Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2864 สมบัติประหลาดอันน่าเหลือเชื่อ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2864 สมบัติประหลาดอันน่าเหลือเชื่อ
ตอนที่ 2864 สมบัติประหลาดอันน่าเหลือเชื่อ
ทะเลเมฆถาโถมราวกับไร้สิ้นสุด
ก้อนเมฆเหล่านี้รวมตัวขึ้นจากพลังระเบียบที่ผสมปนเปกัน สีสันสดใส งดงามพร่างพราย
ยามสังเกตเห็นแสงม่วงที่ฉายวาบนั้น หลินสวินยังนึกว่าเป็นภาพหลอน
ขณะที่เขากับหลี่เจินกำลังจะมุ่งหน้าต่อ
สวบ!
แสงม่วงนั้นฉายวาบในทะเลหมอกไกลลิบนั้นอีกครั้ง
คราวนี้ในที่สุดหลินสวินก็เห็นชัด แสงม่วงนั้นถึงกับเป็นน้ำเต้าม่วงที่วาววับโปร่งแสง ขนาดเท่าฝ่ามือใบหนึ่ง!
ศาตรามรรคที่ถือกำเนิดในแดนมารปฐพีหรือ
ขณะที่หลินสวินกำลังสัมผัสโดยละเอียด น้ำเต้าม่วงนั้นก็หายลับไปอีกครั้งแล้ว
“คล้ายจะเป็นสมบัติกายสิทธิ์ชิ้นหนึ่ง”
ตอนนี้หลีเจินก็สังเกตเห็นน้ำเต้าม่วงที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณนั้นเช่นกัน
ในอดีตก็เคยมีผู้เข้าร่วมศึกได้ศาตรามรรคที่ลึกล้ำยากหยั่งถึงจากแดนมารปฐพี อานุภาพแข็งแกร่ง น่าเหลือเชื่อเป็นที่สุด
หลินสวินเอ่ย “เช่นนั้นพวกเราก็รออีกหน่อย ดูว่านี่เป็นสมบัติเช่นไรกันแน่”
เวลาผ่านไปทีละน้อย
ผ่านไปครึ่งเค่อเต็มๆ แสงม่วงสายหนึ่งไหววูบ พุ่งออกมาจากทะเลเมฆ เป็นน้ำเต้าม่วงแวววาวใบนั้นนั่นเอง แล่นปราดไปในทะเลเมฆคล้ายปลาตัวหนึ่ง
“โอม!”
ความคิดหลินสวินขยับไหว พลันยื่นมือไปคว้ากลางอากาศ
การโจมตีนี้เขาใช้อภินิหารหยุดเวลาด้วย
แต่ที่เหนือคาดก็คือ น้ำเต้าม่วงนี้เหมือนรับรู้ถึงอันตราย สายฟ้าสีเขียวสายหนึ่งพุ่งออกมาจากปากน้ำเต้า เมื่อเสียงดังปังก็สลายการโจมตีนี้ของหลินสวินไป
จากนั้นน้ำเต้าม่วงก็ส่งเสียงร้องระลอกหนึ่ง บินวนกลางอากาศอยู่ครู่หนึ่งคล้ายท้าทาย
“สมบัติดี!”
หลีเจินตาเป็นประกาย “ลงมือด้วยกัน”
ขณะพูดเขาก็เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศมาเบื้องหน้าน้ำเต้าม่วงนั้นอย่างรวดเร็วแล้ว แขนเสื้อพัดโบก แสงมรรคเต็มฟ้าถักทอเป็นตาข่ายกฎเกณฑ์สีทองเจิดจ้าผืนหนึ่งครอบลงมาจากด้านบน
แสงเขียวแถบหนึ่งสาดออกมาจากพื้นผิวน้ำเต้าม่วง ประหนึ่งน้ำวนที่แปลงจากคมดาบดุดันแน่นขนัด ถึงกับกรีดตาข่ายนี้ได้อย่างง่ายดาย
ตูม!
แสงเขียวดุดันที่พวยพุ่งนั้นเคลื่อนกวาด ซัดจนเงาร่างหลีเจินยังสั่นโคลง ดูทุลักทุเลอยู่บ้าง จำต้องหลบออกไป
เขาหน้าเปลี่ยนสีอย่างอดไม่ได้ ยากจะเชื่อนัก สมบัติชิ้นหนึ่ง แต่กลับมีพลังถึงขั้นซัดขั้นดับเทพสัมบูรณ์อย่างเขาได้!
