Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2913 ประลองกับไท่เสวียน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2913 ประลองกับไท่เสวียน
ตอนที่ 2913 ประลองกับไท่เสวียน
รอบบริเวณเงียบกริบ
ยามเห็นเงาร่างของทุกคนนอกลาน ใบหน้าชราของรองหัวหน้าหอเจ็ดคนอย่างพวกเสวียนเฟยหลิง ตู๋กูยงร้อนผ่าวไปวูบหนึ่ง ทำตัวไม่ถูกอยู่บ้างแล้ว
นี่แม่งถูกเห็นหมดแล้ว!
เสวียนเฟยหลิงไอแห้งๆ คราหนึ่ง กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้พวกข้าถกมรรคแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับรองหัวหน้าหอหลิน ไม่คิดเลยว่าจะสะเทือนไปถึงพวกเจ้า ตอนนี้… แยกย้ายกันได้แล้ว”
ทุกคนรอบบริเวณสีหน้าแปลกประหลาด ล้วนออกไปอย่างรู้ความยิ่ง
เพียงแต่ในใจทุกคนล้วนปั่นป่วนโหมกระหน่ำ เนิ่นนานก็ไม่อาจสงบลงได้
เป็นการถกมรรคแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบไหนกัน ถึงทำให้รองหัวหน้าหอเจ็ดคนร่วมกันลงมือจัดการรองหัวหน้าหอหลินคนเดียว
รองหัวหน้าหอหลินปิดด่านห้าสิบห้าปี พลังต่อสู้เปลี่ยนแปลงถึงขั้นน่าเหลือเชื่อเช่นนี้แล้วหรือ
นี่ทำเอาผู้คนสะท้านสะเทือนเกินไปแล้ว!
มองส่งเงาร่างของทุกคนหายลับไป พวกเสวียนเฟยหลิงสบตากันปราดหนึ่ง ล้วนยิ้มขื่นส่ายหน้าไม่หยุด
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พูดถึงแค่ด้านพลังต่อสู้อย่างเดียว ในหมู่รองหัวหน้าหอมีหลินสวินเป็นอันดับหนึ่ง”
ตู๋กูยงทอดถอนใจ
เป็นเขาที่ออกปากขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหลินสวิน เป้าหมายก็เพราะอยากทดสอบดูว่าความแข็งแกร่งของหลินสวินจะแกร่งแค่ไหนกันแน่
แต่จนกระทั่งการต่อสู้ปิดฉาก เขาถึงตระหนักได้อย่างลึกซึ้งว่าต่อให้รองหัวหน้าหอเจ็ดคนอย่างพวกเขาลงมือด้วยกันสุดพลัง ก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้เด็ดขาด
ถึงขั้นที่หากไม่ใช่เพราะหลินสวินบอกว่า ‘ยุติไว้เพียงเท่านี้’ ได้ทันเวลา เฒ่าชราอย่างพวกเขาเกรงว่าคงจะพ่ายแพ้ยับเยินแล้วเป็นแน่!
“เฮ้อ มีชีวิตอยู่นานแล้วอย่างไร เมื่อเทียบกับเจ้าหลินสวิน ความแตกต่างก็เหมือนหญ้าป่าบนพื้นดินกับตะวันใหญ่กลางฟ้าชัดๆ”
“ฝึกปราณจนตอนนี้ ข้าเพิ่งตระหนักอย่างแท้จริงว่ามีชีวิตอยู่นานก็ใช่ว่าจะยิ่งแข็งแกร่ง”
เห็นว่าเฒ่าชราทั้งกลุ่มต่างพากันทอดถอนใจ สีหน้าซับซ้อน หลินสวินพลันรู้สึกทำตัวไม่ถูก กล่าวว่า “ผู้อาวุโสทุกท่าน อย่าดูถูกตัวเองเป็นอันขาดเชียว หาไม่ก็จะทำให้ข้าหนักใจแล้ว ”
เสวียนเฟยหลิงหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา “ทุกท่าน อย่าตัดพ้อตอกย้ำความรู้สึกอยู่ตรงนั้นเลย ทางที่หลินสวินก้าวเดินคือมรรคแห่งยอดอมตะ ใต้หล้ามีเพียงหนึ่งเดียว หากไม่สามารถองอาจกร้าวแกร่งได้ถึงขั้นนี้ ไหนเลยจะคู่ควรกับชื่อเรียก ‘ยอด’ ได้กันเล่า พวกเราแพ้ให้เขาไม่ถือว่าเสียเปรียบหรอก!”
