Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2828 ผู้มาเยือนจากน่านฟ้าที่เก้า
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2828 ผู้มาเยือนจากน่านฟ้าที่เก้า
ตอนที่ 2828 ผู้มาเยือนจากน่านฟ้าที่เก้า
ยามปกติลัทธิแรกกำเนิดมักมีผู้สืบทอดออกไปเคี่ยวกรำภายนอก แต่ส่วนใหญ่เมื่อกลับมายังสำนักก็ไม่ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวเท่าไหร่
ทว่าหลินสวินกลับต่างออกไป
หลายปีก่อนเพราะการคงอยู่ของหลินสวิน ทำให้ลัทธิแรกกำเนิดเกิดเรื่องใหญ่มากเกินไป
ในการทดสอบเข้าสำนัก หลินสวินกราบเป็นศิษย์ฝึกตนในยอดเขาที่เก้าด้วยผลงานอันดับหนึ่ง
หลังจากนั้นเขากลายเป็นศิษย์สืบทอดแท้จริง ศิษย์หอแรกนภา รองผู้ดูแลหอแรกนภาตามลำดับในเวลาอันสั้นที่สุด ทุกครั้งที่เลื่อนขั้นล้วนทำลายสถิติในอดีตของลัทธิแรกกำเนิด!
หากมีเพียงเท่านี้หลินสวินก็แค่นับว่าเป็นผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิดที่เจิดจรัสโดดเด่นยิ่งคนหนึ่ง
แต่ในการถกมรรคเก้ายอดเขาครั้งก่อน หลินสวินใช้พลังของตัวเองทยอยกำราบเหล่าปีศาจของลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน สิบยักษ์ใหญ่อมตะ โดดเด่นเป็นสง่า ทั้งสร้างเกียรติยศที่หาได้ยากแก่สำนัก!
ด้วยเรื่องนี้จึงทำให้บารมีของหลินสวินหยั่งรากลงในใจผู้คนของลัทธิแรกกำเนิด
แม้แต่คนใหญ่คนโตที่วางตัวเป็นกลางบางส่วนก็ชื่นชมยกย่องเขา ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
พูดได้ว่าผลงานในอดีตพวกนี้ทำให้ฐานะของหลินสวินในลัทธิแรกกำเนิดเปลี่ยนเป็นไม่ธรรมดายิ่งแล้ว ได้รับความชื่นชมจากผู้สืบทอดส่วนใหญ่
ดังนั้นหลังจากผ่านไปหกปี เมื่อรู้ข่าวว่าหลินสวินกลับมา ทั้งลัทธิแรกกำเนิดจึงเกิดความโกลาหลขึ้น
นี่ก็คืออิทธิพล
กระทั่งว่าหลินสวินเพิ่งกลับมายังถ้ำสวรรค์แดนมงคลของตนก็มีคนมากมายมาเยี่ยมเยียนแล้ว
อย่างผู้อาวุโสโม่หลันซาน พวกผู้สืบทอดเย่ฉุนจวิน ฮวงมู่จี้แห่งยอดเขาที่เก้า ผู้สืบทอดหอแรกนภาเฟิงซีซีกับหลิวอวิ๋นเฟิง ผู้สืบทอดเก้ายอดเขาเซี่ยงเสี่ยวหยวนเป็นต้น
เพียงพริบตาก็ทำให้ที่พักของหลินสวินดูครื้นเครงอย่างมาก
แต่ผู้มาเยี่ยมเยียนต่างไม่อยู่นาน ส่วนใหญ่ล้วนรู้ดีว่าหลินสวินกลับมาวันนี้ ผู้อยากมาเจอเขามีจำนวนไม่น้อย ไม่ควรอยู่นาน
กระทั่งยามสายัณห์หลินสวินถึงได้พักอย่างยากลำบาก
“ฮู่ว…”
หลินสวินผ่อนลมหายใจยาวเฮือกใหญ่ นอนแผ่บนตั่งนิ่ม นำน้ำเต้าสุราออกมาละเลียด ทั้งตัวล้วนผ่อนคลายลงโดยสมบูรณ์
เมื่ออยู่ในลัทธิแรกกำเนิด เขาไม่ต้องห่วงอันตรายใดจริงๆ
การมุ่งหน้าไปแหล่งสถานศุภโชคครั้งนี้แม้จะเกิดอุปสรรคมากมาย แต่ก็ถือว่าทำตามเป้าหมายสำเร็จโดยราบรื่น บิดามารดาพักอยู่ที่ตระกูลลั่วอย่างปลอดภัย ตอนนี้ซย่าจื้อก็อยู่ข้างกาย ทั้งไม่ต้องห่วงว่าภายหน้านางจะจากตนไปแล้ว
นอกจากนี้ประสบการณ์ในแหล่งสถานศุภโชคครั้งนี้ยังทำให้หลินสวินได้ประโยชน์มหาศาลเช่นกัน
