Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2974 เรื่องอดีตมากมาย รับรู้ด้วยตัวเอง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2974 เรื่องอดีตมากมาย รับรู้ด้วยตัวเอง
ตอนที่ 2974 เรื่องอดีตมากมาย รับรู้ด้วยตัวเอง
เมื่อเงาร่างสูงตระหง่านนั้นปรากฏตัว
ปัง!
พลังฝ่ามือของชายชุดเทากลายเป็นฟองสบู่ลอยล่องไปโดยไร้สุ้มเสียง
ตูม!
จากนั้นการโจมตีของคนอื่นที่อยู่ใกล้ ยังไม่ทันเข้าประชิดก็ล้วนถูกต้านทานสลายไป
ชายชุดเทานัยน์ตาหดรัด ตระหนักได้ว่าท่าไม่ดี กล่าวเสียงแข็ง “เจ้าเป็นใคร ถึงกับกล้าขวางภารกิจ ‘เรือนเทพครามลอยล่อง’ ของข้าหรือ”
บรรยากาศเงียบสงัดลง พวกชายชุดเทาสีหน้าอึมครึมปรวนแปรไม่หยุด
บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ซึ่งรอดจากความตายมองเงาร่างที่ปรากฏตรงหน้าตนอย่างยากจะเชื่อ “เจ้า… เจ้าคือจักรพรรดิเต้ายวนหรือ”
หลินสวินพยักหน้ากล่าว “ที่แท้ผู้อาวุโสยังจำข้าคนแซ่หลินได้”
บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่กล่าวอย่างตื่นเต้น “เป็นเจ้าจริงๆ ข้ายังคิดว่าฝันไป เจ้า… เจ้าไม่ได้มุ่งหน้าไปฟากฝั่งฟ้าดาราแล้วหรือ”
หลินสวินกล่าว “เพิ่งกลับมา ผู้อาวุโส คนพวกนี้เป็นใคร ทำไมต้องตามล่าท่านด้วย”
บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่เพิ่งตระหนักได้อย่างฉับพลันว่าสถานการณ์ตอนนี้อันตราย หน้าเปลี่ยนสีกล่าว “เจ้ารีบหนีไป พวกเขามาจากแดนดาราเทพผงาด ในขุมอำนาจมีพวกน่ากลัวระดับอมตะบัญชาการ!”
“คิดหนีหรือ สายไปแล้ว!”
ห่างไปไม่ไกลชายชุดเทาที่ถูกมองข้ามมาตลอดกล่าวสีหน้าอึมครึม “จักรพรรดิเต้ายวนอะไร ล่วงเกินเรือนเทพครามลอยล่องของข้าก็ต้องใช้ความตายไถ่โทษ!”
เพี๊ยะ!
ฝ่ามือไร้รูปหนึ่งฟาดใส่ชายชุดเทาเต็มๆ ร่างเขาระเบิดกระจุยในพริบตา พลังจิตล้วนกลายเป็นจุณ
ผู้ลงมือคือเสวียนจิ่วอิ้น เขายิ้มหยอกล้อ “หากเป็นเมื่อก่อน มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิก็เป็นบุคคลที่พวกข้าได้แต่แหงนมอง แต่ตอนนี้… ก็แค่พวกวัชพืช”
ฝ่ามือเดียวกำจัดมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง!
ผู้แข็งแกร่งที่มาพร้อมชายชุดเทานั้นหนาวเยือกไปทั้งตัว สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“อย่าทำให้คุณชายล่าช้า”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยสะบัดมือกระจ่าง ปราณกระบี่สายหนึ่งเคลื่อนกวาดฟ้าดารา ผู้แข็งแกร่งที่ตามล่าบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่มาพวกนั้น ถูกกระบี่เดียวกำจัดเหมือนกระดาษเปื่อยอย่างง่ายดาย
บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่อึ้งงันอยู่ตรงนั้น ตกตะลึงแล้ว
นั่นเป็นถึงผู้แข็งแกร่งของเรือนเทพครามลอยล่องแห่งแดนดาราเทพผงาด แต่เห็นชัดว่าไม่ว่าจะเป็นหลินสวินหรือพวกพ้องของเขาล้วนไม่สนใจโดยสิ้นเชิง!