พวกตู๋กูยงต่างหัวเราะขึ้นมา
พวกเขาย่อมไม่มีทางถูกความพ่ายแพ้แค่นี้ส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตอยู่แล้ว
“หลินสวิน ข้าขอถามเจ้าหน่อย หากต่อสู้ตัดสินเป็นตายกันจริงๆ เจ้าคิดว่าพวกเราจะยืนหยัดได้นานเท่าไร”
ฟางเต้าผิงสีหน้าคร่ำเคร่ง เอ่ยถามอย่างจริงจัง
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ก็ทอดสายตามองทางหลินสวินเช่นกัน
หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวยิ้มๆ “น่าจะสั้นกว่าระยะเวลาที่ต่อสู้เมื่อครู่นี้นิดหน่อย”
เขาจะพูดออกไปได้อย่างไร ว่าหากต่อสู้ตัดสินเป็นตาย เพียงพริบตาก็สามารถโจมตีสังหารคนใดคนหนึ่งในพวกเขาได้แล้ว
นี่บั่นทอนความภาคภูมิใจเกินไปแล้ว
แต่แม้ว่าคำพูดเขาจะกล่าวอย่างอ้อมค้อม พวกเสวียนเฟยหลิงก็ยังฟังออก แต่ละคนล้วนทอดถอนใจไม่หยุด
หลินสวินในตอนนี้ ด้านความสำเร็จในขั้นหลุดพ้นอยู่เหนือกว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกเขาหลายโขอย่างไม่ต้องสงสัย!
“จากที่ข้าดู ถ้าอยากบีบให้หลินสวินใช้พลังทั้งหมดออกมา เกรงว่าคงต้องใช้พลังรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ถึงจะได้”
เสวียนเฟยหลิงแววตาวับวาวกล่าวว่า “หลินสวิน ไม่อย่างนั้นพวกเราไปเขตผนึกแจ้งเร้น ให้หัวหน้าหอไท่เสวียนทดสอบฝีมือของเจ้าสักหน่อยเป็นอย่างไร”
ตู๋กูยงนัยน์ตาพราวระยับ ตบเข่าฉาด “เยี่ยมเลย!”
“เช่นนี้ดีนักๆ”
สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ต่างก็ยิ้มออกมา แต่ละคนห้อมล้อมเข้าหาหลินสวินอย่างกระตือรือร้น
เมื่อครู่เจ้าหมอนี่เล่นเอาพวกเขาอับอายขนาดนี้ ก็ควรให้เขาได้ลิ้มรสความขมขื่นบ้างแล้ว!
หลินสวินลอบร้องว่าแย่แล้ว กล่าวว่า “ผู้อาวุโสทุกท่าน วันนี้เวลาไม่อำนวย ผู้น้อยยังต้อง…”
เขาตั้งท่าจะจากไปก็ถูกเสวียนเฟยหลิงคว้าเข้าที่บ่า สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นต่างก็ห้อมล้อมเข้ามา ดักล้อมหลินสวินไม่ให้เดินไปไหน
“เจ้าหนู ทดสอบฝีมือของตัวเองจึงจะทำให้รู้ชัดเจนว่าควรพัฒนาอย่างไร เจ้าวางใจได้ พวกเรารับรอง ทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะอยากดูเจ้าขายหน้าเป็นอันขาด!”
“ใช่ ไม่ได้ดูเรื่องขายหน้า”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ
“หลินสวินเอ๋ย นี่พวกเราทำเพราะหวังดีกับเจ้านะ ถึงอย่างไรก็ใช่ว่ารองหัวหน้าหอคนใดๆ จะมีโอกาสเช่นนี้”
“เจ้าวางใจเถอะ พวกเราจะขอให้หัวหน้าหอไท่เสวียนออมมืออยู่แล้ว รับรองว่าจะไม่ให้เจ้าเกิดความกังวลเกี่ยวกับชีวิตอะไรเลย”
พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าแต่ละคนกุลีกุจอกันออกนอกหน้า
ทว่าคำพูดที่เจือแวว ‘ปลอบขวัญ’ เหล่านั้น กลับทำให้หลินสวินฟังจนใจเต้นเนื้อกระตุกระลอกหนึ่ง มีหรือจะไม่รู้เฒ่าชราพวกนี้แทบทนไม่ไหวอยากเห็นตนขายหน้า
เขาอดรู้สึกน้ำท่วมปากไม่ได้ ใครบอกว่าผู้อาวุโสเหล่านี้ใจกว้างยิ่งใหญ่
เขตผนึกแจ้งเร้น
สถานที่ปิดด่านของหัวหน้าหอแรกมายาไท่เสวียน
ยังคงเป็นฟ้าดารากว้างไพศาลอันคุ้นเคยแห่งนั้น ไท่เสวียนสวมชุดผ้าป่านทั้งชุด นั่งขัดสมาธิอยู่กลางฟ้าดารา เบื้องหน้ามีกระดานหมากที่ควบรวมขึ้นจากมหามรรคกระดานหนึ่ง
ยังคงเหมือนปีนั้นตอนที่หลินสวินพบเขาครั้งแรก ประชันหมากกับตัวเอง หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง!