น้ำเต้าม่วงนี้ต้องเป็นยอดสมบัติระดับไหนกัน
หลินสวินที่อยู่ไกลออกไปก็ตกตะลึงเช่นกัน ก่อนหน้านี้น้ำเต้าม่วงนี้ก็ทำลายการโจมตีที่มีอภินิหารหยุดเวลาของเขาไปได้ มาตอนนี้ยังซัดหลีเจินออกไปอีก นี่น่าเหลือเชื่อมากจริงๆ
วู้ม…
น้ำเต้าม่วงพริบไหว มองเห็นว่ากำลังจะพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของทะเลเมฆแล้ว
ทันใดนั้นหลินสวินเคลื่อนตัวไปข้างหน้าทันที ใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกำราบ
แต่น้ำเต้าม่วงนี้กลับลื่นไหลยิ่งนัก เมื่อเสียงปังดังขึ้นก็แปลงเป็นเส้นสายฟ้าสีม่วงเรียวเล็กสายหนึ่งหลบการโจมตีนี้แล้วพุ่งออกไปไกล
หลินสวินยิ่งทึ่งแล้ว ไล่ตามไปทันที
สมบัติเช่นนี้ย่อมหายากหาใดเทียบ เหมือนมีสติปัญญา บังเอิญพบเจอได้แต่ไม่อาจร้องขอ เรียกได้ว่าเป็นมหาศุภโชคที่หายากชิ้นหนึ่ง
ตูม! ตูม! ตูม!
หลินสวินลงมือตลอดทางที่ไล่โจมตี ใช้วิชาลับผนึกทั้งปวง บ้างแปลงเป็นฝ่ามือปิดฟ้า บ้างควบรวมเป็นเจดีย์สมบัติ บ้างรังสรรค์เป็นภาพมรรคกระบวนผนึก…
ทะเลเมฆอันกว้างใหญ่นั้นถูกซัดจนยับเยิน สั่นสะเทือนรุนแรง พังถล่มแหลกสลาย
พลังเช่นนี้สังหารผู้แข็งแกร่งที่อยู่ระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดาย แต่ที่ทำให้หลินสวินประหลาดใจก็คือ น้ำเต้าม่วงนั้นดันหลบได้ทุกครั้งไป
มันก็เหมือนสายฟ้าสีม่วงที่ไม่กลัวกฎเกณฑ์มหามรรคใดๆ พริบวาบและหลบหนีไม่หยุด ลื่นไหลเป็นที่สุด ทำเอาหลินสวินยังพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลีเจินที่ไล่ตามมาตลอดทางเห็นดังนี้ก็อดตกตะลึงติดต่อกันไม่ได้ ยิ่งสงสัยใคร่รู้ถึงที่มาที่ไปของสมบัติชิ้นนี้
เวลาผ่านไปทีละน้อย
การไล่โจมตีครั้งนี้ดำเนินไปเกือบหนึ่งเค่อ ทะยานผ่านหลายสิบลี้
หลินสวินไม่ได้ลงมืออีก แต่ตามติดไม่ปล่อย
ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้เขาค่อนไปทางสงสัยใคร่รู้เรื่องน้ำเต้าม่วงนี้ ไม่ได้สนใจอะไรมาก เช่นนั้นตอนนี้ก็ถูกกระตุ้นความอยากเอาชนะ หมายจะกำราบมันโดยสมบูรณ์แล้ว!
ฮูม…
จู่ๆ น้ำเต้าม่วงที่หลบหนีไปไกลก็ส่งเสียงประหลาดระลอกหนึ่ง คล้ายกำลังเรียกอะไรอยู่
จากนั้นในส่วนลึกของทะเลเมฆไกลลิบพลันมีแสงเทพสีม่วงเป็นคลื่นกระหน่ำแถบหนึ่งอุบัติขึ้น ฉีกแหวกทะเลเมฆทั่วฟ้า ซัดเข้ามาทางหลินสวิน
วงตาดำของหลินสวินเผยแววประหลาด ใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งเข้าต้านทาน
ตูม!
