Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2816 จับรวบทั้งหมด
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2816 จับรวบทั้งหมด
ตอนที่ 2816 จับรวบทั้งหมด
จี้เซียวกำลังอาบน้ำ
น้ำตกหลั่งรินลงกลางสระ ไอน้ำอบอวล ร่างขาวผ่องเพรียวบางของนางรางเลือนกลางหมอกควัน
นางแช่อยู่ในน้ำแร่วิญญาณใสสะอาดนุ่มนวล จี้เซียวดูเรื่อยเฉื่อยและผ่อนคลายนัก ดวงตาเรียวชี้งดงามหรี่ลงเล็กน้อย ผมดำทั้งศีรษะแผ่สยายในน้ำราวกับสาหร่าย ใบหน้ารูปไข่ที่เรียกได้ว่าพริ้งเพราเจือแววยินดีและเพลิดเพลิน
โดยรอบไร้ผู้คน ทำให้จี้เซียวเผยเรือนร่างกลางไอน้ำโดยไม่หวาดกลัว
เมื่อหลินสวินปรากฏตัวกลางอากาศก็เห็นภาพนี้ เขาอึ้งไปอย่างอดไม่ได้
จี้เซียวเหมือนไม่รู้ตัว ใช้มือลูบผมดำขลับเบาๆ แต่หางตาของนางกลับไหววูบเล็กน้อย
ฟุ่บ!
ปราณกระบี่ไร้ใดเปรียบสายหนึ่งฟันใส่หลินสวิน เร็วจนน่าเหลือเชื่อ
เงาร่างของหลินสวินไม่ขยับ ปราณกระบี่นั้นสลายไปทั้งหมดเมื่ออยู่ห่างจากเบื้องหน้าเขาหนึ่งฉื่อ ถูกลบหายไปโดยไร้สุ้มเสียง
ตูม!
น้ำแร่ในสระเกดิเสียงกังวาน กระแสน้ำนับไม่ถ้วนม้วนซัด ระเบิดพุ่งไปทางหลินสวินดุจฝนธนูนับหมื่นแสน
หลินสวินยังคงไม่ขยับ
แต่ตรงหน้าเขาคล้ายมีปราการหนึ่งขวางศรอุทกนับหมื่นแสนนี้ไว้ เสียงระเบิดดังระงมไม่ขาดหู
“ทำไมถึงเป็นเจ้า!?”
ขณะเดียวกันจี้เซียวสวมชุดกระโปรงเขียวน้ำทะเลแล้ว แสงมรรคไหลวนทั้งตัว นัยน์ตาดุจอสนีมองหลินสวินจากไกลๆ ใบหน้างามนั้นฉายแววตกตะลึง
นี่คือที่พักของนาง คนทั่วไปไม่อาจบุกเข้ามาได้แต่แรก
แต่หลินสวินกลับปรากฏตัวโดยไม่มีสัญญาณแม้แต่น้อย ทำให้นางไม่ทันตั้งตัว
“รูปร่างไม่เลว”
หลินสวินยิ้มพลางกล่าวชม
นัยน์ตากระจ่างของจี้เซียวดุจหิมะ ดวงหน้างามเจือแววเยียบเย็นหยิ่งทะนง “เจ้าเห็นหมดแล้วหรือ”
“ที่ควรมองล้วนเห็นหมดแล้ว ที่ไม่ควรมองก็เห็นโดยไม่ตั้งใจ”
หลินสวินซื่อสัตย์นัก “หากเจ้าคิดว่านี่คือการลบหลู่ เช่นนั้นข้าก็หมดหนทาง ใครให้เจ้าอาบน้ำที่นี่ยามข้ามาเล่า”
จี้เซียวอึ้งงันแล้ว ไม่สามารถจินตนาการได้อย่างสิ้นเชิงว่าทำไมบนโลกนี้ถึงมีคนไร้ยางอายเช่นนี้อยู่ ทั้งเหตุใดถึงพูดจาไร้ยางอายเช่นนี้!!
แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นธิดาเทพของตระกูลหนึ่ง เป็นปีศาจแห่งยุคที่ใต้หล้าต่างรู้จัก
ไม่นานนางก็สงบสติอารมณ์กลับมากล่าวว่า “เจ้ามาทำอะไร ต้องการสังหารข้าหรืออยากได้อะไรบางอย่างจากข้า”
“ยังไม่ฆ่าเจ้าชั่วคราว แต่ตอนนี้เจ้าต้องไปกับข้า”
หลินสวินกล่าว
“หากข้าไม่รับปากเล่า”
จี้เซียวถาม ท่าทางราวกับเซียน โดดเด่นยากจับต้อง แต่กลับมีไอสังหารเยียบเย็นพลุ่งพล่าน
หลินสวินยื่นมือออกไป
พรึ่บ!
ชายชุดกระโปรงเขียวน้ำทะเลนั้นของจี้เซียวถูกฉีกขาด เผยผิวต้นขาขาวผ่องเปล่งประกายช่วงหนึ่ง นี่ทำให้นางสั่นสะท้านไปทั้งตัวกล่าวว่า “พลังกฎระเบียบของเมือง!”
“ไม่ผิด ตอนนี้เจ้าคิดขัดขืนต่อหรือจะตามข้ามา”
หลินสวินกล่าว
ดวงหน้างามของจี้เซียวพลันแปรเปลี่ยน เนิ่นนานกว่าจะกล่าว “ข้าไปกับเจ้า”
หลินสวินยิ้มแล้วกล่าว “ฉลาด”
…
เจียงหลินชิวกำลังนั่งสมาธิ
สำหรับเขาเมืองเทพศุภโชคก็เหมือนกรงขัง มรรควิถีถูกกดจนอยู่ในระดับจักรพรรดิ ต่อให้นั่งสมาธิก็ไม่มีประโยชน์ใดต่อพลังปราณของเขา
แต่เจียงหลินชิวยังคงนั่งสมาธิเหมือนเดิม
หนทางแห่งการฝึกปราณ ความสูงส่งอยู่ที่กล้ามองไปเบื้องหน้า พากเพียรไม่ลดละ ต่อให้มีพรสวรรค์พลิกฟ้าแค่ไหน รากฐานพลังแข็งแกร่งเท่าไหร่ เจียงหลินชิวก็ไม่เคยผ่อนปรนต่อเงื่อนไขของตน
นี่ก็คือสิ่งสำคัญที่เขาก้าวสู่ระดับอมตะขั้นดับเทพได้ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงห้าร้อยปี
ผู้คนล้วนคิดว่าสิ่งที่เขาพึ่งพาคือชาติกำเนิดและพรสวรรค์
แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังเขาทุ่มเทความพยายามและเลือดเนื้อไปเท่าไหร่
เมื่อหลินสวินปรากฏตัวก็เห็นภาพเช่นนี้
เจียงหลินชิวตกใจตื่นทันที การตอบสนองแรกของเขาก็คือลงมือ ไม่พูดมากความแม้แต่น้อย
ตูม!
ตั้งแต่หยัดร่างจนซัดหมัดแทบเกิดขึ้นในชั่วพริบตา
พลังของหมัดนี้ก็แข็งแกร่งถึงขั้นเกือบไม่มีใครทัดเทียม
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
ปึง!