เมื่อรู้จุดประสงค์การมาของพวกเสวียนเฟยหลิง ไท่เสวียนก็อดแปลกใจไม่ได้ ทอดสายตามองทางหลินสวิน
เห็นเขาถูกสัตว์ประหลาดเฒ่าทั้งกลุ่มล้อมวง สีหน้าจนปัญญา ไท่เสวียนก็เอ่ยหยอกทันที “ถ้าเจ้าถูกบีบบังคับให้กะพริบตา”
มุมปากของหลินสวินกระตุกคราหนึ่ง กล่าวว่า “อันที่จริง… เป็นผู้น้อยเต็มใจมาเอง เหตุที่ผู้อาวุโสเหล่านี้กระตือรือร้นเช่นนี้ก็เพราะหวังดีกับผู้น้อย”
พวกเสวียนเฟยหลิงต่างพากันหัวเราะขึ้นมา
ไท่เสวียนเองก็ชอบใจเบิกบาน หยัดตัวลุกขึ้นกล่าวว่า “แม้ว่าเจ้าจะถูกบังคับให้มา แต่ข้าเองก็อยากลองดูเหมือนกันว่าพลังต่อสู้ของเจ้าในตอนนี้เป็นอย่างไรกันแน่”
หลินสวิน “…”
นี่ยังมีเหตุมีผลอยู่หรือไม่!?
“การควบรวมพลังเจตจำนงอาจสร้างความเสียหายให้มรรควิถีแห่งตนของข้า ไม่สู้ข้าใช้พลังของร่างต้นลงมือเลยดีกว่าเป็นอย่างไร”
ไท่เสวียนกล่าวพลาง พบว่าสีหน้าหลินสวินเริ่มดำทะมึน จึงกล่าวเสริมหนึ่งประโยค “แน่นอน ข้ารับรองว่าจะใช้เฉพาะพลังในขอบเขตของรูปจำลองเจตจำนงเท่านั้น”
หลินสวินถอนหายใจยาว เขาตระหนักได้ว่าตนหนีเคราะห์หนนี้ไม่พ้นแล้ว
“หลินสวิน แสดงฝีมือเต็มที่!”
“ให้หัวหน้าหอไท่เสวียนได้เห็นสักหน่อยว่าอะไรที่เรียกว่าพลังแห่งยอดอมตะ”
“ห้ามใจเสาะโดเด็ดขาด เจ้าวางใจ ต่อให้บาดเจ็บร้ายแรงแค่ไหนพวกเราก็จะช่วยเจ้ารักษาให้หายดีอย่างแน่นอน”
พวกเสวียนเฟยหลิงพากันเอ่ยปากปลุกใจ เพียงแต่อาการยิ้มหน้าระรื่นของพวกเขา ทำให้คนอดสงสัยไม่ได้ว่านี่พวกเขากำลังมีความสุขบนคราวเคราะห์ของผู้อื่นอยู่
หนำซ้ำขณะพูดพวกเขาล้วนถอยหลบออกไปไกลๆ แล้ว คล้ายกลัวสุดขีดว่าการต่อสู้ต่อจากนี้จะลามมาถึงพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น
หลินสวินเห็นเช่นนี้กลับสงบลง สายตามองทางไท่เสวียน กล่าวว่า “เช่นนั้นผู้น้อยก็ไม่ขัดศรัทธาแล้ว”
เขาหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พลังขับเคลื่อนทั่วร่างอึงอลโคจรออกมา
ไท่เสวียนมองสำรวจครู่สั้นๆ ก่อนดีดนิ้วคราหนึ่ง
ชิ้ง!
