Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2930 เจวี๋ยซิงไห่
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2930 เจวี๋ยซิงไห่
ตอนที่ 2930 เจวี๋ยซิงไห่
พวกหวังเต้าเฟิงต่างไม่เข้าใจยิ่ง
เหตุใดเจ้าหนุ่มที่ทะลวงจากแดนใหญ่พันศึกมาถึงโลกยอดนิรันดร์ กรำศึกถึงตอนนี้ก็เข่นฆ่าจนมือเปื้อนเลือดไปหมด กลับคิดจะสู้สุดตัวกับพวกเขาอย่างเกรี้ยวกราดเพราะชีวิตที่ตายไปในเมืองหนึ่ง
พวกเขาไม่เข้าใจ
แต่เมื่อเห็นหลินสวินไม่หนีอีก สำหรับพวกเขาแล้วย่อมเป็นเรื่องน่ายินดี
ตูม!
ไกลออกไป กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินก้าวสูงไปในอากาศ ทะยานเข้ามาทางนี้ กระบี่เทพสีเขียวที่แปลงจากพลังระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าหายากส่งเสียงใสกังวาน ฟันลงมาอย่างกราดเกรี้ยว
เจตกระบี่สีเขียวขมุกขมัวดุจเวิ้งฟ้าหมื่นกาลกดข่มเข้ามา
“ลงมือ!”
เมื่อหวังเต้าเฟิงโบกมือ
เฒ่าดึกดำบรรพ์เหล่านั้นต่างออกโจมตีอย่างแข็งกร้าว แต่ละคนเรียกศาตรามรรคต่างๆ เข้าปิดล้อม
โครม ครืน!
ฟ้าดินปั่นป่วน สุริยันจันทราอับแสง
ศึกใหญ่ปะทุขึ้น ทำให้ภูผาธาราใกล้ๆ ยังกลายเป็นซากในชั่วพริบตา สรรพสิ่งพังพินาศ
เพียงแต่นับตั้งแต่บัดนี้ กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินไม่หลบหนีอีกแล้ว ทั้งร่างมีเพลิงเทพสีเขียวพร่างพราวส่องประกายลุกโชนอยู่ ดวงตามีไอสังหารน่าครั่นคร้ามถาโถม
ชั่วขณะที่โบกกระบี่
เปรี๊ยะ!
ขวานยักษ์ที่มาประจันหน้าถูกฟันออกเป็นสองส่วน ผู้ที่ถือขวานยักษ์เป็นชายวัยกลางที่ดุดันหาใดเทียบคนหนึ่ง กระบี่ที่มาโดยไม่ทันตั้งตัวนี้ฟันใส่ร่างเขาครึ่งหนึ่ง เลือดสาดกระเซ็นในห้วงอากาศ
ดุดันอหังการเกินไปแล้ว!
นี่ทำให้คนอื่นดวงตานิ่งขึง สัมผัสได้อย่างฉับไวว่ายามนี้พลังต่อสู้ของหลินสวินแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด
เขาก่อนหน้านี้คิดแต่จะหนี
เขาในตอนนี้ กลับคิดแต่จะฆ่า!
“ตาย!”
แส้ยาวแดงเพลิงสายหนึ่งหวดเข้ามาเหมือนมังกรชาดผงาดเหนือเก้าชั้นฟ้า ม้วนขดเป็นวงๆ ผนึกห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงไว้มั่น ส่วนเพลิงเทพที่แส้ยาวปลดปล่อยออกมาก็จู่โจมไปที่หลินสวิน
หลินสวินไม่แม้แต่มอง มือซ้ายยื่นออกไปคว้าทันที
ตูม!
เพลิงเทพเต็มฟ้าถูกฉีกแหวก ห้วงอากาศที่ถูกผนึกยังระเบิดกระจุยเหมือนกระจก
หลังจากหลินสวินจับแส้ที่คล้ายมังกรชาดเส้นนั้นไว้ก็ออกแรงฉับพลัน
ปังๆๆ!
