Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2929 กายมรรคไม้เขียวที่เดือดดาล
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2929 กายมรรคไม้เขียวที่เดือดดาล
ตอนที่ 2929 กายมรรคไม้เขียวที่เดือดดาล
ทันใดนั้นก็มีเฒ่าดึกดำบรรพ์หลายคนสำแดงวิชาลับเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ พุ่งทะยานมาปรากฏตัวหน้ากายมรรคไม้เขียวของหลินสวินในชั่วพริบตา
“ตาย!”
ทันทีที่ชายชราชุดเทาผอมตอบเหมือนต้นไผ่คนหนึ่งพุ่งมา กระสวยบินสีเงินชิ้นหนึ่งในมือก็แทงจ้วงไปที่หลินสวินอย่างจัง
กระสวยบินมีคลื่นระเบียบน่าหวาดผวาไหลเวียน ชั่วพริบตาที่แทงออกมา ห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงเหมือนถูกแช่แข็ง ตกอยู่ในสภาวะหยุดชะงัก
วิชาผนึกมหกาศ!
พลังสูงส่งเช่นนี้สามารถทำให้โลกใบเล็กแห่งหนึ่งถูกผนึก น่ากลัวหาใดเทียบจริงๆ
กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินหยุดนิ่งพริบตาหนึ่ง ก็เห็นว่าร่างเขาหยัดขยาย จากนั้นเสียงตูมดังขึ้น ห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงที่ถูกผนึกไว้ก็ระเบิดออก
ส่วนกระสวยสีเงินที่ถูกชายชราชุดเทาแทงออกมาก็ถูกกายมรรคไม้เขียวของหลินสวินคว้าเอาไว้
ปัง!
กระสวยสีเงินระเบิดออกทันที ร่างผอมตอบของชายชราชุดเทาถูกสะเทือนจนถอยหลังโซเซ หน้าเปลี่ยนสีอย่างห้ามไม่อยู่ พลังต่อสู้ของเจ้าหมอนี่น่าสะพรึงนัก!
“ฆ่า!”
“ศุภโชคนำพา!”
หลินสวินเพิ่งทลายการซุ่มโจมตีของชายชราชุดเทา ในห้วงอากาศสองฝั่งก็มีเฒ่าดึกดำบรรพ์บุกมาฝั่งละคน คนหนึ่งแกว่งทวนยาวสีทองเจิดจ้า ซัดระเบียบเพลิงเทพคับฟ้าขึ้นมาเผาท้องฟ้าแถบนี้
อีกคนควงกระบี่มรรคฟันปราณกระบี่ไพศาลดุจธารดาราลงมา ปราณกระบี่สะท้อนให้เห็นสุริยันจันทราดารา กฎเกณฑ์ฟ้าดิน ยิ่งใหญ่ไม่อาจประมาณ
กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินไม่ได้หลบหนี ระหว่างที่พุ่งตรงเข้าไป มือซ้ายควบรวมประทับโบราณ ส่วนมือขวารวบนิ้วกรีดลงไป
เคร้ง!
เพลิงเทพสีทองคับฟ้าระเบิดออก ประทับโบราณกระแทกลงบนทวนยาวสีทองเจิดจ้า เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ถือทวนยาวคล้ายถูกสายฟ้าฟาด สะเทือนจนเซถอยไป รู้สึกย่ำแย่จนแทบกระอักเลือด
ขณะเดียวกันปราณกระบี่ที่มือขวาของหลินสวินกรีดออกมาก็ตัดกวาด ฟันปราณกระบี่ดั่งธารดาราไพศาลนั้นออกเป็นรอยแยกมหึมาได้อย่างง่ายดาย
เงาร่างหลินสวินถือโอกาสนี้เคลื่อนย้ายออกไป
ชั่วพริบตาการล้อมโจมตีของเฒ่าดึกดำบรรพ์สามคนก็ถูกทำลาย ทำให้ทั้งสามหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด จะคิดได้อย่างไรว่าหลินสวินถึงกับแข็งแกร่งปานนี้
แต่ก็เพราะมีพวกเขาสามคนขัดขวาง จึงทำให้ความเร็วในการฝ่าวงล้อมของหลินสวินชะงักลงชั่วพริบตา เปิดโอกาสให้พวกหวังเต้าเฟิงไล่ตามมา
“ฆ่า!”
