Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3122 ทลายวงล้อม
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3122 ทลายวงล้อม
ตอนที่ 3122 ทลายวงล้อม
สิงเจี้ยนสยาจำได้ว่าเงาร่างน่าสะพรึงที่เพิ่งเข้าร่วมสนามรบกลุ่มนั้นมาจากฝ่ายเดียวกัน
ผู้นำคือ ‘จักรพรรดิเทพข่งอวี่’ จากยุคปราชญ์
ยักษ์ใหญ่ผู้เคยสร้างอารยธรรมโบราณ และเรียบเรียงประวัติศาสตร์แห่งยุคสมัยคนหนึ่ง
คนผู้นี้ศึกษารอบรู้ ค้นคว้าศุภโชค ถูกขนานนามเป็นหนึ่งในสามจักรพรรดิแห่งยุคปราชญ์
ข้อปฏิบัติมหามรรคและข้อบังคับมหามรรคที่เขาเรียบเรียงออมา ถูกมองเป็นกฎเหล็กสูงสุดแห่งยุคปราชญ์
และเวลานี้จักรพรรดิเทพข่งอวี่นำเหล่าคนน่าสะพรึงกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าสนามรบแล้ว หันปลายหอกไปทางพวกจอมมรรคซานเฟิงโดยตรง
นี่ทำให้สิงเจี้ยนสยาไม่อาจเข้าใจ
เพราะเหตุใด
สหายเหล่านี้ของพวกเขากับเฒ่าชราจากยุคปราชญ์พวกนั้นล้วนไร้แค้นไร้พยาบาทต่อกัน!
“ผู้อาวุโส ด่านนภาห้าธาตุในตอนนี้ยังไม่มีใครกล้าไปยึดครอง อีกเดี๋ยวยามลงมือ พวกท่านไปยึดด่านนี้ ข้าจะไปช่วยพวกผู้อาวุโสซานเฟิง”
จู่ๆ หลินสวินเอ่ยปากขึ้น
“เจ้าคนเดียวหรือ”
สิงเจี้ยนสยานัยน์ตาหดรัด
“แค่ช่วยคนเท่านั้น ไม่ใช่ฆ่าศัตรู ข้าคนเดียวก็พอ”
หลินสวินพูดด้วยสีหน้าสุขุม
สิงเจี้ยนสยากัดฟันเอ่ยปากกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ทำตามนี้!”
เขาไม่คิดว่าหลินสวินจะคุยโวในเรื่องแบบนี้
“เพียงแต่…”
ฟู่หนานหลีเพิ่งหมายจะพูดอะไร สิงเจี้ยนสยาก็อธิบายอย่างอดทน
“วิธีของสหายน้อยหลินจึงจะชาญฉลาดที่สุด ขอเพียงพวกเรายึดครองด่านนภาห้าธาตุได้ รอสหายน้อยหลินช่วยพวกซานเฟิงออกมาแล้วก็สามารถใช้พลังของด่านนภาห้าธาตุต้านทานศัตรูได้ ถึงตอนนั้นต่อให้ศัตรูมากมายแค่ไหน หากหมายจะจัดการพวกเราก็ต้องท้าทายผ่านศิลาสังเวียนมหามรรค การต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งเช่นนี้จึงจะเอื้อประโยชน์กับพวกเรา”
ฟู่หนานหลีนัยน์ตหดรัดน้อยๆ พยักหน้าตอบรับ
“ผู้อาวุโสทั้งสอง ข้าขอตัวก่อน”
หลินสวินพุ่งทะยานออกไปก่อนใคร
สวบ!
ยามเงาร่างเขาเคลื่อนขวางอากาศออกไปโดยไม่ปกปิดใดๆ ก็ดึงดูดความสนใจจากคนมากมายทันที
“ดูเร็ว เป็นหลินสวิน!”
