Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2966 ต้นตัดมรรค
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2966 ต้นตัดมรรค
ตอนที่ 2966 ต้นตัดมรรค
“หรือเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้น ไม่ได้การแล้ว รอเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว”
ครู่ใหญ่หวังจ้งเทียนสูดหายใจลึก เขาตัดสินใจส่งคนไปตระกูลตงหวงทันที
แต่ตอนที่เขาเตรียมจะออกคำสั่งนั้นเอง เสียงร้องตื่นตระหนกพลันดังขึ้นนอกโถงใหญ่
“ผู้นำตระกูล แย่แล้ว! ‘โคมวิญญาณอมตะ’ ที่ผู้อาวุโสชั้นสูงสองคนทิ้งไว้ดับไปแล้ว!”
โครม!
หวังจ้งเทียนเพียงรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า แม้แต่ศีรษะยังรู้สึกเหมือนจะระเบิดออก
ผู้อาวุโสชั้นสูงทั้งสอง… ร่วงหล่นแล้วหรือ!?
คนตายเหมือนดั่งโคมดับ
โคมวิญญาณอมตะดับสิ้น ก็หมายความว่าพลังจิตของผู้อาวุโสชั้นสูงทั้งสองอย่างหวังเต้าชวน หวังฝูผิงถูกบดขยี้อย่างสิ้นเชิงแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นคืนกลับมาได้อีก
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร… หรือพวกเฒ่าชราลัทธิแรกกำเนิดมาโจมตีน่านฟ้าที่แปดพร้อมกับหลินสวินด้วย”
หวังจ้งเทียนพยายามทำให้ตนสงบ แต่จิตใจเขาว้าวุ่นไปหมดแล้ว
เขาตระหนักได้ว่าผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นแล้ว เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือต้องเคลื่อนไหวโดยเร็วที่สุด
“ใครก็ได้ ไปปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณของยักษ์ใหญ่อมตะอื่นๆ! เดี๋ยวนี้!”
หวังจ้งเทียนออกคำสั่งเสียงขรึม
“ขอรับ!”
นอกโถงใหญ่มีคนรับคำสั่งจากไป
‘โชคดีที่ข้าให้คนในตระกูลทั้งหมดไปอยู่ใน ‘เจดีย์นภามหาวิญญาณ’ ล่วงหน้าแล้ว สามารถพาพวกเขาจากไปได้ตลอดเวลา…’
หวังจ้งเทียนลอบรู้สึกโชคดี
ไม่กี่วันก่อนหลังจากหวังเต้าชวนกับหวังฝูผิงจากไป หวังจ้งเทียนก็เคลื่อนไหว จัดแจงคนในตระกูลทั้งหมด
ในเขาเทพยอดน้ำแข็งตอนนี้เหลือเพียงแค่ ‘คนนอก’ ที่อุทิศตนรับใช้ตระกูลหวัง
‘รอปิดค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ ข้าจะนำพลังระเบียบและเจดีย์นภามหาวิญญาณของตระกูลจากไป ถึงตอนนั้นแม้กำลังพลของลัทธิแรกกำเนิดโจมตีมา สิ่งที่เหลือให้พวกเขาก็คือเขาเทพยอดน้ำแข็งที่ว่างเปล่าเท่านั้น…’
หวังจ้งเทียนสูดหายใจลึกสองสามครา ตัดสินใจจะไปเก็บต้นกำเนิดระเบียบของตระกูลตอนนี้
ตูม!
