Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3098 รอคอยอย่างยากลำบากสิบสามยุคสมัย
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3098 รอคอยอย่างยากลำบากสิบสามยุคสมัย
ตอนที่ 3098 รอคอยอย่างยากลำบากสิบสามยุคสมัย
ซู่หวั่นจวินเหลือบมองหลินสวินคราหนึ่ง เอ่ยว่า “หากข้าจะฆ่าคนไม่จำเป็นต้องพูดไร้สาระ เจ้าจะป้องกันอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์” เสียงทรงพลัง นุ่มนวลชัดเจน
แต่ในน้ำเสียงกลับดูเผด็จการอย่างที่สุด
หลินสวินยิ้มเอ่ย “เช่นนั้นเจ้ามาที่นี่ทำไม”
สายตาของซู่หวั่นจวินมองไปยังซย่าจื้อที่อยู่ด้านหลังหลินสวิน กล่าวว่า “มาเพราะนาง หากเจ้าสามารถถอยไปได้ ให้ข้าคุยกับนางสักหน่อย ก็ยิ่งไม่ต้องกังวลว่าข้าจะลงมือ”
หลินสวินพูดเรียบๆ “หากข้าไม่ถอยล่ะ”
ซู่หวั่นจวินขมวดคิ้วเล็กน้อย ดวงตางามเผยความไม่พอใจ
ครืน!
เมื่อนางนั่งลง ปักษาเทพนั่นเหมือนสัมผัสได้ถึงสภาวะจิตของเจ้านาย ปีกทองอร่ามกางออกราวกับคมดาบคู่หนึ่ง เลิกประกายศักดิ์สิทธิ์แสงมรรคที่น่ากลัวขึ้นมา กลิ่นอายนั่นถึงกับไม่ด้อยกว่าขั้นไร้ขอบเขตเล็กคนหนึ่ง!
ชั่วพริบตาห้วงอากาศรอบๆ ก็ถูกไอสังหารอันเย็นเยียบน่ากลัวกลบท่วม
หากเป็นขั้นสรรสร้างคนอื่นๆ คงถูกอานุภาพของปักษาเทพสยบไปแล้ว แต่หลินสวินคร้านจะมองอีกฝ่ายแม้แต่แวบเดียว สีหน้าสงบนิ่ง
“พอแล้ว เลิกข่มขู่เสียที สหายน้อยคนนี้ไม่ใช่คนทั่วไป”
ซู่หวั่นจวินตบปักษาเทพสีทองนั่น อีกฝ่ายหุบปีกทันที สงบเสงี่ยมขึ้นมา
ซู่หวั่นจวินเคลื่อนสายตาไปมองหลินสวินอีกครั้ง “ข้าช่วยเจ้าช่วงชิงโอกาสไปแหล่งสถานอัศจรรย์ แม่นางข้างกายเจ้าก็ให้ข้ายืมสักระยะเป็นอย่างไร วางใจได้ ข้าไม่ทำร้ายนาง ถึงขั้นจะให้ศุภโชคที่คิดไม่ถึงกับนาง”
ในใจหลินสวินยิ่งสงสัย เอ่ยว่า “เพราะเหตุใด”
ในข่าวลือซู่หวั่นจวินนิสัยประหลาด สังหารคนมาไม่รู้เท่าไร เป็นปีศาจหญิงที่ทุกคนพูดถึงแล้วหน้าเปลี่ยนสี เดิมทีหลินสวินคิดว่าอีกฝ่ายจะลงมือทันทีที่ได้ยินคำพูดไม่เข้าหู
แต่ตอนนี้ดูท่าอีกฝ่ายกลับดูแตกต่างจากในข่าวลือ
ซู่หวั่นจวินคิดๆ แล้วไม่ได้ปกปิด “เพื่อหยั่งรู้กฎระเบียบโชคชะตา ข้ารออยู่ในทะเลโชคชะตาแห่งนี้มาสิบสามยุคสมัยแล้ว ก่อนเคราะห์แห่งยุคสมัยมาเยือน ขอเพียงบัวชะตามหามรรคปรากฏข้าจะต้องมาที่นี่ คนมากมายคงประหลาดใจว่าเหตุใดข้าจึงไม่ไปแหล่งสถานอัศจรรย์ เหตุผลง่ายมาก ข้าไม่เหมือนคนอื่นๆ ข้าเพียงอยากหยั่งรู้มหามรรคสูงสุดที่ต้องห้ามที่สุดในพลังต้นกำเนิดแหล่งสถานคุนหลุน…โชคชะตา”
พูดถึงตรงนี้บนใบหน้างามของนางปรากฏความผิดหวัง
แต่หลินสวินกลับลอบตกใจ
เพื่อหยั่งรู้กฎระเบียบโชคชะตา ถึงกับอยู่ที่นี่มาสิบสามยุคสมัย!?
