Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3129 สู้อย่างไร
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3129 สู้อย่างไร
ตอนที่ 3129 สู้อย่างไร
จอมเทพหวงหลงก่อนหน้านี้เกรียงไกรทรงพลัง ดุจดั่งเทพนายเหนือหัวมรรคกระบี่ เหยียดหยันผ่าเผย เรียกเสียงชมตระการตาในลานเป็นระลอกๆ
ทว่ายามนี้เป็นต้นไป เขากลับจมกลางวงล้อมแน่นหนา ไร้เรี่ยวแรงหลุดพ้น!
การเปลี่ยนแปลงนี้เร็วเกินไป ทำให้ทุกคนล้วนถูกกระทบกระเทือน
และความแข็งแกร่งของหลินสวินก็สะท้านสะเทือนทุกคนในที่นี้อีกครั้ง
ร่างต้นยังแข็งแกร่งปานนั้น เมื่อรวมกายมรรคทั้งห้าไปด้วย…
ในโลกบัวชะตาแทบจะยืนอยู่สุดปลายยอดแล้ว!
ตูม โครม…
ในลานประลองแพ้ชนะ สถานการณ์ของจอมเทพหวงหลงอนาถยิ่ง อย่าว่าแต่โจมตีกลับ แม้แต่ปกป้องตัวเองยังยาก ไม่นานก็บาดเจ็บเต็มตัว สันจมูกล้วนถูกกระแทกยุบ โลหิตสดไหลกระฉูด
เขาคำรามเดือดไม่ขาดสาย พยายามแหวกฝ่าวงล้อมแน่นหนาแต่กลับเสียแรงเปล่า
นี่ทำให้ผู้คนเห็นแล้วใจเต้นเนื้อกระตุก ขวัญผวาไม่หยุด
จอมเทพหวงหลงเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่แข็งแกร่งปานใด แต่ยังถูกซัดจนเป็นสภาพนี้ ใครจะกล้าเชื่อว่าเขาก่อนหน้านี้ยังยิ้มแย้มสบายๆ หยิ่งผยองทะลุฟ้า
“ยอมหรือไม่”
หลินสวินถาม
“ถึงตายก็ไม่ยอม!”
จอมเทพหวงหลงตวาดร้อง นัยน์ตาก่ำเลือด ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ทั้งตัวล้วนสะบักสะบอมเป็นพิเศษอย่างเห็นได้ชัด
ปึงๆๆ!
พลังหมัด ปราณกระบี่ ประทับฝ่ามือ พลังดรรชนีที่อัดแน่นเสมือนกระแสน้ำคลั่งประดังมาจากสี่ทิศแปดทาง กระหน่ำจนร่างกายเขาเสียหาย โลหิตสดสาดกระเซ็น
ภาพเหล่านั้นทำให้พวกอิงเทียนเซิง เจียงหมิงสุ่ยใจสะท้านโดยสิ้นเชิง
เดิมพวกเขายังฝากความหวังไว้ว่าหลังจากจอมเทพหวงหลงลงสนามจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้ แต่ตอนนี้เห็นทีจอมเทพหวงหลงก็ยังไม่ไหว!
แม้จะผ่านการห้ำหั่นและต่อสู้สิบเจ็ดครั้ง แม้จะไม่ได้อยู่ในสภาวะสมบูรณ์สูงสุด แต่ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ที่หลินสวินมีก็ไม่ใช่สิ่งที่จอมเทพหวงหลงจะต้านได้สักนิด
“ยอมหรือไม่”
หลินสวินถามอีกครั้ง
เขาในเวลานี้ออกโจมตีพร้อมกับกายมรรคทั้งห้า ไม่ต่างอะไรกับการกดจอมเทพหวงหลงลงกับพื้นแล้วกระหน่ำโจมตี
“ไม่ยอม!!”
จอมเทพหวงหลงคำรามคลั่ง
“พี่สิง สหายน้อยหลินตั้งใจจะสู้จนกว่าจอมเทพหวงหลงจะยอมแพ้หรือ” สวินเต้าเยี่ยนอดถามไม่ได้
“ก่อนหน้านี้เจ้าเฒ่าหวงหลงไม่ได้บอกว่าจะทำให้สหายน้อยหลินยอมแพ้ทั้งกายใจหรือ ตอนนี้สหายน้อยหลินแค่คืนคำพูดเขากลับไปเท่านั้น”
สิงเจี้ยนสยาเอ่ยปากยิ้มๆ
สวินเต้าเยี่ยนและจอมเทพหลิงหลงสบสายตากัน สีหน้าล้วนเปลี่ยนเป็นพิกล
ล้วนไม่คาดคิดว่าหลินสวินจะเจ้าคิดเจ้าแค้นเช่นนี้
“จอมเทพหวงหลงจบเห่แล้ว…”
เวลานี้แม้แต่เหล่าผู้ชมการต่อสู้พวกนั้นยังมองออก ว่าจอมเทพหวงหลงไม่มีโอกาสพลิกสถานการณ์ในการต่อสู้นี้ได้อีก
นี่ทำให้ในใจพวกเขาล้วนพลิกตลบระลอกหนึ่ง ความเข้าใจที่มีต่อหลินสวินเกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่เอี่ยม
ตูม!