อันดับแรกคือยึดกุมระบบการฝึกปราณของอารยธรรมยุคสมัยนับร้อยได้ทั้งหมด ย่อมเกิดประโยชน์ที่ไม่อาจประเมินต่อการฝึกปราณของเขาในภายหน้า
เหมือนที่เฉินหลินคงกล่าว เมื่อเข้าใจระบบการฝึกปราณแห่งยุคสมัยอย่างถ่องแท้ ถึงรู้ชัดว่าขอบเขตมหามรรคสูงสุดของแต่ละยุคแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่
เท่านี้ก็เดาออกว่าผู้ร้ายหลังม่านที่ทำให้อารยธรรมยุคสมัยพวกนี้เจอมหาเคราะห์ดับสิ้นได้แข็งแกร่งมากเท่าไหร่
เช่นนี้จึงจะมีโอกาสเหนือกว่าอีกฝ่ายในภายหน้า ทั้งเอาชนะอีกฝ่ายได้!
กล่าวสรุปโดยง่ายคือหลอมจุดแข็งของแต่ละยุค วันหน้าต้องเหนือกว่าแน่!
อีกทั้งเขายังเป็นเจ้าเมืองเทพศุภโชค ภายหน้ายามแจ้งมรรคนิรันดร์แล้วเจอเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ ก็เลือกมุ่งหน้าไปเมืองเทพศุภโชค หยั่งรู้ต้นกำเนิดศุภโชคมาสลายเคราะห์นี้ได้
เฉินหลินคงยังเคยพูดว่าครั้งหน้าเมื่อเขากลับไป บางทีอาจนำยอดสมบัติลายธารนั้นไปได้
แน่นอนว่าผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงของพลังปราณโดยไม่ต้องสงสัย
สองสามปีก่อนหน้านี้หลินสวินก็มีรากฐานพลังแจ้งมรรคขั้นดับเทพแล้ว สาเหตุที่ไม่แจ้งมรรคในแหล่งสถานศุภโชค แค่เพราะตอนนั้นเขาถูกพลังกฎระเบียบในเมืองกดดัน
กระทั่งกลายเป็นเจ้าเมืองเทพศุภโชค สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว แต่ไม่มีเวลาให้เขาอยู่ต่อเพื่อไปแจ้งมรรคขั้นดับเทพ
‘รอได้ตำแหน่งผู้ดูแลก่อน ค่อยฝึกปราณเพิ่มเพื่อทะลวงขั้นดับเทพก็ไม่สาย…’
หลินสวินใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจ
อยากเป็นผู้ดูแลคนหนึ่ง ก่อนอื่นต้องมีมรรควิถีขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นปลาย จากนั้นก็ทำภารกิจสำนักที่รองหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์กำหนดให้สำเร็จ สุดท้ายจึงไปท้าประลองกับหนึ่งในผู้ดูแลสิบสองคนของหอแรกนภา ชิงตำแหน่งของอีกฝ่ายมา
หลินสวินไม่คิดรออีกต่อไปแล้ว ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะไปทำเรื่องนี้
ยามรัตติกาลผู้ดูแลเถาเหลิ่งมาเยือน
“ข้ามาคราวนี้ หนึ่งคือมาเยี่ยม คิดถามประสบการณ์ของเจ้าในแหล่งสถานศุภโชคสักหน่อย จากนั้นจะไปรายงานให้รองหัวหน้าหอเสวียนเฟยหลิงทราบ”
เถาเหลิ่งพูดตรงประเด็น “เจ้าไม่รู้ว่าในเวลาหกปีกว่าที่เจ้าจากไปนี้ รองหัวหน้าหอเสวียนเฟยหลิงเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าอยู่บ่อยครั้ง กลัวว่าเจ้าจะถูกศัตรูพวกนั้นสกัดระหว่างทางกลับมา”
หลินสวินรู้สึกอบอุ่นใจ กล่าวว่า “เอาอย่างนี้เถิด ข้าจะไปพบรองหัวหน้าหอเสวียนพร้อมท่าน”
เถาเหลิ่งส่ายหน้าเป็นพัลวัน “ตอนนี้ยังไม่ต้อง สถานการณ์ของรองหัวหน้าหอเสวียนในปัจจุบันไม่สู้ดีอยู่บ้าง”
หลินสวินเลิกคิ้วกล่าว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
เถาเหลิ่งสื่อจิตกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ‘ปีที่สองหลังเจ้าจากไป มีผู้มาเยือนจากน่านฟ้าที่เก้า!’