ความยึดมั่นของผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!
หนึ่งยุคสมัยก็เป็นเวลาหลายล้านปีแล้ว แม้เป็นระดับนิรันดร์ ใครจะเสียเวลาหนึ่งยุคสมัยเพื่อหยั่งรู้มรรคสูงสุดสายหนึ่ง
แต่ซู่หวั่นจวินกลับเสียเวลาอยู่ที่นี่สิบสามยุคสมัย!
นี่น่าทึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
ไร้ความยึดติด ไร้ความสำเร็จ
แต่ถ้ายึดติดเกินไปก็ง่ายจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก
หลินสวินไม่กล้ามั่นใจว่าซู่หวั่นจวินยึดติดเรื่องนี้จนธาตุไฟเข้าแทรกหรือยัง…
“แต่สิบสามยุคสมัยแล้ว… ข้าก็หยั่งรู้แค่เพียงผิวเผินเท่านั้น”
ซู่หวั่นจวินถอนหายใจเบาๆ “ยังจำได้ว่าเมื่อก่อนมีมือกระบี่คนหนึ่งเคยเตือนข้า ว่าให้ข้าทิ้งความยึดมั่นการหยั่งรู้กฎระเบียบโชคชะตา ไม่เช่นนั้ ชาตินี้ทั้งชาติจะถูกขังอยู่ที่นี่…”
“ตอนแรกข้าคิดว่ามือกระบี่พูดถูก แต่ตอนนี้ดูท่าเกรงว่าเขาคงคิดไม่ถึงว่าข้าในตอนนี้จะเจอโอกาสเช่นนี้”
จู่ๆ นางก็ยิ้ม นั่นเป็นความดีใจจากใจจริง สดใสเป็นประกาย
“ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือยัง”
ซู่หวั่นจวินพูด
หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “เรื่องนี้คงช่วยเจ้าไม่ได้ ไม่ใช่เพราะข้าไม่ยินยอม แต่ข้าคิดว่ากฎระเบียบโชคชะตาที่คนอื่นครอบครอง สามารถให้เจ้าครอบครองได้ด้วยหรือ หากเป็นเช่นนี้เหตุใดมรรคาที่ผู้ฝึกปราณบนโลกแสวงหาจึงไม่เหมือนกัน”
ซู่หวั่นจวินพูดเรียบๆ “เจ้าหนุ่ม เจ้าไม่เข้าใจ ข้าเพียงอยากรู้ว่านางหยั่งรู้กฎระเบียบโชคชะตาได้อย่างไรก็เพียงพอแล้ว”
“นางมีมาแต่กำเนิด”
หลินสวินพูดโดยไม่คิด
ซู่หวั่นจวินอึ้ง “ติดตัวมาแต่กำเนิดหรือ”
“ไม่ผิด” หลินสวินพยักหน้า
“เจ้า… ไม่ได้โกหกข้าใช่หรือไม่”
อารมณ์ของซู่หวั่นจวินเห็นได้ชัดว่าผิดปกติอยู่บ้าง
หลินสวินกล่าว “ข้าสามารถใช้จิตมรรคของตนสาบานได้”
“เป็นไปได้อย่างไร…”
ซู่หวั่นจวินสติหลุด ร่างแบบบางประหนึ่งสาวน้อยสั่นไหวเล็กน้อย
กฎระเบียบโชคชะตาที่นางแสวงหาอย่างยากลำบากสิบสามยุคสมัยยังไม่ถึงมือ สำหรับคนอื่นกลับเป็นพลังที่สามารถครอบครองได้ตั้งแต่แรกเกิด!