ปราณกระบี่สายหนึ่งฟันฉับลงไป ลำพังแค่เจตกระบี่ก็เต็มไปด้วยอานุภาพยิ่งใหญ่แห่งระดับนิรันดร์แล้ว
พวกเสวียนเฟยหลิงต่างรู้สึกว่าดวงตาเจ็บแปลบ สภาวะจิตล้วนมีความรู้สึกลวงประหนึ่งถูกฉีกทึ้ง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมหาใดเปรียบ
ถึงที่ไท่เสวียนใช้ออกมาจะเป็นเพียงพลังที่เทียบเท่ากับรูปจำลองเจตจำนง ทว่าอานุภาพระดับนั้นยังคงสามารถสร้างภัยคุกคามถึงชีวิตให้กับขั้นหลุดพ้นคนใดก็ตาม!
กระบี่เดียวที่ดุจดั่งเรียบง่ายเบาสบายนี้ เฒ่าชราอย่างพวกเขาต้องทุ่มสุดฝีมือถึงอาจจะหลบเลี่ยงได้
หากเข้าไปขวาง ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บ!
กลับเห็นหลินสวินสูดหายใจลึกเต็มปอดเฮือกหนึ่ง ไม่หลบไม่เลี่ยง ระหว่างแขนเสื้อพลิกม้วนก็ปล่อยหมัดหนึ่งออกมา
พลังหมัดราวหุบเหว ประทับสารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณทั้งร่างของเขา มีกฎเกณฑ์อมตะที่วิเศษอัศจรรย์คลุมเครือคละคลุ้ง ยามปะทะกระบี่สายนั้นพลันเกิดเสียงก้องกระหึ่มสะเทือนฟ้าดิน ฟ้าดาราละแวกใกล้เคียงล้วนสั่นสะเทือนรุนแรง
ปึง!
ปราณกระบี่แตกกระจุยหายลับ เงาร่างของหลินสวินไหวโคลงเล็กน้อย เลือดลมปั่นป่วน
แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บ!
พวกเสวียนเฟยหลิงสะเทือนไหวอย่างอดไม่ได้ ต้านไว้ได้!!
ไกลออกไปนัยน์ตาไท่เสวียนเจือแววแปลกไป พลันรวบนิ้วตวัดวาด ปราณกระบี่สายหนึ่งฟันฉับออกมาอีกครั้ง เมื่อเทียบกับกระบี่เมื่อครู่ อานุภาพอย่างน้อยก็สูงขึ้นสามส่วน
หนำซ้ำในกระบี่นี้ยังปรากฏอานุภาพยิ่งใหญ่ที่ราวกับคงอยู่นิรันดร์อย่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมาด้วย ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกเสวียนเฟยหลิงเพียงแค่มองดูอยู่ไกลๆ ยังเกิดความรู้สึกเล็กจ้อยสิ้นหวัง
กระบี่นี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถหลบได้สักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องต้านทาน
กลับเห็นเวลานี้ร่างของหลินสวินดุจดั่งไฟลุกโชน สว่าไสวเจิดจ้า ทุกอณูรูขุมขนมีแสงมรรคพร่างพราวเจิดจ้าพุ่งออกมา
ตูม!
เขาเหยียบย่างฟ้าดารา ปล่อยหมัดโจมตีออกไป
หมัดกระบี่เข้าปะทะแล้วแตกระเบิดกลางห้วงอากาศ ท่ามกลางละอองล่องลอย เงาร่างของหลินสวินโถมไปข้างหน้า ชูหมัดบุกจู่โจม ท่วงท่ากร้าวแกร่งระดับนั้นทำเอาพวกเสวียนเฟยหลิงยังอึ้งค้างอยู่กับที่
ใครจะกล้าเชื่อว่าภายใต้สถานการณ์ระดับนี้ หลินสวินถึงกับยังกล้าโต้กลับอย่างแข็งกร้าวเช่นนี้
“ดี!”
