Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2860 ดักซุ่ม
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2860 ดักซุ่ม
ตอนที่ 2860 ดักซุ่ม
หุบเหวมารปฐพีในอดีตเหมือนบ่อน้ำบ่อหนึ่ง ผนึกความมืดมิดเอาไว้ ทำให้ฟ้าดินมืดหม่น
แต่วันนี้ภายในหุบเหวมารปฐพีกลับส่องแสงเจิดจ้า!
ผู้เข้าร่วมศึกที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ ล้วนมุ่งหน้ามาที่นี่แทบจะในทันที หลังมาถึงก็พุ่งตัวเข้าไปในนั้นอย่างไม่ลังเล
ในแดนมารปฐพีมีราชันสัตว์ระเบียบกระจายตัวอยู่ บนตัวมีระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่สมบูรณ์ มูลค่าเช่นนี้พลังระเบียบที่บกพร่องเหล่านั้นเทียบไม่ติดสักนิด
นอกจากนี้ในแดนมารปฐพียังสามารถหาเศษเสี้ยว ‘ระเบียบระดับเทพ’ โอสถเทพนิรันดร์ หรือกระทั่งวิญญาณระเบียบได้!
เรื่องนี้สำหรับผู้เข้าร่วมศึกคนใดๆ ล้วนเป็นสมบัติที่ฝันถึงทั้งนั้น
หลินสวินกับหลีเจินก็มาแล้วเช่นกัน ตลอดทางไม่ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันอะไร ทั้งไม่ได้เจอผู้เข้าร่วมศึกคนอื่น พุ่งตัวเข้าหุบเหวมารปฐพีอย่างราบรื่น
ใต้หุบเหวมีแสงสว่างแต่ไม่ได้บาดตาปรากฏ พอลงไปถึงระยะเก้าหมื่นจั้ง ประตูเขตแดนมหึมาบานหนึ่งปรากฏขึ้นสู่สายตาของหลินสวินกับหลีเจิน
แต่ในตอนนี้หลินสวินกลับชะลอความเร็วลง แววตาไหววูบ เอ่ยว่า “ผู้อาวุโส ระวังไอสังหารที่ซ่อนอยู่ในประตูเขตแดนนั้นด้วย”
ขณะพูดเขาก็เรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมาแล้ว
ตั้งแต่ทะลวงขั้นดับเทพขั้นปลายถึงตอนนี้ก็สามปีแล้ว แม้ว่าพลังปราณเขาจะพัฒนาได้ช้าลงเพราะขาดพลังระเบียบระดับสวรรค์ที่เพียงพอ
แต่ด้วยการตกตะกอนและขัดเกลาในช่วงสามปีนี้ กลับทำให้มรรควิถีหลินสวินยิ่งมั่นคงหนักแน่น
หลีเจินใจกระตุก เรียกดาบศึกสีดำของตนออกมาเช่นกัน
สวบ!
ขณะเข้าใกล้ประตูข้ามแดน เมื่อความคิดหลินสวินขยับไหว กายมรรควารีดำก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ถ้ามีการดักซุ่มอยู่จริง ทันทีที่อีกฝ่ายลอบโจมตี จะต้องใช้วิชาที่แข็งแกร่งที่สุดโจมตีเขากับหลีเจินให้ถึงชีวิต ถ้ารีบบุกเข้าไปย่อมไม่ฉลาดนัก
แต่เมื่อมีกายมรรควารีดำ ทุกอย่างก็แตกต่างไปแล้ว
ฟุ่บๆๆ!
ก็พบว่าบนร่างกายมรรควารีดำปล่อยแสงมรรคออกมา ชั่วพริบตาก็กลายเป็นเงาร่างแน่นขนัดสามพันร่าง เต็มแน่นห้วงอากาศใกล้ๆ ประตูข้ามแดนนี้
อภินิหารพรสวรรค์ ‘สามพันลี้วารียาว’!
แต่ละร่างล้วนมีกลิ่นอายขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นปลายอบอวล เงาร่างสามพันร่างรวมตัว ก็เหมือนกองทัพขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขนาดใหญ่ทัพหนึ่ง!