เจียงหลินชิวถูกซัดจนล้มนั่งอยู่ตรงนั้น เขาหน้าเปลี่ยนสี จากนั้นก็เงียบไป คล้ายรู้สถานการณ์ของตนแล้ว เอ่ยว่า “นัยเร้นลับยิ่งใหญ่ของนภาดาราศุภโชคคือได้รับวิชาใช้พลังกฎระเบียบของเมืองนี้หรือ”
หลินสวินพยักหน้า “ถูกต้อง”
เจียงหลินชิวถอนใจยาว “หากกล่าวเช่นนี้ ขอเพียงเจ้าต้องการ ย่อมฆ่าใครก็ตามในเมืองนี้ได้ตามใจปรารถนาแล้ว…”
หลินสวินกล่าว “ไม่ ข้าแค่อยากจัดการศัตรู”
เจียงหลินชิวกล่าว “ต่อให้เป็นเช่นนั้น เมื่อเจ้าออกจากเมืองนี้ก็ต้องประสบเคราะห์แน่”
หลินสวินเอ่ยว่า “ดังนั้นข้าจึงมาจับตัวพวกเจ้า ยามจากไปค่อยดูว่าชีวิตพวกเจ้าสำคัญต่อเฒ่าชราพวกนั้นหรือไม่”
เจียงหลินชิวอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนกล่าว “ที่แท้เป็นเช่นนี้”
…
ประตูสวรรค์ทิศใต้ปรากฏอยู่ในครรลองสายตาแต่ไกล
เกาหยางเจวี๋ยเคลื่อนตัวเต็มอัตรา สำแดงมรรควิถีทั้งตัวถึงขีดสุด
หากเป็นไปดังคาด หลังผ่านไปสามลมหายใจเขาจะออกไปทางประตูสวรรค์ทิศใต้ได้
แต่เมื่อร่างเขาปรากฏตรงประตูสวรรค์ทิศใต้ กลับมีเงาร่างหนึ่งรออยู่ตรงนั้นแล้ว
หลินสวิน!
นี่ทำให้เกาหยางเจวี๋ยใจหล่นวูบ
ชิ้ง!
กระบี่บินเล่มหนึ่งพุ่งออกมา สาดแสงเยียบเย็นลึกลับยากหยั่งถึง กรีดทึ้งห้วงอากาศดังหวีดหวิว
นี่คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา
เมื่อนานมาแล้วยามอยู่ระดับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิ เขาอาศัยกระบี่เดียวนี้จนไร้คู่ต่อกรในระดับเดียวกัน โดดเด่นไม่เป็นสองรองใคร
แต่ปัจจุบันกระบี่นี้กลับถูกขวางไว้
หลินสวินยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ กระบี่บินเล่มนั้นหยุดนิ่งตรงหว่างคิ้วเขา ครวญคร่ำไม่หยุด
จากนั้นเขายื่นมือออกไปลวกๆ คว้ากระบี่บินมาไว้ในมือ ตรวจสอบครู่หนึ่งพลางกล่าว “ความเชี่ยวชาญด้านมหามรรคของเจ้าไม่ธรรมดานัก ไม่แปลกที่ถูกวิจารณ์ว่า ‘โดดเด่นเหนือปวงสวรรค์’ ”
ห่างออกไปเกาหยางเจวี๋ยนิ่งเงียบแล้ว เอ่ยว่า “หากสู้กันอย่างยุติธรรม เจ้ามั่นใจว่าจะชนะหรือไม่”
หลินสวินพูดโดยไม่ต้องคิด “มั่นใจ”
เห็นชัดว่าเกาหยางเจวี๋ยคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะตอบอย่างผ่อนคลายเช่นนี้
“ว่ามาเถอะ ทำไมต้องจากไป” หลินสวินถาม
ในสายตาเขา เกาหยางเจวี๋ยคือเด็กหนุ่มที่ดูธรรมดามากคนหนึ่ง แต่กลิ่นอายและพลังบนตัวอีกฝ่ายกลับทำให้ผู้คนจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ถึงขั้นดูลึกลับยิ่งนัก
“ข้ามีลางสังหรณ์และการหยั่งรู้ต่ออันตรายอย่างฉับไวแต่กำเนิด บางทีเจ้าอาจไม่เชื่อ แต่นี่ก็คือความจริง”