ก็ตอนนี้เองเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นระลอกหนึ่งดังขึ้น ทำลายความเงียบของยามรัตติกาล
หวังจ้งเทียนนัยน์ตาหดรัด หน้าเปลี่ยนสียิ่ง หรือพวกหลินสวินกับยพวกลัทธิแรกกำเนิดโจมตีแล้ว
เขาพุ่งออกไปนอกโถงทันที
ไกลออกไปเสียงตะโกนดังขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า แสงมรรคพร่างพราวบาดตาพุ่งสู่ท้องฟ้า ส่องสว่างฟ้าสีรัตติกาล ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่พิทักษ์ตระกูลหวัง โดยแทบจะเป็น ‘คนนอก’ ทั้งหมด
เพียงแต่แสงไหวเคลื่อนที่เจิดจ้านั้น ยามนี้ราวกับดอกไม้ไฟที่หายวับไปในชั่วพริบตา เพิ่งจะพุ่งออกไปก็หายไปในท้องฟ้าสีรัตติกาลปานหมึกดำนั่น
ไม่มีเสียงโหยหวน ไม่มีการดิ้นรน ทุกอย่างล้วนดำเนินไปอย่างเงียบๆ
หวังจ้งเทียนหัวใจหล่นวูบ
เขาจะดูไม่ออกได้อย่างไรว่าผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นเพิ่งพุ่งออกมา ยังไม่ทันตอบสนองด้วยซ้ำก็ถูกสังหารแล้ว
สวบ!
เขาเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ มุ่งหน้าไปเขตหวงห้ามของตระกูล
ศัตรูโจมตีแล้ว เขาไม่สนอย่างอื่นอีก คิดเพียงไปนำพลังระเบียบมาให้เร็วที่สุด จากนั้นก็ไปจากเขาเทพยอดน้ำแข็งโดยตรง
พลังระเบียบคือรากฐานของตระกูล ถ้าไม่ถูกชิงไปภายหน้าย่อมมีหวังตั้งรกรากได้ใหม่อีกครั้ง
เช่นเดียวกัน ขอเพียงแค่คนตระกูลหวังในเจดีย์นภามหาวิญญาณยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลหวังก็มีโอกาสจะคงอยู่ชั่วนิรันดร์
“ถึงแล้ว”
ไม่นานต้นไม้โบราณต้นหนึ่งปรากฏในสายตา
ต้นไม้นี้สูงไม่เกินเก้าจั้ง ดำตลอดทั้งต้น เผยประกายปานโลหะ แต่ละกิ่งราวกับโซ่เทพที่แหลมคมมากมาย ทิ้งดิ่งลงมา
คลื่นระเบียบที่พาให้คนใจสั่นแผ่จากบนต้นไม้นี้ ให้ความรู้สึกเหมือนสิ่งที่เผชิญหน้าไม่ใช่ต้นไม้ แต่เป็นทัณฑ์สวรรค์
ต้นตัดมรรค!
นี่ก็คือระเบียบระดับสวรรค์ขั้นเก้าหายากที่คุ้มครองและหล่อเลี้ยงตระกูลหวังมาในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ผู้แข็งแกร่งในอดีตของตระกูลหวังล้วนผงาดขึ้นทีละก้าวจากการหยั่งรู้นัยเร้นลับที่สั่งสมอยู่ในต้นไม้ต้นนี้!
‘สักวันข้าจะพาเจ้าหวนกลับมา’
ในดวงตาหวังจ้งเทียนเผยความเจ็บปวด แต่เพียงพริบตาก็ถูกความนิ่งสงบเข้าแทนที่
เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กำลังจะลงมือ
ทันใดนั้นเสียงราบเรียบหนึ่งดังขึ้น “นี่ก็คือพลังระเบียบของตระกูลหวังของพวกเจ้าหรือ แปลกประหลาดมากดังคาด กระบี่ตัดมรรคนั่นก็หลอมจากพลังต้นกำเนิดส่วนหนึ่งของระเบียบนี้หรือ”
หวังจ้งเทียนสะดุ้งตกใจ
เขาหมายจะบีบยันต์หยกรูปกระบี่บินที่เตรียมเอาไว้ให้แหลกละเอียดในทันที
การตอบสนองของเขาใช่ว่าไม่เร็ว แต่ยังมีสิ่งที่เร็วกว่าเขา ในขณะที่เสียงราบเรียบนั่นดังขึ้น เงาร่างสามร่างปรากฏกลางอากาศ ล้อมเขาไว้เป็นมุมสามเหลี่ยม
ปัง!