แน่นอนว่าร่างแยกเหล่านี้แตกต่างจากกายมรรคทั้งห้า ไม่ได้มีสติปัญญาและพลังปราณเทียบเท่าร่างต้น ทั้งยังไม่อาจฝึกปราณตามลำพัง เป็นการแปลงออกมาจากกายมรรควารีดำล้วนๆ
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ อภินิหารพรสวรรค์ขั้นนี้ก็เรียกได้ว่าน่าตะลึงแล้ว
“ไป!”
กายมรรควารีดำของหลินสวินชี้ไปที่ประตูข้ามแดน
ตูม!
ร่างแยกสามพันร่างล้วนพุ่งเข้าไปเหมือนกระแสน้ำ
……
ภายในประตูข้ามแดนเป็นโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่ง ภูผาธารากว้างไกล เผยทิวทัศน์ดั่งแรกกำเนิดดึกดำบรรพ์
เมื่อยืนอยู่ในภูผาธาราแห่งนี้ ประตูข้ามแดนที่เชื่อมมาที่นี่บานนั้นก็หยุดนิ่งไม่ไหวติง เหมือนน้ำวนมหึมาที่ลอยอยู่ใต้เวิ้งฟ้าแห่งหนึ่ง
ผู้เข้าร่วมศึกจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะอย่างพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนต่างสั่งสมพลังรอคอย
“คราวนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเรา ถ้าปล่อยให้หลินรอดไป ศึกมรรคอมตะคราวนี้ก็อย่าหวังว่าจะฆ่าเขาได้อีก”
หวังเจวี๋ยฮ่วนสีหน้าสงบนิ่งผิดปกติ เสียงดังเข้าไปในหูของเหล่าคนที่อยู่ข้างกาย “ต่อไปสิ่งที่ข้าอยากให้พวกเจ้าทำ ก็คือนำสมบัติลับที่พกมาแดนมารสิบทิศคราวนี้ออกมาให้หมด แค่รอให้เงาร่างหลินสวินปรากฏก็จะถล่มสังหารเขา!”
ข้างกายเขา ผู้เข้าร่วมศึกที่มาจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะทั้งสิ้นสิบแปดคนต่างเผยสีหน้าดุร้าย
สายตาหวังเจวี๋ยฮ่วนมองไปไกลๆ เอ่ยว่า “แน่นอนว่าต่อให้ฆ่าหลินสวินไม่ตาย แค่ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสก็ได้ พวกคนของลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานพวกนั้นต่างรอชุบมือเปิบอยู่”
เสียงเจือความชิงชังอยู่กลายๆ
ห่างออกไปไกลลิบ คนของลัทธิพ่อมดอย่างพวกชางฝูเฟิง และคนของลัทธิฌานอย่างพวกเหวินเฉียวสุ่ยต่างมองดูอยู่ในที่ลับ ไม่คิดจะเข้าไปสอดมือแต่อย่างใด
ทว่าหวังเจวี๋ยฮ่วนรู้ดี ขอเพียงหลินสวินยืนหยัดไม่ไหว คนของสองหอบรรพจารย์นี้จะต้องฉวยโอกาสลงมือแน่
ถ้าเป็นไปได้ หวังเจวี๋ยฮ่วนย่อมอยากใช้พลังของพวกเขาเองสังหารหลินสวินมากกว่า!
‘มีคนมาแล้ว!’
ก็ในตอนนี้เองมีคนสื่อจิตเสียงเบา
เหนือเวิ้งฟ้า ภายในประตูน้ำวนที่หยุดนิ่งนั้นพลันมีเงาร่างสูงโปร่งกระโจนออกมาร่างหนึ่ง เป็นหลินสวินนั่นเอง
“ฆ่า!”
หวังเจวี๋ยฮ่วนที่สั่งสมพลังรออยู่นานแล้วแทบจะออกคำสั่งทันที
ตูม!
