Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3076 ออกเคลื่อนไหว
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3076 ออกเคลื่อนไหว
ตอนที่ 3076 ออกเคลื่อนไหว
ในสายตาของกายมรรควารีดำของหลินสวิน เพียงสิบลมหายใจเท่านั้นก็มีเงาร่างผู้คนราวสามร้อยพุ่งเข้าไปในบัวชะตามหามรรค
นี่เป็นจำนวนที่น่าตกใจยิ่ง
ควรรู้ว่าพวกที่กล้าไปช่วงชิง ที่อ่อนแอที่สุดยังมีมรรควิถีขั้นสรรสร้าง ในนั้นยิ่งไม่ขาดขั้นไร้ขอบเขตใหญ่
เพียงสิบลมหายใจเท่านั้นก็มีคนเกือบสามร้อยคนพุ่งเข้าไปในบัวชะตามหามรรค นี่จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร
และก็ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่าโลกยุคสมัยอื่นๆ นอกจากโลกวิญญาณยุทธ์ ก็มีพวกน่าสะพรึงมากมายกระจายตัวอยู่เช่นกัน!
วู้ม!
ยามครบสิบลมหายใจ บัวชะตามหามรรคใหญ่ยักษ์พร่างพราวนั่นก็เริ่มหุบรวบ กลีบดอกราวภูเขาเก้ากลีบครอบปิดเข้าหากัน
เงาร่างที่เข้าสู่ทะเลโชคชะตาแต่เข้าไปในบัวชะตามหามรรคไม่ทันเหล่านั้น เห็นเช่นนี้ล้วนอดส่งเสียงถอนใจยาวออกมาไม่ได้ ก่อนหมุนตัวจากไป
และหลังจากนั้นในโลกบัวชะตาก็จะเกิดการต่อสู้แย่งชิงอันดุเดือดถึงขีดสุด บางคนร่วงหล่น บางคนเผ่นหนีออกมา
ในตอนท้ายมีเพียงผู้ฝึกปราณสามคนเท่านั้นที่จะชนะ มุ่งหน้าไปยังแหล่งสถานอัศจรรย์ด้วยบัวชะตามหามรรคดอกนี้
กายมรรควารีดำของหลินสวินเก็บสายตา หมุนตัวมองทางที่ภูเขาเทพใบบัวตั้งอยู่
ก่อนหน้านี้เขาได้ยินเสียงลำพองและเหยียดหยันสายหนึ่ง…
‘พวกข้าเคยบอกนานแล้ว หากไม่ส่งตัวเศษเดนคีรีดวงกมลพวกนั้นออกมา ลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณของพวกเจ้าล้วนไม่มีโอกาสชิงบัวชะตามหามรรคแน่นอน!’
เสียงนี้เป็นของขั้นไร้ขอบเขตเล็กหยวนจงฉี่ แม้จะไม่คุ้นยิ่งสำหรับหลินสวิน แต่ความหมายในคำพูดกลับโอหังสุดขีดอย่างเห็นได้ชัด
‘เวลานี้พวกกำลังพลชั้นยอดของลัทธิพ่อมด ลัทธิฌาน และเผ่าเทพนิรันดร์คงเข้าไปชิงชัยในโลกบัวชะตาแล้ว’
กายมรรควารีดำของหลินสวินเผยสีหน้าครุ่นคิด ‘และตอนนี้เป็นเวลาที่กำลังพลของขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้นอ่อนแอที่สุดอย่างไม่สงสัย หากฉวยโอกาสนี้บุกเข้าไป…’
เพิ่งคิดถึงตรงนี้จู่ๆ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดขึ้น…
ก็เห็นขอบฟ้าไกลโพ้นปรากฏเงาร่างที่มีกลิ่นอายน่าสะพรึงเป็นสายๆ มีสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งจนชวนให้ใจสะท้าน
กายมรรควารีดำของหลินสวินพุ่งลงใต้ดินและหายไปในทันที
ตูม โครม!
ผู้แข็งแกร่งสิบกว่าคนนี้ไม่ปกปิดกลิ่นอายของตนสักนิด เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศอย่างเอิกเกริก ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี
กระทั่งมาถึงบริเวณใกล้ๆ ภูเขาเทพใบบัว เงาร่างกลุ่มนี้ค่อยๆ หยุดเท้า มารวมตัวกับพวกหยวนจงฉี่ หยางเหิง ไท่เฮ่าจวี้และชางโย่วจือสี่คนที่เฝ้าอยู่บริเวณนี้แต่แรก
และภาพนี้ก็ถูกพวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลีที่อยู่บนภูเขาเทพใบบัวสังเกตเห็นแล้ว หัวใจแต่ละคนล้วนหนักอึ้งอีกครั้ง
ในบรรดาสิบกว่าคนที่มาคราวนี้ มีขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ถึงสี่คน!