เกาหยางเจวี๋ยกล่าว
“ข้าเชื่อ”
คำตอบของหลินสวินยังคงรวดเร็ว
เกาหยางเจวี๋ยอึ้งไป กล่าวว่า “น่าเสียดาย เจ้ากับข้าเป็นศัตรูกัน ไม่มีทางเป็นสหาย”
หลินสวินยิ้มกล่าว “ข้าไม่เคยคิดผูกมิตรกับพวกเจ้า”
เกาหยางเจวี๋ยถอนหายใจเบาๆ ไม่พูดมากความอีก
…
วันนี้เรื่องการถูกจับตัวแบบเดียวกับจี้เซียว เจียงหลินชิว เกาหยางเจวี๋ย เปิดฉากอย่างต่อเนื่องในเมืองเทพศุภโชค
กระทั่งยามสายัณห์
กลางทะเลสาบจันทร์หม่น เงาร่างหลินสวินปรากฏตัวกลางอากาศ
เวลาหนึ่งวันทำให้เขาจับตัวคนระดับบุตรเทพในเมืองได้ทั้งหมด รวมแล้วมีสามสิบเจ็ดคน
ในนั้นฐานะและศักยภาพของเกาหยางเจวี๋ย จี้เซียว เจียงหลินชิวโดดเด่นที่สุด
‘เป็นโลงนิรันดร์สำคัญกว่าหรือชีวิตของระดับบุตรเทพพวกนี้สำคัญกว่ากันแน่’
หลินสวินตัดสินใจ รอว่าเมื่อจากไปค่อยดูว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่หกปีมานี้เฝ้าอยู่นอกเมืองตลอดพวกนั้นจะตัดสินใจเลือกอะไร
ยามดึกคนคุ้นเคยผู้หนึ่งมาเยือน
เมื่อมองเห็นอีกฝ่าย ในใจหลินสวินสั่นไหว
ผู้มาเยือนที่หลังพาดกระบี่โบราณ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความองอาจ เป็นลู่จ้งผู้สืบทอดของอู๋ยาง
“สหายยุทธ์ ข้าน้อยมาตามคำสั่งของอาจารย์ มีเรื่องหนึ่งต้องบอกสหายยุทธ์”
ลู่จ้งประสานมือคารวะ
“เชิญว่ามาเถอะ”
หลินสวินยิ้มกล่าว
“อาจารย์บอกว่าช่วงนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ให้สหายยุทธ์เตรียมตัว ถึงตอนนั้นอาจารย์กับสหายเก่าของอาจารย์จะรีบมาช่วย”
ลู่จ้งพูดพลางหยิบกาสำริดใบหนึ่งออกมา “ขอสหายยุทธ์รับสมบัติชิ้นนี้ไว้ เมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น สหายยุทธ์สามารถใช้สมบัตินี้สลายเคราะห์สังหารถึงชีวิตยามสหายยุทธ์ออกไปได้”
“กาหลอมจิต!?”
เมื่อหลินสวินเห็นสมบัตินี้ก็รู้สึกผิดคาดโดยพลัน
นานมาแล้วยามอยู่ดินแดนรกร้างโบราณ ทุกครั้งที่เขาคิดสังหารบุตรนรก ชีวิตของฝ่ายหลังจะถูกกานี้ช่วยไป เห็นได้ว่าอัศจรรย์หาใดเปรียบ
“ไม่ผิด ของสิ่งนี้คือยอดสมบัติในมือผู้อาวุโสจักรพรรดินรกเลือดทมิฬ”
ลู่จ้งกล่าว “ผู้อาวุโสจักรพรรดินรกเลือดทมิฬก็เคยได้ยินเรื่องความแค้นระหว่างเจ้ากับบุตรนรกทายาทของเขา สำหรับเรื่องนี้เขาเดือดดาลหาใดเปรียบ แต่สุดท้ายก็ยังพูดประโยคหนึ่ง ความแค้นระหว่างคนรุ่นหลังต้องให้คนรุ่นหลังจัดการเอง”
หลินสวินอึ้งไปพลางกล่าว “เขาไม่ชิงชังข้าหรือ”
ลู่จ้งคิดๆ แล้วกล่าว “ถ้าผู้อาวุโสจักรพรรดินรกเลือดทมิฬชิงชังสหายยุทธ์ก็คงไม่ยกกาหลอมจิตนี้ให้กระมัง แน่นอนว่าในใจของบุคคลอย่างผู้อาวุโสจักรพรรดินรกเลือดทมิฬคิดอย่างไร ข้าน้อยก็ไม่กล้าคาดเดา”