เหล่าผู้แข็งแกร่งจากสิบยักษ์ใหญ่อมตะใช้ไพ่ตายและวิชาลับก้นหีบในมือโดยไม่ลังเลสักนิด ก็เห็นสมบัติต่างๆ ฉายแสงแสบตางามตระการ ทะยานสูงขึ้นไปอย่างฉับไว เข้าไปปกคลุมประตูน้ำวนเหมือนกระแสน้ำเชี่ยวมืดฟ้ามัวดิน
พื้นที่ทั้งสี่ทิศแปดด้านนั้นต่างถูกพายุสายฟ้าและแสงมรรคน่าครั่นคร้ามกลบมิด
การโจมตีเต็มกำลังที่สั่งสมพลังมานานแล้วเช่นนี้ ผู้เข้าร่วมศึกลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานที่อยู่ไกลออกไปได้เห็นแล้วยังหวั่นใจ เสียวสันหลังวาบ
ปัง!
เงาร่างหลินสวินพลันระเบิดออก ถูกกระแสพลังอันน่าสะพรึงกลบมิด
ตายแล้วหรือ!?
ได้เห็นภาพนี้หวังเจวี๋ยฮ่วนยังอึ้งไป คล้ายว่า… จะง่ายไปหน่อย…
ส่วนทุกคนที่อยู่ข้างกายเขาก็เหมือนฝันไป
ความแข็งแกร่งของหลินสวิน พวกเขาได้สัมผัสอย่างลึกซึ้งมานานแล้ว แต่พวกเขากลับคิดไม่ถึงว่าการซุ่มโจมตีนี้จะราบรื่นปานนี้…
“ไม่ใช่!”
หวังเจวี๋ยฮ่วนนัยน์ตานิ่งขึงในทันใด
ก็พบว่าในประตูน้ำวนนั้นมีเงาร่างกระโจนออกมาดุจกระแสน้ำ แต่ละร่างล้วนเป็นหลินสวิน เบียดเสียดแน่นขนัด มากมายเต็มไปหมด
เหล่าคนที่ซุ่มอยู่ในบริเวณใกล้เคียงต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง ในสมองมีความคิดเดียวผุดขึ้นมา
ที่เพิ่งตายไปเป็นร่างแยกของหลินสวิน!
แต่ร่างแยกของเขาจะมากเกินไปแล้วกระมัง
“ก็รู้อยู่แล้วว่าเจ้าหลินสวินคนนี้ไม่มีทางประสบเคราะห์ง่ายดายเช่นนี้” แววประหลาดปรากฏขึ้นในดวงตาพวกชางฝูเฟิง เหวินเฉียวสุ่ยที่มองอยู่ในมุมมืด
“ฆ่า!”
หวังเจวี๋ยฮ่วนตะโกนลั่น”ฮณ๊ฯดนฌซ,
เขาตระหนักได้แล้ว เห็นชัดว่าหลินสวินเตรียมพร้อมมาก่อน นี่ก็หมายความว่าแผนซุ่มโจมตีล้มเหลวแล้ว แต่สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้พวกเขาไม่อาจรามือได้อีก
ตูม! ตูม! ตูม!
สมบัติลับที่มีกลิ่นอายต้องห้ามต่างๆ ทะยานฟ้า ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ภูผาธาราใกล้เคียงต่างพังลงตามไปด้วย พลังที่รวมตัวอยู่นั้นน่ากลัวเกินไป เหมือนจะทำลายฟ้าดินแห่งนี้
ก็เห็นว่าร่างแยกแน่นขนัดของหลินสวินได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที เพียงไม่กี่อึดใจร่างแยกพันกว่าร่างก็มลายไปสิ้น
นี่ไม่ใช่เพราะร่างแยกเหล่านี้ไม่แข็งแกร่งพอ ถึงอย่างไรแต่ละร่างต่างเทียบได้กับขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นปลาย
แต่เป็นเพราะพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนต่างเป็นขั้นดับเทพสัมบูรณ์ ทั้งยังสำแดงไพ่ตายที่อยู่กับตัวออกมาทั้งหมดเพื่อการซุ่มโจมตีครั้งนี้
อานุภาพเช่นนั้นสามารถทำให้ขั้นดับเทพคนใดก็ตามสลายกลายเป็นฝุ่นควันได้ นับประสาอะไรกับร่างแยกที่มีพลังแค่ขั้นอายุขัยเทียมฟ้าขั้นปลายจำนวนหนึ่ง
ตูม โครม!
