Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2873 ความเดือดดาลของหยวนฉางเทียน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2873 ความเดือดดาลของหยวนฉางเทียน
ตอนที่ 2873 ความเดือดดาลของหยวนฉางเทียน
ที่มาพร้อมกับเสียงทะลวงอากาศคือเงาร่างของหลีเจิน
หยวนฉางเทียนอึ้งไปก่อนเป็นอันดับแรก อดมองด้านหลังหลีเจินไม่ได้ เมื่อเห็นว่าไม่มีคนอื่นอีกถึงผ่อนหายใจโล่งอก ก่อนจะยิ้มพูด “ผู้อาวุโสหลี เจ้ามาได้จังหวะพอดี!”
เขาดีใจ อย่างน้อยหลีเจินก็เป็นผู้อาวุโสของลัทธิแรกกำเนิด ในนามถือว่าเป็นพวกเดียวกับตน มีอีกฝ่ายอยู่ สามารถไปรั้งตัวจี้ซานไห่ไว้ได้
กลับเห็นหลีเจินเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ผู้อาวุโสหยวน หากเจ้าดึงดันจะชิงวาสนานี้ ข้าคนแซ่หลีก็ทำได้เพียงล่วงเกินแล้ว”
หยวนฉางเทียนอึ้งงัน ความดีใจบนใบหน้าหายไป ขมวดคิ้วกล่าว “เราล้วนมาจากลัทธิแรกกำเนิด หรือเจ้าคิดจะฆ่าพวกเดียวกันเอง”
หลีเจินเอ่ย “ข้ามาคราวนี้เพื่อชิงวาสนาให้หลินสวิน เหมือนกับความคิดของแม่นางซานไห่”
หยวนฉางเทียนสีหน้าอึมครึม หลินสวินอีกแล้ว!!
ไม่ว่าเขาจะนิสัยดีแค่ไหน จิตใจลึกล้ำแค่ไหน ตอนนี้ก็โกรธจนเส้นเลือดตรงหน้าผากเต้นตุบๆ เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสหลี สำหรับลัทธิแรกกำเนิด หากเจ้ากับแม่นางซานไห่ร่วมมือกันเล่นงานข้า นั่นคือการทรยศ เจ้ารู้จุดจบของการทำเช่นนี้หรือไม่”
หลีเจินกล่าว “เมื่อศุภโชคนี้ตกอยู่ในมือหลินสวิน สำนักก็จะรู้ว่าการกระทำของข้าไม่ใช่การทรยศ”
หยวนฉางเทียนหัวใจหนักอึ้ง ตระหนักได้ว่าไม่มีทางโน้มน้าวหลีเจินได้อีกแล้ว
“ตอนนี้เจ้าคิดจะรั้งอยู่ที่นี่ต่อหรือจากไป”
จี้ซานไห่ถาม
ในใจหยวนฉางเทียนเต็มไปด้วยความเดือดดาล เขาเป็นคนแรกที่พบศุภโชคนี้แท้ๆ แต่ตอนนี้กลับจะถูกผู้อื่นขับไล่บีบให้จากไป!
“ข้า….”
หยวนฉางเทียนเพิ่งหมายจะพูดอะไร หลีเจินก็เตือนด้วยความหวังดี “ผู้อาวุโสหยวน ชางฝูเฟิง เหวินเฉียวสุ่ยล้วนถูกหลินสวินกำราบแล้ว แม้เจ้ารอต่อไปก็มีแต่จะตกอยู่ในสถานการณ์โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง”
“พวกเขาพ่ายแพ้หลินสวินแล้วหรือ” หยวนฉางเทียนนัยน์ตาหดรัด
“ไม่ผิด ตอนที่พวกเขาพยายามทะลวงขั้นก็ถูกหลินสวินโจมตีจนพ่ายแพ้” หลีเจินดูจริงใจมาก
แต่คำตอบของเขากลับเหมือนดาบทุกคำ แทงใส่ใจของหยวนฉางเทียนอย่างรุนแรง ทำเอาเขาอึ้งงันอยู่ตรงนั้น
ไม่มีพวกชางฝูเฟิง เหวินเฉียวสุ่ย ในแดนมารสวรรค์แห่งนี้ใครจะยังสามารถขวางการร่วมมือของจี้ซานไห่และหลีเจินได้
ครู่เดียวหยวนฉางเทียนก็ตระหนักได้ถึงความย่ำแย่ของสถานการณ์แล้ว ใจร่วงหล่นวูบ
จบสิ้นแล้ว!
