Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2931 ร่างต้นออกโรง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2931 ร่างต้นออกโรง
ตอนที่ 2931 ร่างต้นออกโรง
ตูม!
ท่ามกลางเสียงต่อสู้รุนแรง เจวี๋ยซิงไห่ถูกขัดขวาง
นัยน์ตาเขาพลันหดรัด เพิ่งเห็นชัดในยามนี้ว่าเบื้องหน้ากายมรรคไม้เขียวมีหลินสวินเพิ่มมาอีกคน
นี่ย่อมเป็นร่างต้นของหลินสวิน
“ฆ่า!”
ทันทีที่ร่างต้นปรากฏตัวก็เข้าโจมตีเจวี๋ยซิงไห่พร้อมกับร่างแยกอื่น
ชั่วขณะนี้ภายใต้การมาเยือนของประตูเนรเทศที่อยู่ใกล้เพียงเอื้อม นี่กระตุ้นให้เจวี๋ยซิงไห่ตาแดงก่ำ แผดเสียงคำราสะท้านฟ้า โจมตีสุดกำลัง
ด้วยมรรควิถีของเขา อีกทั้งยังโจมประหนึ่งไม่คิดชีวิต สามารถกวาดล้างระดับอมตะใดๆ ในใต้หล้าได้
แต่ในจำนวนนั้นย่อมไม่รวมหลินสวิน
ตูม
ภายใต้เสียงต่อสู้รุนแรง ร่างเจวี๋ยวซิงไห่ถูกขัดขวางอีกครั้ง
นี่ทำให้นัยน์ตาของเขาเบิกกว้าง มีความรู้สึกไม่กล้าเชื่อ
ขั้นหลุดพ้นขั้นปลายคนหนึ่ง กลับปะทะรูปจำลองเจตจำนงได้!
นี่ล้มล้างความรู้ความเข้าใจของของเจวี๋ยซิงไห่โดยสมบูรณ์
“แย่แล้ว!”
ยามเจวี๋ยซิงไห่พุ่งเข้าไปอีกครั้ง ประตูเนรเทศก็แผ่คลุมลง ทำให้เบื้องหน้าเขามืดไปทันที ร่างก็ถูกม้วนเข้าไปในนั้นอย่างไม่อาจควบคุม พริบตาเดียวก็หายลับไป
ตูม!
เวลาเดียวกันในพื้นที่ใกล้เคียงก็ปั่นป่วนเช่นกัน ประตูเนรเทศรัศมีพันจั้งโผล่ขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด ทั้งกลืนกินทุกอย่างลงไปในพริตา ทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์ใกล้ๆ สั่นไปทั้งร่าง ยามจะหลบหนีก็สายไปแล้ว
“ไม่…”
“สมควรตาย! นี่มันอภินิหารอะไรกัน”
“ช่วยข้าด้วย!!”
ท่ามกลางร้องเดือดดาล หวาดหวั่น ไม่ยินยอม มีร่างเฒ่าดึกดำบรรพ์สิบกว่าคนถูกหอบม้วนเข้าในประตูเนรเทศ พริบตาเดียวก็อันตธารไป
หวังเต้าเฟิงและเฒ่าดึกดำบรรพ์อื่นที่โชคดีรอดพ้น เห็นภาพนี้ก็กลัวจนเหงื่อไหลท่วมตัว หวาดผวาสุดขีด
รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์ที่น่าเกรงขาม ยังไม่ทันปลดปล่อยอานุภาพแท้จริงก็ถูกกลืนหายไป!
ส่วนพวกพ้องสิบกว่าคน แต่ละคนก็มีปราณขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ ทว่าเมื่อประตูมิติเปิดออกตรงหน้า กลับถูกหอบม้วนไปอย่างไม่อาจควบคุม…
ภาพอันน่าเหลือเชื่อเหล่านี้น่าสะพรึงกันเกินไปแล้ว!
“เก็บ!”
ร่างต้นหลินสวินความคิดขยับไหว ประตูเนรเทศที่รัศมีพันจั้งก็พลันกลายเป็นแสงเงาสายหนึ่งเข้าพันปลายนิ้วของเขา
เดิมทีประตูเนรเทศรัศมีพันจั้งก็คงอยู่ได้เพียงสิบกว่าลมหายใจเท่านั้น
ทว่าหลังจากหดลงหลายเท่า กลับยังสามารถอยู่ต่อได้อีกหนึ่งเค่อ!