ไม่นานในลานประลองแพ้ชนะเกิดเสียงดังสนั่นรุนแรงขึ้น
ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน ร่างกายชำรุดทรุดโทรมของจอมเทพหวงหลงถูกซัดกระจุย โลหิตสดสาดกระเซ็น
พริบตานี้ในสมองคนไม่น้อยล้วนผุดความคิดที่ว่า จอมเทพหวงหลงจะใช้วิธีฆ่าตัวตายยอมแพ้มาจบการต่อสู้ครั้งนี้หรือไม่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
จะโทษที่ผู้คนเกิดความคิดเช่นนี้ก็ไม่ได้
ก่อนการต่อสู้ครั้งนี้จอมเทพหวงหลงเคยเอ่ยอย่างทรงพลังกังวาน ว่าการฆ่าตัวตายยอมแพ้คือการตัดช่องน้อยแต่พอตัว เขาไม่มีทางทำเรื่องน่าอับอายเช่นนี้เด็ดขาด
แต่ตอนนี้จอมเทพหวงหลงอยู่ในช่วงวิกฤตแล้ว หากเขาไม่ทำ เกรงว่าพลังจิตก็จะได้รับบาดเจ็บร้ายแรงเช่นกัน ส่งผลให้รากฐานมหามรรคในตัวเสียหายรุนแรงอย่างไม่อาจซ่อมแซม
พูดเหมือนช้าแต่ความจริงรวดเร็วยิ่ง ทันทีที่ซัดร่างของจอมเทพหวงหลงกระจุย หลินสวินยื่นมือไปคว้าพลังจิตของจอมเทพหวงหลง กักขังเขาเอาไว้ทันที
ไม่ได้ลงมือต่อไปอีก ทำเพียงกักขังเท่านั้น
และนี่ก็หมายความว่าต่อให้จอมเทพหวงหลงอยากฆ่าตัวตายยอมแพ้ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว เว้นแต่หลินสวินจะลงมือทำลายพลังจิตของเขา
“เจ้าเฒ่า ตอนนี้ยอมแล้วหรือไม่”
การต่อสู้จบลง หลินสวินเก็บร่างแยกมหามรรคแล้วเอ่ยถามอีกครั้ง
เวลานี้ทั่วลานเงียบสงัดทั้งแถบ
ผู้ชมการต่อสู้ล้วนสะท้านสะเทือนเหม่อลอย ส่วนพวกอิงเทียนเซิง เจียงหมิงสุ่ยแต่ละคนสีหน้าแข็งทื่อ หัวใจจมสู่ก้นเหว
การพ่ายแพ้ของสัตว์ประหลาดเฒ่าสิบเจ็ดคนก่อนหน้านี้ก็ทำให้พวกเขาแบกรับการโจมตีครั้งใหญ่แล้ว
และพร้อมกับความพ่ายแพ้ของจอมเทพหวงหลง ขวัญกำลังใจของพวกเขาแต่ละคนล้วนสั่นคลอน เริ่มใคร่ครวญว่าจะท้าทายต่อไปหรือไม่…
พวกสิงเจี้ยนสยาบนด่านนภาห้าธาตุสบสายตากัน ล้วนผ่อนคลายลงโดยสิ้นเชิง
“ข้าบอกแล้วว่าไม่ยอม!!!”
พลังจิตจอมเทพหวงหลงคำราม เต็มไปด้วยความไม่จำยอมและเดือดดาล
“แต่เมื่อครู่เจ้ากลับพยายามใช้วิธีฆ่าตัวตายยอมแพ้มาจบการต่อสู้ครั้งนี้ ยังดีที่ข้าลงมือขังพลังจิตของเจ้าทันที”
หลินสวินกล่าวกลั้วหัวเราะ
ประโยคเดียวทำเอาทั่วลานล้วนอึ้งค้าง
ที่แท้… ก่อนหน้านี้จอมเทพหวงหลงจะฆ่าตัวตายยอมแพ้จริงๆ หรือ
นี่ก็กระอักกระอ่วนเกินไปแล้ว เท่ากับตบหน้าตัวเองชัดๆ!