สวบ! สวบ!
เสียงทะลวงอากาศดังขึ้นอีกระลอก
เงาร่างของจิ่งจงเยวี่ย ถานหลิวอวิ๋นเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศเข้ามา
ยามสังเกตเห็นกลิ่นอายของขั้นหลุดพ้นที่แผ่ออกจากร่างของทั้งสอง ในใจหยวนฉางเทียนสะเทือนไหวรุนแรง ตั้งสติได้จากความเดือดดาลอย่างสิ้นเชิงแล้ว
เขาสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ท่าทางยอมจำนน ประสานหมัดกล่าว “ข้าคนแซ่หยวนขอลา”
เขาหมุนตัวจะจากไป
“ช้าก่อน”
จี้ซานไห่เอ่ยปาก
ขณะเดียวกันจิ่งจงเยวี่ยและถานหลิวอวิ๋นล้วนขวางอยู่ตรงหน้าหยวนฉางเทียนอย่างแนบเนียน
“แม่นางซานไห่ เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
ในใจหยวนฉางเทียนหนักอึ้ง
“วางใจ ขอเพียงแค่เจ้าให้ความร่วมมือจะไม่มีใครทำร้ายเจ้าแม้แต่ปลายเล็บ ทว่าก่อนที่ระเบียบระดับเทพนี้จะถูกเก็บไป เจ้าจะไปจากที่นี่ไม่ได้”
จี้ซานไห่สีหน้านิ่งสงบ น้ำเสียงราบเรียบ
หยวนฉางเทียนทั้งโกรธทั้งตกใจ “แม่นางซานไห่ ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นฝ่ายให้ข้าจากไป ตอนนี้กลับจะให้ข้าอยู่ต่อ เจ้าเห็นข้าหยวนฉางเทียนเป็นตัวอะไร”
ต่อให้จิตใจของเขาจะล้ำลึกแค่ไหน ตอนนี้ก็ไม่สามารถกดความเดือดดาลในใจได้อีก ถึงขั้นรู้สึกถึงความอับอายอย่างไม่เคยมีมาก่อน
เป็นถึงบุตรเทพตระกูลหยวน กลับถูกกระทำเช่นนี้ นี่เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน
จี้ซานไห่คล้ายไม่สนใจว่าหยวนฉางเทียนจะอัดอั้นเพียงใด เอ่ยเรียบๆ ว่า “เจ้าคงพอจะเดาออกแล้วว่าหลินสวินยังไม่ทะลวงขั้น หากให้เจ้าจากไปตอนนี้ หากไม่เป็นผลดีต่อหลินสวินจะทำอย่างไร”
เพื่อหลินสวินอีกแล้ว!!