สำหรับหลินสวินนี่ก็เกินพอแล้ว
เขาเก็บกายมรรคไม้เขียวที่บาดเจ็บสาหัสก่อน จากนั้นทะยานไปทางพวกหวังเต้าเฟิงที่อยู่ไกลออกไปพร้อมกายมรรคทั้งสี่
ก่อนหน้านี้หลังจากร่างต้นของเขาสัมผัสได้ถึงอันตรายของกายมรรคไม้เขียว ก็รีบมุ่งหน้ามาทางนี้ทันที กระทั่งมาถึงที่นี่จึงได้เข้าใจเรื่องทั้งหมดที่กายมรรคไม้เขียวเจอมา
โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าเมืองใหญ่ที่มีชีวิตมากมายถูกทำลายล้างในชั่วพริบตา ในใจหลินสวินก็สัมผัสได้ถึงไอสังหารกราดเกรี้ยวหาใดเปรียบของกายมรรคไม้เขียว
“ฆ่า!”
พวกหวังเต้าเฟิงจะนั่งงอมืองอเท้าได้อย่างไร ลงมือทันทีเช่นกัน
ตูมโครม!
ทว่าเพียงพริบตาเดียว ร่างของพวกเขาก็ถูกโจมตีกระจัดกระจาย
ร่างต้นของหลินสวินและกายมรรคทั้งสี่ดั่งปลายมีดคมกริบไร้คู่ต่อกร ต่อให้พันธมิตรสงครามสิบตระกูลมีคนมากมาย แต่มีหรือจะต้านคมประกายที่พุ่งมาได้ พริบตาก็แตกซ่าน
นี่ทำเอาพวกเขาหน้าถอดสี
ก่อนหน้านี้เพียงแค่ร่างแยกสายหนึ่งของหลินสวินก็สู้กับพวกเขาได้พักใหญ่ ทั้งยังฆ่าพวกพ้องของพวกเขาหลายคนในการต่อสู้
ตอนนี้หลินสวินกับกายมรรคทั้งสี่ลงมือพร้อมกัน พลังสังหารจึงเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว!
“ตาย!”
ทันทีที่นิ้วมือร่างต้นของหลินสวินกรีดลง ปราณกระบี่สายหนึ่งพร้อมด้วยประตูเนรเทศที่เปลี่ยนเป็นเงาแสงก็พุ่งออกมา ฟันใส่สมบัติของเฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่ง
เคร้ง!
ท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่น เฒ่าดึกดำบรรพ์และสมบัติของเขาก็อันตธารหายไปในความว่างเปล่า ถูกประตูเนรเทศม้วนเข้าไปตรงๆ แล้ว
จากนั้นหลินสวินทำแบบเดียวกัน ก็เห็นว่าทุกที่ที่เขาผ่าน ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์เหล่านั้นต่างคล้ายระเหยไปจากโลก หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ไม่กี่พริบตาเท่านั้นก็มีเฒ่าดึกดำบรรพ์หกคนถูกกลืนกิน!
ภาพแปลกประหลาดนี้ทำเอาคนไม่รู้เท่าไรอกสั่นขวัญแขวน!