หวังเต้าเฟิงแววตาคมปริบดุจดาบ กวาดกระบี่ฟาดฟันเข้ามา
เบื้องหลังเขา เฒ่าดึกดำบรรพ์ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์หลายสิบคนก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน
พวกเขาต่างมีชีวิตมาแล้วไม่รู้กี่ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน ประสบการณ์ต่อสู้ย่อมพรั่งพร้อมหาใดเทียบ
บัดนี้เข้าปิดล้อมด้วยกัน อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาเหมือนกลบฟ้าปิดดิน กดข่มจนฟ้าดินแห่งนี้ยังปรากฏเค้าลาพังพินาศ
นี่น่ากลัวเกินไป!
เฒ่าดึกดำบรรพ์สี่สิบคนเต็มๆ ลงมือจัดการกายมรรคไม้เขียวของหลินสวินด้วยกัน เกรงว่าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงรู้สึกสิ้นหวังไปนานแล้ว
ทันใดนั้นแสงมรรคพร่างพราวดุจกระแสธารเชี่ยวม้วนตลบท้องฟ้า ฉีกแหวกรัตติกาลดุจน้ำหมึกนั้น เสียงดังสนั่นของการเข่นฆ่าสะท้านฟ้าสะเทือนดินแผ่ขยาย คล้ายเทพโบราณกำลังเปิดศึกไร้เทียมทาน
วิชามรรคแต่ละชนิดล้วนมีอานุภาพทำลายฟ้าดิน
ศาสตรามรรคแต่ละอย่างล้วนสามารถบดขยี้ฟ้าดินภูผาธาราได้อย่างง่ายดาย!
ทุกภาพเหล่านั้นเหมือนวันสิ้นโลกมาเยือน
และในการเข่นฆ่าเช่นนี้ แม้กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินจะฝ่าวงล้อมเต็มกำลัง ก็ยังถูกขัดขวางอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์อันตรายหาใดเทียบ
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างพวกหวังเต้าเฟิงนิ่วหน้าไม่หยุด
พวกเขามีผู้แข็งแกร่งขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ถึงสี่สิบคน ภายใต้การโจมตีเต็มกำลังพร้อมกัน สารมารถเคลื่อนกวาดระดับอมตะคนใดก็ตามในใต้หล้า
ทว่าตอนนี้กลับไม่อาจจับเจ้าหนุ่มขั้นหลุดพ้นขั้นปลายอย่างหลินสวินได้ในเวลาอันสั้น!
“ฆ่า!”
พวกเขาไม่ได้ออมมือ แต่ละคนเป็นดั่งเทพเคลื่อนกวาด ไอสังหารถาโถมมืดฟ้ามัวดิน
‘จะถูกล้อมแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเกรงว่าร่างแยกนี้จะถูกทำลาย…’艾琳小說
กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินลอบเอ่ยในใจ
จำนวนศัตรูจะมากจะน้อยก็ไม่อาจคุกคามเขาได้อย่างหนักหน่วง ที่ทำให้เขาหวาดหวั่นที่สุดคือไพ่ตายกับไม้เด็ดที่มีอยู่ในมืออีกฝ่าย
ทันทีที่กายมรรคไม้เขียวเปิดฉากเข่นฆ่า อาจจะฆ่าอีกฝ่ายตายได้ไม่น้อย แต่ต้องถูกคุกคามจากไพ่ตายที่คู่ต่อสู้ปลดปล่อยออกมาแน่
หากเป็นเช่นนี้กายมรรคไม้เขียวก็จะถูกทำลาย
ว่ากันถึงที่สุดแล้วอย่างไรกายมรรคไม้เขียวก็เป็นร่างแยกหนึ่งของร่างต้นหลินสวิน ต่อให้พลังต่อสู้เทียบเคียงกับร่างต้น แต่กลับขาดพรสวรรค์ ‘หุบเหวกลืนกิน’ จึงสำแดงอภินิหารต้องห้ามใดๆ ไม่ได้
“เปิด!”