แส้ยาวระเบิดแหลกทุกกระเบียด
เงาร่างหญิงชุดดำที่ถือแส้ยาวนี้ซวนเซ ถูกซัดจนกระอักเลือด แววตกตะลึงปรากฏขึ้นในดวงตาอย่างกลั้นไม่อยู่
พลังต่อสู้น่ากลัวนัก!
ก็ในตอนนี้เอง พวกเขาจึงสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินเย้ยฟ้าปานไหน
และในระหว่างการต่อสู้หลังจากนั้น กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินสำแดงฤทธิ์ ต่อให้อยู่ภายใต้การปิดล้อมเป็นชั้นๆ ก็ยังสังหารเฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างต่อเนื่องไปสามคน ทำให้บาดเจ็บสาหัสไปสิบกว่าคน
ผลงานการต่อสู้อันนองเลือดนี้กระตุ้นให้พวกหวังเต้าเฟิงยังหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ทั้งตกใจทั้งเดือดดาล
ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์สี่สิบคนล้อมโจมตี ยังถูกอีกฝ่ายถือโอกาสฆ่าพวกพ้องไปสามคน ทั้งยังทำให้บาดเจ็บสาหัสอีกสิบกว่าคน นี่ทำให้พวกเขายอมรับได้ยาก
“ฆ่า!”
“ใช้ไพ่ตาย จะให้เขากำเริบต่อไปไม่ได้แล้ว!”
“ได้!”
ท่ามกลางเสียงตะโกนลั่น มีคนเรียกสมบัติลับที่ลึกลับคลุมเครือออกมา แปลงเป็นพลังผนึกเข้าปกคลุมหลินสวิน
บ้างกระตุ้นสมบัติระเบียบ พลังที่มีอยู่ในนั้นถึงกับเกี่ยวข้องกับระเบียบระดับเทพ
และยังมีเฒ่าดึกดำบรรพ์สี่คนที่มาจากยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลเดียวกันลงมือพร้อมกัน รวมตัวเป็นกระบวนค่ายกลศึกที่เหมือนเป็นร่างเดียวกัน อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาน่าครั่นคร้ามผิดธรรมดา!
โครม! โครม!
ฟ้าดินเหมือนจ่อมจมลงโดยสิ้นเชิง กลายเป็นสภาพปั่นป่วนโกลาหล กระแสพลังโชติช่วงน่าสะพรึงต่างๆ ม้วนตลบอาละวาด ความน่ากลัวของภาพเช่นนั้นพาให้คนสะท้านสะเทือน艾琳小說
ภายใต้การเข่นฆ่าเช่นนี้ กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินเริ่มได้รับบาดเจ็บไม่หยุด
พลังของไพ่ตายกับไม้เด็ดก้นหีบเหล่านั้นแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ สร้างแรงคุกคามให้เขาอย่างมาก
แต่ขณะที่ได้รับบาดเจ็บ กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินก็ยังแข็งแกร่งดังเดิม สังหารไปหนึ่งคน ทำให้ศัตรูหลายคนบาดเจ็บสาหัส แกร่งกล้าเป็นที่สุด
“ฆ่า!”
สีหน้าพวกหวังเต้าเฟิงเขียวคล้ำหาใดเทียบ
เดิมทีพวกเขานึกว่าการจับหลินสวินจะเป็นเรื่องง่ายดาย แต่สู้มาถึงตอนนี้ฝั่งพวกเขาจ่ายค่าตอบแทนไปไม่น้อยแล้ว นี่ทำให้ในใจพวกเขาแทบหลั่งเลือด
ควรรู้ว่าทุกครั้งที่เสียขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ไป สำหรับขุมอำนาจเบื้องหลังพวกเขาแล้วล้วนเป็นการโจมตีไม่น้อย!