คืออมิตาพุทธซินอิ้งจากลัทธิฌาน อูหงจื่อจากลัทธิพ่อมด เหวินไจ้จากเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลเหวิน สิงเทียนหยวนจากเผ่านเทพนิรันดร์ตระกูลสิงเทียน
นอกจากสี่คนนี้ ที่มาพร้อมกับพวกเขาล้วนเป็นคนใหญ่คนโตขั้นไร้ขอบเขตเล็กทั้งสิ้น
กำลังพลเช่นนี้ไม่ไปแย่งชิงในบัวชะตามหามรรค แต่กลับมาปรากฏตัวตรงหน้าภูเขาเทพใบบัวกะทันหัน เจตนาล้วนเปิดเผยชัดเจนแล้ว
ก็เพื่อทำให้คนของลัทธิแรกกำเนิดและลัทธิวิญญาณหวาดกลัว ทำให้พวกเขาไม่กล้าฉวยโอกาสนี้บุกออกมา!
“เจ้าเฒ่าพวกนี้ร้ายกาจนัก”
ฟู่หนานหลีสีหน้าอึมครึม
สีหน้าของคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าไร ในใจทั้งเดือดดาลและอัดอั้น
ถูกคนรังแกถึงขั้นนี้ แต่กลับไม่อาจบุกออกไป รสชาตินั้นแค่คิดก็รู้ว่าอึดอัดขนาดไหน
…
กลางหุบเขา ภายในถ้ำสถิตใต้ดินพันจั้ง
การปรากฏตัวของกายมรรควารีดำทำให้ร่างต้นของหลินสวินตื่นจากการนั่งสมาธิ เจตจำนงของทั้งคู่เชื่อมต่อกัน ทำให้ร่างต้นของหลินสวินรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกทันที
เขาเพิ่งรู้ในยามนี้ว่าวันนี้ในทะเลโชคชะตาเกิดการเปลี่ยนแปลงประหลาดเป็นครั้งที่สี่ บัวชะตามหามรรคปรากฏออกมาแล้ว
แต่เวลานี้กลับมีพวกน่าสะพรึงกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้ามาภูเขาเทพใบบัว!
นี่ทำให้หัวใจหลินสวินบีบรัด
ทว่าหลังจากสงบใจใคร่ครวญ สภาวะจิตของเขาก็เยือกเย็นลง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้นมีหรือจะกล้าบุกโจมตีภูเขาเทพใบบัวเต็มกำลัง พวกเขาทำเช่นนี้เห็นชัดว่าเป็นการข่มขวัญ ป้องกันไม่ให้ผู้แข็งแกร่งบนภูเขาเทพใบบัวเหล่านั้นถือโอกาสนี้ออกเคลื่อนไหว
เพียงแต่เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ ทุกอย่างนี้ทำให้หลินสวินอดเกิดความเดือดดาลในใจไม่ได้
ทางหนึ่งช่วงชิงโอกาสในบัวชะตามหามรรค อีกทางยังล้อมกรอบปิดทางภูเขาเทพใบบัว แค่คิดก็รู้ว่าขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้นโอหังเพียงใด!
และจากจุดนี้ก็สามารถมองออก ว่าคนในภูเขาเทพใบบัวเหล่านั้นไม่มีโอกาสไปช่วงชิงในบัวชะตามหามรรคนั่นสักนิด
‘คิดจริงๆ หรือว่าทำเช่นนี้แล้วฐานที่มั่นตนจะไม่ประสบเคราะห์…’
นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ ลุกขึ้นจากพื้น
เวลานี้กำลังพลชั้นยอดของขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้นล้วนเข้าไปในบัวชะตามหามรรคแล้ว ส่วนกำลังพลแข็งแกร่งที่เหลือส่วนหนึ่งก็มาอยู่ในบริเวณภูเขาเทพใบบัว
นี่ก็หมายความว่า ตอนนี้กำลังพลในฐานที่มั่นของพวกเขาต้องอ่อนแอถึงขีดสุดอย่างแน่นอน!
บางทีในมุมมองของขุมอำนาจศัตรู ในพื้นที่แกนกลางแห่งนี้ ขอเพียงจับตามองภูเขาเทพใบบัวก็สามารถป้องกันไม่ให้เกิดภัยแฝงใดๆ ได้แล้ว
แต่พวกเขาคิดไม่ถึงอยู่เรื่องหนึ่ง…
ขุมอำนาจลัทธิแรกกำเนิด ลัทธิวิญญาณ และคีรีดวงกมลอาจฉวยโอกาสเคลื่อนไหวไม่ได้ แต่เขาหลินสวินทำได้!