สิบสามยุคสมัยเชียวนะ!
เวลาที่เสียไปไม่ถึงกับสำคัญมากนัก แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมานางกลับสูญเสียคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตไป!
ไม่รู้กี่วันคืนที่นางนึกถึงคำพูดที่มือกระบี่คนนั้นพูดไว้ก่อนไป
‘หวั่นจวิน ข้าจะรอเจ้าที่แหล่งสถานอัศจรรย์ เจ้าต้องมานะ’
จากกันครั้งก่อนถึงตอนนี้ก็สิบสามยุคสมัยแล้ว!!
มือกระบี่คนนั้น… เขายังจะรอตนอยู่หรือไม่
ทุกครั้งที่คิดถึงตรงนี้ความยืนหยัดในใจซู่หวั่นจวินก็สั่นคลอน ลังเล โศกเศร้า และเสียใจภายหลัง…
แต่สุดท้ายนางก็ยังยืนหยัดเอาไว้
เรื่องที่เขาบอกว่าเป็นไปไม่ได้ นางจะทำให้ได้!
นางอยากพิสูจน์ให้เขาเห็น
เพียงแต่…
สิ่งที่ต้องเสียไป คุ้มค่าจริงหรือ
หากไม่เจอซย่าจื้อ ซู่หวั่นจวินจะไม่ดีใจยิ่งยวดเช่นนี้ และจะไม่เสียการควบคุมเช่นนี้
สำหรับคนเช่นนาง ผ่านเรื่องราวบนโลกและการเปลี่ยนแปลงมากมายทั่วหล้ามานานแล้ว จิตมรรคผ่านการเคี่ยวกรำจนมั่นคงยิ่งยวด
แต่เพราะใส่ใจคนผู้นั้นเกินไป ยึดติดกับการเสาะหากฎระเบียบโชคชะตาเกินไป ทำให้ตอนนี้เหมือนอูฐที่รับฟางเส้นสุดท้ายไม่ไหว อารมณ์เสียการควบคุม
“เจ้ายังรอข้าอยู่หรือไม่… ยังรออยู่หรือไม่…”
จู่ๆ ซู่หวั่นจวินก็ชะงักงัน น้ำตาไหลจากแก้มงามขาวหิมะ “ใจเจ้ารู้ใจข้า ใจข้ากลับไม่เข้าใจความหมายของเจ้า…”
เมื่อคิดถึง จึงรู้ความทรมานของความคิดถึง
ความคิดถึงชั่วนิรันดร์จดจำได้ชั่วนิรันดร์ ความคะนึงหาชั่วขณะกลับไร้สิ้นสุด!