หลังจากตัดสินใจแล้วกายมรรคไม้เขียวของหลินสวินก็ไม่ร่ำไรอีก ทั้งร่างพลันมีเพลิงเทพสีเขียวเปล่งปลั่งพร่างพราวไร้สิ้นสุดสาดส่องออกมา ตัวเขายังเปลี่ยนเป็นสูงใหญ่หาใดเทียบ ประหนึ่งนภาครามหมื่นกาลที่กำลังลุกโชนเดือดพล่าน
เขากระโจนไปเบื้องหน้า สำแดงวิชาลับชั้นสูงทั้งปวง แปลงเป็นปราณกระบี่ ประทับฝ่ามือ พลังหมัด วิวัฒน์เป็นสายฟ้าลมพายุ ทะเลเพลิงม้วนตลบฟ้า…
พลังอันเลิศล้ำเช่นนั้นสารมารถกำราบขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์คนใดก็ตามได้อย่างง่ายดาย
ก็ในตอนนี้เอง
ตูม!
ท่ามกลางเสียงดังสนั่นสะท้านฟ้าดิน เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ประกบโจมตีมาจากสี่ทิศหลายคนต่างถูกซัดออกไปอย่างรุนแรง วิชามรรคกับศาสตรามรรคของพวกเขาล้วนระเบิดกระจุยเหมือนฟองสบู่
เงาร่างหลินสวินถือโอกาสนี้กระโจนหนีไปไกล
เสียงตะโกนลั่นกราดเกรี้ยวระลอกหนึ่งดังขึ้นในที่นั้น
“รีบขวางเขาไว้!”
“จะให้หนีไปไม่ได้เด็ดขาด”
“ตามไป!”
เฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างพวกหวังเต้าเฟิงตามติดไม่ลดละ แต่ละคนสำแดงกระบวนท่าทั้งหมด สมบัติมหัศจรรย์หาใดเทียบยังเรียกออกมาไม่เว้น
ดาบบิน กระบี่บิน กระสวยบิน ยันต์ลับ เจดีย์สมบัติ ระฆังมรรค…
สมบัติแน่นขนัดแหวกฟ้ากว้าง กลิ่นอายทำลายล้างน่าครั่นคร้ามฉายวาบ ถล่มโจมตีไปยังหลินสวินที่หลบหนีไปไกลด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ
นอกจากนี้ยังมีวิชาลับชั่วร้ายมากพิษสงจำนวนหนึ่ง ส่วนมากเกี่ยวข้องกับห้วงอากาศ อาทิเช่นย้อนทวนห้วงอากาศ ชะงักห้วงอากาศ ผนึกห้วงอากาศ
เผชิญหน้ากับการไล่ล่าอันน่ากลัวเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นคนระดับเดียวกันผู้อื่น เกรงว่าคงตายไปด้วยความแค้นเต็มอกนานแล้ว
และท่ามกลางการไล่ฆ่าแน่นขนัดดุจพายุฝนบ้าคลั่งเช่นนี้ ต่อให้เป็นกายมรรคไม้เขียวของหลินสวินก็ดูยับเยินยิ่ง
ไม่นานนักเขาก็บาดเจ็บไปทั้งตัว!
ไปประจันหน้าสู้ยังไม่เห็นว่าจะบาดเจ็บ ว่ากันถึงที่สุดแล้วเป็นเพราะเขากำลังหนี นี่ก็หมายความว่าละทิ้งการต่อสู้ ทำได้แค่เป็นฝ่ายตั้งรับป้องกัน
“ฆ่า!”