“เขาใจกล้ามากทีเดียว ไม่เห็นหรือว่าในการต่อสู้เช่นนี้มีพวกน่าสะพรึงไร้ทัดเทียมมากขนาดไหน”
“ถือโอกาสนี้จะได้เห็นว่าตกลงแล้วเจ้าหมอนี่แข็งแกร่งเหมือนอย่างข่าวลือหรือไม่”
…พื้นที่ใกล้เคียงผืนน้ำแถบนี้มีผู้ชมการต่อสู้มากมายกระจายอยู่ หลังจากจำหลินสวินได้ล้วนฮือฮายิ่งยวด
ในโลกบัวชะตาคราวก่อน แม้หลินสวินจะจากไปก่อน แต่วีรกรรมของเขาล้วนสะท้านสะเทือนทั่วทิศ เรียกระลอกคลื่นไม่รู้ตั้งเท่าไร
แต่ถึงอย่างไรข่าวลือก็คือข่าวลือ ใครบ้างไม่อยากเห็นด้วยตาตัวเองว่าหลินสวินแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่
และตอนนี้โอกาสมาแล้ว!
“หืม”
และพร้อมกันนั้นพวกอิงเทียนเซิง พวกจู๋เทียนจวิน รวมถึงพวกจักรพรรดิเทพข่งอวี่ล้วนสังเกตเห็นการปรากฏตัวของหลินสวิน
“เหอะ ไม่ผิดไปจากที่คาด เจ้าหมอนี่มาจริงๆ”
อิงเทียนเซิงยิ้มเย็น
เดิมนี่ก็เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดเอาไว้
สิ่งเดียวที่ทำให้เขาประหลาดใจคือหลินสวินดันมาเพียงลำพัง
“ถ่อมาให้จับเอง ครั้งนี้อยากดูนักว่าเจ้าจะหนีไปทางไหน!”
ส่วนลึกนัยน์ตาจู๋เทียนจวินมีไอสังหารเดือดพล่าน
การต่อสู้ในวันนี้เป็นสถานการณ์ที่พวกเขาสร้างขึ้น จุดประสงค์ก็เพื่อล่อหลินสวินมาและสังหารเขาไปพร้อมกัน
“นี่ก็คือบัวดอกนั้นที่เจ้าเฒ่าโพธิพูดถึงหรือ”
ส่วนลึกนัยน์ตาจักรพรรดิเทพข่งอวี่ผุดประกายแสงที่ความหมายไม่ชัดเจน
“หลินสวิน นี่เป็นกับดัก ไปเร็ว!”
พวกจอมมรรคซานเฟิงที่อยู่กลางวงล้อมแน่นหนาล้วนหน้าเปลี่ยนสี แผดเสียงร้องเตือน
“สายไปแล้ว!”
ทันใดนั้นเสียงเย็นชาสายหนึ่งดังขึ้น
ตูม!
ยังไม่รอให้หลินสวินขยับใกล้เข้ามา เงาร่างเพลิงแดงดุจไฟโหมสายหนึ่งพุ่งโถมออกมา สวมชุดนักพรตสีแดงเพลิง มือถือกระบี่ยักษ์เล่มหนึ่ง หน้าตาหล่อเหลาราวเด็กหนุ่ม
ลู่จงเยียน พวกน่าสะพรึงที่เคยข้ามเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพหกครั้งคนหนึ่ง
ในโลกบัวชะตาคราวก่อนเขาก็เคยล้อมโจมตีพวกสิงเจี้ยนสยาพร้อมกับพวกเจียงหมิงสุ่ย
เวลานี้ทันทีที่ลู่จงเยียนปรากฏตัวก็มาขวางทางหลินสวิน
“ช้าไปหนึ่งก้าวจริงๆ”
ห้วงอากาศอีกฝั่งหนึ่งเกิดเสียงระเบิดอึงอลกะทันหัน จากนั้นขั้นไร้ขอบเขตใหญ่สิบกว่าคนอย่างพวกเจียงหมิงสุ่ยก็ปรากฏตัวกลางอากาศ แต่ละคนสีหน้าเย็นชาน่ากลัว
คราวก่อนหลินสวินสังหารขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ฝั่งพวกเขาไปเก้าคน ทำให้กำลังพลฝ่ายพวกเขาเสียหายสาหัส ถึงขั้นเสียคุณสมบัติไปชิงด่านนภา
เวลานี้เมื่อเห็นหลินสวินอีกครั้งมีหรือจะไม่ทำให้พวกเขาเคียดแค้น
“ที่แท้เป็นพวกขี้แพ้นี่เอง” หลินสวินยกยิ้ม