เมื่อนึกถึงท่าทีองอาจก่อนหน้านี้ของจอมเทพหวงหลง ผู้ชมการต่อสู้ไม่น้อยล้วนขำออกมาอย่างอดไม่ได้
“หลินสวิน หากเจ้าอยากใช้วิธีนี้หยามเกียรติข้า ทำให้ข้าอับอายขายหน้า เช่นนั้นก็คิดผิดแล้ว จะบอกเจ้าให้ ขอเพียงมีชีวิตอยู่ ความแค้นและอัปยศมากมายแค่ไหนก็ยังมีโอกาสแก้แค้น!”
แววตาจอมเทพหวงหลงเคียดแค้น “ภายหน้าเจ้าอาจมีโอกาสไปแหล่งสถานอัศจรรย์ แต่ช้าเร็วญาติมิตรของเจ้าก็ต้องมาที่ทะเลโชคชะตาแห่งนี้ในสักวัน ถึงตอนนั้นศัตรูที่เจ้าเคยล่วงเกินล้วนจะแก้แค้นกับญาติมิตรเหล่านั้นของเจ้า!”
ทั่วลานเงียบสงัด
ประโยคนี้กล่าวอย่างไม่สนใจศักดิ์ศรีและความผ่าเผย ตรงไปตรงมาไร้ใดเปรียบ
“รู้หรือไม่ว่าเหตุใดเจ้าเพิ่งมาถึงโลกบัวชะตาก็ถูกเฒ่าชราที่ไม่รู้จักมองเป็นศัตรูมากขนาดนี้ ก็เพราะปีนั้นเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอาจารย์ของเจ้าล่วงเกินคนมากมายที่นี่ พวกเขาไม่อาจแก้แค้นอาจารย์ของเจ้า จึงได้แต่เอาความแค้นมาระบายใส่ตัวผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างเจ้า!”
จอมเทพหวงหลงสีหน้าเกรี้ยวกราดอึมครึม
ในที่นี้ยิ่งเงียบสงัดขึ้นเรื่อยๆ เพราะทุกคนล้วนรู้ว่าที่จอมเทพหวงหลงพูดนั้นไม่ผิด
อย่างพวกจู๋เทียนจวิน พวกจักรพรรดิเทพข่งอวี่ คนไหนบ้างที่ไม่เห็นหลินสวินเป็นเป้าหมายแก้แค้นหลังจากเขาปรากฏตัว เพราะผูกแค้นกับเจ้าแห่งคีรีดวงกมลในปีนั้น
ก็เห็นสีหน้าหลินสวินเรียบนิ่ง ไร้คลื่นหวั่นไหว เสมือนไม่แยแสต่อเรื่องทั้งหมดนี้ กล่าวง่ายๆ ว่า “เรื่องการแก้แค้นนี้ ในเมื่อข้าเคยประสบมาเองกับตัวย่อมไม่มีทางให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นในภายหน้าอีกแน่”
เขาเว้นช่วงไปครู่หนึ่งก่อนกล่าว “ปีนั้นอาจารย์ของข้าไม่ได้สังหารพวกเจ้าทั้งหมด อาจเพราะเมตตา อาจเพราะมีสาเหตุอื่น หรืออาจเพราะไม่เห็นเหลือบไรเฒ่าอย่างพวกเจ้าอยู่ในสายตาสักนิด แต่ข้าไม่เหมือนกัน ข้าปฏิบัติต่อศัตรู ไม่เคยออมมือมีเมตตาใดๆ!”
เขาทอดสายตามองพวกศัตรูเหล่านั้น “เว้นแต่พวกเจ้าซ่อนตัวในโลกยุคสมัยของตัวเองไม่ออกมา หาไม่ขอเพียงอยู่ที่โลกบัวชะตาแห่งนี้ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทิ้งทั้งหมด!”
เหมือนลมหนาวจากเหวลึกสายหนึ่งพัดผ่านหัวใจของผู้คน สัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายในที่นี้แข็งทื่อไปทั้งตัว หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่
หากเป็นก่อนหน้านี้ย่อมไม่มีใครสนใจภัยคุกคามจากเจ้าหนุ่มคนหนึ่ง
แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าไม่สนใจ!
ผู้ชมการต่อสู้ไกลๆ ล้วนเสียววาบในใจ ประโยคนี้ของหลินสวินเห็นชัดว่ากล่าวให้พวกเขาได้ยินด้วยเช่นกัน นั่นก็คือผู้ที่ผูกแค้นกับเขาหลินสวิน ย่อมถูกมองเป็นศัตรูที่ต้องตัดรากถอนโคน!
