Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3097 พบปีศาจหญิงบนทางแคบ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3097 พบปีศาจหญิงบนทางแคบ
ตอนที่ 3097 พบปีศาจหญิงบนทางแคบ
หลังจากบัวชะตามหามรรคปรากฏ ทะเลโชคชะตาก็สงบ
จากนั้นเงาร่างมากมายปรากฏกลางห้วงอากาศเหนือทะเลโชคชะตา มีทั้งชาย หญิง เด็ก แก่ กลิ่นอายของทุกคนล้วนน่ากลัวหาใดเปรียบ
พวกเขาเหยียบกระแสน้ำโชคชะตา พุ่งไปยังบัวชะตามหามรรคราวกับรุ้งยาวที่แหวกเวลาหมื่นกาลเมากมาย
“การแก่งแย่งในมหามรรค คำว่าแก่งแย่งก็คือคำอันโหดร้ายคำหนึ่ง ครั้งนี้ข้าไม่ออมมือแน่!”
เฒ่าชราชุดดำคนหนึ่งพูดเรียบๆ เขาเหยียบบนภาพภูผาธาราสุริยันจันทราภาพหนึ่ง เหนือหัวบนหัวปรากฏฉัตรสีเขียว นัยน์ตามีสายฟ้าวนเวียน ยามหายใจชักนำหมื่นมรรคกู่ก้อง
ทั้งตัวราวกับนายเหนือหัวในอมตะนิรันดร์!
การปรากฏตัวของเฒ่าชราชุดดำทำให้หลายคนนัยน์ตาหดรัด
เจียงหมิงสุ่ย!
ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่คนหนึ่งในยุคทวยเทพ บุคคลชั้นยอดที่ข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพมาแล้วเจ็ดครั้ง
ในหมู่โลกยุคสมัยต่างๆ ที่รวมอยู่ในทะเลโชคชะตา เจียงหมิงสุ่ยก็เป็นคนมากสามารถยิ่งยวดคนหนึ่ง
“น่าขัน การช่วงชิงแท่นมรรคบัวชะตาก่อนหน้านี้ เจ้าเฒ่าเจียงเคยออมมือเสียที่ไหน แต่ผลการแย่งชิงในตอนท้ายก็มีทั้งแพ้และชนะ”
ทันใดนั้นเงาร่างเพลิงแดงสายหนึ่งปรากฏ นั่นเป็นหญิงชุดแดงที่ดุจดั่งไฟ งดงามประหนึ่งเด็กสาว ขี่บนปักษาเทพสีทองตัวหนึ่ง แสงหลากสีส่องสว่าง
ซู่หวั่นจวิน!
ในที่นั้นฮือฮาอีกระลอกหนึ่ง เฒ่าดึกดำบรรพ์ไม่น้อยต่างเผยความเกรงกลัวลึกล้ำ
นี่คือปีศาจหญิงที่ข้ามผ่านมาหลายยุคสมัย ฆ่าคนมามากมาย พลังต่อสู้น่าสะพรึง
เจียงหมิงสุ่ยกวาดมองซู่หวั่นจวินคราหนึ่งแล้วหัวเราะเยาะ ก้าวเท้าพุ่งเข้าไปในบัวชะตามหามรรค
ซู่หวั่นจวินก็ขี่ปักษาเทพหายไปในบัวชะตามหามรรคตามไปติดๆ
ถึงอย่างไรก็มีเวลาเพียงสิบลมหายใจเท่านั้น ก่อนเข้าสู่บัวชะตามหามรรค แม้มีความแค้นอะไรก็ไม่มีใครเลือกจะลงมือในทะเลโชคชะตา