ทันใดนั้นหยวนฉางเทียนแทบจะผรุสวาทออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ เหตุใดทุกคนจึงเหมือนทำเพื่อหลินสวิน หลินสวินมีดีขนาดนั้นเชียวหรือ
เขาเอ่ยด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว “เจ้าเป็นถึงผู้สืบทอดของลัทธิวิญญาณ ต่อให้ยินยอมมอบวาสนาชิ้นนี้ไป แต่ไม่กลัวถูกลัทธิวิญญาณกล่าวโทษหรือ”
สายตาจี้ซานไห่มองประทับสำริดกลางอากาศไกลๆ แล้วเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสหลีเจิน เชิญท่านไปเชิญหลินสวิน ให้เขารีบมาที่นี่”
หลีเจินพยักหน้าแล้วหมุนตัวจากไป
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่ว่าจะเป็นจี้ซานไห่หรือหลีเจิน ล้วนไม่สนใจหยวนฉางเทียน
ความรู้สึกที่ถูกมองข้ามเช่นนี้ทำให้หยวนฉางเทียนเองยังรู้สึกหน้าร้อนผ่าว ความเดือดดาลที่ไม่เคยมีมาก่อนพลุ่งพล่าน ราวกับภูเขาถล่มสมุทรซัดสาด เข้าโจมตีจิตใจของเขาอย่างบ้าคลั่ง
ทั้งตัวรู้สึกแย่ไปหมด…
“รังแกกันเกินไปแล้ว รังแกกันเกินไปแล้ว…” หยวนฉางเทียนพยายามระงับอารมณ์ของตน ไม่เช่นนั้นเขากังวลว่าตนจะระเบิดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ครู่ใหญ่หยวนฉางเทียนสูดหายใจลึก สีหน้าค่อยๆ คืนสู่ความสงบ
ภาพนี้อยู่ในสายตาของจิ่งจงเยวี่ยและถานหลิวอวิ๋น อดประหลาดใจไม่ได้ว่าเจ้าหมอนี่… ถึงกับความอดทนสูงเช่นนี้!
นี่ทำให้พวกเขายังชื่นชมเล็กน้อย
ในฐานะบุตรเทพของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลหยวน คนชั้นเลิศได้ว่าเย้ยฟ้า กลับมีความอดทนขนาดนี้ นี่ทำให้คนตกใจมากอย่างไม่ต้องสงสัย
“ในเมื่อไม่มีโอกาสของข้าคนแซ่หยวนแล้ว ข้าก็จะไม่ดึงดันต่อไป”
เสียงของหยวนฉางเทียนสงบนิ่งมาก “แต่ข้ากลับอยากดูนักว่าหลินสวินจะเอาระเบียบระดับเทพนี้ไปได้หรือไม่”
“ถ้าเอาไปได้เล่า”
จิ่งจงเยวี่ยถาม
หยวนฉางเทียนยิ้ม “เช่นนั้นย่อมดีกว่า อย่างไรข้ากับหลินสวินล้วนมาจากลัทธิแรกกำเนิด ให้เขาเอาวาสนาไป แม้ข้าจะไม่ยินยอมเท่าไร แต่ก็ต้องดีใจกับเขาถึงจะถูก”
“เสแสร้ง”
จี้ซานไห่วิจารณ์อย่างไม่ปิดบัง
เพียงสองคำกลับทำให้สีหน้าหยวนฉางเทียนชะงักค้าง จากนั้นพลันยิ้มขื่นส่ายหน้า
ไม่นานเงาร่างของหลินสวินกับหลีเจินก็ทะยานมาจากไกลๆ
ยามเห็นประทับสำริดที่ลอยอยู่ใต้เวิ้งฟ้า เหนือภูผาธาราไกลๆ หลินสวินยังอดหวั่นไหวไม่ได้ ระเบียบระดับเทพที่สมบูรณ์!
แต่ไม่ทันไรสายตาเขาก็มองไปทางหยวนฉางเทียน สีหน้าประหลาด เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสหยวน ได้ยินว่าท่านเป็นคนแรกที่พบศุภโชคชิ้นนี้ ต้องขอบคุณคุณธรรมอันสูงส่งของท่านที่เป็นฝ่ายเสียสละศุภโชคนี้”
พูดพลางยังประสานหมัดไปทางหยวนฉางเทียน
ความอัดอั้นและเดือดดาลที่หยวนฉางเทียนกดข่มลงไปในตอนแรกพลันพวยพุ่งแทบปะทุอีกครั้ง เขาพลันสูดหายใจลึก ฉีกยิ้มออกมาแล้วกล่าว “พี่หลิน หยุดเย้าข้าได้แล้ว ข้าคนแซ่หยวนยอมแพ้แล้ว รอหลังจากเจ้าเก็บระเบียบระดับเทพนี้ไป จะต้องเลี้ยงเหล้าข้าสักมื้อ”
