Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2885 เคราะห์สังหารล้นฟ้า ไม่อาจหลุดพ้น
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2885 เคราะห์สังหารล้นฟ้า ไม่อาจหลุดพ้น
ตอนที่ 2885 เคราะห์สังหารล้นฟ้า ไม่อาจหลุดพ้น
ฟ้าดาราพลิกตลบ ห้วงอากาศปั่นป่วน
การมาของคงเจวี๋ยทำให้โลกที่เหมือนนรกนั้นพังทลาย
เคราขาวของเจียหนานพลิ้วไหว นัยน์ตาวาวโรจน์ มือถือคทาสมประสงค์เจ็ดสมบัติ ราวกับเจอศัตรูตัวฉกาจ
ก่อนหน้านี้เขามีเมตตาและเคร่งขรึม เหมือนนายเหนือหัวผู้ปกครองฟ้าดิน ตั้งแต่ต้นจนจบควบคุมการต่อสู้ได้อยู่หมัด
แต่ตอนนี้ยามเผชิญหน้ากับคงเจวี๋ย สีหน้าเขากลับจริงจังขึ้นมา
“ได้ยินชื่อเสียงของสหายยุทธ์มานาน วันนี้หากได้ประลองกันย่อมเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง”
เจียหนานพนมมือ แสงธรรมทั่วร่างอบอวลพลุ่งพล่าน ส่องสะท้อนฟ้าดารา
“สำหรับข้า การสู้กับภิกษุอย่างเจ้ากลับทำให้ข้ารู้สึกอับอาย”
คงเจวี๋ยเก็บรอยยิ้มไป นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเฉยชา กลิ่นอายทั้งตัวล้วนเปลี่ยนเป็นน่าพรั่นพรึงราวกระบี่ไร้เทียมทาน
“สหายยุทธ์หมายความว่าอย่างไร”
เจียหนานไม่ได้โกรธ กลับเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เจ้าอย่าเข้าใจผิด ข้าแค่ไม่ชอบคนของลัทธิฌานอย่างพวกเจ้า”
คงเจวี๋ยกล่าว
เจียหนานพูดเรียบๆ “บนโลกนี้ผู้ที่ไม่ชอบลัทธิฌานของข้ามีไม่น้อย เพิ่มสหายยุทธ์สักคนจะเป็นไร”
คงเจวี๋ยเหยียดกายเล็กน้อย ถอนหายใจยาวพลางกล่าว “เริ่มเลยเถอะ อย่าให้ศิษย์หลานของข้ารอจนร้อนรน”
เขาสาวเท้ายาวไปข้างหน้า
ทุกย่างก้าวฟ้าดาราพลันทรุดตัวเป็นแผ่นๆ อานุภาพบนตัวเพิ่มขึ้นอีกช่วงใหญ่ เมื่อมองจากไกลๆ ราวกับกระบี่เทพไร้เทียมทานเล่มหนึ่งกำลังออกจากฝัก เผยคมประกายเหมือนจะกำราบปวงสวรรค์!
เมื่อเห็นคงเจวี๋ยสาวเท้าก้าวใหญ่มาเช่นนี้ คิ้วของเจียหนานสั่นไหวเล็กน้อย เขาสูดหายใจลึกทันที สะบัดคทาสมประสงค์เจ็ดสมบัติในมือออกมาเบาๆ
วู้ม!
ประทับธรรมสว่างไสวไพศาลควบรวมกัน บนนั้นสลักคัมภีร์อดีตไร้ขอบเขต เสียงสวดท่องธรรมดังสนั่น สาดส่องฟ้าดาราราวกับแสงนิรันดร์
ประทับอดีตไร้ขอบเขต!
อานุภาพนั้นแข็งแกร่งถึงขั้นเกริกก้องชั่วกาล!
เผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ คงเจวี๋ยเหวี่ยงหมัดออกไปตรงๆ
ตูม!