การจู่โจมของพวกเขายิ่งดุดันน่ากลัว ปิดล้อมหลินสวินเป็นชั้นๆ วิชาลับและสมบัติต่างๆ ระเบิดดังสนั่นบ้าคลั่งคล้ายไม่เสียดายสิ่งใด
แต่ในสถานการณ์อันตรายหาใดเทียบเช่นนี้ กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินกลับยังไม่ถอยร่นเหมือนเคย ยอมสู้จนได้รับบาดเจ็บ ก็ต้องทำให้ศัตรูบาดเจ็บไปด้วย เหมือนเป็นการต่อสู้โดยไม่เสียดายชีวิต
ความจริงหลินสวินก็ไม่ถนอมกายมรรคไม้เขียวอีกแล้วจริงๆ ไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตเข้าแลก
ไม่นานนักจำนวนศัตรูที่ได้รับบาดเจ็บยิ่งมากขึ้น
แต่อาการบาดเจ็บของกายมรรคไม้เขียวของหลินสวินก็ยิ่งรุนแรงเช่นกัน
สู้มาถึงตอนนี้ หว่างคิ้วพวกหวังเต้าเฟิงปรากฏคร่ำเคร่งอย่างห้ามไม่อยู่ ในใจเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ว่าเหตุใดก่อนหน้านี้เฒ่าดึกดำบรรพ์ทั้งสิบอย่างพวกหวังเต้าสิงถึงสิ้นชีพ
หลินสวินไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากภายนอกสักนิด แค่พลังต่อสู้ของเขาคนเดียวยังคุกคามเฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างพวกเขาได้อย่างยิ่งยวด!
ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขาตระหนักได้ ว่าการสันนิษฐานและคาดเดาก่อนหน้านี้ของพวกเขาทั้งหมดล้วนผิดมหันต์
กับดักอะไร เหยื่อล่ออะไร แผนการของลัทธิแรกกำเนิดอะไร ทุกอย่างเป็นเรื่องเท็จทั้งนั้น
ตัวหลินสวินคนเดียวต่างหากจึงจะเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุด!
ในการต่อสู้ หวังเต้าเฟิงแววตาเหี้ยมเกรียม ตวาดเสียงกร้าว “หลินสวิน ไพ่ตายในมือเจ้าล่ะ ถ้ายังไม่สำแดงออกมาเจ้าต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
หลินสวินในตอนนี้ร่างโชกเลือด บาดแผลนับไม่ถ้วน เหมือนมนุษย์เลือดคนหนึ่ง เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ใครก็มองออกว่ายืนหยัดได้อีกไม่นานนัก
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้พวกหวังเต้าเฟิงระแวดระวัง
เพราะสู้กันถึงตอนนี้ หลินสวินยังไม่ใช้ไพ่ตายอย่างรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์
ควรรู้ว่ารูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์สองคนที่พวกหวังเต้าสิงนำมาด้วยคราวก่อน ล้วนดับสิ้นระหว่างที่สู้กับหลินสวิน
นี่จะให้พวกหวังเต้าเฟิงไม่ระแวงได้อย่างไร
แต่กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินกลับไม่ใส่ใจ ยังคงสู้ทั้งที่อาบเลือด ไม่มีเค้าลางว่าจะใช้ไพ่ตายแต่อย่างใด
มิหนำซ้ำต่อให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในการต่อสู้ต่อๆ ก็ยังทำให้คู่ต่อสู้ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
นี่ทำให้พวกหวังเต้าเฟิงกลั้นความโกรธไว้ไม่อยู่
“ป่านนี้แล้วยังดิ้นรนไม่คิดชีวิตอยู่อีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
ทันใดนั้นเฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลจงหลีคนหนึ่งก็กล่าวเสียงขรึม
ฮูม!
เขาชูมือเรียกคทาหยกสมปรารถนาเล่มหนึ่งออกมา ทันใดนั้นเงาร่างสูงโปร่งที่อบอวลด้วยกลิ่นอายนิรันดร์สายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ สวมชุดแขนกว้างคาดเข็มขัด ท่าทางเย่อหยิ่ง อานุภาพทั้งร่างดุจเขาถล่มสมุทรคำรามแผ่ขยายไปในเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
“ยังขอผู้อาวุโสช่วยเป็นกำลังให้พวกเราด้วย” เฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลจงหลีคารวะเสียงนอบน้อม
เจวี๋ยซิงไห่!