อีกทั้งขอเพียงมั่นใจว่าไม่ถูกศัตรูล่วงรู้ฐานะยามเคลื่อนไหว ต่อให้ขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้นมีปฏิกิริยากลับมา แต่ย่อมไม่อาจรู้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเขา
“ปิดด่านสิบเก้าปี ก็ถึงคราวออกไปเดินเล่นหน่อยแล้ว”
เงาร่างหลินสวินพริบไหว พุ่งปราดออกจากถ้ำสถิตใต้ดิน
สิบเก้าปีนี้เขานั่งนิ่งฝึกปราณอยู่ที่นี่ หลอมสมบัติไปไม่รู้เท่าไร มรรควิถีในตอนนี้บรรลุถึงขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์นานแล้ว
นอกจากนี้มรรควิถีในร่างเขาล้วนถูกเคี่ยวกรำถึงขั้นไม่เคยมีมาก่อน พลังที่ครอบครองต่างไปจากที่ผ่านมานานแล้ว
อย่างเช่นกฎระเบียบมหามรรคที่เขาครอบครอง เช่นนัยเร้นลับมรรคต้องห้ามสูงสุดอย่างห้าระเบียบแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ กฎระเบียบศุภโชค กฎระเบียบกาลเวลา ล้วนผสานเข้าไปในกฎระเบียบนิพพาน ทำให้ระเบียบนิพพานเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าเหลือเชื่อเช่นกัน เปลี่ยนไปจากในอดีตโดยสิ้นเชิง
หรืออย่างร่างกาย พลังปราณ จิตวิญญาณ พลังขับเคลื่อนของเขาล้วนหลอมถึงขั้นสูงสุดภายใต้การหลอมด้วยวัตถุดิบนิรันดร์สารพัดชนิด ในสิบเก้าปีนี้ก็เกิดการแปรสภาพหลายครั้ง
แม้แต่ศาสตรามรรคนิรันดร์มากมายที่รวบรวมได้ในหลายปีนี้ ยังถูกหลินสวินหลอมผสานไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ทำให้อานุภาพของเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพัฒนาขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
และสิ่งที่หลินสวินเสียไป ก็คือทรัพย์สมบัติเกือบเก้าส่วนของทั้งหมด…
หรือกล่าวได้ว่าในสิบเก้าปีนี้ ทรัพยากรฝึกปราณที่มีในตัวเขาเหลือเพียงประมาณหนึ่งส่วน
แน่นอนว่าแม้จะเป็นหนึ่งส่วน สำหรับคนระดับเดียวกันก็ยังเป็นจำนวนมหาศาล
สรุปแล้วการตกตะกอนและฝึกปราณอย่างหนักในสิบเก้าปีนี้ ทำให้พลังต่อสู้ที่หลินสวินมีอยู่ในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าปีนั้นมากโขแล้ว
เวลานี้หากเขาเผชิญกับขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อย่างอิงซานอิงอีกครั้ง ก็มั่นใจว่าภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้บาดเจ็บต้องสังหารเขาได้อย่างแน่นอน!
สวบ…
หลังพุ่งออกจากถ้ำสถิตใต้ดิน หลินสวินเก็บงำกลิ่นอายทั้งตัว พุ่งปราดไปไกลๆ อย่างเงียบๆ
ระหว่างทางกายมรรควารีดำโฉบพุ่งออกไป มุ่งหน้าไปยังพื้นที่รอบนอกของโลกวิญญาณยุทธ์
ตอนนี้ในโลกวิญญาณยุทธ์มีเพียงพวกหญิงสาวกระโปรงดำเท่านั้นที่รู้ว่าหลินสวินมาถึงโลกนี้แล้ว แม้จะบอกว่าอีกฝ่ายไม่มีทางเปิดเผยเรื่องนี้แน่นอน แต่อย่างไรหลินสวินก็ไม่วางใจอยู่บ้าง
การไปโจมตีฐานที่มั่นของขุมอำนาจศัตรูในครั้งนี้ ไม่ว่าสำเร็จหรือล้มเหลวต้องสร้างความเดือดดาลจากขุมอำนาจศัตรูเป็นแน่
สามารถจินตนาการได้ว่าต่อให้พวกเขาไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใคร ก็ต้องเคลื่อนกำลังพลทั้งหมดไปตรวจสอบ
และด้วยสติปัญญาของศัตรูเหล่านี้ หลังจากยืนยันว่าไม่ใช่ฝีมือของเหล่าคนในภูเขาเทพใบบัว ต้องเบนความสงสัยไปที่ตัวคนอื่นแน่