หลินสวินนัยน์ตาหดรัดโดยพลัน ‘เผ่าเทพนิรันดร์หรือ’
‘ไม่ผิด ผู้มาเยือนครั้งนี้คือคนของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยวนสองคน’
เถาเหลิ่งกล่าว ‘คนหนึ่งชื่อหยวนซีหลิว ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ ยามเขามาลัทธิแรกกำเนิดของพวกเราได้นำคำสั่งของเจ้าลัทธิมาด้วย ในคำสั่งบอกว่าให้พวกเขารับตำแหน่งผู้อาวุโสพิเศษ’
หลินสวินขมวดคิ้ว ‘ข้าจำได้ว่าสำนักพวกเราไม่เคยแต่งตั้งตำแหน่งเช่นนี้’
เถาเหลิ่งกล่าวอธิบาย ‘นั่นแน่นอนอยู่แล้ว แต่สิ่งที่หยวนซีหลิวนำมาคือคำสั่งที่เจ้าลัทธิเขียนด้วยมือตัวเอง ปลอมแปลงไม่ได้เด็ดขาด เมื่อบุคคลสำคัญของสำนักหารือกันแล้วจึงเพิ่มตำแหน่งผู้อาวุโสพิเศษขึ้นมาใหม่ ฐานะเท่ากับรองหัวหน้าหอ แต่ไม่ได้ครอบครองอำนาจ’
หลินสวินลอบโล่งอก กล่าวว่า ‘ขอเพียงไม่ได้ครองอำนาจ ก็เป็นแค่ของประดับเท่านั้น’
เถาเหลิ่งส่ายหัว ‘ไม่แน่เสมอไป หยวนซีหลิวมาจากน่านฟ้าที่เก้า มีชาติกำเนิดจากเผ่าเทพนิรันดร์ บุคคลสูงศักดิ์เช่นนี้ลัทธิแรกกำเนิดของพวกเรายังต้องให้เกียรติสามส่วน หากเขาคิดแทรกแซงเรื่องบางอย่าง ภายใต้สถานการณ์ทั่วไปย่อมไม่มีใครปฏิเสธ’
หลินสวินกล่าวเสียงขรึม ‘คนที่สองเป็นใคร’
เถาเหลิ่งกล่าว ‘หยวนฉางเทียน บุตรคนที่เก้าของหัวหน้าเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยวน บุตรเทพโดยกำเนิดคนหนึ่ง พรสวรรค์พลิกฟ้าชวนประหวั่น รากฐานก็เรียกได้ว่าวิปริต มีมรรควิถีขั้นดับเทพขั้นกลาง ทันทีที่มาถึงก็ก่อให้เกิดความโกลาหลครั้งใหญ่’
สีหน้าเขาเผยแววทอดถอนใจ
: ติดะุระเลยช้าขออภัยคะ
แต่สิ่งที่ทำให้เถาเหลิ่งผิดคาดคือสีหน้าหลินสวินไม่มีคลื่นลมแม้แต่น้อย ดูเหมือนไม่ใส่ใจโดยสิ้นเชิง
หลินสวินไม่ได้อธิบาย ไม่อาจบอกเถาเหลิ่งว่าตอนอยู่แหล่งสถานศุภโชค ระดับบุตรเทพที่ตายในมือเขาล้วนมีจำนวนเกินร้อยแล้วกระมัง
เบื้องหลังบุตรเทพพวกนั้นมีเผ่าเทพหลายตระกูลหนุนหลัง ในเผ่าเทพพวกนั้นก็มีเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับนิรันดร์บัญชาการ หากพูดถึงรากฐานพลังก็ใช่ว่าสู้เผ่าเทพนิรันดร์แห่งน่านฟ้าที่เก้าไม่ได้
หากไม่มีประสบการณ์ครั้งนี้ หลินสวินอาจตกใจเพราะการมาของหยวนฉางเทียน ถึงอย่างไรก็เป็น ‘บุตรเทพ’ คนหนึ่งซึ่งมาจากน่านฟ้าที่เก้า
แต่เมื่อมีประสบการณ์จากแหล่งสถานศุภโชคแล้ว หลินสวินจึงไม่อาจหวั่นไหวได้อีก
นี่ก็คือการเปลี่ยนโลกทัศน์ แน่นอนว่าจิตใจย่อมเปลี่ยนไปเช่นกัน