พวกน่ากลัวจากเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลเจวี๋ยแห่งน่านฟ้าที่เก้า
ตระกูลเจวี๋ยคือที่พึ่งพิงเบื้องหลังตระกูลจงหลี
เหล่าเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่ล้อมโจมตีหลินสวินเห็นดังนี้ต่างพากันถอยหนี แต่ละคนเผยสีหน้าเคารพ
“เจ้าหมอนี่อ่อนกำลังเหมือนธนูแกร่งหมดแรงบินแล้ว ยังต้องให้ข้าลงมือ หรือพวกเจ้ากังวลอะไรอยู่”
เจวี๋ยซิงไห่นิ่วหน้า ในสายตาเขาหลินสวินที่อยู่ไกลออกไปโชกเลือดทั้งตัว บาดเจ็บสาหัส ไม่มีภัยคุกคามอะไรให้พูดถึงแล้ว
“เรียนผู้อาวุโส เป็นไปได้สูงยิ่งว่าในมือเจ้าหมอนี่จะมีรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ พวกเรากังวลว่าเขาจะโจมตีกลับก่อนตาย ถึงได้เชิญให้ท่านออกมาลงมือก่อน”
เฒ่าดึกดำบรรพ์ตระกูลจงหลีรีบร้อนอธิบาย
เจวี๋ยซิงไห่ร้องอ้อคำหนึ่ง เข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว สายตามองดูหลินสวินที่อยู่ไกลออกไปแล้วเอ่ยว่า “ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าเชิญคนมาช่วยสักครั้ง”
กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉย “กับคนอย่างเจ้า ถ้าเปลี่ยนเป็นเวลาอื่นข้าคนแซ่หลินก็สังหารได้อย่างง่ายดาย น่าเสียดาย โอกาสวันนี้ออกจะไม่เหมาะ”
เขาถอนใจเบาๆ
เขาตระหนักได้แล้วว่ากายมรรคไม้เขียวกำลังจะร่วงหล่นที่นี่
“หึ”
เจวี๋ยซิงไห่ไม่พูดพร่ำทำเพลงอีก สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
ตูม!
มือใหญ่สีทองปิดฟ้าข้างหนึ่งควบรวมกลางอากาศ กลิ่นอายนิรันดร์ที่บาดตาแน่นขนัดนับไม่ถ้วนโอบล้อมรอบมือใหญ่นั้น เข้าปกคลุมกายมรรคไม้เขียวของหลินสวิน
กายมรรคไม้เขียวของหลินสวินย่อมไม่นั่งนิ่งรอความตาย
แต่ก็ในชั่วพริบตาที่เขาคิดจะลงมือ แววประหลาดพลันปรากฏขึ้นในดวงตา
จากนั้น…
สวบๆๆๆ!
พริบตานี้เงาร่างสี่สายเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศมาจากที่ไกลลิบ พุ่งไปทางมือใหญ่สีทองนั่นพร้อมกัน
เป็นสี่กายมรรค เพลิงแดง ทองขาว ดินเหลือง และวารีดำ
ตูม!
ทั้งสี่ประกบโจมตี ถล่มมือใหญ่สีทองนั้นให้แหลกกระจุย กลายเป็นละอองแสงสีทองปลิวว่อนเต็มฟ้าในคราวเดียว
เจวี๋ยซิงไห่ประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ “ทำไมถึง…”
พวกหวังเต้าเฟิงที่ยืนอยู่ไกลๆ ก็อึ้งไปเช่นกัน เหตุใดจู่ๆ ถึงมีหลินสวินมาเพิ่มอีกสี่คน
ทันใดนั้นพวกเขาก็นึกขึ้นได้ ว่าในข่าวลือหลินสวินมีกายมรรคห้าร่าง กายมรรคแต่ละร่างมีมรรควิถีที่ไม่ด้อยไปกว่าร่างต้น!