ถึงเวลานั้นบรรดาระดับนิรันดร์ที่กระจายอยู่ตามพื้นที่รอบนอกล้วนต้องถูกตรวจสอบจากขุมอำนาจศัตรูพวกนั้น
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้พวกหญิงกระโปรงดำต้องถูกซักไซ้อย่างแน่นอน เพียงแต่ถึงตอนนั้นหลินสวินก็ไม่อาจรับรองได้ ว่าพวกเขาจะเปิดเผยข้อมูลที่ว่าตนมาถึงโลกวิญญาณยุทธ์ออกไปหรือไม่
ฉะนั้นก่อนเคลื่อนไหวครั้งนี้ หลินสวินยังคงตัดสินใจส่งกายมรรควารีดำออกไป เพื่อพาพวกหญิงกระโปรงดำไปด้วย
แม้จะเป็นการผิดต่อพวกเขาระยะหนึ่ง แต่หากมีโอกาสภายหน้าค่อยชดเชยให้พวกเขาทีหลัง
ไม่นานกายมรรควารีดำก็หายลับไปจากขอบฟ้า
ส่วนร่างต้นของหลินสวินก็ทะยานไปอีกทาง
ฟ้าดินเวิ้งว้าง ทะเลโชคชะตาที่พาดขวางกลางฟ้าลมเงียบคลื่นสงบ บัวชะตามหามรรคที่กลีบดอกหุบเข้าหากันนานแล้วปลดปล่อยประกายแสงเร้นลับ
ไม่มีใครรู้ว่าการเข่นฆ่าในโลกบัวชะตาแห่งนั้นดุเดือดเลือดสาดปานใด
และในพื้นที่แกนกลางของโลกวิญญาณยุทธ์ก็ยังเงียบสงบเฉกเช่นที่ผ่านมา อาณาบริเวณมากมายล้วนว่างเปล่าไร้ผู้คน
แม้แต่ในเวลาเช่นนี้ ระดับนิรันดร์ที่กระจายอยู่ตามพื้นที่รอบนอกเหล่านั้นก็ไม่กล้าเข้ามาหลอมพลังชะตามหามรรคในพื้นที่แกนกลางแห่งนี้
แค่คิดก็รู้ว่าหลายปีที่ผ่านมาอานุภาพของขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้นเกรียงไกรแค่ไหน
‘ข้างหน้าก็คือฐานที่มั่นของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลเย่…’
สองชั่วยามให้หลัง
หลินสวินหยุดเท้า ทอดสายตามองไปไกลๆ
เมื่อสิบเก้าปีก่อนยามปิดด่าน หลินสวินก็ส่งกายมรรคไม้เขียวออกไปลาดตระเวน ท่องไปทั่วในพื้นที่แกนกลางของโลกวิญญาณยุทธ์แล้ว แน่นอนว่าย่อมรู้ฐานที่ตั้งของขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้นเป็นอย่างดี
ขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้นล้วนยึดครองพื้นที่ใกล้กับทะเลโชคชะตามากที่สุดในพื้นที่แกนกลาง
ในนั้น ตำแหน่งของ ‘เขาต้าหมาน’ และ ‘เขาถามฌาน’ ที่ลัทธิพ่อมดและลัทธิฌานยึดครองดีที่สุด อยู่ใกล้กับทะเลโชคชะตามากที่สุดด้วยเช่นกัน
ส่วนฐานที่มั่นของเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลก็เหมือนตัวหมากที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ แต่ก็ใกล้กับทะเลโชคชะตามากเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ระยะห่างระหว่างฐานของพวกเขาล้วนอยู่ใกล้กันมาก ด้วยความเร็วของขั้นไร้ขอบเขต ก็สามารถไปถึงฐานอีกแห่งได้ภายในเวลาหนึ่งเค่อ
อย่างภูเขาเทพที่ปรากฏอยู่กลางฟ้าดินไกลโพ้น ก็คือฐานที่มั่นของเผ่าเทพนิรันดร์ตระกูลเย่ นามว่า ‘ภูเขาเทพประจุม่วง’
เหตุที่เลือกตระกูลเย่เป็นเป้าหมาย หลินสวินก็ผ่านการคิดทบทวนมาอย่างดีเช่นกัน
ลัทธิพ่อมดกับลัทธิฌานอยู่ติดทะเลโชคชะตามากเกินไป ทั้งยังถูกฐานของเผ่าเทพนิรันดร์สิบสองตระกูลห้อมล้อม หากบุกไปก็เหมือนบุกเข้าไปใจกลางศัตรู ต้องถูกล้อมกรอบแน่นหนาอย่างแน่นอน และจะชักนำอันตรายที่ไม่อาจคาดเดามาเยือน
กลับกันภูเขาเทพประจุม่วงซึ่งเป็ฯฐานของตระกูลเย่ตั้งอยู่รอบนอกพื้นที่แถบนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อให้มีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้น หลินสวินก็สามารถหนีออกมาได้อย่างง่ายดาย