ส่วนทางด้านอื่น กายมรรคทั้งสี่อย่างเพลิงแดง ทองขาว วารีดำ ดินเหลืองก็สำแดงพลังต่อสู้กร้าวแกร่งไร้ใดเปรียบออกมาเช่นกัน โจมตีในสนามรบราวกับจะบดขยี้
คู่ต่อสู้ที่ถูกพวกเขาจับจ้อง แม้ต่อต้านสุดชีวิตก็ไร้ทางขัดขืน กลับกันยังถูกสังหารคาที่ทั้งหมด เลือดข้นร้อนสาดออกมาไม่หยุด
เห็นเช่นนี้หวังเต้าเฟิงตาเบิกโพลงแทบคลั่งแล้ว
ครั้งนี้ขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์สี่สิบคนรวมตัวกันมา เดิมคิดว่าจะสามารถบดขยี้หลินสวินได้อย่างเด็ดขาดเป็นแน่
แต่เมื่อสถานการณ์พัฒนาไป กลับต่างไปจากที่พวกเขาคาดการณ์อย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้ในหมู่พวกเขามีสี่คนถูกกายมรรคไม้เขียวฆ่า จากนั้นเจวี๋ยซิงไห่และคนอื่นอีกสิบเอ็ดคนถูกประตูเนรเทศกลืนกินไป
และตามมาด้วยหลินสวินกับร่างแยกอื่นโจมตีเข้ามา เฒ่าดึกดำบรรพ์เก้าคนทยอยถูกสังหารติดๆ กัน
ถึงตอนนี้ในสนามรบเหลือเพียงสิบหกคนเท่านั้น!
ตายไปมากกว่าครึ่ง!
อีกทั้งหากไม่อาจหยุดหลินสวินไว้ได้ ความตายเช่นนี้ก็ยังจะดำเนินต่อไป
“มัวลังเลอะไร รีบเชิญผู้อาวุโสอีกสองคนให้ลงมือเร็วเข้า!!”
หวังเต้าเฟิงคำราม เสียงสะท้านฟ้าดิน艾琳小說
ทันใดนั้นก็เห็นในสนามรบปรากฏกลิ่นอายระดับนิรันดร์น่าพรั่นพรึงออกมาสองสาย
แบ่งเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง
ฝ่าชายสวมเกราะที่แดงสดดุจโลหิต ร่างกายสูงใหญ่ปานภูเขา เปลวไฟลุกโชนทั่วร่าง กลิ่นอายน่าครั่นคราม
ผานอู่สยง!
ระดับนิรันดร์คนหนึ่งของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลผานอู่น่านฟ้าที่เก้า!
ฝ่ายหญิงมวยผมยาว สวมชุดกระโปรงสีเขียวมรกต ผิวพรรณผุดผ่อง ทั่วร่างรายล้อมด้วยแสงมรรคนิรันดร์ราวหมอกน้ำเป็นสายๆ
ไท่เฮ่าหานเว่ย!
ระดับนิรันดร์ของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลไท่เฮ่าน่านฟ้าที่เก้า
ทันทีที่ทั้งสองปรากฏตัว สายตาก็จับจ้องไปยังร่างต้นและร่างแยกของหลินสวินด้วยสีหน้าเย็นชาสุดขีด
แค่ที่เหนือคาดคือหลินสวินดันพุ่งเข้าหาพวกเข้าตรงๆ โดยไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
“พวกมดปลวด ไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ!”
ผานอู่สยงคำรามเย็นชา กลางฝ่ามือทวนเล่มหนึ่งควบรวมออกมาแล้วแทงออกไปทันที
ตูม!
แสงมรรคนิรันดร์น่าหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็นวังน้ำวน รัดพันรอบทวนศึก ปลดปล่อยอานุภาพ คล้ายว่าสามารถเปิดแยกเวิ้งฟ้าหมื่นกาล สะเทือนหมื่นโลก
เผด็จการหาใดเปรียบ!
ก็เห็นที่ปลายนิ้วของร่างต้นหลินสวิน ประตูเนรเทศที่เดิมประหนึ่งลำแสงสายหนึ่งขยายใหญ่ขึ้นโดยพลัน คล้ายปากสัตว์ร้ายที่โผล่ขึ้นกลางอากาศ เข้ากลืนกินทันที
ผานอู่สยงสัมผัสถึงอันตรายได้ทันที ทว่ายามจะหลบหนี กายมรรคทั้งสี่ของหลินสวินก็ทะยานเข้ามาโจมตีขนาบเขา
“ผู้อาวุโสหลบเร็ว!!”
พริบตานั้นพวกหวังเต้าเฟิงๆ ตะโกนลั่น ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยเห็นความน่ากลัวของประตูเนรเทศมาแล้ว ทั้งยังเห็นภาพที่รูปจำลองเจตจำนงของเจวี๋ยซิงไห่ถูกกลืนหายไปกับตา
แต่น่าเสียดาย สุดท้ายการร้องเตือนของพวกเขาก็ช้าเกินไป
ตูม!