พวกหวังเต้าเฟิงตามติดไม่ลดละ
ไกลออกไปกายมรรคไม้เขียวของหลินสวินเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศหลบหนีเต็มกำลัง
มองจากบนพื้นดินไกลๆ ก็พบว่าที่ที่พวกเขาทะยานผ่าน เวิ้งฟ้าพังถล่มครั่นครืน ชั้นเมฆถูกเผาผลาญ ห้วงอากาศแหวกออกเป็นรอยแยกนับไม่ถ้วน
ไม่กี่อึดใจเท่านั้นก็เคลื่อนออกไปหลายพันลี้
ตลอดทางสีหน้ากายมรรคไม้เขียวของหลินสวินสงบนิ่งนัก แววตาเย็นชา ต่อให้บาดแผลเต็มตัว แต่สำหรับเขาแล้วอาการบาดเจ็บเหล่านี้ไม่ได้ร้ายแรง ยังไม่ถึงชีวิต
ต่อให้ข้างหลังถูกเฒ่าดึกดำบรรพ์มากมายตามติดไล่ฆ่าเขาก็ไม่ได้ลนลาน ร่างแยกร่างเดียวเท่านั้น ต่อให้สุดท้ายโชคร้ายถูกทำลายก็ไม่ได้ทำให้ร่างต้นบาดเจ็บแต่อย่างใด
‘ยามรวมกับร่างต้นค่อยไปคิดบัญชีคราวนี้กับเจ้าเฒ่าพวกนี้ดีๆ!’
แววดุร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้ากายมรรคไม้เขียว
ไกลออกไปเค้าโครงของเมืองแห่งหนึ่งปรากฏขึ้นกลางราตรี
กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินเปลี่ยนทิศทางทันที ตัดสินใจว่าจะทะยานห่างออกไปจากเมืองนี้
หาไม่ลำพังแค่สารพัดวิธีเข่นฆ่าและอานุภาพสมบัติที่เจ้าเฒ่าที่อยู่ข้างหลังพวกนั้นปลดปล่อยออกมา ก็สามารถทำลายเมืองแห่งนี้ได้อย่างง่ายดายแล้ว
แต่ที่ทำให้หลินสวินคิดไม่ถึงก็คือ พวกหวังเต้าเฟิงไม่ได้ทำเช่นนี้
เพื่อจับเขาให้เร็วที่สุด พวกเขาเคลื่อนผ่านท้องฟ้าเหนือเมืองนั้นไปอย่างอหังการทั้งอย่างนั้น…
ในเมืองโคมไฟสาดส่อง รถม้าคับคั่ง เงาร่างขวักไขว่นับไม่ถ้วนสัญจรอยู่บนถนน เสียงดังคึกคัก สถานการณ์สงบนัก
“ท่านพ่อ นั่นอะไรหรือ”
เด็กหญิงตัวน้อยที่ถักผมเปียสองข้างนั่งอยู่บนไหล่ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งดวงตาเบิกกว้าง มองแสงเงาพร่างพราวเป็นแถบๆ ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าราตรีไกลลิบอย่างสงสัย
กระทั่งผลไม้เคลือบน้ำตาลในมือยังลืมกิน
ชายวัยกลางคนเงยหน้าขึ้น หน้าพลันเปลี่ยนสีในชั่วพริบตา โอบเด็กหญิงตัวน้อยไว้ในอ้อมกอดแล้วหมอบลงกับพื้นทันที
ตูม!
ครู่ต่อมาในเมืองใหญ่ทั้งเมือง ภาพอันจอแจขวักไขว่นับไม่ถ้วนคล้ายถูกมหาเพลิงถาโถมแผดเผาไปสิ้น อาคารที่เรียงรายอยู่กลายเป็นเถ้าธุลี ถนนที่ตัดไขว้กันพังทลายกลายเป็นดินไหม้ สรรพชีวิตมากมายที่กระจายอยู่ในเมืองถูกเผาเป็นเถ้าถ่านในชั่วพริบตา
และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงเพราะไอสังหารและอานุภาพที่พวกหวังเต้าเฟิงปล่อยออกมายามผ่านเวิ้งฟ้าแห่งนี้!