พลันเห็นรุ้งเทพราวกับสายฝน มีเงาร่างพุ่งเข้าไปในบัวชะตามหามรรคมากขึ้นเรื่อยๆ
ในนี้ไม่ขาดผู้แข็งแกร่งที่ไม่ด้อยกว่าเจียงหมิงสุ่ย ซู่หวั่นจวิน
“เอ๊ะ โลกวิญญาณยุทธ์มีคนแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งเข้ามาได้อย่างไร”
เสียงตกใจเสียงหนึ่งดังขึ้น มีคนสังเกตเห็นการปรากฏตัวของพวกหลินสวิน
“ที่แท้ก็เป็นสิงเจี้ยนสยาแห่งลัทธิแรกกำเนิดกับฟู่หนานหลีลัทธิวิญญาณ… เช่นนั้นคราวนี้พวกเฒ่าชราลัทธิพ่อมด ลัทธิฌานคงพักกลองรบ ไม่คิดเข้ามาแย่งชิงครั้งนี้สินะ”
มีคนจำฐานะของพวกสิงเจี้ยนสยาได้ อดเผยสีหน้าใคร่ครวญไม่ได้
ในการแก่งแย่งในบัวชะตามหามรรคครั้งที่แล้ว พวกซินหู เหลยซ่งได้รับชัยชนะในตอนท้ายและส่งพวกจี้เทียนชิงจากไป
เรื่องนี้อยู่ในสายตาของผู้ยิ่งใหญ่โลกยุคสมัยอื่นๆ
แต่ตอนที่เห็นพวกสิงเจี้ยนสยาปรากฏตัว ทำให้ผู้คนเหล่านี้เข้าใจได้ว่าสถานการณ์แตกต่างออกไป
“เอ๋ ยังพาขั้นสรรสร้างคนหนึ่งมาด้วย นี่คิดจะใช้เขาเป็นเหยื่อมาตายเปล่าหรือ”
มีคนสังเกตเห็นหลินสวินแล้วส่งเสียงผิดคาดอย่างอดไม่ได้
“ขั้นสรรสร้าง…”
เฒ่าชรายุคสมัยอื่นจำนวนไม่น้อยสังเกตเห็นภาพนี้ ต่างอดยิ้มไม่ได้ เพียงแต่รอยยิ้มนั่นกลับเต็มไปด้วยการเย้าหยอก
เปลี่ยนเป็นขั้นสรรสร้างคนอื่นๆ ถูกเงาร่างน่ากลัวมากมายขนาดนั้นจับจ้องมาคงอึดอัดไปทั้งตัวนานแล้ว
แต่หลินสวินกลับยิ้ม ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ตามคาด ทั่วหล้านี้มีเพียงในการต่อสู้ในโลกบัวชะตาจึงจะสามารถพบเจอคู่ต่อสู้ที่ดูเข้าท่า อย่างเฒ่าชราพวกนี้ ส่วนมากมีมรรควิถีขั้นไร้ขอบเขตใหญ่!
นี่จะให้หลินสวินไม่คาดหวังได้อย่างไร
“สหายน้อยหลิน พวกเราไปกันเถอะ”
พวกสิงเจี้ยนสยาพุ่งไปในบัวชะตามหามรรคพร้อมกับหลินสวินโดยไม่ล่าช้า ไม่นานเงาร่างของพวกเขาก็หายลับไป
พริบตาเวลาสิบลมหายใจก็ผ่านไป
กลีบดอกเก้ากลีบที่ใหญ่ยักษ์ราวกับภูเขาของบัวชะตามหามรรคหุบปิด ลอยอยู่ในทะเลโชคชะตาเงียบๆ
นี่ก็หมายความว่าการต่อสู้ครั้งที่ห้ากำลังเริ่มขึ้นแล้ว
สุดท้ายใครจะได้รับชัยชนะ ใครจะครอบครองโอกาสมุ่งหน้าไปแหล่งสถานอัศจรรย์!