นี่เป็นกับดักจริงๆ
ใช้พวกจอมมรรคซานเฟิงเป็นเหยื่อล่อ ฉากหน้าเป็นพวกอิงเทียนเซิง จู๋เทียนจวิน และจักรพรรดิเทพข่งอวี่สามฝ่ายออกเคลื่อนไหวด้วยกัน
แต่เห็นได้ชัดยิ่งว่าในมุมมืดยังมีศัตรูไม่น้อยซุ่มซ่อนอยู่
อย่างเช่นพวกลู่จงเยียนกับเจียงหมิงสุ่ยที่อยู่ตรงหน้า
“ครั้งนี้ซู่หวั่นจวินมาช่วยเจ้าไม่ทันหรอก”
เงาร่างจอมเทพหวงหลงปรากฏตัวกลางอากาศพร้อมกับเสียง เดินมาเนิบๆ
ที่ตามมาติดๆ คือในพื้นที่ใกล้เคียงนี้ปรากฏคลื่นระลอกหนึ่งขึ้นอีกครั้ง เผยเงาร่างเป็นสายๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง มีกันสิบกว่าคนทั้งชายและหญิง กลิ่นอายล้วนน่าสะพรึงไร้สิ้นสุด
เพียงแต่หน้าตาคนเหล่านี้กลับไม่คุ้นยิ่ง หลินสวินไม่เคยเจอมาก่อนสักนิด
แต่นี่ต้องเป็นเหล่าศัตรูที่มองคีรีดวงกมลเป็นอริแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย!
บัดนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
พวกจอมมรรคซานเฟิงถูกล้อมกรอบแน่นหนา สถานการณ์อันตราย
ขณะเดียวกันหลินสวินก็ถูกล้อม ต่อให้ติดปีกก็ยากจะบินหนี!
นอกจากนี้จากกำลังพลของศัตรูที่ออกเคลื่อนไหวก็มองออกแล้ว ว่าศัตรูเหล่านี้ไม่ว่ามาจากฝ่ายไหนล้วนต้องร่วมพันธมิตรกันลับๆ นานแล้วเป็นแน่
สิงเจี้ยนสยาและฟู่หนานหลีมือเท้าเย็นเฉียบ ตกใจไปกับภาพนี้เช่นกัน
“อีกเดี๋ยวเมื่อเปิดศึกความสนใจทั้งหมดต้องถูกดึงดูดไปแน่ พวกเราถือโอกาสนี้พุ่งไปทางด่านนภาห้าธาตุทันที”
แต่จากนั้นสิงเจี้ยนสยาก็กัดฟัน ฝืนข่มแรงกระตุ้นที่จะมุ่งหน้าไปช่วยหลินสวินเอาไว้แล้วทำการตัดสินใจ
ฟู่หนานหลีพยักหน้าน้อยๆ
“ยังมีใครอีกหรือไม่”
หลินสวินกวาดสายตามองทุกคนรอบบริเวณ สีหน้าเฉยเมย
“เฮอะ เจ้ายังคิดว่าจะเหมือนคราวก่อนอีกหรือ”
เจียงหมิงสุ่ยยิ้มเย็น
ขณะพูดเขาโบกมือคราหนึ่ง
“ฆ่า!”
สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกลู่จงเยียน จอมเทพหวงหลงที่อยู่ใกล้เคียงล้วนเคลื่อนไหว เรียกศาสตรามรรคออกมาแล้วโถมเข้าใส่หลินสวินคนเดียว
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ยี่สิบหกคนลงมือพร้อมกัน ภาพระดับนั้นต้องน่าสะพรึงปานใด ก็เห็นศาสตรามรรคเจิดจรัสพร่างตาเคลื่อนขวาง เรียกกระแสพลังปิดครอบฟ้าดิน วิชามรรคอภินิหารแน่นขนัดไหลหลั่งราวลมคลั่งฝนคะนอง ปลดปล่อยอานุภาพไร้ขอบเขต
ฟ้าดินแถบนี้จมสู่ความโกลาหลเดือดคลั่ง ปั่นป่วนในพริบตา ภาพประหลาดราวกับวันสิ้นโลกมากมายอุบัติขึ้น เผยภาพสิ้นหวังแห่งวันโลกาวินาศที่ทำให้คนพังทลาย
ทุกคนที่อยู่ไกลๆ ล้วนกลั้นลมหายใจ สภาวะจิตถูกซัดสะเทือน สีหน้าหวาดหวั่น
น่าสะพรึงเกินไปแล้ว!