ยามแสงเทพสีม่วงซัดเข้ามา ก็พลันแปลงเป็นสายอสนีขุ่นมัวแน่นขนัด ฟาดใส่เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งจนส่งเสียงหึ่งๆ
อานุภาพทำลายล้างบ้าคลั่งเช่นนั้นทำเอาหลินสวินยังสูดหายใจสะท้านอย่างอดไม่ได้ พลังจู่โจมเช่นนี้เทียบได้กับคนชั้นยอดอย่างชางฝูเฟิงได้แล้ว
แต่สุดท้ายการจู่โจมเหล่านี้ต่างก็สลายไปหน้าเตากระบี่
หลินสวินถึงได้เห็นว่าข้างๆ น้ำเต้าม่วงมีน้ำเต้าเขียวขนาดเท่าฝ่ามือ พร่าเลือนขุ่นมัวเพิ่มมาอีกใบหนึ่ง เหมือนโขกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน
หนึ่งม่วงหนึ่งเขียว ฝ่ายแรกแวววาวโปร่งแสง ฝ่ายหลังวูบไหวขุ่นทึบ อยู่เคียงกันบนทะเลเมฆก็เหมือนผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่วิเศษยิ่งยวดคู่หนึ่ง
สิ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นพิเศษก็คือ พลังที่น้ำเต้าม่วงปลดปล่อยออกมาคือสายฟ้าสีเขียวอันโชติช่วงอหังการ ส่วนพลังที่น้ำเต้าสีเขียวปลดปล่อยออกมากลับเป็นสายฟ้าสีม่วงขุ่นมัวอึมครึม
นี่จะมหัศจรรย์ไปแล้ว
ขนาดหลีเจินยังอึ้งอย่างอดไม่ได้ไปครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “นี่เป็นคู่กันหรือ”
ไกลออกไปน้ำเต้าม่วงคล้ายหาที่พึ่งพิงได้ ไม่หนีอีกแล้ว บินวนในทะเลเมฆ แสงเขียวไหลหลั่ง ท่าทางฮึกเหิมเหมือนจะโจมตีกลับ
บนน้ำเต้าสีเขียวก็มีกลิ่นอายทำลายล้างพร่าเลือนขุ่นมัวไหวเคลื่อนอยู่
“น่าสนใจ”
หลินสวินยิ้มออกมา ฝึกปราณมานานขนาดนี้ เขาเพิ่งได้เห็นคู่สมบัติประหลาดวิเศษขนาดนี้ ทั้งยังมหัศจรรย์ปานนี้เป็นครั้งแรก
ตูม!
ก็พบว่าน้ำเต้าม่วงเคลื่อนไหวพร้อมกับน้ำเต้าเขียวแล้ว
แสงเทพสีเขียวกับแสงเทพสีม่วงพุ่งออกมาจากปากน้ำเต้าแต่ละใบ หลอมรวมกันกลางอากาศ ถึงกับแปลงเป็นกระบี่เทพคู่หนึ่ง
กระบี่ม่วงขุ่นมัวหนาแน่น กระบี่เขียวแวววาวปราดเปรียว ปราณกระบี่ทั้งสองแกร่งกล้า ฉีกแหวกทะเลหมอก ทะลวงไปทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน!
เสียงครวญกระบี่ดังก้องในฟ้าดินอยู่รางๆ
หลีเจินเพียงรู้สึกเจ็บแปลบตามผิวหนัง อดหวาดหวั่นอย่างอดไม่ได้ เอ่ยว่า “ระวัง!”
ตอนที่สมบัติคู่นี้แยกกัน อานุภาพก็เรียกได้ว่าน่ากลัวแล้ว และเมื่อพวกมันลงมือพร้อมกันก็ระเบิดอานุภาพน่าครั่นคร้ามเหนือจินตนาการออกมา
กลิ่นอายเช่นนั้นถึงกับไม่ด้อยกว่าขั้นหลุดพ้น!
กลับพบว่าหลินสวินไม่หลบไม่หนี ยื่นมือขวาออกไแล้วกระดกนิ้วใส่น้ำเต้าม่วงและเขียว
ท้าทายยิ่งนัก
ตูม! ตูม!