หลินสวินก็ยิ้มเช่นกัน เอ่ยว่า “ข้าเพิ่งเข้าใจยามนี้ ที่ผู้อาวุโสหยวนพูดตอนแรกไม่ผิดจริงๆ ไม่อดทนเรื่องเล็กจะพลาดเรื่องใหญ่ ตอนนี้เวลานี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ผู้อาวุโสหยวนยังมีความอดทนเช่นนี้ ข้าคนแซ่หลินเลื่อมใสยิ่งนัก”
รอยยิ้มของหยวนฉางเทียนชะงักค้างไป เขาพยายามควบคุมความรู้สึกในใจตน ไม่เช่นนั้นจะต้องโกรธจนกระอักเลือดแน่
“หลินสวิน รีบเคลื่อนไหวเถอะ”
จี้ซานไห่เอ่ยเสียงเบา
สายตาของพวกหลีเจิน จิ่งจงเยวี่ย ถานหลิวอวิ๋นต่างมองไปยังหลินสวิน
หลินสวินคล้ายจะพูดอะไรแต่ก็หยุดไป เดิมทีเขาอยากถามว่าเหตุใดจี้ซานไห่จึงเลือกทำเช่นนี้ ทว่าไม่ทันไรเขาก็เหมือนพอจะเข้าใจแล้ว คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาถูกกลืนกลับไปอีกครั้ง
เขาเดินไปข้างหน้า
ระหว่างทางมา หลีเจินได้บอกเขาแล้วว่าการกำราบพลังระเบียบระดับเทพสายหนึ่งควรทำอย่างไร
หลินสวินยืนนิ่งๆ อยู่นาน กระทั่งยามจิตใจและความคิดล้วนว่างเปล่า ถึงปลดปล่อยพลังขับเคลื่อน มรรควิถีและเจตจำนงทั้งร่างออกมา
ชั่วขณะนี้พวกจี้ซานไห่ จิ่งจงเยวี่ยต่างตึงเครียดขึ้นมาน้อยๆ อย่างอดไม่ได้
พวกเขาฝึกปราณมาถึงตอนนี้ เป็นครั้งแรกที่เห็นศุภโชคที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีประสบการณ์กำราบระเบียบระดับเทพ
จึงไม่รู้ว่าหลินสวินที่ยังไม่ได้แจ้งมรรคขั้นหลุดพ้น จะได้รับการยอมรับของระเบียบระดับเทพนี้หรือไม่
หยวนฉางเทียนเองก็จับตามองอยู่เช่นกัน
ในใจเขาแน่นอนว่าย่อมไม่อยากให้หลินสวินได้ระเบียบระดับเทพนี้
เวลาค่อยๆ ผ่านเลยไป
หลินสวินยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ ใต้ฟ้าไกลๆ ระเบียบระดับเทพที่รูปร่างเหมือนประทับสำริดนั่นไม่มีการเปลี่ยนแปลงสักนิด
เพียงแต่คิ้วของหลินสวินกลับค่อยๆ ขมวดขึ้น
เขาสัมผัสได้ถึงการต่อต้าน!
กลิ่นอายระเบียบที่ประทับสำริดแผ่ออกมา กำลังปฏิเสธและต่อต้านกลิ่นอายของเขาโดยตลอด!
“วิธีนี้ไม่ไหว”
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นหลินสวินก็เอ่ยปาก
ทุกคนประหลาดใจ ไม่ไหวหรือ
ความดีใจวาบผ่านนัยน์ตาหยวนฉางเทียน เอ่ยว่า “พี่หลิน เจ้าเป็นถึงคนที่ครอบครองศักยภาพแฝงแห่งยอดอมตะ จะบอกว่าตนไม่ไหวได้อย่างไร ถึงอย่างไรก็ยังมีเวลาอีกมาก ไม่สู้ลองดูอีกครั้งเล่า”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา ทำเอาพวกหลีเจินถลึงตามองด้วยความโกรธ พวกเขาจะฟังแววเยาะเย้ยในน้ำเสียงของหยวนฉางเทียนไม่ออกได้อย่างไร
กลับเห็นหลินสวินยิ้มเอ่ยว่า “ที่ผู้อาวุโสหยวนพูดไม่ผิด มหาศุภโชคที่หายากเช่นนี้ไม่มีทางที่จะได้มาง่ายๆ ขนาดนั้น”
ขณะกล่าวเขาทะยานขึ้นห้วงอากาศ ยืนอยู่ใต้เวิ้งฟ้า พลังขับเคลื่อนทั่วตัวปลดปล่อยออกมาโดยพลัน
ครืน!