ฟ้าดินแถบนั้นปั่นป่วน กายมรรคทั้งสี่ของหลินสวินและผานอู่สยงปะทะกันอย่างรุนแรง ฉุดรั้งผานอู่สยงไว้ได้
“สารเลว! ถึงกับกล้ารุมข้า!!”
ผานอู่สยงคำรามเดือดดาลยิ่ง แต่สุดท้ายเขากับกายมรรคทั้งสี่ของหลินสวินก็ยังถูกประตูเนรเทศกลืนหายไปด้วยกัน
มือเท้าพวกหวังเต้าเฟิงเย็นเฉียบ วิญญาณแทบหลุดลอยแล้ว
เป็นไปได้อย่างไร!!!
ส่วนไท่เฮ่าหานเว่ยก็โดนภาพนี้ทำเอาตะลึงเช่นกัน ใบหน้างามแปรเปลี่ยน
เดิมทีก่อนหน้านี้นางตั้งใจจะเข้าช่วยเหลือ แต่หลังจากสังเกตเห็นพลังแห่งกาลเวลาอันแปลกประหลาดของประตูเนรเทศนั่นจึงฝืนทนเอาไว้
แต่ตอนนี้ภาพที่ผานอู่สยงถูกกลืนหายไปต่อหน้าต่อตาทำเอาในใจนางสะท้านเช่นกัน ลอบถอนหายใจโชคดี ถ้าเมื่อครู่เข้าไปช่วย เกรงว่าตนคงถูกหอบม้วนเข้าไปในนั้นด้วยแล้ว
ปึง!
เวลานี้พลังของประตูเนรเทศอ่อนลงแล้ว หายไปจนหมด
“ไป!”
ไท่เฮ่าหานเว่ยตัดสินใจจากไปอย่างไม่ลังเล
ความพิสดารและอันตรายของการต่อสู้ตรงหน้ามีมากเกินไป โดยเฉพาะการร่วงหล่นของผ่านอู่สยงที่ทำเอานางได้กลิ่นภัยคุกคามถึงชีวิต
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มีแต่การจากไปเท่านั้นจึงจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุด
ทันทีที่นางโบกแขนเสื้อ ก็พาพวกหวังต้าเฟิงจากไป
ก็เป็นเวลานี้ที่หลินสวินสำแดงอภินิหารประทับผนึกเวลา
วู้ม!
กลางฟ้าดิน กฎเกณฑ์กาลเวลาถูกชักนำ เปลี่ยนเป็นลำแสงนับไม่ถ้วน ตัดสลับและควบรวมเป็นกระบวนผนึกละเอียดอ่อนอัศจรรย์กระบวนหนึ่ง ปกคลุมกลางฟ้าดินภูผาธารา
พริบตาเดียวสีหน้าร่างต้นของหลินสวินก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดไม่น้อย
การใช้อภินิหารประตูเนรเทศและประทับผนึกเวลาติดต่อกันทำให้พลังกายของเขาถูกผลาญไปมหาศาลเช่นกัน ถ้าการต่อสู้ยังยืดเยื้อต่อไปอีกคงกลายเป็นตะเกรียงไร้น้ำมัน
ตูม!
ไกลออกไปไท่เฮ่าหานเว่ยกับหวังเต้าเฟิงกำลังโจมตีประทับผนึกเวลา ไม่ทันไรหัวใจพวกเขาล้วนจมดิ่ง ตัดสินได้ว่าในเวลาอันสั้นไม่มีทางเจาะพลังผนึกนี้ได้แม้แต่น้อย
ต่อให้ไท่เฮ่าหานเว่ยใช้พลังทั้งหมดโจมตีก็ต้องใช้เวลาสองสามชั่วยาม!