เถาเหลิ่งสื่อจิตพูดเสียงเบา ‘เจ้าอย่าดูถูกคนผู้นี้เชียว จากคำพูดของรองหัวหน้าหอเสวียนเฟยหลิง เป้าหมายที่แท้จริงในการมาครานี้ของหยวนซีหลิว ก็คือทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันของหยวนฉางเทียนนี่’
‘ส่วนเป้าหมายของหยวนฉางเทียนมีโอกาสสูงว่าเหมือนเจ้า เพื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์!’
หลินสวินได้ยินดังนี้แล้วจึงเผยสีหน้าจริงจัง เลิกคิ้วกล่าว ‘บุตรเทพแห่งน่านฟ้าที่เก้าอย่างเขาก็คิดเข้ามายุ่งหรือ’
‘เจ้าอย่าดูถูกตำแหน่งหัวหน้าหอ ผู้เป็นหัวหน้าหอได้ล้วนมีรากฐานและพลังก้าวสู่ระดับนิรันดร์ หลังจากกลายเป็นหัวหน้าหอ ต่อให้ไปยังน่านฟ้าที่เก้าก็ทัดเทียมกับบุคคสำคัญในเผ่าเทพนิรันดร์ได้’
เถาเหลิ่งเหมือนรู้ความลับไม่น้อย ชี้แนะหลินสวิน ‘น่านฟ้าที่เก้าเป็นอย่างไรข้าไม่รู้ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่เคยไป ในฐานะผู้อาวุโสที่เข้ามาก่อนเจ้านับหมื่นปี หลายปีนี้ข้าได้ยินข่าวเกี่ยวกับน่านฟ้าที่เก้าไม่น้อย’
‘ข่าวอะไรหรือ’
หลินสวินกล่าวอย่างสนอกสนใจ
เถาเหลิ่งยิ้มกล่าว ‘หึๆ เรื่องนี้พูดไปแล้วก็ยาว เจ้าแค่รู้ว่าตำแหน่งหัวหน้าหอลัทธิแรกกำเนิดของพวกเรา ในน่านฟ้าที่เก้ายังเป็นที่ต้องการก็พอแล้ว’
‘ถ้าเช่นนั้นเป้าหมายการมาของหยวนซีหลิวกับหยวนฉางเทียน คือตั้งมั่นว่าต้องเอาตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์นี้มาให้ได้หรือ’ หลินสวินกล่าวเสียงขรึม
‘นี่ก็คือสิ่งที่ข้าต้องบอกเจ้าในการมาครั้งนี้’
เถาเหลิ่งกล่าว ‘แม้ว่าหยวนฉางเทียนมีพรสวรรค์พลิกฟ้า แต่ไม่อวดดีแม้แต่น้อย กลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่าถ่อมตัวนิ่งสงบ เหมือนอาบไล้ลมวสันต์’
‘เขาวางตัวรอบคอบไร้ช่องโหว่ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนทำตามกฎ ทำให้ผู้คนหาที่ติใดไม่ได้สักนิด ตอนนี้เขาพึ่งพาความสามารถของตนเองจนผ่านการทดสอบมากมาย กลายเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสเก้าคนของพวกเราหอแรกนภาแล้ว’
‘ผู้อาวุโส?’ หลินสวินประหลาดใจ
‘ไม่ผิด ผู้อาวุโสขั้นดับเทพขั้นกลางคนหนึ่ง’ เถาเหลิ่งกล่าวจริงจัง
น่าตกตะลึงมากจริงๆ
แม้บอกว่าคนรับตำแหน่งผู้อาวุโสในสามหอลัทธิแรกกำเนิดที่อ่อนแอที่สุดต้องครองมรรควิถีขั้นดับเทพ แต่ด้วยผู้อาวุโสของแต่ละหอมีแค่เก้าคน ทำให้กาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา คนรับตำแหน่งผู้อาวุโสส่วนใหญ่ล้วนมีมรรควิถีขั้นหลุดพ้น
อย่างน้อยก็มีพลังปราณขั้นดับเทพสัมบูรณ์!