รอบตัวเขาส่องแสง กลิ่นอายราวหุบเหวทะลวงเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน วงแหวนเทพอมตะด้านหลังส่องสะท้อน รูปจำลองเจตจำนงอันยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตหนึ่งนั่งบัญชาอยู่ภายใน
ชั่วขณะนี้เขาปลดปล่อยมรรควิถีแห่งตนถึงขีดสุด ไม่ยั้งมือสักนิด กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างทำเอาฟ้าดินอับแสง ภูผาธาราสั่นไหว
ต่อให้แจ้งมรรคขั้นหลุดพ้นแล้ว ยามพวกจี้ซานไห่ จิ่งจงเยวี่ย หลีเจินสัมผัสถึงกลิ่นอายที่หลินสวินปลดปล่อยออกมา ก็ยังรู้สึกสะเทือนไหวอย่างอดไม่ได้!
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
นี่ก็คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นอย่างแท้จริงของอานุภาพยอดอมตะหรือ
แม้แต่หยวนฉางเทียนยังนัยน์ตาหดรัดอย่างไม่อาจควบคุม ในใจมีเพียงความคิดเดียว โชคดีที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ปะทะแตกหักกับหลินสวิน ไม่เช่นนั้นในการต่อสู้ในระดับขั้นเดียวกัน คนที่แพ้คงจะเป็นตน…
ครู่ต่อมาภายใต้สายตาของทุกคน หลินสวินยื่นมือไปคว้ากลางอากาศ
หัวใจทุกคนล้วนแขวนลอย นี่เขาจะฝืนกำราบระเบียบระดับเทพหรือ
ตูม!
ประทับสำริดเริ่มส่งเสียงดังลั่น ละอองแสงระเบียบอันแน่นขนัดนับไม่ถ้วนแผ่พุ่ง อานุภาพนั่นน่าสะพรึงเกินไปแล้ว ทำให้ฟ้าดินแถบนี้ล้วนมีสัญญาณทรุดทลาย!
พวกจี้ซานไห่แข็งทื่อไปทั้งตัว หากพลังของระเบียบระดับเทพปะทุออกมา ต่อให้พวกเขามีมรรควิถีขั้นหลุดพ้นก็ต้านทานไม่อยู่
ทว่า…
เมื่อฝ่ามือนี้ของหลินสวินร่วงลงไป ประทับสำริดที่เดิมทีส่งเสียงดังลั่นรุนแรงกลับเปลี่ยนเป็นสงบลง ไม่เกิดการต่อต้านและการปะทะใดๆ ก็ถูกพลังฝ่ามือของหลินสวินควบคุมแล้ว
ฟุ่บ!
ครู่ต่อมาประทับสำริดก็พุ่งเข้าสู่ฝ่ามือของหลินสวิน มันขนาดประมาณกำปั้น แสงประกายหนาแน่น ตอนนี้เห็นชัดว่าเชื่องอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
การเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วเกินไป ทำเอาพวกจี้ซานไห่ต่างอึ้งงัน ยากจะเชื่อ
กำราบไปเช่นนี้หรือ!?
หยวนฉางเทียนเองยังแทบสะดุ้งตัวโยน นี่เป็นไปได้อย่างไร
เหตุใดระเบียบระดับเทพจึงถูกกำราบง่ายๆ เช่นนี้
เช่นนั้นหากก่อนหน้านี้ตนทำเหมือนหลินสวิน ระเบียบระดับเทพนี้ก็จะถูกตนช่วงชิงมาได้ใช่หรือไม่
ความรู้สึกไม่ยินยอมที่พูดไม่ออกพุ่งโจมตีจิตใจของหยวนฉางเทียน ทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนเป็นย่ำแย่และแปลกประหลาดอย่างไม่อาจควบคุมได้ แค้นจนกัดฟันกรอดแล้ว
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!!?
………………….