นี่ทำให้พวกเขาเดือดดาลและหวาดกลัวสลับกัน ถึงขั้นเย็นวาบไปถึงกระดูก
ตั้งแต่ต้นจนจบ แค่หลินสวินคนเดียวก็ทำให้พวกเขาล้มตายเป็นจำนวนมากเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ใครเล่าจะกล้าจินตาการ
“ทุกคนวางใจ พลังของเจ้าหมอนี่ใกล้หมดแล้ว ยืนหยัดได้อีกไม่นานแล้ว”
ไท่เฮ่าหานเว่ยพลันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของพลังขับเคลื่อนรอบตัวหลินสวิน นัยน์ตาวาบประกายอย่างอดไม่อยู่ สีหน้าเจือไอสังหารเยียบเย็น
พวกหวังต้าเฟิงที่เดิมทีกระวนกระวายดุจไฟเผา แต่เมื่อหลังเห็นท่าทีของหลินสวินแต่ละคนก็เผยแววปิติยินดี เป็นเช่นนั้นดังคาด!
“พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้ ข้าจะจัดการเจ้าหมอนี่ด้วยมือข้าเอง”
ไท่เฮ่าหานเว่ยเอ่ยอย่างเยียบเย็น
ก่อนหน้านี้ยามเผชิญหน้ากับเจ้าหนุ่มขั้นหลุดพ้นขั้นปลายผู้นี้นางกลับไม่กล้าไปสู้ ทำได้เพียงเลือกถอยหนี นี่เท่ากับทำลายศักดิ์ศรีของตนไม่น้อย
ครั้งนี้ถ้าไม่คว้าโอกาสกำราบหลินสวิน ภายหน้าเมื่อข่าวกระจายกลับไปน่านฟ้าที่เก้า ศักดิ์ศรีของนางต้องเสียหายเป็นแน่
“ไม่ต้องรีบร้อน ครั้งนี้พวกเจ้าไม่ว่าใครก็หนีไม่พ้น”
หลินสวินหยิบขวดหยกออกมาขวดหนึ่ง รินน้ำค้างเทพฟ้าประทานหยดหนึ่งบนริมฝีปาก
ครืน!
ในร่างเขาราวกับระเบิดออกในชั่วพริบตา พลังพลุ่งพล่านไร้ใดเปรียบไหลบ่าเข้ามาไม่หยุด พลังกายที่ผลาญไปเกือบหมดถึงกับฟื้นกลับมาในอึดใจเดียว พลังขับเคลื่อนทั่วร่างล้วนฟื้นคืนสู่สภาวะสูงสุด
นี่คือผลลัพธ์น่าอัศจรรย์ของน้ำค้างเทพฟ้าประทาน
ในมือหลินสวินมีทั้งหมดเก้าหยด เป็นรางวัลที่ใหญ่ที่สุดชิ้นหนึ่ง ได้รับมายามกลับถึงลัทธิแรกกำเนิดจากแดนมารสิบทิศในปีนั้น
น้ำค้างเทพฟ้าประทานแต่ละหยดเรียกได้ว่าหายากและล้ำค่าถึงขีดสุด เกิดจากพลังระเบียบระดับเทพในลัทธิแรกกำเนิด นอกจากมีประโยชน์ไม่อาจประเมินต่อผู้ฝึกปราณแล้ว จุดที่เย้ยฟ้าที่สุดของมันก็อยู่ที่ ในระหว่างการต่อสู้หากมีเค้าลางว่าพลังกายจะหมด ขอเพียงดื่มหนึ่งหยดก็สามารถฟื้นคืนสู่สภาวะสุดยอดได้ในชั่วพริบตา
ในหลายปีนี้หลินสวินตัดใจไม่ใช้มาตลอด
แต่วันนี้เขาไม่เสียดายอีกแล้ว!
ห่างออกไป การเปลี่ยนแปลงของพลังขับเคลื่อนบนร่างหลินสวินถูกไท่เฮ่าหานเว่ยและพวกหวังเต้าเฟิงมองเห็นเช่นกัน แต่ละคนเหมือนโดนสายฟ้าฟาด แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
ก่อนหน้านี้หลินสวินกำลังตจะเป็นตะเกียงไร้น้ำมันแล้ว พวกเขาถึงได้กล้ารั้งรอ
แต่ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับหลินสวินในสภาพสมบูรณ์สูงสุด…
รูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์อย่างไท่เฮ่าหานเว่ยยังเกิดความรู้สึกไม่เข้าทีอย่างที่สุด
……………………….