“ครั้งนี้ผู้แข็งแกร่งที่เข้าร่วมการแย่งชิงมีทั้งหมดสองร้อยแปดสิบเอ็ดคน มากกว่าครั้งที่แล้วยี่สิบคน”
บนยอดภูเขาเทพถกมรรค เหรินฟู่เทียนที่อยู่ดูแลพูดเสียงขรึม
“ตอนที่พวกซินหูต่อสู้กันครั้งที่แล้ว แม้สุดท้ายได้รับชัยชนะ แต่ก็เสียขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ไปคนหนึ่ง ครั้งนี้กำลังพลของพวกผู้อาวุโสสิงเจี้ยนสยาถึงขั้นด้อยกว่าพวกซินหูในตอนนั้นอยู่บ้าง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อยากได้รับชัยชนะคงไม่ง่าย”
จ้งชิวขมวดคิ้วพูด
เหรินฟู่เทียนเอ่ยเสียงเบา “ขอเพียงมีชีวิตอยู่ ครั้งนี้พลาดไปก็ยังมีโอกาสหน้า เป้าหมายการเคลื่อนไหวของพวกเหล่าสิงในครั้งนี้ไม่ได้คิดถึงชัยชนะมากนัก เพียงแค่จะพาหลินสวินไปทำความคุ้นเคยกับสถานการณ์ของโลกบัวชะตาสักหน่อย”
ทุกคนพยักหน้า
……
โลกบัวชะตา
กลางฟ้าดินที่ดั้งเดิมเก่าแก่ เทือกเขาสลับทับซ้อน กว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด
อยู่ภายในนี้เหมือนย้อนกลับไปยังช่วงจักรวาลแรกกำเนิด ฟ้าสูงดินห่าง หมื่นลักษณ์แรกกำเนิด ทุกสิ่งล้วนเปล่งกลิ่นอายดึกดำบรรพ์ที่ดั้งเดิมที่สุดออกมา
ในห้วงอากาศคลื่นพลังชีวิตทั้งหนาและเข้มข้นพลุ่งพล่าน ต้นไม้ใบหญ้าของที่นี่ล้วนจิตวิญญาณเต็มเปี่ยม พลังชีวิตพวยพุ่ง ประทับร่องรอยมหามรรคที่เก่าแก่ที่สุด
วู้ม…
เมื่ออากาศสั่นสะเทือนระลอกหนึ่ง เงาร่างของหลินสวินปรากฏตัวกลางอากาศ
หลังพินิจรอบๆ ครู่หนึ่งในใจหลินสวินอดตกใจไม่ได้
ในสายตาของระดับนิรันดร์อย่างเขา พลังกฎระเบียบที่อัดแน่นในฟ้าดินผืนนี้มหัศจรรย์มาก มั่นคงหาใดเปรียบ สามารถรับการต่อสู้ของขั้นไร้ขอบเขตได้
ยามสูดหายใจล้วนสัมผัสได้ถึงพลังชะตามหามรรคที่ปะทะเข้ามา!
จุดสำคัญที่สุดคือหลินสวินสัมผัสได้ว่าพลังกฎระเบียบที่ปกคลุมโลกบัวชะตานี้เป็นกฎระเบียบโชคชะตาที่แท้จริง เป็นมหามรรคต้องห้ามสูงส่งไร้เทียมทานอย่างหนึ่ง!
“ซย่าจื้อ เจ้ามาสัมผัสหน่อย”
เมื่อความคิดหลินสวินขยับไหว เงาร่างสูงเพรียวบอบบางของซย่าจื้อก็ปรากฏกลางอากาศ
“เป็นกฎระเบียบโชคชะตาจริงๆ” ดวงตากระจ่างของซย่าจื้อแหงนมองท้องฟ้า เจือแววประหลาดสว่างไสว “และเป็นพลังกฎระเบียบโชคชะตาที่สมบูรณ์ที่สุด”
ขณะพูดนางยื่นมือเล็กขาวเนียนออกมา ชูฝ่ามือขึ้นฟ้า
ไม่นานบนท้องฟ้าพลันมีเส้นสายประกายแสงดุจภาพฝันมายาเป็นสายๆ ไหลลงมา ลอยอยู่ในฝ่ามือของนาง
พลันนั้นภายใต้สายตาจับจ้องของหลินสวิน มือขวาขาวเนียนข้างนั้นของซย่าจื้อถูกเงาแสงที่คลุมเครือพร่างพราวแถบหนึ่งปกคลุม สะท้อนคลื่นมหามรรคที่คลุมเครือเป็นกลุ่มๆ
นั่นคือพลังของมหามรรคโชคชะตา บริสุทธิ์หาใดเปรียบ!