“ผู้อาวุโส ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”
หลินสวินเอ่ยเสียงเบา “เล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ ทำไมพวกเขาถึงตามล่าท่าน”
บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่สูดหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติแล้วเล่าความเป็นมาทั้งหมด
สิบปีก่อนแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เกิดการเปลี่ยนแปลงชวนตะลึง ดึงดูดความสนใจจากทุกฟ้าดาราทั่วโลกพันจักรวาล ตั้งแต่นั้นขุมอำนาจชั้นยอดในแต่ละฟ้าดาราก็ทยอยมาอย่างไม่ขาดสาย
เรือนเทพครามลอยล่องที่มาจากแดนดาราเทพผงาดก็เป็นหนึ่งในนั้น
ไม่ว่าใครก็รู้ว่าภายใต้การเปลี่ยนแปลงนี้ ทางเดินโบราณฟ้าดาราต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกดินแน่ ภายหน้าหากฝึกปราณที่นี่ย่อมได้รับประโยชน์อเนกอนันต์
ดังนั้นขุมอำนาจต่างถิ่นพวกนี้จึงตัดสินใจเหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย คิดสร้างขุมอำนาจของตนในทางเดินโบราณฟ้าดารา
ส่วนวิธีแผ่อิทธิพลซึ่งได้ผลโดยตรงที่สุด ย่อมเป็นการยึดขุมอำนาจเดิมในทางเดินโบราณฟ้าดารา ชิงตำแหน่งและเข้าแทนที่โดยไม่ต้องสงสัย
หรือก็คือการบุกรุกยึดครอง
ในสถานการณ์เช่นนี้หกเรือนมรรคใหญ่แห่งทางเดินโบราณฟ้าดาราถูกขุมอำนาจต่างถิ่นพวกนั้นจับตามองทันที
จนถึงปัจจุบัน เรือนมรรคจักรวาล เรือนมรรคเหล่ามาร เรือนมรรคยุทธจักร เรือนมรรคดึกดำบรรพ์ถูกกลืนกินล่มสลายนานแล้ว อิทธิพลและอาณาเขตที่พวกเขาครอบครองล้วนถูกขุมอำนาจต่างถิ่นยึดครอง
เหล่าผู้แข็งแกร่งที่เลือกยอมจำนนยังมีโอกาสรอดชีวิต แต่พวกที่เลือกต่อต้านล้วนถูกสังหารโดยไม่มีข้อยกเว้น
เรือนมรรคโลกาสวรรค์ก็ประสบเคราะห์โดยไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน ถูกเรือนเทพครามลอยล่องจับจ้อง ทั้งสำนักพังพินาศยับเยินในชั่วข้ามคืน
มีเพียงบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่และคนแค่หยิบมือที่โชคดีเอาชีวิตรอดมาได้
สาเหตุที่บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ถูกตามล่า จุดสำคัญอยู่ที่ในมือเขามีป้ายคำสั่งสยบฟ้าโลกาสวรรค์ สามารถใช้สมบัตินี้ควบคุมพลังระเบียบที่ปกคลุมสำนักได้
เมื่อรู้เรื่องพวกนี้แล้ว หลินสวินพลันอึ้งงันไป
เดิมทีเขากลับมาครั้งนี้ไม่เคยมีความคิดไปแก้แค้นขุมอำนาจศัตรูพวกนั้น
ในบรรดาหกเรือนมรรคใหญ่ เรือนมรรคคืนกำเนิดสร้างขึ้นโดยศิษย์พี่ใหญ่จักรพรรดิสงครามยุทธ์ เรือนมรรคโลกาสวรรค์วางตัวเป็นกลางเสมอ สี่เรือนมรรคอื่นไม่มีขุมอำนาจใดที่ไม่ใช่ศัตรูของหลินสวิน
แต่ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ว่าขุมอำนาจศัตรูพวกนี้ถึงกับประสบเคราะห์แล้ว!