ชั่วพริบตากฎเกณฑ์อมตะทั้งหมดของหวังจ้งเทียนถูกตัดทำลายเหมือนกระดาษเปื่อย ลำคอถูกมือข้างหนึ่งคว้าเอาไว้ ขยับตัวไม่ได้ในทันที แม้แต่เรี่ยวแรงสักเสี้ยวก็ไม่สามารถเค้นออกมาได้
ยันต์หยกที่กำอยู่ในมือตอนแรกก็ร่วงลงพื้นไปด้วย ส่งเสียงกังวาน
หวังจ้งเทียนพลันหน้าซีดขาว ตาแทบถลนออกมา รู้สึกเหมือนพังทลายไปทั้งตัว
การโจมตีเดียวก็กำราบตนได้แล้วหรือ!?
ในฐานะผู้นำตระกูลหวัง หวังจ้งเทียนเองก็เป็นขั้นหลุดพ้นสัมบูรณ์ที่แข็งแกร่งอย่างที่สุดคนหนึ่งเช่นกัน แต่เขากลับไม่สามารถจินตนาการได้ว่าเหตุใดตนจึงถูกกำราบโดยไม่รู้ตัวเช่นนี้
นี่ทำให้เขาแทบอึ้งค้าง
“ในยักต์หยกนี้คงจะเป็นรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์กระมัง น่าเสียดาย ตอนนี้ไม่มีประโยชน์สำหรับเจ้าแล้ว”
กายมรรคเพลิงแดงของหลินสวินคว้าลำคอของหวังจ้งเทียนไว้มั่น ส่วนกายมรรคดินเหลืองเก็บยันต์หยกบนพื้นขึ้นมาเล่นในมือ
อีกด้านกายมรรคไม้เขียวก็กำลังพินิจต้นตัดมรรคที่อยู่ไม่ไกลนัก
ไกลๆ เสียงปะทะต่อสู้ดังขึ้นเป็นระยะๆ เป็นกายมรรคทองขาวที่กำลังต่อสู้อยู่
ยามเห็นภาพนี้หวังจ้งเทียนยังยากจะเชื่อ “คนที่มาน่านฟ้าที่แปดครั้งนี้มีแค่เจ้าคนเดียวหรือ”
“ไม่ผิด”
กายมรรคเพลิงแดงของหลินสวินพยักหน้า “อีกทั้งตระกูลตงหวงจบสิ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกำลังพลที่ตระกูลหวังของพวกเจ้าส่งไป หรือเป็นเฒ่าชราที่ขุมอำนาจอื่นส่งไปล้วนถูกฆ่าทั้งหมดแล้ว”
หวังจ้งเทียนตาถลน สีหน้าเปลี่ยนไปไม่สามารถสงบได้ เห็นชัดว่าไม่อาจเชื่อได้ “นี่เป็นไปไม่ได้ ด้วยพลังของเจ้าจะทำถึงขั้นนั้นได้อย่างไร”
“เชื่อหรือไม่ก็ไม่เป็นไร”
กายมรรคเพลิงแดงของหลินสวินว่าพลางกดฝ่ามือลงไปเงียบๆ
ฮูม…
ละอองแสงเปลวเพลิงแถบหนึ่งปรากฏ ชั่วพริบตาร่างมรรคที่เรียกได้ว่าอมตะไม่เสื่อมสลายของหวังจ้งเทียนก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน ส่วนพลังจิตของเขาถูกหลินสวินคว้าไว้อย่างมั่นคง
“เจ้าจะทำอะไร!?” หวังจ้งเทียนตะโกนเดือดดาล แม้เขาเป็นผู้นำตระกูลหวัง ทว่ายามเผชิญหน้ากับการคุกคามที่เกี่ยวข้องกับความเป็นตายเช่นนี้ก็ยังไม่สามารถสงบได้
กายมรรคเพลิงแดงของหลินสวินพูดลวกๆ “คนตระกูลหวังของพวกเจ้าคงไม่ได้มีแค่นี้ หากข้าถามเจ้า คิดว่าเจ้าคงไม่ตอบตามความจริง เช่นนี้วิธีที่ได้ผลมากที่สุดแน่นอนว่าเป็นการค้นวิญญาณ”
หวังจ้งเทียนรู้สึกเพียงว่าฟ้าจะถล่มลงมา นึกถึงคนตระกูลหวังที่ถูกตนจัดแจงให้อยู่ในเจดีย์นภามหาวิญญาณ
“ไม่ เจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้ ไม่ได้…!”