ทันใดนั้นกระบี่เทพสองเล่มก็ฟันลงมา
กระบี่เขียวดุจนภาครามหมื่นกาลพร่าเลือน ปราดเปรียวและดุดัน กระบี่เดียวฟันออกมาคล้ายเวิ้งฟ้าครอบลงมา
ด้านกระบี่ม่วงเหมือนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ หนักแน่นและมั่นคง คล้ายเขตแดนไร้ขอบเขตถูกกระบี่นี้ตวัดขึ้น กวาดโจมตีให้สิ้นซาก
กระบี่สองเล่ม อานุภาพสองชนิด ยามฟันลงมาก็เหมือนฟ้าดินโจมตีพร้อมกัน หมายจะกำราบสังหารหลินสวินที่ยืนอยู่กลางฟ้าดิน!
น่าเหลือเชื่อจริงๆ
หลินสวินแขนเสื้อไหวกระพือ ผมดำปลิวสยาย สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ซัดเข้ามาเช่นกัน นี่เป็นกลิ่นอายอันตรายที่ขนาดชางฝูเฟิงก็ยังไม่อาจมอบให้เขาได้
และสิ่งนี้ทำให้ดวงตาหลินสวินเปลี่ยนเป็นเปล่งประกาย
เขาสำแดงประตูเนรเทศออกมาโดยไม่ลังเล!
ตูม!
รอยแยกมิติปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว แผ่ขยายหมื่นจั้ง บัดนี้ประตูเนรเทศที่เป็นดั่งประตูใหญ่สู่นรกเปิดออกแล้ว ลึกล้ำและพร่าเลือน
สวบ! สวบ!
ยามปราณกระบี่ที่มีอานุภาพน่าเหลือเชื่อทั้งสองสายฟันลงมา ก็ถูกประตูเนรเทศกลืนกินเงียบๆ ไม่ได้ทำให้เกิดวงคลื่นแม้สักนิด
ขณะเดียวกันน้ำเต้าม่วงและสีเขียวคล้ายรับรู้ได้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี ส่งเสียงคำรามลั่นหมายจะหนีไป
แต่กลับช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว
ก็พบว่าบริเวณที่ประตูเนรเทศปกคลุมอยู่ พลังมิติตัดประสาน ทำให้พวกมันเหมือนตกลงไปในบ่อโคลน และถูกพลังกลืนกินน่ากลัวที่ปลดปล่อยออกมาจากประตูเนรเทศฉุดลากให้เข้าไปภายในอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่นานนักก็หายลับไป
สำเร็จแล้ว!
หลินสวินยิ้มออกมามา
เดิมทีเขาแค่หมายตาน้ำเต้าม่วงใบนั้น จะคิดได้อย่างไรว่าสุดท้ายจะถึงกับมีน้ำเต้าเขียวเพิ่มขึ้นมาอีกใบหนึ่ง นี่เป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดฝันครั้งหนึ่งโดยไม่ต้องสงสัย ทั้งยังทำให้การโจมตีที่เขาเตรียมไว้นานแล้วนี้เก็บเอาสมบัติไปได้ทั้งสองชิ้น
เท่ากับเก็บมาได้อย่างสะดวกสบายยิ่ง!
นี่จะไม่ให้หลินสวินปรีดาได้อย่างไร
ลองถามตัวเองดู การเผชิญหน้ากับสมบัติน้ำเต้าคู่นี้ หากอาศัยพลังของตัวเองไปสยบแทบจะไม่มีความหวังเท่าไร พวกมันเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณ ไม่กลัวการโจมตีด้วยพลังกฎเกณฑ์ ขนาดเตากระบี่ยังทำอะไรพวกมันไม่ได้
ถ้าไม่ใช้ประตูเนรเทศย่อมไม่มีทางเก็บพวกมันได้อย่างง่ายดายปานนี้
“ระวัง!!”
ทันใดนั้นเสียงของหลีเจินก็ดังขึ้น เผยแววตกใจระคนโกรธ
แทบจะในเวลาเดียวกัน กลิ่นอายอันตรายเสียดกระดูกดุจดาบแหลมคมทำเอาหลินสวินตัวแข็งทื่อโดยพลัน เขาแทบจะทำตามสัญชาตญาณ เรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมาคุ้มกันรอบกาย
เคร้ง!!!