ความไม่แน่นอนบนโลกเผยให้เห็นในยามนี้
ทั้งจากคำพูดของบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ สิบเผ่านักรบใหญ่แห่งทางเดินโบราณฟ้าดาราก็ประสบเคราะห์ใหญ่ในช่วงหลายปีนี้ด้วย ที่ตายก็ตาย ที่หนีก็หนี จุดจบน่าอนาถเป็นอย่างยิ่ง
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือทางเดินโบราณฟ้าดาราตอนนี้ ขุมอำนาจใหญ่ชั้นยอดที่อยู่มานานพวกนั้น เกือบทั้งหมดล้วนสลายหายไปภายใต้การรุกรานของขุมอำนาจต่างถิ่นแล้ว!
สิ่งสำคัญก็อยู่ที่ว่า แม้การเปลี่ยนแปลงของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบฟ้าดิน แต่ก็ดึงดูดให้ขุมอำนาจชั้นยอดทุกฟ้าดาราเกิดความละโมบด้วย กระทั่งช่วงหลายปีนี้ทั่วทางเดินโบราณฟ้าดาราล้วนเป็นภาพนองเลือดจากการต่อสู้โรมรัน
โดยเฉพาะโลกใหญ่หงเหมิงที่ถูกเรียกขานว่าเป็นโลกอันดับหนึ่งของฟ้าดารา ยิ่งกลายเป็นสถานที่ที่ถูกขุมอำนาจต่างถิ่นยื้อแย่งช่วงชิง
พูดได้ว่าทางเดินโบราณฟ้าดาราตอนนี้ไม่ใช่สถานที่ที่หลินสวินคุ้นเคยอย่างแต่ก่อนแล้ว
ทางเดินโบราณฟ้าดารายังเปลี่ยนไปจนปั่นป่วนเช่นนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่าแดนต้นกำเนิดที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ สถานการณ์จะอลหม่านเพียงใด
นี่ทำให้ในใจหลินสวินพลันเครียดขมึง
ทุกคนทั้งบนล่างของตระกูลหลินล้วนอยู่ในแดนลับดวงกมลของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ กล่าวได้ว่าอยู่บนปากเหว มีหรือจะไม่ถูกโจมตีจากคลื่นลมเช่นนี้
“คุณชาย ข้า… อยากกลับบ้านไปดูหน่อย”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยเอ่ยปากทันที บนดวงหน้างามผุดผ่องของนางฉายแววกังวล
หลังจากรู้สถานการณ์พวกนี้ เห็นชัดว่านางนึกถึงคนตระกูลจินเทียนที่อยู่ในเขตแดนดาราจักรพรรดิขาว ในใจรู้สึกกังวลขึ้นมา
เสวียนจิ่วอิ้นถอนใจกล่าว “เสวียนเยวี่ย ข้าขอพูดจาบจ้วงสักประโยค ปีนั้นพวกเจ้าตระกูลจินเทียนห่วงว่าจะเดือดร้อนเพราะหลินสวิน ขู่บังคับให้เจ้าขีดเส้นความสัมพันธ์กับหลินสวิน มิฉะนั้นจะขับไล่เจ้าออกจากตระกูล ตอนนั้นเจ้าปฏิเสธที่จะทำเช่นนี้ ดังนั้นเจ้าจึงไม่ใช่คนตระกูลจินเทียนอีกแล้ว”
หลินสวินกล่าว “หักกระดูกยังเหลือเอ็น ตอนนั้นตระกูลจินเทียนทำเพื่อป้องกันตัวเอง แม้ว่าทำเกินไปจริงๆ แต่ก็เป็นเพราะข้าจึงทำให้แม่นางเสวียนเยวี่ยถูกปฏิบัติเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรในตระกูลจินเทียนก็ย่อมมีญาติพี่น้องที่แม่นางเสวียนเยวี่ยเป็นห่วง กลับไปดูหน่อยก็เป็นเรื่องสมควร”