เขาตะโกน ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง
แต่ล้วนไม่มีประโยชน์ ชั่วพริบตาจิตรับรู้ของหลินสวินก็แทรกเข้าไปในพลังจิตของเขาอย่างรุนแรง ราวกับกระบี่ที่แหลมคม
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นหลินสวินเก็บจิตรับรู้แล้วเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเตรียมพร้อมไว้แล้วเช่นนี้ หากข้ามาช้ากว่านี้สักหน่อยตระกูลหวังของพวกเจ้าคงหนีไปได้”
หวังจ้งเทียนเพิ่งหมายจะพูดอะไร เสียงปังก็ดังขึ้นคราหนึ่ง พลังจิตของเขาระเบิดออกกลายเป็นละอองแสงแล้ว
“สมบัตินี้คงจะเป็นเจดีย์นภามหาวิญญาณ”
กายมรรคเพลิงแดงของหลินสวินหยิบเจดีย์สมบัติขนาดประมาณฝ่ามือบนพื้นขึ้นมา ก่อนหน้านี้หลังจากเขาทำลายร่างมรรคของหวังจ้งเทียน สมบัติทั้งหมดของอีกฝ่ายก็ตกอยู่ในมือเขา และเจดีย์สมบัตินี้ก็ซ่อนอยู่ภายในนั้น
“นี่ถือว่าลดความลำบากให้ข้าไม่น้อย”
ดวงตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ
หากเขาเดาไม่ผิด ทรัพยากรฝึกปราณและความมั่งคั่งที่ตระกูลหวังสั่งสมมา คงจะถูกเก็บไว้ในเจดีย์นภามหาวิญญาณเช่นกัน
เขาสะบัดแขนเสื้อเก็บสมบัติ
ตูม!
ต้นตัดมรรคถูกถอนมาทั้งราก ตกอยู่กลางฝ่ามือเขา
“ควรไปตระกูลต่อไปแล้ว”
หลินสวินไม่กล้าชักช้า ร่างแยกมหามรรคของเขามาถึงหน้าค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณพร้อมกัน
แม้อาณาเขตตระกูลตงหวงและตระกูลหวังจะถูกทำลาย แต่ยังมียักษ์ใหญ่อมตะอีกแปดตระกูล หากไม่ทำเวลาเป็นไปได้สูงมากว่ายักษ์ใหญ่อมตะเหล่านี้จะชิงหนีไปก่อน
วู้ม…
ระลอกคลื่นห้วงอากาศพลุ่งพล่าน สี่กายมรรคของหลินสวินลับหายไปกลางอากาศ
……
เขาเทพสะท้อนหิมะ
อาณาเขตที่ยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลฉียึดครอง
กลางดึกในตระกูลฉีวุ่นวายอลม่านทั้งแถบ
“เร็ว ทุกคนไปที่ ‘โถงเทพห้วงจิต’! หนึ่งเค่อให้หลังผู้นำตระกูลจะพาพวกเราจากไป!”
เสียงตะโกนดังขึ้นเป็นระลอก
“เหตุใดจึงต้องจากไป”
คนในตระกูลหลายคนมึนงง ไม่เข้าใจสถานการณ์
“ยังจะถามเยอะขนาดนั้นทำไม รีบไป!”