นางจิตวิญญาณล่องลอย นั่งลงบนปักษาเทพสีทองแล้วกระตุ้นมันจากไป
เสียงที่โศกสลดนั่นยังดังก้องอยู่ในอากาศ แต่เงาร่างของนางหายไปแล้ว
มาอย่างกะทันหัน
ยามจากไปกลับวิญญาณล่องลอย
หลินสวินอดอึ้งงันไม่ได้
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าและเสียใจที่ไม่อาจควบคุมของซู่หวั่นจวิน
เพียงแต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าปีศาจหญิงที่ทำให้ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่คนอื่นๆ ต่างหวาดหวั่น เหตุใดจึงเสียใจขนาดนี้
‘บางทีในใจนางก็คงซ่อนแผลใจที่ไม่อาจคลี่คลายได้กระมัง’
หลินสวินส่ายหน้า ไม่คิดมากอีก
“นางทุกข์เพราะรัก”
จู่ๆ ซย่าจื้อก็เอ่ยออกมา เสียงราวกับเสียงสวรรค์ “หากเป็นไปได้ ข้าอยากช่วยนางจริงๆ”
ดวงหน้าเล็กงดงามไร้ที่เปรียบของนางเผยอารมณ์ละเอียดอ่อนเสี้ยวหนึง เงยหน้ามองหลินสวินอย่างจริงจัง “หลินสวิน หากวันหนึ่งเจ้าหายไป ข้าจะรอเจ้าตลอดไป เจ้าล่ะ”
หลินสวินลูบหัวนางพร้อมรอยยิ้ม กล่าวว่า “ข้าเองก็เช่นกัน”
ซย่าจื้อยิ้มทันที รอยยิ้มเจิดจ้า
“ไปเถอะ พวกเราไปรวมตัวกับพวกผู้อาวุโสสิงเจี้ยนสยาก่อน”
ฝ่ามือหลินสวินปรากฏยันต์หยกชิ้นหนึ่ง เมื่อสัมผัสคลื่นที่แผ่ออกจากยันต์หยกก็พาซย่าจื้อจากไป
ยันต์หยกนี้สามารถสัมผัสกลิ่นอายของพวกสิงเจี้ยนสยาได้
ยันต์หยกเช่นนี้ บนตัวพวกสิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลี กู่เยวี่ยหมิง ซุ่นไหวเจี่ย เสวี่ยเย่ล้วนพกอยู่คนละชิ้น
เช่นนี้ก็จะสามารถรวมตัวกันทันทีหลังจากเข้าสู่โลกบัวชะตา
ถึงอย่างไรว่ากันว่าโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลมาก เพียงพอให้ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศสามวันสามคืน
ควรรู้ว่าหากอยู่ในโลกยอดนิรันดร์น่านฟ้าที่เก้า ด้วยฝีเท้าของขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ แค่หนึ่งวันก็ทะยานข้ามน่านฟ้าที่เก้าได้แล้ว
“เอ๋ เป็นเจ้าหนุ่มขั้นสรรสร้างโลกวิญญาณยุทธ์คนนั้น”
ระหว่างทางหลินสวินเจอกลิ่นอายน่ากลัวส่วนหนึ่งเข้า ล้วนเป็นยอดบุคคลจากยุคสมัยอื่น
แต่ล้วนไม่ได้ลงมือกับหลินสวินอย่างไม่มีข้อยกเว้น
ไม่ใช่ไม่กล้า แต่คร้านจะจัดการ ‘เจ้าตัวจ้อย’ เช่นนี้
ไม่มีความแค้นต่อกัน ฆ่าไปทำไม
พูดอีกอย่างคือไม่ได้เห็นขั้นสรรสร้างอย่างหลินสวินเป็นคู่ต่อสู้ แม้สังเกตเห็นเขาแต่ไม่นานก็มองข้ามไป
สำหรับพวกเขา นี่ก็เหมือนมดหนึ่งบุกเข้าฝูงจระเข้ ใครเล่าจะใส่ใจ
ทว่าถูกปฏิบัติเช่นนี้ หลินสวินกลับจนคำพูดระลอกหนึ่ง และรู้สึกหดหู่มาก
ไม่ใช่เพราะโดนมองข้าม แต่เขามาโลกบัวชะตาครั้งนี้ก็เพื่อต่อสู้ เดิมทีคิดว่าสามารถเคี่ยวกรำผ่านลมคาวฝนเลือดครั้งแล้วครั้งเล่า ได้ต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่เรียกได้ว่าเป็นพวกร้ายกาจมากมาย…
ใครจะคิดว่ากลับไม่มีคนสนใจเขา!