สถานการณ์เช่นนี้ล้วนเกิดขึ้นในเหล่าผู้อาวุโสทั้งสามหอ
หยวนฉางเทียนสามารถใช้พลังปราณขั้นดับเทพขั้นกลางชิงตำแหน่งผู้อาวุโสของหอแรกนภาได้ สิ่งนี้พิสูจน์โดยไร้ข้อกังขาว่าพลังต่อสู้ของคนผู้นี้เย้ยฟ้าเป็นอย่างยิ่ง
‘คนที่ถูกเขาแทนตำแหน่งผู้อาวุโสเป็นใคร’
หลินสวินครุ่นคิด
‘เป็นผู้อาวุโสเนี่ยชิงหู มรรควิถีขั้นดับเทพสัมบูรณ์ จนปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อาวุโสมาหนึ่งหมื่นสามพันกว่าปี ผู้อาวุโสเนี่ยชิงหูยังเป็นหนึ่งในผู้ช่วยของรองหัวหน้าหอเสวียนเฟยหลิงด้วย’
เถาเหลิ่งพูดถึงตรงนี้ หว่างคิ้วเผยแววอึมครึม
หลินสวินกล่าวคล้ายขบคิด ‘หยวนฉางเทียนนี่จงใจเลือกผู้อาวุโสเนี่ยชิงหูเป็นคู่ต่อสู้หรือ หรือพูดได้ว่าเขามีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดากับสิบขุมอำนาจยักษ์ใหญ่อมตะหรือ’
เถาเหลิ่งมองหลินสวินอย่างแปลกใจ ก่อนกล่าว ‘สายตาเจ้าเฉียบคมนัก พริบตาก็มองปัญหาออกแล้ว’
เขากล่าวต่อ ‘เจ้าพูดไม่ผิด หลังจากหยวนฉางเทียนเข้ามาในลัทธิแรกกำเนิด คนใหญ่คนโตที่มาจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะอย่างพวกฝูเหวินหลี ฉีเซียวอวิ๋นล้วนดีใจจนหน้าชื่นตาบาน จิตใจฮึกเหิม ไม่อำพรางไมตรีจิตและความประทับใจที่มีต่อหยวนฉางเทียนแม้แต่น้อย’
‘จากการคาดเดาของรองหัวหน้าหอเสวียนเฟยหลิง มีโอกาสสูงว่าเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยวนติดต่อกับยักษ์ใหญ่อมตะเบื้องหลังคนใหญ่คนโตพวกนี้อยู่ก่อนแล้ว จุดประสงค์คือร่วมกันส่งหยวนฉางเทียนสู่ตำแหน่งหัวหน้าหอแรกพิสุทธิ์!’
หลินสวินฟังถึงตรงนี้แล้วเข้าใจถ่องแท้ อดยิ้มหยันไม่ได้ ‘ดึงบุตรเทพของเผ่าเทพนิรันดร์เข้ามายุ่ง พวกเขาวางแผนได้ไม่เลวนัก!’
…………………….