ฟ้าพลิกดินตลบ สุริยันจันทราหม่นแสง
ประทับอดีตไร้ขอบเขตที่อบอวลด้วยกลิ่นอายนิรันดร์นั้นถูกหมัดเดียวซัดทลาย แสงกาลเวลาระเบิดกระจุยดุจสายฝน พร่างพรายละลานตา
หมัดเดียวเรียบง่ายดุดัน
คงเจวี๋ยมุ่งหน้าต่อไป เงาร่างผอมสูงกร้าวแกร่งเด่นตระหง่านยิ่งกว่าเดิม
เจียหนานไม่หยุดมือเช่นกัน คทาสมประสงค์เจ็ดสมบัติส่งเสียงครวญใส ควบรวมประทับกฎเกณฑ์ชั้นแล้วชั้นเล่าออกมา มีประทับอมิตา ประทับมหาสถามปราปต์ ประทับแก้ววิทยราช ประทับบัวแก่นอัศจรรย์ ประทับธรรมสถูป ประทับมหาเมตตาไร้ขอบเขต…
ประทับกฎเกณฑ์แต่ละอย่างล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายนิรันดร์ที่แตกต่างกัน ประทับกลิ่นอายไร้เทียมทาน ในความรางเลือนยังมีพลังกฎระเบียบพลุ่งพล่านอยู่ภายใน ชวนประหวั่นถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ
หลินสวินกับฟางเต้าผิงเห็นแล้วตกตะลึงอย่างบอกไม่ถูก รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของระดับนิรันดร์
นี่เป็นแค่รูปจำลองเจตจำนงเท่านั้นยังครอบครองอานุภาพอัศจรรย์เช่นนี้ ถ้าร่างต้นของเขาออกโรง อานุภาพนั้นจะน่ากลัวระดับใด
ตูม! ตูม! ตูม!
เผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ การโต้กลับของคงเจวี๋ยดุดันเรียบง่ายอย่างยิ่ง ออกหมัด ออกหมัด และออกหมัด!
ทุกหมัดที่ซัดออกไปจะมีประทับกฎเกณฑ์หนึ่งถูกทำลาย!
เสียงระเบิดทึบหนักและน่ากลัวดังก้องทันที หมอกแสงโหมกระหน่ำม้วนพัดออกมาราวแม่น้ำใหญ่ เกิดลักษณ์ประหลาดน่าเหลือเชื่อนับไม่ถ้วน
เงาร่างของคงเจวี๋ยค่อยๆ เข้าใกล้เจียหนานแล้ว
อานุภาพของเขายิ่งใหญ่นัก เหมือนคมดาบไร้เทียมทานที่ฝุ่นฝังกลบมานานปรากฏตัวบนโลก เปล่งประกายเจิดจรัส ไม่มีสิ่งใดต้านทานได้ เดินหน้าอย่างง่ายดายตลอดทาง!
เจียหนานไม่ได้ถอย พลังขับเคลื่อนของคงเจวี๋ยจับจ้องเขาไว้มั่น ขอเพียงเขาเผยความคิดล่าถอยแม้เศษเสี้ยว กลับเป็นว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายยิ่ง
เมื่อเห็นคงเจวี๋ยเดินใกล้เข้ามา สีหน้าเจียหนานเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม
เขาพนมมือเหมือนเข้าฌาน
เงาร่างชราของเขาพลันปรากฏเพลิงธรรมโปร่งแสงหลากสาย ใสสะอาดเหมือนเครื่องแก้ว เจือกลิ่นอายแห่งมหาปัญญา บริบูรณ์ ปณิธานแน่วแน่
ไม่คำนึงถึงความเป็นตาย
ใช้กายธรรมสังเวยมรรค!
ตูม!
คทาสมประสงค์เจ็ดสมบัติตรงหน้าเขาส่งเสียงกัมปนาท คล้ายสูบพลังรูปจำลองเจตจำนงของเจียหนานไปจนหมด กระทั่งสมบัตินี้ส่องประกายโชติช่วง แสงเทพเจ็ดอย่างพุ่งวาบออกมา
ในลัทธิฌาน เจ็ดสมบัติคือทอง เงิน ปะการัง เครื่องแก้ว สังขศิลา ไข่มุกแดง หินโมรา สื่อถึงนัยเร้นลับมรรคธรรมทั้งเจ็ดอย่างสติปัญญา ความกล้า ความมุ่งมั่น ปราบสิ่งชั่วร้าย มิ่งมงคลเป็นต้น
คทาสมประสงค์เจ็ดสมบัติหลอมจากเจตวัตถุฟ้าประทานเจ็ดอย่างที่ก่อเกิดในระเบียบระดับเทพ ภายในแฝงพลังแห่งกฎระเบียบ
ยามนี้เจียหนานใช้เพลิงพิสุทธิ์จรัสแสงผลาญพลังของรูปจำลองเจตจำนงมากระตุ้นคทาสมประสงค์เจ็ดสมบัติ แสงเทพเจ็ดอย่างที่ปะทุออกมาเปี่ยมพลังกฎระเบียบ!