และดวงหน้าเล็กกระจ่างงดงามหาใดเปรียบของซย่าจื้อเผยความดีใจจากใจจริง “หลินสวิน ข้าสามารถสัมผัสได้ว่าพลังที่ปิดผนึกภายในร่างกำลังค่อยๆ ถูกปลุกขึ้น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปพลังของข้าก็จะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว”
ในใจหลินสวินสะท้าน ดังคาด มุกชะตามหามรรคอาจจะไม่มีประโยชน์ต่อซย่าจื้อ แต่ในโลกบัวชะตาแห่งนี้ กลับเป็น ‘แดงมงคล’ ที่แท้จริงสำหรับซย่าจื้อ!
ตอนนั้นในเผ่าเทพตระกูลจี้ โลกยุคทวยเทพในแหล่งสถานศุภโชค ซย่าจื้อเคยสำแดงอภินิหารต้องห้ามพิบัติโลกีย์ สังหารจี้เฉาอินที่ครอบครองมรรควิถีขั้นสรรสร้างขั้นปลาย
และก็เป็นตอนนั้นที่ทำให้หลินสวินรู้ว่าพลังต่อสู้แท้จริงของซย่าจื้อ เทียบเท่ากับยามตนครอบครองพลังปราณขั้นล่วงกฎสัมบูรณ์แล้ว
ทว่าตอนนี้แตกต่างโดยสมบูรณ์
หลินสวินเป็นขั้นสรรสร้างสัมบูรณ์แล้ว ทั้งยังผ่านเก้ายอดเคราะห์มรรคในสายธารยุคสมัย เหยียบย่างบนมรรคาสูงสุดที่อยู่เหนือการผันเปลี่ยนของยุคสมัยแล้ว สามารถสังหารขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อย่างพวกจื่อเชออู๋จี้ ผานอู่ฝูเซิงได้แล้ว
ถึงขั้นที่ภายใต้สถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่ง ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่อย่างสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลีก็ล้วนกำราบหลินสวินไม่ได้
ส่วนพลังของซย่าจื้อตอนนี้เพียงเทียบเท่าขั้นสรรสร้างขั้นปลาย
แน่นอนว่าหากนางสำแดงอภินิหารต้องห้ามอย่างพิบัติโลกีย์ ก็จะสามารถกวาดล้างขั้นสรรสร้างทุกคนได้
แต่หลินสวินรู้ดีว่าซย่าจื้อยังไม่เคยหลอมพลังที่จักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ปิดผนึกไว้ได้อย่างสิ้นเชิง ไม่เช่นนั้นพลังต่อสู้ของนางย่อมไม่มีเพียงเท่านี้แน่
ควรรู้ว่าจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์เคยถูกระฆังแรกปฐมโจมตี นั่นเป็นเคราะห์สังหารที่ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ประสบยามข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพครั้งที่เก้า!
นี่ก็หมายความว่า จักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์เป็นขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ที่แข็งแกร่งยิ่งยวด และเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพครั้งที่เก้าก็ไม่ได้สังหารนางอย่างสิ้นเชิง แต่จุติมาเกิดใหม่ มอบรากฐานพลังที่จะผงาดขึ้นใหม่อีกครั้งไว้ในร่างซย่าจื้อที่เกิดขึ้นมาใหม่!
นี่ก็คือเหตุผลที่หลายปีมานี้ซย่าจื้อไม่จำเป็นต้องฝึกปราณก็สามารถยกระดับพลังต่อสู้ของตนได้ นางเพียงแค่หลอมพลังที่จักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ปิดผนึกอยู่ในร่างทีละนิด ก็สามารถยกระดับพลังของตนได้อย่างต่อเนื่องแล้ว
และตอนนี้สำหรับซย่าจื้อ กฎระเบียบโชคชะตาที่ปกคลุมในโลกบัวชะตา สามารถช่วยนางหลอมพลังที่ปิดผนึกอยู่ของตนได้ในเวลารวดเร็วที่สุด!
