสู้กับศัตรูพวกนั้นโดยตลอด ตอนที่ข้าฟื้นขึ้นมา เขาบาดเจ็บหนักแล้ว กำลังจะจนหนทาง…”

พูดถึงตรงนี้แววตาเย็นเยียบของสือซานเผยแววย้อนคิดและทอดถอนใจ “ตอนนั้นข้าตกใจยิ่ง ไม่อาจจินตนาการได้ว่าบนโลกนี้มีคนเช่นนี้ได้อย่างไร ไม่รู้จักกับข้าด้วยซ้ำ กลับช่วยเหลืออย่างมีคุณธรรม ถึงขั้นแม้แต่ชีวิตก็ไม่เอาแล้ว”

“จากนั้นข้าพาเขาที่บาดเจ็บเจียดตายจากไป หนีจากเคราะห์สังหารนี้”

“ตอนนั้นข้าถามเขาว่าเหตุใดจึงต้องทำเช่นนี้ ถึงขั้นสงสัยว่าเขาเป็นสายลับที่ศัตรูส่งมา เพื่อทำให้ข้าเชื่อใจและหลอกเอากระบี่ศุภโชคของข้าไป”

“แต่ลั่วทงเทียนกลับพูดว่า ช่วยคน… ต้องมีเหตุผลด้วยหรือ”

สือซานสีหน้าเหม่อลอย ความดุดันและเย็นชาบนใบหน้าอ่อนโยนขึ้นมา “คำพูดที่ธรรมดามากประโยคเดียว กลับทำให้ยากจะลืมจนถึงทุกวันนี้”

“หลังจากบาดแผลของเขาหายดี ข้าคิดว่าจะมอบกระบี่ศุภโชคให้เขาเพื่อออกไปจากแหล่งสถานศุภโชค ใครจะคิดว่ากลับถูกเขาปฏิเสธ”

“เขาบอกว่าที่เขาช่วยคนไม่ได้หวังผลตอบแทนอะไร”

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนข้าต้องเย้ยหยันแน่ แต่ข้าเชื่อเขา ต่อให้สำหรับข้า เขาในตอนนั้นมรรควิถีตื้นเขินไม่พอให้เข้าตา แต่การกระทำของเขากลับองอาจราวกับมหาสมุทร ใจกว้างดุจภูเขา อุปนิสัยตรงไปตรงมา ทระนงเด็ดเดี่ยว ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเทียบได้”

ตอนที่สือซานพูด ยากจะปกปิดความชื่นชม

เห็นได้ว่าลั่วทงเทียนในตอนนั้นองอาจเพียงใด

องอาจราวกับมหาสมุทร ใจกว้างดุจภูเขา!

แค่คำพูดสั้นๆ นี้ก็ทำให้หลินสวินรับรู้ ว่าตอนหนุ่มๆ ตาทวดของตนสุดยอดเพียงใด

“จากนั้นหลังไปถึงแดนผนึกเรืองแสง ลั่วทงเทียนหยั่งถึงประทับที่นายหญิงของข้าทิ้งไว้บนโลงนิรันดร์ จนได้รับพรสวรรค์ต้องห้ามอย่าง ‘หุบเหวกลืนกิน’”

สือซานกล่าว “หลังจากนั้นข้าขอให้เขาช่วยเหลือ นำกระบี่ศุภโชคและโลงนิรันดร์จากไป เขารับปากข้าว่ารอหาวิธีที่จะปลุกนายหญิงได้ ก็จะกลับมาแหล่งสถานศุภโชคอีกครั้ง เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าหลังจากผ่านไปเนิ่นนานไม่รู้กี่ปี คนที่มากลับเป็นเจ้า”

พูดจบเขาก็เงียบไป

ในใจหลินสวินไม่สามารถสงบ

เขาเพิ่งได้รู้เรื่องราวที่ท่านตาทวดพบเจอหลังมาถึงแหล่งสถานศุภโชคคร่าวๆ

และในที่สุดก็เข้าใจว่าเหตุใดท่านตาทวดจึงบอกท่านลู่ว่า ยามเขาได้รับโลงนิรันดร์ก็แปดเปื้อนกฎกรรมหนึ่งแล้ว

สามารถพูดได้ว่า พรสวรรค์หุบเหวกลืนกินก็มาจากโลงนิรันดร์ มาจากศุภโชคที่เดิมเป็นของร่างต้นของซย่าจื้อ!