หลินสวินกล่าว “ถ้าเช่นนั้นครั้งนี้ยามข้าออกจากเมืองเทพศุภโชค จักรพรรดินรกเลือดทมิฬก็จะมาช่วยข้าเหมือนผู้อาวุโสอู๋ยางหรือ”
“เป็นเช่นนั้น” ลู่จ้งพยักหน้า
ในใจหลินสวินพลันรู้สึกประหลาดอย่างอดไม่ได้
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น ตนเคยปล้นบุตรนรกไม่รู้กี่ครั้ง แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสของเขากลับมอบกาหลอมจิตให้ตนเพื่อช่วยเหลือ เขาไม่สนใจความแค้นในอดีตพวกนั้นจริงหรือ
หากเป็นเช่นนี้จักรพรรดินรกเลือดทมิฬก็ใจกว้างมากจริงๆ…
“ข้าเข้าใจแล้ว ฝากสหายยุทธ์บอกจักรพรรดินรกเลือดทมิฬว่าข้าหลินสวินแบ่งแยกบุญคุณความแค้นชัดเจน มีคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ ความแค้นระหว่างข้ากับบุตรนรก วันหน้าย่อมตัดสิน”
หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าว
ลู่จ้งพยักหน้าพลางเอ่ย “สหายยุทธ์ หากไม่มีเรื่องอื่นแล้วข้าน้อยขอตัวก่อน”
“ลำบากสหายยุทธ์เทียวไปเทียวมา รอวันหน้าหากมีโอกาสข้าคนแซ่หลินย่อมร่วมดื่มกับเจ้าสักกา” หลินสวินประสานมือกล่าว
ลู่จ้งยิ้มกล่าว “ได้”
ไม่นานเงาร่างของลู่จ้งก็หายไปในรัตติกาลไร้ขอบเขต
‘ช่วงนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหรือ… ดูท่าว่าข่าวลือในเมืองคงไม่เป็นเท็จ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้คืออะไรกันแน่’
หลินสวินลูบกาหลอมจิตในมือ จมสู่ห้วงความคิด
ราตรีเดียวกันที่นอกเมือง
คืนนี้ข่าวการหายตัวไปของระดับบุตรเทพสามสิบเจ็ดคนอย่างพวกจี้เซียว เจียงหลินชิว เกาหยางเจวี๋ยก็แพร่ไปถึงนอกเมือง ถูกเฒ่าดึกดำบรรพ์มากมายที่เฝ้าอยู่ในส่วนลึกของฟ้าดารานั้นล่วงรู้
เฒ่าดึกดำบรรพ์พวกนี้ล้วนไม่สงบทันที ทั้งตระหนกและขุ่นเคือง โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“ไม่มีการต่อสู้ ไม่มีการปะทะ ทั้งไม่มีใครเห็นว่าหายไปอย่างไร แต่กลับไม่อยู่ในเมืองแล้ว!?”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้”
“ยังต้องเดาอีกหรือ ต้องเป็นเจ้าหลินสวินบัดซบนั่นแน่ นี่ต้องเป็นฝีมือเขาแน่นอน!”
“นี่ไม่ใช่หมายความว่าระดับบุตรเทพของเผ่าเทพแต่ละตระกูลที่ไปเมืองเทพศุภโชค ล้วนถูกหลินสวินนี่จับรวบหมดแล้วหรอกรึ”
“ร้ายกาจนัก!!”
ยามรัตติกาลในฟ้าดารา มีเสียงคำรามด้วยความเดือดดาลระลอกหนึ่งดังขึ้น สะท้อนก้องหมู่ดาว ทำให้ดาราสั่นสะเทือน
คืนวันนั้นเฒ่าดึกดำบรรพ์นอกเมืองล้วนตัดสินใจส่งข่าวเข้ามาในเมือง…
พวกเขาต้องการคุยกับหลินสวินด้วยตัวเอง!
………………