เห็นชัดว่าคงเจวี๋ยบีบเจียหนานจนต้องทุ่มสุดตัว คิดใช้วิธีนี้มาพลิกสถานการณ์แล้ว!
ตูม!
แสงเทพเจ็ดอย่างพุ่งออกมาเหมือนหางนกยูงเจ็ดสีแผ่สยาย เสียงศาสตราจิตดังกังวานเหมือนทะลวงทองทลายหิน ฟาดฟันไปทางคงเจวี๋ย
แค่มองจากไกลๆ จิตวิญญาณ สภาวะจิต กายมรรคของหลินสวินกับฟางเต้าผิงก็รู้สึกปวดแสบเหมือนถูกแหวกผ่าพร้อมกัน ล้วนหน้าเปลี่ยนสีทันที
ไม่ต้องสงสัยสักนิด หากการโจมตีนี้มุ่งเป้ามาทางพวกเขา ไม่มีแรงแม้แต่ตั้งกระบวนท่าก็คงถูกกำจัดในพริบตา!
เวลานี้คงเจวี๋ยยืนนิ่งในที่สุด
ตั้งแต่เขาเริ่มลงมือ ถึงตอนนี้ที่หยุดยืน รวมแล้วสี่สิบเก้าก้าว อานุภาพบนตัวเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสี่สิบเก้าก้าวนี้
ถึงตอนนี้ทั้งตัวเขาล้วนส่องประกายไปทั้งแถบ อานุภาพกดทับดาวบนฟ้า!
ยามยืนนิ่งแขนเสื้อเขาโบกพัดเบาๆ สง่างามโดดเด่นราวกับเซียนเหนือเมฆ
ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกมาทันที เพิ่มความงามและอัศจรรย์ที่ไม่อาจบรรยายแก่ฟ้าดาราแถบนี้
เวลาเหมือนหยุดนิ่ง มีเพียงปราณกระบี่สายหนึ่งเผยประกายในกาลนิรันดร์
สั่งสมพลังสี่สิบเก้า
เพื่อฟันแค่กระบี่เดียว!
ปัง!
แสงเทพเจ็ดสายที่เหมือนหางนกยูงน่ากลัวระดับใด แต่ยามนี้กลับเหมือนเงาอากาศดุจภาพมายา ถูกกระบี่เดียววาดกวาดแหลกละเอียด ละอองแสงสวยสดงดงามระเบิดกระจาย
กระบี่เดียว ฟ้าดาราราวถูกทะลวง กฎระเบียบฟ้าดินล้วนถูกสะบั้น แบกรับอานุภาพกระบี่นี้ไม่ไหว!
หลินสวินกับฟางเต้าผิงล้วนอึ้งงัน แววตาเหม่อลอย ไม่อาจดึงสติกลับมาเนิ่นนาน
นี่คือกระบี่อะไร
แข็งแกร่งถึงขั้นล้มล้างความเข้าใจและเหนือความคาดหมาย ไม่ใช่สิ่งที่โลกนี้สมควรมีได้!