ไกลออกไปหลินสวินที่กำลังหนีเห็นภาพนี้อย่างชัดเจน
ชั่วพริบตานี้ตัวเขาแข็งทื่อไปเล็กน้อย นิ้วมือสั่นนิดๆ ความเดือดดาลที่ไม่อาจบังคับได้ผุดขึ้นในใจ กระตุ้นให้ทั้งตัวเขาคล้ายจะปะทุออกเหมือนหินหนืด
เมืองใหญ่ที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูแห่งหนึ่ง รวมถึงสรรพชีวิตที่พำนักอยู่ในนั้นนับไม่ถ้วนมลายหายไปในชั่วพริบตาเช่นนี้!?
เขาฝึกปราณถึงตอนนี้ ต่อให้สังหารศัตรูไปไม่รู้เท่าไร แต่กลับยึดมั่นมาตลอดว่าจะไม่สังหารผู้บริสุทธิ์
กระทั่งยามทำลายเผ่าจักรพรรดิอมตะทั้งเก้าของน่านฟ้าที่หกเหล่านั้น ยังไม่ได้สังหารผู้อ่อนแอเหล่านั้นด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ผู้คนมากมายวอดวายไปต่อหน้าต่อตาเขา ภาพอันน่าหดหู่เช่นนี้กระตุ้นให้หลินสวินเดือดดาลโดยสมบูรณ์
เขาพลันหมุนตัว ดวงตาดำเย็นชา ปลดน้ำเต้าสีม่วงที่เอวลงมา
ชิ้ง!
กระบี่เทพสีเขียวเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากน้ำเต้านั้น ประหนึ่งเวิ้งฟ้าหมื่นกาลอันไพศาล
หลินสวินกระชับกระบี่เทพสีเขียว พลังขับเคลื่อนทั้งร่างเพิ่มสูง พุ่งทะลวงเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
“เหตุใดไม่หนีแล้วเล่า”
หวังเต้าเฟิงโบกมือ นำเหล่าเฒ่าดึกดำบรรพ์หยุดเท้าลงกลางอากาศ ปราดเดียวเขาก็ดูออกว่าสภาพของหลินสวินผิดปกติไปบ้าง ทั่วร่างมีกลิ่นอายเดือดคลั่งรุนแรง แตกต่างจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครสนใจ ว่าเมื่อครู่มีเมืองใหญ่ที่เฟื่องฟูแห่งหนึ่งถูกอานุภาพที่พวกเขาปลดปล่อยออกมาทำลายล้างไป
ส่วนชีวิตมากมายในนั้นยิ่งไม่มีทางได้รับความสนใจจากพวกเขา
พวกเขาแค่สนใจว่าจะจับหลินสวินได้หรือไม่!
“พวกเจ้า ต้องตายตามชีวิตที่สูญสิ้นไปในเมืองเหล่านั้น!”
เปลวเพลิงเดือดคลั่งลุกโชนอยู่ในดวงตาดำของหลินสวิน คมกระบี่สีเขียวชี้ไปยังศัตรูที่ไล่ตามมาไกลๆ เหล่านั้น
ได้ยินดังนั้นพวกหวังเต้าเฟิงต่างอึ้งไปครู่หนึ่ง สีหน้าแปลกพิกล คล้ายเพิ่งรู้ว่าเหตุใดหลินสวินจึงไม่หนีแล้ว
แต่นี่ทำให้พวกเขายังยากจะเชื่ออยู่บ้าง
“พูดเช่นนี้ สาเหตุที่เจ้าไม่หนีแล้ว เป็นเพราะจะล้างแค้นให้มดปลวกที่ตายในเมืองพวกนั้นหรือ”
หวังเต้าเฟิงถามออกมาอย่างอดไม่ได้
สีหน้าของเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่อยู่เบื้องหลังเขาเหล่านั้นก็แปลกพิกลไปเช่นกัน
คิดจนหัวแตกพวกเขาคิดไม่ถึง ว่าคนร้ายกาจยิ่งยวดที่เข่นฆ่ามานับไม่ถ้วนอย่างหลินสวิน จะถึงกับเลือกรั้งอยู่เพราะเหตุผลไร้เดียงสาเช่นนี้
——