ฟ้าดินไหวโคลง กระแสพลังอันน่าครั่นคร้ามพวยพุ่งประหนึ่งน้ำตกธารสวรรค์ม้วนตลบ ร่างแยกมหามรรคเหล่านั้นของหลินสวินสลายหายไปไม่หยุด
แต่พวกหวังเจวี๋ยฮ่วนกลับดีใจไม่ออกสักนิด
เพราะจนถึงตอนนี้ร่างต้นของหลินสวินยังไม่ปรากฏตัว แต่พลังสมบัติลับในมือพวกเขาต่างเปิดเผยออกมาหมดและใช้ไปอย่างรวดเร็ว!
“ถอย!”
หวังเจวี๋ยฮ่วนสีหน้าคล้ำเขียว แม้ในจะอัดอั้นจนแทบระเบิด แต่กลับไม่กล้าลังเลสักนิด ตัดสินใจถอนตัวในทันที
ตูม!
ก็เป็นตอนนี้เองที่เตากระบี่ใบหนึ่งพลันพุ่งออกมาจากประตูน้ำวน แสงมรรคไพศาลไหลเวียนในห้วงอากาศ บดขยี้ไปหาพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนดังสนั่นหวั่นไหว
อานุภาพของมันไม่อาจต้านทานได้!
ชั่วพริบตาเสียงปะทะสั่นหูก็ดังขึ้น ผู้แข็งแกร่งที่หนีไม่ทันบางส่วนทำได้เพียงกระตุ้นสมบัติเข้าประจันหน้ากับมัน แต่เพียงพริบตาก็ถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งซัดกระเจิดกระเจิง บาดเจ็บสาหัสกระอักเลือด
จากนั้นเสียงครวญกระบี่ใสกระจ่างก็ดังขึ้นจากเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง กระบี่มรรคเล่มหนึ่งเคลื่อนออกมา พาดผ่านกลางห้วงอากาศ
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
บริเวณนั้นมีผู้แข็งแกร่งที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ก่อนแล้วสามคนถูกปราณกระบี่สังหาร ร่างล้วนถูกปราณกระบี่มหาศาลบดขยี้ ฝนเลือดสาดกระเซ็น
หวังเจวี๋ยฮ่วนตาแทบหลุดจากเบ้า คำรามกราดเกรี้ยว “เร็วเข้า!”
เสียงดังสนั่นเก้าชั้นฟ้า
ทว่าพื้นที่รอบทิศแห่งนี้ยังเหลือร่างแยกของหลินสวินอยู่มากมาย บัดนี้เหมือนกลายเป็นสิ่งกีดขวางแถบแล้วแถบเล่า ขวางทางถอยหนีของพวกหวังเจวี๋ยฮ่วน
ขณะเดียวกันหลินสวินกับหลีเจินก็พุ่งออกมาจากประตูน้ำวน เคลื่อนตัวผ่านห้วงอากาศทะยานมาหาพวกหวังเจวี๋ยฮ่วนทันที
ที่ร้ายที่สุดก็คือกายมรรคทั้งห้าของหลินสวินออกเคลื่อนไหวพร้อมกัน พุ่งไปหาคู่ต่อสู้ต่างๆ
อานุภาพดุจเทพมาเยือน!
บริเวณนั้นโกลาหลโดยสิ้นเชิง แสงมรรคและเสียงดังสนั่นสอดประสาน กระแสพลังปั่นป่วนถาโถมแตกซ่าน ปรากฏเป็นภาพทำลายล้างอย่างหนึ่ง
หวังเจวี๋ยฮ่วนใจหล่นวูบ
เขากำลังหลบหนีเต็มกำลัง แต่ในครรลองสายตาเขา พวกพ้องของเขากำลังถูกปลิดชีพไปคนแล้วคนเล่า ร่วงหล่นในฟ้าดินอันปั่นป่วนพังพินาศแห่งนี้
กลิ่นอายต่อสู้ยุ่งเหยิงปนเปไปกับกลิ่นคาวเลือดอบอวล กระตุ้นจนเขาตาแดงก่ำด้วยความโกรธ
ในฐานะบุตรฟ้าประทานของยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลหวัง เขารู้สึกไร้พลังเช่นนี้เป็นครั้งแรก ความพ่ายแพ้ คับข้อง และกราดเกรี้ยวหนักหน่วงประหนึ่งภูเขาถล่มสมุทรคำราม ทำให้ตัวเขาแทบระเบิด
ทว่าเขาไม่ได้ไปสู้สุดชีวิต แต่กำลังหนีอย่างบ้าคลั่ง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง สภาพเหมือนคนบ้า
ตูม!