ตูม โครม…
ฟ้าดาราพลิกตลบ วัฏจักรกว้างใหญ่นี้พังทลายนานแล้ว มีเพียงพลังทำลายล้างม้วนซัดพลุ่งพล่าน กระทั่งผ่านไปนานจึงกลับสู่ความสงบช้าๆ
ที่นี่กลายเป็นฟ้าดาราพังทลายเหมือนแดนรกร้างและซากปรักหักพังแห่งหนึ่งแล้ว
คงเจวี๋ยหล่อเหลาสุภาพราวเด็กหนุ่ม ร่างตระหง่านดุจกระบี่ยืนอยู่ตรงนั้น น้ำเต้าสุราข้างเอวเขาถูกปลดออกมา กำลังเงยหน้าขึ้นดื่มอย่างหนัก อหังการไร้กฎเกณฑ์
ครู่ใหญ่เขาจึงขยับปากกล่าว “ที่แท้การโจมตีสุดท้ายนี้เจ้าไม่ได้สู้สุดชีวิต แต่จะส่งคทาสมประสงค์เจ็ดสมบัตินั้นจากไป ภิกษุ เจ้าคิดว่าข้าอยากได้หรือ”
น้ำเสียงเจือแววหยามเหยียด
ห่างจากเขาไปไม่ไกล รูปจำลองเจตจำนงของเจียหนานยังรักษาท่าทางพนมมือไว้ แต่ผิวกายเขากลับเผยรอยแยกเล็กบางนับไม่ถ้วนเหมือนใยแมงมุม
“สหายยุทธ์ไม่ต้องการ แต่ลัทธิฌานของข้ากลับต้องการสมบัตินี้ ไม่อาจสูญเสียไปได้ มิฉะนั้นข้าจะกลายเป็นคนบาปของสำนักตลอดกาล”
เสียงของเจียหนานราบเรียบ ขณะกล่าวเขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตามองข้ามคงเจวี๋ยไปทางหลินสวินที่อยู่ห่างไกลพลางกล่าว
“เด็กคนนี้เหมือนเจ้าแห่งคีรีดวงกมลจริงๆ”
น้ำเสียงเจือความทอดถอนใจ เผยนัยยากอธิบาย
คงเจวี๋ยส่ายหัว “ความสำเร็จของเขาต้องเหนือกว่าอาจารย์เขาแน่ ปีนั้นพี่ใหญ่ของข้าคนนั้นเคยบอกว่าศิษย์ไม่จำเป็นต้องสู้อาจารย์ไม่ได้ เขาเฝ้ารอมาชั่วกาล ด้วยต้องการรอคนรุ่นหลังซึ่งเก่งกาจกว่าคนรุ่นก่อน ผู้ซึ่งทำลายยอดมรรคาได้อย่างแท้จริง”
นัยน์ตาเจียหนานฉายแววประหลาด “มรรคนี้เคราะห์สังหารล้นฟ้า ไม่อาจหลุดพ้น”
เมื่อพูดจบ
กร๊อบ!
รูปจำลองเจตจำนงของเขาพังทลายเป็นเถ้าถ่านลอยล่องไปทั้งหมด
“ไม่อาจหลุดพ้นหรือ นั่นเป็นแค่ข้ออ้างของพวกไร้ความสามารถอย่างเจ้าเท่านั้น”
คงเจวี๋ยยิ้มพลางส่ายหัว
เขาหันกลับมามองพวกหลินสวินกับฟางเต้าผิง เผยรอยยิ้มสดใสพลางกล่าวทันที “รอนานแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
ไท่เสวียนกล่าว “มีเจ้าอยู่ ข้าก็วางใจแล้ว”艾琳小說
รูปจำลองเจตจำนงที่เลือนรางไม่เหลือสภาพของเขาเลื่อนลอยและหายไปตามเสียง
“ขอบคุณผู้อาวุโส”
หลินสวินประสานมือคำนับไปยังตำแหน่งที่ไท่เสวียนหายไป
ตอนนั้นยามอยู่แหล่งสถานศุภโชคก็เป็นรูปจำลองเจตจำนงของไท่เสวียนที่คอยคุ้มกันตลอดทาง จึงทำให้เขามาถึงเมืองเทพศุภโชคได้อย่างปลอดภัย
ในวันนี้ก็เป็นรูปจำลองเจตจำนงของไท่เสวียนที่ออกหน้า ต้านการสังหารของ ‘พุทธอดีต’ เจียหนานได้ทันเวลา
การใช้รูปจำลองเจตจำนงสองร่างในเวลาอันสั้นไม่กี่สิบปี ต้องนำพาความเสียหายไม่อาจประเมินมาสู่มรรควิถีในร่างต้นของไท่เสวียนแน่
สิ่งที่เขาจ่ายออกไปมากมายอย่างยิ่ง!