ไท่เสวียนร้องชมคราหนึ่ง เงาร่างยืนตระหง่านไม่ไหวติง กลับมีปราณกระบี่เป็นสายๆ โฉบออกมาภายใต้เสียงอึงอลทั่วฟ้า ฟันเข้าใส่หลินสวินอย่างแน่นขนัด
ปราณกระบี่แต่ละสายล้วนมีอานุภาพสะท้านหมื่นยุค ขวางสยบเวิ้งฟ้า ส่องสว่างไพศาล ราวกับแสงสายแล้วสายเล่าที่ผุดวาบกลางนิรันดร์
ช่วงพริบตาหลินสวินก็ตกอยู่ท่ามกลางสภาพถูกกำราบ อยู่ในสถานการ์อันตราย
ปราณกระบี่นั่นน่าสะพรึงเกินไป เป็นอานุภาพส่วนหนึ่งของระดับนิรันดร์ หากเปลี่ยนเป็นขั้นหลุดพ้นคนอื่นเกรงว่าคงถูกสังหารตายคาที่ไปนานแล้ว
แต่หลินสวินกลับเข้าต่อต้านมัน ทั้งยังกร้าวแกร่งขึ้นเรื่อยๆ นี่ทำเอาพวกเสวียนเฟยหลิงมองจนดวงตากลิ้งหมุน สีหน้าล้วนผุดแววสะท้านสะเทือนออกมา
แข็งแกร่งถึงขั้นนี้เชียว!?
แต่ไม่นานเมื่อไท่เสวียนลงมือ หลินสวินก็ถูกกำราบเอาไว้อย่างแน่นหนา อับจนหนทาง
ตูม!
ช่วงเวลานี้เขาไม่อาจไม่ใช้เตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ถึงได้สกัดต้านและสลายปราณกระบี่ที่เบียดเสียดแน่นขนัดนั่นไปได้ทั้งหมด
ทั่วร่างเขาแสงมรรคพวยพุ่ง นัยน์ตาดุจไฟลุกโชน กล่าวว่า “ผู้อาวุโส ไม่ต้องออมมือ!”
ไท่เสวียนยิ้มพลางพยักหน้า
ตูม!
ลวดลายค่ายกลกระบี่กระบวนหนึ่งอุบัติ ยิ่งลุกโชนน่าสะพรึงขึ้นเรื่อยๆ กดข่มจนหลินสวินยังรู้สึกหายใจไม่ออก ทำได้เพียงอาศัยเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งฝืนยืนหยัดอย่างยากเข็ญ ไม่สามารถโต้กลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่หลินสวินกลับไม่ได้ยอมแพ้
ในครู่เดียวกายมรรคทั้งห้าพุ่งออกไปพร้อมกัน ร่วมโจมตีพร้อมกับร่างต้น เพียงชั่วอึดใจเท่านั้นก็ซัดทำลายลวดลายค่ายกลกระบี่นั่นได้ กลายเป็นละอองแสงนับไม่ถ้วนสาดกระเซ็น
ไท่เสวียนอึ้งไป คล้ายแปลกใจสุดขีดเช่นกัน กลางนัยน์ตาเผยแววตกใจอย่างอดไม่อยู่
อานุภาพลวดลายกระบวนค่ายกลกระบี่นี้ของเขาเทียบได้กับการโจมตีเต็มกำลังของรูปจำลองเจตจำนงแล้ว ทว่าถึงกับยังถูกหลินสวินซัดทลายลงได้!
นี่จะไม่ให้เขาตกใจได้อย่างไร
คนรุ่นเยาว์ขั้นหลุดพ้นขั้นปลายคนหนึ่ง กลับมีพลังเย้ยฟ้าที่ต้านทานพลังของรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ได้ นี่หากกระจายออกไปทั่วหล้าจะต้องสะเทือนเป็นแน่!
ก็เหมือนเวลานี้ พวกเสวียนเฟยหลิงยังถูกสั่นคลอนจนอึ้งค้างอยู่ตรงนั้น สายตามึนงง
ก่อนหน้านี้พวกเขายังรอดูว่าหลินสวินจะถูกทารุณอย่างไร จะได้อาศัยเรื่องนี้มาทุเลาความอัดอั้นภายในใจสักหน่อย
แต่ใครจะคาดคิด พลังที่หลินสวินสำแดงออกมาในการต่อสู้กลับเหนือความคาดหมายและจินตนาการของพวกเขาอีกครั้ง ทำเอาพวกเขาพลันฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ทันควัน…
หากก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในลานมรรคใจกลาง หลินสวินใช้พลังต่อสู้น่าสะพรึงระดับนี้ การร่วมมือกันของรองหัวหน้าหอเจ็ดคนอย่างพวกเขาคงสิ้นท่าในการโจมตีเดียว อาจถูกหลินสวินกำราบลงง่ายๆ ด้วยอานุภาพประหนึ่งหักทำลายไม้ผุ!
…………………….