…โถงใหญ่ของตระกูล ฉีซูเหิงร้อนรนหาใดเปรียบ เขาเพิ่งได้รับข่าวว่าโคมวิญญาณอมตะของผู้อาวุโสที่ส่งไปตระกูลตงหวงดับลงแล้ว
ข่าวร้ายนี้ทำให้เขาตระหนักถึงอันตราย จึงเคลื่อนไหวในทันที
“ผู้นำตระกูล เอาพลังต้นกำเนิดระเบียบมาแล้ว”
“ผู้นำตระกูล คนสำคัญทุกคนในตระกูลล้วนส่งไปโถงเทพห้วงจิตแล้ว ตอนนี้รอคนในตระกูลคนอื่นๆ เร่งมาถึง เชื่อว่าอีกไม่ถึงครึ่งเค่อก็จะรวมตัวเสร็จสิ้น”
“ผู้นำตระกูล…”
ข่าวมากมายไหลหลั่งมา ทำให้สภาวะจิตที่ร้อนรุ่มของฉีซูเหิงสงบลงไม่น้อย
“รอต่อไปไม่ได้แล้ว จะต้องจากไปตอนนี้!”
ฉีซูเหิงกัดฟัน ตัดสินใจทิ้งคนในตระกูลที่ไม่มีความสำคัญเหล่านั้น นำโถงเทพห้วงจิตและต้นกำเนิดระเบียบจากไป
แต่ตอนนี้เองเสียงตื่นตระหนกดังขึ้นจากนอกโถงใหญ่ “ผู้นำตระกูลแย่แล้ว โถงเทพห้วงจิตถูกคนชิงไปแล้ว!”
“อะไรนะ!?”
ฉีซูเหิงตะลึง โถงเทพห้วงจิตเป็นยอดสมบัติชิ้นหนึ่ง สามารถบรรจุโลกแห่งหนึ่งได้ ตอนนี้ถูกเขาใช้บรรทุกผู้คนทั้งบนล่างของตระกูล
แต่ตอนนี้สมบัตินี้กลับถูกชิงไปแล้ว!
“เป็นใคร”
ฉีซูเหิงเดือดดาลหน้าคล้ำเขียว
นอกโถงใหญ่ เสียงทึบหนักสายหนึ่งดังขึ้น คนในตระกูลที่รายงานข่าวกลายสภาพเป็นฝุ่นผงหายไปอย่างไร้สุ้มเสียง
จากนั้นเงาร่างหนึ่งเดินเข้ามา
สวมชุดเขียวทั้งตัว ราบเรียบละโลกีย์ เป็นกายมรรคไม้เขียวของหลินสวินนั่นเอง
“เจ้า… เจ้า…”
หัวใจฉีซูเหิงเย็นเยือกไปหมดแล้ว หลินสวิน! เจ้าหมอนี่ถึงกับโจมตีมาแล้ว!
“เหตุใดจึงไม่ใช้พลังเจตจำนงระดับนิรันดร์”
หลินสวินถาม
ฉีซูเหิงพูดเสียงขรึม “หลินสวิน…”
ตูม!
เขาเพิ่งเอ่ยปาก หลินสวินก็ลงมือแล้ว ฝ่ามือดุจกระบี่ฟันลงกลางอากาศ
แม้ฉีซูเหิงจะต้านสุดกำลังแต่จะเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวินได้อย่างไร ไม่กี่พริบตาก็ถูกกำราบ กดลงกับพื้นประหนึ่งนักโทษ
จนกระทั่งตอนนี้ในที่สุดหลินสวินจึงเข้าใจ กล่าวว่า “ที่แท้ตระกูลฉีที่ยิ่งใหญ่ ยามนี้ถึงขั้นไม่มีรูปจำลองเจตจำนงระดับนิรันดร์มาช่วยอีกแล้ว…”
เสียงเผยความดูถูกที่ไม่ปกปิดสักนิด
หัวใจฉีซูเหิงแตกสลายแล้ว!
……………….