เตากระบี่ส่งเสียงสะเทือนรุนแรง พลังโจมตีน่ากลัวที่ดุดันหาใดเทียบแผ่กระจายออกมา ซัดจนเงาร่างหลินสวินยังโซเซ แทบจะกระอักเลือดออกมา
ก็เห็นทวนวงเดือนสีดำสนิทดุจน้ำหมึกเล่มหนึ่งกระแทกใส่เตากระบี่ ส่วนเจ้าของทวนวงเดือนก็คือชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาสวมชุดฟ้า หล่อเหลาดุจหยก โดดเด่นเหนือคนทั่วไป
เป็นเหวินเฉียวสุ่ย บุตรเทพของเผ่าเทพตระกูลเหวินนั่นเอง!
เพียงแต่ตอนนี้เหวินเฉียวสุ่ยไม่ได้มีบุคลิกสง่างามสุขุมดุจวารีแล้ว ทั้งตัวเขามีพลังกฎเกณฑ์อมตะเหมือนหน้าตำราหน้าแล้วหน้าเล่าโอบล้อมอยู่ หน้าตำราแต่ละหน้าต่างประทับลวดลายมหามรรคเร้นลับไม่อาจหยั่งถึง ขับให้บุคลิกของเขาเปลี่ยนเป็นเหมือนเทพผู้ควบคุมตำราสวรรค์!
พอเห็นว่าการโจมตีนี้ถูกหลินสวินสกัดเอาไว้ได้ เหวินเฉียวสุ่ยก็ทึ่งอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้ “สหายยุทธ์หลินไม่ธรรมดาดังคาด”
ตูม!
ขณะพูดทวนวงเดือนสีดำในมือเขาก็ซัดออกมาอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าทวนวงเดือนสีดำนี้ก็เป็นสมบัติล้ำเลิศชิ้นหนึ่ง ยาวหนึ่งจั้งสองฉื่อ หนาเท่าแขนเด็ก บนพื้นผิวดุจน้ำหมึกของทวนวงเดือนสลักคำว่า ‘เก้าแดน’ เอาไว้
ยามประกายคมทวนวงเดือนฟันออกมา ก็เหมือนฟ้าเบื้องบนลงดาบ คล้ายจะฟันแหวกฟ้าดิน ภูผาธารา สรรพชีวิต สิ่งต่างๆ ในโลกโดยสิ้นเชิง ดุดันจนน่าหวาดหวั่น
เพียงแต่คราวนี้หลินสวินเตรียมป้องกันไว้แล้ว จะถูกเล่นงานอีกครั้งได้อย่างไร
เขาหายใจเข้าออกลึกๆ เฮือกหนึ่ง ทั้งร่างเปล่งแสง แววตาเย็นเยียบจนน่ากลัว ระหว่างที่เตากระบี่เคลื่อนกวาดโจมตี ก็เรียกกระบี่มรรคออกมาแล้วฟันออกไปอย่างกราดเกรี้ยว
ทันใดนั้นทั้งสองก็เข้าห้ำหั่นกัน ทำให้พื้นที่รัศมีพันลี้แห่งนี้ระเบิดกระจุยฉับพลัน กลายเป็นความว่างเปล่า แสงเทพน่ากลัวแผ่ขยายม้วนตลบ ฟ้าดินยุ่งเหยิง ลมเมฆเปลี่ยนสี
สีหน้าเหวินเฉียวสุ่ยก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา
หลินสวินลงมือด้วยความโกรธ อานุภาพแข็งแกร่งเหนือกว่าที่เขาคาด ทำให้เขาต้องใช้พลังทั้งหมดถึงจะต้านการจู่โจมของอีกฝ่ายได้
แต่เพียงครู่เดียวหลินสวินก็นิ่วหน้า
ไม่ไกลนักหลีเจินถูกพุทธองค์สี่คนของลัทธิฌานล้อมโจมตีอยู่!
ควรรู้ว่าสี่พุทธองค์นี้อย่างขู่เสวียน ขู่จี้ เจวี๋ยเวินและเจวี๋ยเจินต่างมีรากฐานและพลังไม่ด้อยไปกว่าหลีเจิน เมื่อโจมตีพร้อมกันเต็มกำลังหลีเจินจะต้านรับได้อย่างไร
ทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายทันที!
——