เตากระบี่เตาหนึ่งลอยหวือมา
เคร้ง!
หวังเจวี๋ยฮ่วนสกัดด้วยกระบี่โบราณลายสน ทั้งตัวเขายังถูกซัดจนกระเด็นออกไป เลือดลมปั่นป่วน กระอักเลือดออกมาอย่างกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป
ไกลออกไปร่างต้นของหลินสวินบุกมา “เดาได้นานแล้วว่าเจ้าหวังเจวี๋ยฮ่วนไม่มีทางยอมรามือแต่โดยดี แต่น่าเสียดาย วันนี้พวกเจ้าไม่ว่าใครก็อย่าหวังว่าจะรอดออกไปเลย”
เตากระบี่เปล่งแสง บดขยี้ห้วงอากาศเข้าโจมตีหวังเจวี๋ยฮ่วน
“ต่อให้ตาย ข้าก็จะลากเจ้าลงหลุมไปด้วยกัน!”
หวังเจวี๋ยฮ่วนสีหน้าดุร้าย ตวัดกระบี่ห้ำหั่น
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
เสียงปะทะถี่กระชั้นดังขึ้น ไม่ว่าหวังเจวี๋ยฮ่วนจะจู่โจมอย่างบ้าคลั่งเช่นไร ล้วนถูกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งของหลินสวินสลายการโจมตีและซัดถอยออกทุกครั้งไป
ไม่นานนักหวังเจวี๋ยฮ่วนก็กระอักเลือดไม่หยุด สีหน้าขาวซีด ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว
“คิดจะลากข้าลงหลุม ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่มีคุณสมบัติ”
ขณะพูดหลินสวินก็ก้าวไปในห้วงอากาศ องอาจดุจเทพเหนือโลกา กระบี่มรรคฟันลงมาอย่างกราดเกรี้ยว
เปรี๊ยะ!
กระบี่โบราณลายสนในมือหวังเจวี๋ยฮ่วนระเบิดออก เศษชิ้นส่วนปลิวว่อนในทันที
ตัวเขายังถูกฟันจนถอยกระเด็นออกไป กระแทกกับซากปรักหักพังที่อยู่ห่างไปร้อยจั้งอย่างแรง เลือดไหลไปทั้งตัว น่าอนาถเป็นที่สุด
บัดนี้ ‘บุตรฟ้าประทาน’ จากตระกูลหวัง ยักษ์ใหญ่อมตะอันดับหนึ่งผู้นี้ กลับสภาพน่าสังเวชจนทนดูไม่ได้
“ตาย!”
หวังเจวี๋ยฮ่วนส่งเสียงคำรามกราดเกรี้ยว
เขาพ่นมุกสีน้ำเงินเข้มเม็ดหนึ่งออกมาจากปากทันที เป็นมุกอสนีกาลเวลาเม็ดนั้นนั่นเอง แต่บัดนี้สมบัตินี้เหมือนเพลิงลุกโชน อบอวลไปด้วยกลิ่นอายอันตรายชวนผวา
หลินสวินพลันนัยน์หดรัด
ก็ตอนนี้เองศรเทพดอกหนึ่งกรีดผ่านเวิ้งฟ้า นำพาแสงแสบตาพุ่งทะลวงเข้ามาด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
ศรเทพนี้ว่องไวยิ่ง อานุภาพดุจอสนีสะเทือนเก้าชั้นฟ้า!
ปัง!
ก็เห็นว่าร่างของหวังเจวี๋ยฮ่วนถูกศรเดียวระเบิดกระจุย ฝนเลือดปะทุออกเหมือนดอกไม้ไฟ
หนึ่งศรสังหาร!
——