การล้อมโจมตีเช่นนี้ ทอดสายตามองทั่วโลกบัวชะตา ใครยังจะต้านอยู่กัน
และเผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ เงาร่างหลินสวินยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ กายมรรควารีดำกลับพุ่งโฉบออกมา
สวบ!
กายมรรควารีดำสูดหายใจลึกคราหนึ่ง เงาร่างพริบไหว
ตูม!
ร่างแยกสามพันสายพุ่งออกมา เบียดเสียดแน่นขนัดดุจรุ้งเทพที่เจิดจรัสพร่างตาเป็นสายๆ ทะลวงเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน ร่างแยกแต่ละสายล้วนแผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงที่เทียบเท่ากับหลินสวินยามมีปราณขั้นสรรสร้างขั้นต้น
และควรรู้ว่ายามอยู่ขั้นสรรสร้างขั้นต้น หลินสวินก็เคยสังหารคนเย้ยฟ้าอย่างเจวี๋ยอู๋เทียนที่เทียบได้กับขั้นไร้ขอบเขตใหญ่แล้ว!
ตอนนี้ร่างแยกสามพันสายล้วนมีพลังระดับนี้ ก็เหมือนมีหลินสวินในขั้นสรรสร้างขั้นต้นสามพันคนออกต่อสู้พร้อมกัน!
ภาพเช่นนั้นสามารถสะเทือนหมื่นกาล ส่องชัชวาลทุกยุคสมัยได้
“นี่…”
พวกเจียงหมิงสุ่ย ลู่จงเยียน จอมเทพหวงหลงลูกตาเกือบหลุดออกมา ล้วนถูกภาพนี้ทำให้ตกใจ แข็งทื่อไปทั้งตัว
ไม่รอให้พวกเขาตอบสนอง สามพันร่างแยกทะยานออกไป แต่ละสายปลดปล่อยอานุภาพน่าสะพรึง นั่นเปรียบเสมือนทัพใหญ่ของทวยเทพที่กดข่มเก้าฟ้าสิบแผ่นดินชัดๆ
ตูม โครม… ตูม โครม…
ฟ้าถล่มดินทลาย สรรพชีวิตล้วนล่มสลาย
พลังโจมตีน่าสะพรึงของพวกเจียงหมิงสุ่ยล้วนถูกซัดทลาย สาดกระเซ็นหายไปกลางอากาศ แม้แต่ศาสตรามรรคเหล่านั้นยังสั่นสะเทือนรุนแรง ครวญคร่ำไม่หยุด
ความจริงพวกเขามีกันยี่สิบกว่าคน แต่ละคนล้วนเป็นพวกร้ายกาจในขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ โดยเฉพาะคนอย่างเจียงหมิงสุ่ย จอมเทพหวงหลงยิ่งเรียกได้ว่าเป็นพวกยักษ์ใหญ่
แต่เวลานี้ล้วนถูกโจมตีจนรับมือไม่ทันเช่นกัน
กำลังพลของพวกเขาถูกสลายไปแล้ว
แต่ละคนล้วนกำลังเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีจากร่างแยกนับร้อยสาย!
ภาพเหล่านั้นทำให้ผู้ชมการต่อสู้จากไกลๆ ล้วนหนาวสะท้านไปทั่วร่าง เบิกตากว้าง ทั้งตัวล้วนรู้สึกมึนงง
ไม่ใช่บอกว่าหลินสวินมีร่างแยกมหามรรคเพียงห้าร่างหรือ?!
เหตุใดตอนนี้จึงเพิ่มเป็นหลายพันในครู่เดียว
แม้แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกอิงเทียนเซิง จู๋เทียนจวิน จักรพรรดิเทพข่งอวี่ที่อยู่ไกลๆ ล้วนตกใจ หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ แต่ละคนเผยแววยากจะเชื่อออกมา
เคล็ดวิชาร่างแยกมหามรรคไม่ว่าใครล้วนใช้ได้ มีทั้งจริงมีทั้งหลอก ทั้งตัวจริงตัวปลอม ทำให้คนป้องกันไม่หวาดไม่ไหวมากที่สุด
แต่ร่างแยกมหามรรคของหลินสวินต่างออกไป
สามพันร่างเต็มๆ หนำซ้ำแต่ละร่างล้วนมีพลังต่อสู้ขั้นสรรสร้างขั้นต้น!