คิดถึงตรงนี้ สุดท้ายหลินสวินก็ถามออกมาว่า “ขอถามผู้อาวุโส นายหญิงของท่าน… มีฐานะอย่างไรกันแน่”

สือซานกล่าว “ไม่รู้”

หลินสวินอึ้งไป เกือบคิดว่าฟังผิด “ไม่รู้หรือ”

สือซานเอ่ยว่า “ที่มาของนายหญิงมีเพียงตัวนางที่รู้ชัด คนที่อยู่ใต้อาณัติเช่นข้าไม่เคยถาม”

หลินสวินจนคำพูดไปชั่วขณะ ในใจนอกจากผิดหวังแล้วยังมีความผ่อนคลายที่พูดไม่ออก ราวกับว่า… อย่างน้อยก็ไม่ต้องเผชิญกับอีกหนึ่งการเลือกที่ลำบากใจอย่างที่สุด

“เช่นนั้นเกี่ยวกับนายหญิงของท่าน ผู้อาวุโสรู้อะไรบ้างหรือ” หลินสวินถาม

“เมื่อนานมาแล้วนายหญิงเคยท่อง ‘ยุคทวยเทพ’ ตอนที่ข้าเจอนาง นางก็เป็น ‘จักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์’ ที่ราวกับตำนานในยุคทวยเทพแล้ว…”

ในดวงตาของสือซานเผยแววหวนระลึก “ในช่วงหลายปีนั้น นายหญิงคล้ายกำลังหนีอะไรมาโดยตลอด และเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่าง มักจะคิดอะไรเงียบๆ เพียงลำพัง”

“จนกระทั่งผ่านไปเนิ่นนาน นายหญิงพาข้าออกจากยุคทวยเทพ มาถึงเมืองเทพศุภโชคแห่งนี้”

“นายหญิงบอกว่านางอยากค้นหาว่านภาดาราศุภโชคนี้เป็นใครสร้างขึ้นกันแน่ บางทีอาจสามารถเจอคำตอบที่นางอยากได้”

พูดถึงตรงนี้ในดวงตาสือซานเผยความชิงชังที่ไม่ปกปิดสักนิด รวมถึงความหวาดกลัวที่ไม่อาจปกปิดได้ “แต่ระหว่างที่เดินทางมายังเมืองเทพศุภโชค นายหญิงกลับประสบเคราะห์ครั้งใหญ่!”

“มหาเคราะห์ครั้งนั้นมาเยือนอย่างไร้สุ้มเสียง มาเยือนโดยที่ข้าไม่ทันรู้ตัว ข้าจำได้เพียงว่าระฆังมรรคที่ลึกลับใบหนึ่งทะลวงห้วงอากาศพุ่งมาทางนายหญิง…”

ฟังถึงตรงนี้ในใจหลินสวินสั่นสะท้านรุนแรง นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา

เมื่อนานมาแล้วตอนที่ท่านตาทวดลั่วทงเทียนมุ่งหน้าไปประตูนิรันดร์ เคยถูกเงาร่างสีทองขวางทาง ตอนนั้นเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักกว่าจะสังหารเงาร่างสีทองนั่นได้ ในประตูนิรันดร์กลับมีระฆังมรรคลึกลับที่กลิ่นอายแรกกำเนิดรัดพันใบหนึ่งปรากฏขึ้น

เพียงแค่ระฆังใบเดียว ก็โจมตีจนลั่วทงเทียนถอยหนี!

และตอนนี้จากที่สือซานพูด มหาเคราะห์น่ากลัวที่ร่างต้นของซย่าจื้อประสบในตอนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับระฆังใบหนึ่ง นี่จะใช่ระฆังมรรคเดียวกันหรือไม่

“จากนั้นเล่า”

เห็นสือซานเงียบไป หลินสวินก็อดถามไม่ได้

“แม้นายหญิงจะรอดจากพิบัติเคราะห์ แต่กลับบาดเจ็บสาหัส ด้วยพลังไร้เทียมทานที่สามารถเหยียดหยันทั่วหล้าได้ของนางยังไม่สามารถฟื้นฟูบาดแผลบนตัวได้… และก็เป็นตอนนั้นที่พวกน่ากลัวของยุคทวยเทพปรากฏตัว หมายจะให้นายหญิงทิ้งศุภโชคบนตัว…”

สือซานพูดถึงตรงนี้ ในสายตาล้วนเผยความชิงชังและเดือดดาล

“เป็นการฉวยโอกาสปล้นชิงอีกแล้ว!” หลินสวินขมวดคิ้ว

สือซานกล่าง “เมื่อก่อนพลังของนายหญิงคนเดียวก็สามารถกำราบพวกน่ากลัวเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย แต่มหาเคราะห์ครั้งนั้นทำร้ายนางสาหัสเกินไป ถึงได้เปิดโอกาสให้พวกเขามาปล้นชิง จากนั้นนายหญิงก็ข้าหนีไปยังแดนผนึกเรืองแสง”

“นายหญิงสละมหามรรคแห่งตน ชักนำพลังแห่งกาลเวลาปิดผนึกแดนผนึกเรืองแสง ถึงได้ต้านการบุกรุกของศัตรูไว้ได้ แต่ก็เพราะทำเช่นนี้ทำให้บาดแผลของนายหญิงรุนแรงกว่าเดิม ถึงขั้นที่ไม่สามารถรักษาได้แล้ว”

“ภายหลังนายหญิงสั่งให้ข้านำกระบี่ศุภโชคจากไป ส่วนตัวนายหญิงเองก็เข้าไปอยู่ในโลงนิรันดร์ใบนั้น…”

ฟังถึงตรงนี้หลินสวินเข้าใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว นึกถึงแต่ละภาพที่เห็นหน้าตำหนักมืดมิดในแดนผนึกเรืองแสงขึ้นมา

——

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 2806 จักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์