“นับวันน้องไท่เสวียนยิ่งมีอนาคตแล้ว”
คงเจวี๋ยยิ้มทอดถอนใจ เขาเป็นผู้นำกลุ่มผู้แข็งแกร่งกลุ่มแรกก้าวผ่านฟ้าดาราช่วงต้นดึกดำบรรพ์ รู้จักกับไท่เสวียนเมื่อนานมาแล้ว
“อาจารย์อา สภาวะจิตของท่านซ่อมแซมสมบูรณ์แล้วหรือ”
หลินสวินถาม
คงเจวี๋ยส่ายหัว “ประเดี๋ยวได้สติประเดี๋ยววิกลจริต สภาวะจิตนี้ซ่อมยากจริงๆ”
หลินสวินอึ้งไป “แต่อาจารย์อาแจ้งมรรคนิรันดร์แล้ว ทำไมสภาวะจิตถึงมีปัญหาอีก”
คงเจวี๋ยเบะปากกล่าวอย่างจนปัญญา “คิดการใหญ่เกินไป ทะเยอทะยานยิ่งนัก นึกถึงแต่ความเป็นยอดของระดับนี้ สภาวะจิตมีหรือจะไม่เกิดปัญหา ถ้ารู้ว่าเป็นเช่นนี้ข้าคงไม่ยอมแน่ ก็เหมือนไท่เสวียน หลายปีนี้ก็ขังตัวเองอยู่ในการปิดด่านไม่ใช่หรือ ต่อสู้กับตัวเองถึงตอนนี้ก็หลุดออกมาไม่ได้ สภาวะจิตของข้าก็ไม่ต่างกัน”
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง
เขาไม่เข้าใจ ทั้งรู้ว่าถามไปก็เท่านั้น ปัญหาเกี่ยวกับสภาวะจิต ต่อให้เขารู้ก็ช่วยอะไรไม่ได้
แต่อย่างน้อยตอนนี้คงเจวี๋ยก็ได้สติ นี่ทำให้หลินสวินดีใจมากแล้ว
หวนนึกถึงปีนั้นยามเจอคงเจวี๋ยครั้งแรก เขาน่าอนาถยิ่งกว่าขอทานข้างถนน สับสนงงงวย อึ้งงันเหม่อลอย พาให้คนปวดใจ
“เอ๊ะ!”
ยามคงเจวี๋ยกำลังคิดจะพาหลินสวินกับฟางเต้าผิงจากไป กลับเหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เขาหยุดเท้าแล้วหันหน้ามองไปยังที่ไกลออกไป
ตูม!
เกือบจะเวลาเดียวกันกลิ่นอายนิรันดร์น่าหวาดกลัวไร้ขอบเขตพุ่งมาแต่ไกล อานุภาพเดือดพล่าน ราวกับดวงตะวันเคลื่อนขวาง
“ฮ่าๆๆ ในที่สุดข้าก็ตามทันแล้ว!”
ผู้มาเยือนคือหยวนซวีคุนนั่นเอง เขาหัวเราะเสียงดังอย่างอหังการ แต่เมื่อสายตากวาดมองโดยรอบกลับขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ สังเกตเห็นความผิดปกติทันที
เห็นชัดว่าที่นี่เพิ่งผ่านศึกใหญ่ชวนประหวั่นมา!
จากนั้นสายตาเขามองไปยังที่ห่างไกล
คงเจวี๋ย หลินสวิน ฟางเต้าผิงล้วนยืนอยู่ตรงนั้น ทุกคนกำลังมองเขาเงียบๆ ไม่ได้แสดงอาการใดๆ ทั้งไม่หวาดกลัวด้วย
นี่ทำให้หยวนซวีคุนนึกสงสัย สายตามองไปทางคงเจวี๋ยทันที “เจ้าเป็นรูปจำลองเจตจำนงของใคร ไท่เสวียนเล่า”
“ไท่เสวียนหายไปแล้ว”
คงเจวี๋ยยิ้มสดใส “ส่วนข้ามีนามว่าคงเจวี๋ย คงเจวี๋ยจากคำว่าเป็นหนึ่งในประวัติการณ์”
หยวนซวีคุนขมวดคิ้วใคร่ครวญครู่หนึ่ง “ข้าเหมือนเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่กลับจำไม่ได้ โลกยอดนิรันดร์มีระดับนิรันดร์อย่างเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่”
“อ้อ ข้าเพิ่งแจ้งมรรคนิรันดร์เมื่อไม่กี่ปีก่อน เจ้าไม่รู้ก็ปกติ”
สายตาคงเจวี๋ยประเมินหยวนซวีคุนตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางกล่าว “เจ้ามาได้จังหวะมาก ตอนนี้ไม่สู้ส่งเจ้าไปลงนรกด้วยเป็นอย่างไร”
………………………