และควรรู้ว่าพลังต่อสู้ขั้นสรรสร้างขั้นต้นของหลินสวินไม่ใช่สิ่งที่คนระดับเดียวกันในโลกจะเทียบได้โดยสิ้นเชิง ล้วนสามารถคุกคามขั้นไร้ขอบเขตได้!
นี่จะไม่ให้คนอื่นตกใจได้อย่างไร
ตูม โครม!
ฟ้าดินแถบนี้ปั่นป่วนโดยสมบูรณ์ ศึกห้ำหั่นสะเทือนฟ้า ประกายแสงโหมซัด เสียงมรรคดังก้องไม่หยุด
และเวลานี้เมื่อความคิดหลินสวินขยับไหว โจมตีเข้าใส่พวกอิงเทียนเซิงที่อยู่ไกลๆ ข้างหลังเขายังมีกายมรรควารีดำจำนวนนับพันคอยติดตามอยู่
มองจากไกลๆ เสมือนม่านราตรีม้วนฟ้าดินร่วงมาเยือน ไอสังหารพลุ่งพล่าน ทับถล่มเวิ้งฟ้า
เพียงชั่วลมหายใจนั้น
กระบวนทัพของเฒ่าชราอย่างพวกพวกอิงเทียนเซิงก็ถูกสลายไปอย่างรุนแรง ไม่อาจเกาะกลุ่มรวมตัวได้อีก สัตว์ประหลาดเฒ่าแต่ละคนจำต้องไปจัดการร่างแยกที่กรูเข้ามาไม่ขาดสายนั่น
และอาศัยโอกาสนี้หลินสวินก็มาถึงข้างตัวพวกจอมมรรคซานเฟิงอย่างราบรื่น รวมตัวอยู่ด้วยกัน
ทั้งหมดนี้ถึงขั้นทำให้พวกจอมมรรคซานเฟิงล้วนรู้สึกตั้งตัวไม่ทัน
เพียงไม่กี่พริบตา
หลินสวินปล่อยสามพันร่างแยก เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทั้งสนามรบไปโดยสิ้นเชิง!!
นี่เห็นชัดว่าน่าเหลือเชื่อเกินไป
‘ผู้อาวุโสทุกท่าน พวกเราไปด่านนภาห้าธาตุ’
หลินสวินสื่อจิตอย่างฉับไว จากนั้นไม่ตอแยกับศัตรูเหล่านั้นสักนิด ทิ้งไว้เพียงร่างแยกหลายพันสายต่อสู้โรมรันกับศัตรู
ส่วนเขาก็นำทางพุ่งทะยานไปทางด่านนภาห้าธาตุ
จอมมรรคซานเฟิง เซียวเหอ โม่ไป๋เจ๋อ มู่ฉางอวิ๋น สวินเต้าเยี่ยน จอมเทพหลิงหลงล้วนตามหลังเขาไปโดยไม่หยุดคิด สภาพจิตใจของพวกเขาเดือดพล่าน เวลานี้ต่อให้ตามหลินสวินไปต่อสู้จนตัวตายล้วนไม่ขุ่นข้องหมองใจสักนิด
“สมควรตาย!”
“รีบขวางพวกเขาเร็ว!”
และเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของพวกหลินสวิน พวกอิงเทียนเซิงแต่ละคนสีหน้าเขียวคล้ำเดือดดาล หมายจะไปสกัดกั้นโดยไม่คำนึงถึงตัวเอง
แต่นี่ย่อมเสียแรงเปล่า
ร่างแยกเบียดเสียดแน่นขนัดนั้นดุจกระแสน้ำเป็นชั้นๆ ล้อมกรอบพวกเขาทั้งหมดไว้ที่นั่น มีหรือจะมีโอกาสไปขวางได้
ทำได้เพียงมองดูพวกหลินสวินพุ่งออกจากสนามรบอย่างๆ ตาปริบๆ ทะยานไปทางด่านนภาห้าธาตุที่อยู่ไกลออกไป ทำเอาพวกเขาโมโหจนแทบจะอาเจียนเป็นเลือด