นี่ทำให้หลินสวินไม่อาจเป็นฝ่ายไปท้าสู้ก่อน ไม่ได้มีความแค้นต่อกัน เขาลงมือไม่ลงจริงๆ
อีกอย่างต่อให้ไปท้าทาย คงถูกมองว่า ‘รนหาที่ตาย’ อย่างแน่นอน เช่นนี้หากชนะขึ้นมาจะเป็นการล่วงเกินกันง่ายๆ
คิดๆ แล้วหากแพ้ในมือขั้นสรรสร้างอย่างเขา จะให้เฒ่าชราที่อยู่มาแล้วไม่รู้นานเท่าไรเหล่านั้นรับได้อย่างไร
ทว่าในขณะที่หลินสวินคิดว่าระหว่างทางจะถูก ‘มองข้าม’ เช่นนี้ตลอด เรื่องยุ่งยากก็มาเยือนแล้ว
ที่แห่งนี้เป็นที่ราบกว้างใหญ่แถบหนึ่ง ต้นไม้ใบหญ้าอุดมสมบูรณ์
ขณะหลินสวินเดินอยู่ภายใน จู่ๆ ก็ถูกเงาร่างน่ากลัวสายหนึ่งขวางไว้ นี่ทำให้หลินสวินคึกคักขึ้นมา เอ่ยว่า “สหายยุทธ์ทำเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไร”
นี่คือชายชุดม่วงคนหนึ่ง ใบหน้าดั่งหยกประดับ รอบกายมีโซ่เทพกฎระเบียบสีแดงเจิดจ้าบาดตาเป็นสายๆ รัดพัน แววตาเฉยชาราบเรียบ
ทั้งร่างแผ่กลิ่นอายน่ากลัวของขั้นไร้ขอบเขตใหญ่
ยามนี้เขาไพล่หลัง เชิดหน้ามองมาประหนึ่งนายเหนือหัวมองมดปลวกเอ่ยว่า “เจ้าหนุ่ม เจ้ามาจากโลกวิญญาณยุทธ์หรือ”
แววตานั้นทำให้หลินสวินอึดอัดมาก แต่ในใจกลับยิ่งดีใจ เขาสังเกตได้ถึงความเป็นอริในตัวชายชุดม่วง!
และตอนนี้เขากำลังเศร้าที่ไม่ได้ต่อสู้
“ไม่ผิด” หลินสวินพูดโดยไม่คิดด้วยซ้ำ
ชายชุดม่วงพูดอย่างเย็นเยียบ “ข้ายังไม่ถึงขั้นลดเกียรติไปลงมือกับคนตัวเล็กๆ อย่างเจ้า ไม่เช่นนั้นหากสหายยุทธ์คนอื่นๆ รู้เข้าคงต้องหัวเราะเยาะข้าอย่างแน่นอน แต่ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เจ้ามาจากที่เดียวกับพวกเฒ่าสารเลวซินหู เหลยซ่ง”
น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ตอนนี้เจ้าไปกับข้าแต่โดยดี ข้ารับรองว่าขอเพียงเจ้าให้ความร่วมมือจะไม่ทำร้ายเจ้าถึงชีวิต ไม่เช่นนั้นอย่าโทษที่ข้าจะบังคับกุมตัวเจ้า”
สีหน้าหลินสวินผิดคาด เอ่ยว่า “เจ้ามาขวางข้าเพื่อแก้แค้นพวกซินหู เหลยซ่งหรือ”
ในดวงตาชายชุดม่วงเผยความชิงชัง กล่าว “ไม่ผิดยามต่อสู้กันในโลกบัวชะตาครั้งก่อน ซินหูกับเหลยซ่งร่วมมือกันลอบโจมตีข้าครั้งหนึ่ง ทำเอาข้าเกือบร่วงหล่นที่นี่ ความแค้นนี้จะไม่ชำระได้อย่างไร”
ฟังจบมุมปากของหลินสวินอดกระตุกไม่ได้
ที่แท้ตนก็รับกรรมแทนพวกเจ้าเฒ่าซินหู เหลยซ่งซินะ…