“พวกเราไปรวมตัวกับพวกผู้อาวุโสสิงเจี้ยนสยาก่อน”
หลินสวินคิดๆ แล้วตัดสินใจ
ที่นี่คือโลกบัวชะตา คือสนามรบที่บุคคลชั้นยอดที่สุดของแต่ละยุคสมัยต่อสู้เข่นฆ่า เกิดอันตรายขึ้นได้ตลอดเวลา
มีเพียงการรวมตัวกับพวกสิงเจี้ยนสยาจึงจะคุกคามคู่ต่อสู้ได้ เช่นนี้ก็จะสามารถทำให้ซย่าจื้อมีโอกาสฝึกปราณอย่างจดจ่อที่นี่ได้
ซย่าจื้อพยักหน้า
เพียงแต่ยามนางเพิ่งเก็บมือที่ยื่นอยู่กลางอากาศกลับไป ทันใดนั้นเสียงตกใจเสียงหนึ่งดังขึ้น…
“แม่นางน้อยคนนี้ถึงกับสามารถสัมผัสและดูดซับพลังของกฎระเบียบโชคชะตาได้หรือ”
เสียงเพิ่งดังขึ้นก็เห็นในห้วงอากาศสั่นไหว ปักษาเทพสีทองตัวหนึ่งปรากฏกลางอากาศ
บนหลังปักษาเทพคือหญิงชุดแดงคนหนึ่งนั่งอยู่ เปี่ยมเสน่ห์ราวกับเพลิง ผิวขาวดั่งหิมะ เยาว์วัยปานเด็กสาว เปล่งปลั่งน่ามอง
ซู่หวั่นจวิน!
หลินสวินนัยน์ตาหดรัดโดยพลัน ปกป้องซย่าจื้อไว้ด้านหลังตนโดยไม่เผยสีหน้า
ก่อนเข้าสู่โลกบัวชะตา เขาก็ได้ยินสิงเจี้ยนสยาสื่อจิต เอ่ยถึงเรื่องของซู่หวั่นจวินผู้หญิงชุดแดงคนนี้โดยเฉพาะ
อุปนิสัยของนางผิดแปลก สังหารมานับไม่ถ้วน ถูกขั้นไร้ขอบเขตใหญ่มากมายเรียกว่า ‘ปีศาจหญิง’ มีชื่อเสียงอย่างมากในอาณาเขตของทะเลโชคชะตาแห่งนี้
ว่ากันว่าด้วยพลังของนางสามารถคว้าโอกาสมุ่งหน้าไปแหล่งสถานอัศจรรย์นานแล้ว
แต่ที่น่าแปลกคือนางกลับทิ้งโอกาสเช่นนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่มีใครรู้ว่าเหตุใดนางจึงทำเช่นนี้
และตอนนี้ซู่หวั่นจวินขี่ปักษาเทพมาปรากฏตัวที่นี่ ดวงตาคู่งามจับจ้องซย่าจื้อ
เห็นชัดว่าความเคลื่อนไหวยามซย่าจื้อสัมผัสกฎระเบียบโชคชะตาเมื่อครู่นี้ ถูก ‘ปีศาจหญิง’ ปานเด็กสาวงดงามคนนี้สังเกตเห็นแล้ว!
นี่ทำให้ในใจหลินสวินพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
เพิ่งมาถึงโลกบัวชะตาก็เจอคนร้ายกาจเช่นนี้ โชคร้ายจริงๆ
ทว่าหลินสวินกลับไม่ตื่นตระหนัก
ด้วยพลังต่อสู้ของเขา ย่อมไม่กลัวการต่อสู้กับปีศาจหญิงที่ชื่อเสียงดุดันสังหารมานับไม่ถ้วนคนนี้!