วิชาลับเช่นนี้เหมือนกับ ‘กายสี่ลักษณ์เก้าวิญญาณ’ มรดกสูงสุดของตระกูลฝูนัก
แต่กายสี่ลักษณ์เก้าวิญญาณของทำได้เพียงควบรวมร่างแยกมหามรรคสี่ร่าง มิหนำซ้ำยังต้องตัดพลังจิตของร่างต้นออกเป็นสี่สายแล้วหลอมเข้าไปในร่างแยกแต่ละร่าง พลังต่อสู้ที่ใช้ก็มาจากมรรควิถีของร่างต้น
“คงไม่ใช่ว่าคนที่พวกเราต่อสู้ด้วยก่อนหน้านี้เป็นร่างแยกหนึ่งของหลินสวินกระมัง”
มีคนเอ่ยออกมาพร้อมสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไป
ประโยคเดียวทำให้คนอื่นๆ หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน ในใจปั่นป่วน
“สนใจไปไนว่าเขามีร่างแยกกี่ร่าง กำราบให้หมดเป็นพอ!”
รูปจำลองเจตจำนงเจวี๋ยซิงไห่แค่นเสียงหยัน ก้าวไปเบื้องหน้าโดยพลัน กลิ่นอายระดับนิรันดร์อันน่าสะพรึงแผ่กระจาย ตรึงร่างแยกทั้งห้าของหลินสวินไว้มั่น
เขาแกว่งหมัดสังหารผ่านอากาศ
ตูม!
พลังหมัดสีทองที่น่ากลัวพุ่งออกมา เผยท่วงทำนองอมตะนิรันดร์ กดข่มห้วงฟ้า ปกคลุมสิบทิศ มอบอานุภาพที่ไม่อาจสั่นคลอนให้กับทุกคน
ห้ากายมรรคของหลินสวินสบตากันปราดหนึ่ง ต่างทะลวงเมฆขึ้นไป ไม่หลบไม่หนี บุกไปหาเจวี๋ยซิงไห่
ทันทีที่เห็นภาพนี้ พวกหวังเต้าเฟิงต่างตาเบิกกว้าง
นั่นเป็นถึงรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ ทำไมหลินสวินถึงกล้าไปประจันหน้า
เปรียบดั่งมดเขย่าต้นไม้ใหญ่ เหมือนเอาไข่ไปทุบหิน น่าขันเป็นที่สุด!
กระนั้นภาพที่ทำให้พวกเขาต่างงุนงงก็ปรากฏขึ้นแล้ว พลังหมัดสีทองของเจวี๋ยซิงไห่ถูกห้ากายมรรคของหลินสวินระเบิดทั้งอย่างนั้น!
นี่ทำให้พวกเขาต่างตกตะลึง
เจวี๋ยซิงไห่ยังเผยสีหน้ายากจะเชื่อออกมา
ก็ในตอนนี้เอง รอยแยกมิติสายที่มหึมาหาใดเทียบสายหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฟ้าดินแห่งนี้อย่างเงียบงัน ส่วนลึกของรอยแยกมีประตูพันจั้งบานหนึ่งปรากฏ ประหนึ่งประตูสู่นรกเปิดออก หมายจะฉุดลากโลกทั้งใบให้เข้าไปภายใน
ประตูเนรเทศ!
เจวี๋ยซิงไห่เงยหน้าทันที สัมผัสได้ถึงอันตรายอย่างแรงกล้า เขาหน้าเปลี่ยนสีทันควัน เคลื่อนตัวหลบหนีอย่างไม่ลังเลสักนิด
ทว่ารอบทิศของเขาห้ากายมรรคล้วนโจมตีเข้ามา ทั้งยังปิดตายทางหนีของเขาโดยสมบูรณ์
“ไสหัวไป!”
เจวี๋ยซิงไห่ตวาดลั่น พลังทั้งร่างปะทุออกถึงขีดสุด ประกายสีทองทั้งตัวพุ่งทะลุเมฆ ตรงดิ่งไปสังหารกายมรรคไม้เขียวที่ได้รับบาดเจ็บหนักที่สุด
สำหรับเขาแล้ว การป้องกันฝั่งกายมรรคไม้เขียวทำลายง่ายที่สุด!
——