นัยน์ตากระจ่างของจินเทียนเสวียนเยวี่ยฉายแววซาบซึ้ง กล่าวว่า “ยังคงเป็นคุณชายที่เข้าใจความรู้สึกของข้าที่สุด”
“ไปแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์คราวนี้ผ่านเขตแดนดาราจักรพรรดิขาวพอดี ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยไปเยือนตระกูลจินเทียนด้วยกัน” หลินสวินตัดสินใจ
จากนั้นเขาหันมองบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ ก่อนมอบลูกกลอนโอสถขวดหนึ่งแก่อีกฝ่ายแล้วกล่าว “ผู้อาวุโส ของพวกนี้คือโอสถเยียวยา ท่านโปรดรับไว้ สถานการณ์ตอนนี้โกลาหล ใต้หล้าอลหม่าน ผู้อาวุโสต้องรักษาตัวด้วย”
ชิงเย่สีหน้าซับซ้อน ปฏิเสธลูกกลอนโอสถของหลินสวินแล้วกล่าว “ปีนั้นเรือนมรรคโลกาสวรรค์ของข้าห่วงว่าภัยจะมาถึงตัว วางตัวเป็นกลางมาตลอด ไม่เคยมอบความช่วยเหลือใดแก่พวกเจ้าคีรีดวงกมล ตอนนี้เจ้าช่วยชีวิตข้า ทำให้ข้ารู้สึกผิดคาดและซาบซึ้งไม่หยุดแล้ว ยังจะรับลูกกลอนโอสถของเจ้าได้อย่างไร”
เขาประสานมือกล่าว “จักรพรรดิเต้ายวน บุญคุณช่วยชีวิตข้าจะไม่มีวันลืม วันหน้าหากมีโอกาสย่อมต้องตอบแทน ขอลา”
พูดจบเขาก็หันหลังจากไป
เงาร่างซึ่งบาดเจ็บสาหัสดูโดดเดี่ยวและหดหู่เป็นพิเศษ
หลินสวินมองส่งเขาจากไปแล้วอดถอนใจไม่ได้ ปีนั้นเรือนมรรคโลกาสวรรค์บอกว่าวางตัวเป็นกลาง ความจริงแล้วห่วงว่าจะหาเรื่องใส่ตัว เก็บมือเฝ้ามองสถานการณ์ในใต้หล้ามาตลอด
เดิมเรื่องนี้ไม่มีอะไรผิด
แต่เห็นชัดว่าสำหรับบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ การไม่ช่วยตนเมื่อปีนั้น แต่ตอนนี้ตนกลับช่วยชีวิตเขา เรื่องนี้ทำให้เขาอดละอายใจไม่ได้
ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธลูกกลอนโอสถที่หลินสวินมอบให้ บอกลาแล้วจากไปเช่นนี้
“บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่คนนี้ยังมีศักดิ์ศรีอยู่บ้าง”
เสวียนจิ่วอิ้นกล่าว
“บนโลกนี้ใครต่างไม่อาจวางตัวอยู่เหนือปัญหา หากเรือนมรรคโลกาสวรรค์จะผิด ก็ผิดที่คิดไปเองว่าวางตัวเป็นกลางในสถานการณ์ทั่วหล้าได้ ท่าทีเช่นนี้ไม่ล่วงเกินใครจริงดังว่า แต่ก็ไม่อาจได้รับมิตรภาพที่แท้จริง”
หลินสวินกล่าว “เมื่อก่อนเรือนมรรคโลกาสวรรค์เป็นหนึ่งในหกเรือนมรรคใหญ่ ไม่ต้องห่วงว่าจะเกิดภัยพิบัติอะไร แต่ตอนนี้…”
หลินสวินส่ายหัวแล้วไม่ได้พูดต่อ
เสวียนจิ่วอิ้นกลับฟังเข้าใจ ยิ้มกล่าว “ปีนั้นถ้าพวกเขาเรือนมรรคโลกาสวรรค์ช่วยเหลือเจ้าบ้าง วันนี้ยามเจ้ากลับมาแล้วเห็นพวกเขาเจอเคราะห์ภัยเช่นนี้ เกรงว่าคงมุ่งหน้าไปชำระแค้นให้พวกเขานานแล้ว ไม่มีทางไม่แยแสเหมือนตอนนี้แน่”
หลินสวินไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
หลักการชีวิตดั่งคนดื่มน้ำ ร้อนเย็นรับรู้ด้วยตัวเอง
“ไป พวกเราไปเขตแดนดาราจักรพรรดิขาวกัน”
หลินสวินควบคุมยานลำน้อยนำพวกเขามุ่งตรงไป
…
ทางเดินโบราณฟ้าดารามีเก้าเขตแดนดารา ตำแหน่งของเขตแดนดาราจักรพรรดิขาวอยู่ใกล้เขตแดนดาราใจกลางที่สุด
ส่วนตระกูลจินเทียนก็เป็นเผ่าจักรพรรดิอันดับหนึ่งของเขตแดนดาราจักรพรรดิขาว
ภายใต้การรุกรานจากขุมอำนาจต่างถิ่นนั้น ขุมอำนาจใหญ่ที่ครอบครองเขตแดนดาราแห่งหนึ่งอย่างตระกูลจินเทียน ย่อมถูกลิขิตให้ไม่อาจวางตัวอยู่เหนือปัญหา
ความจริงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ช่วงนี้ตระกูลจินเทียนตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีทั้งศึกในศึกนอก สถานการณ์ง่อนแง่นแล้ว
‘เรือนกระบี่ต้าเหิง’ ที่มาจากโลกใหญ่อัมพรออกคำสั่ง มอบตัวเลือกแก่ตระกูลจินเทียนแค่สองทาง ไม่ยอมจำนนก็ล้างตระกูล
กำหนดการตัดสินใจที่มอบให้ตระกูลจินเทียนคือสามวัน
กำลังพลจากเรือนกระบี่ต้าเหิงรวมตัวในพื้นที่ที่อยู่ห่างตระกูลจินเทียนไปแค่หมื่นลี้นานแล้ว
ทัพใหญ่ประชิดพรมแดน ออกเคลื่อนพลได้ตลอดเวลา!
ตอนนี้ในตระกูลจินเทียนก็เกิดความขัดแย้งรุนแรง
บุคคลสำคัญในตระกูลกลุ่มหนึ่งไม่อยากยอมจำนน ต้องการต่อสู้กับเรือนกระบี่ต้าเหิงจนถึงที่สุด คิดว่าเพียงยืนหยัดผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ ภายหน้าเมื่อกฎระเบียบฟ้าดินเปลี่ยนไปจนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตระกูลจินเทียนย่อมปรากฏผู้แข็งแกร่งกลุ่มใหญ่แน่ ถึงขั้นเป็นไปได้สูงว่าจะมีระดับอมตะที่แท้จริง
แต่บุคคลสำคัญอีกกลุ่มกลับคัดค้านการทำเช่นนี้ คิดว่าภายใต้สถานการณ์ตรงหน้าควรรักษาชีวิตของคนในตระกูล ต้องกล้ำกลืนความอัปยศ ก้มหัวให้เรือนกระบี่ต้าเหิงและเลือกยอมจำนน
ความแตกแยกเช่นนี้ทำให้ในตระกูลจินเทียนเปลี่ยนเป็นตึงเครียด มีแนวโน้มว่าจะไม่ลงรอยกัน
เวลาที่เรือนกระบี่ต้าเหิงให้ตระกูลจินเทียนมีแค่สามวัน
แต่เพิ่งผ่านไปวันเดียวในตระกูลจินเทียนก็เกิดเรื่องวุ่นวายภายใน บุคคลสำคัญกลุ่มหนึ่งซึ่งนำโดยผู้อาวุโสใหญ่จินเทียนอู่หงลงมือกะทันหัน จับตัวเหล่าบุคคลสำคัญที่นำโดยผู้นำตระกูลจินเทียนจิ้งหย่วน ทั้งยึดอำนาจตระกูลไว้ในมือ
และเป็นภายในวันนั้น ผู้อาวุโสใหญ่จินเทียนอู่หงนำเหล่าบุคคลสำคัญไปยอมจำนนต่อเรือนกระบี่ต้าเหิง!
………………..