“เหอะๆ หากเจ้าทำได้ถึงขั้นนี้จริง เหตุใดยังต้องหลบอยู่ที่ด่านนภาห้าธาตุแห่งนี้อีก”
จอมเทพหวงหลงยิ้มเย็น
หลินสวินยิ้ม “ฐานะอย่างเจ้ากลับถามคำถามเช่นนี้ออกมา ไม่รู้สึกว่าโง่เง่ายิ่งหรือ”
จากนั้นเขากวาดสายตามองทั่วลาน “ยกทัพจากขุมอำนาจมากมายสี่สิบห้าสิบคนมาจัดการข้า ยังถามว่าเหตุใดข้ายังต้องหลบอยู่ที่นี่อีก ไม่ใช่คนโง่คงเป็นคนชั่วแล้ว”
จอมเทพหวงหลงยังอยากเอ่ยปาก แต่ถูกหลินสวินปิดผนึกไว้ตรงๆ
เวลานี้การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด
เพราะแม้ว่าจอมเทพหวงหลงจะเหลือเพียงพลังจิต แต่ยังไม่ประสบภัยคุกคามถึงชีวิต ทำให้พลังกฎระเบียบของลานประลองแพ้ชนะยังไม่ปรากฏ
และเวลานี้หลินสวินนั่งขัดสมาธิช้าๆ หยิบโอสถเทพขวดหนึ่งออกมาดื่มและหลอมภายใต้สายตาตะลึงงันของทุกคน
ฟื้นฟูพลังกายบนลานประลองแพ้ชนะแห่งนี้ตรงๆ!
ผู้ชมการต่อสู้ล้วนอึ้งค้าง ถึงกับทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ
พวกอิงเทียนเซิง เจียงหมิงสุ่ยต่างก็อึ้งไปเช่นกัน มุมปากยังกระตุกระลอกหนึ่ง รู้สึกเพียงอกอัดอั้นแทบทนไม่ไหว จวนเจียนจะแตกระเบิด
พวกเขาคิดพันตลบหมื่นตลบก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะใช้วิธีนี้มาฟื้นฟูพลังกายที่สูญเสียไป!
นี่คือเหมือนกับการฆ่าตัวตายยอมแพ้ ล้วนกำลังใช้ประโยชน์จากการกฎของลานประลองแพ้ชนะทั้งสิ้น
พวกสิงเจี้ยนสยาตะลึงตาค้างไปเช่นกัน ที่แท้ทำเช่นนี้ได้ด้วย…
จากกฎการตัดสินแพ้ชนะ การต่อสู้หนึ่งรอบอย่างมากที่สุดจะดำเนินไปเพียงสามชั่วยามเท่านั้น สามชั่วยามให้หลังก็จะไม่แบ่งแยกผลแพ้ชนะ
แต่ขอเพียงใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม สามชั่วยามก็เพียงพอให้หลินสวินฟื้นฟูพลังได้ส่วนหนึ่งแล้ว!
บรรยากาศเปลี่ยนไปจนแปลกพิกลยิ่ง
หลังจากหลินสวินเริ่มนั่งสมาธิก็จมอยู่กับการฝึกปราณ ลืมเลือนทุกสิ่ง ไม่สนใจคนนอกลานใดๆ สักนิด
และเมื่อเวลาเคลื่อนคล้อย พวกอิงเทียนเซิง เจียงหมิงสุ่ยท้อใจโดยสิ้นเชิง
การต่อสู้สิบแปดรอบ เริ่มจากลู่จงเยียนเรื่อยมาจนจอมเทพหวงหลง หลินสวินชนะรวดตลอดทาง
นี่จะให้สู้อย่างไร
และหลินสวินยังสามารถให้คนอื่นออกต่อสู้แทนได้ และสามารถใช้ประโยชน์จากกฎการตัดสินแพ้ชนะ ถือโอกาสฝึกปราณฟื้นฟูพลังกายในลานประลองได้
ทั้งหมดนี้ล้วนกำหนดแล้วว่าต่อให้พวกเขาแต่ละฝ่ายจะส่งคนออกสู้ต่อไปไม่หยุด แต่ผลลัพธ์ก็ยากจะชิงด่านนภาห้าธาตุไปครอง!
ดังนั้นจึงได้แต่ยอมแพ้ ได้แต่ถอนทัพ
ถอนทัพน่าขายหน้ายิ่ง ย่อมทำให้พวกเขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเป็นแน่
แต่เทียบกับเรื่องพวกนี้ สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกหนึกอึ้งยิ่งกว่าคือครั้งนี้ไม่ได้ฆ่าหลินสวินให้ตาย ภายหน้า… พวกเขาต้องถูกแก้แค้นจากหลินสวินแน่นอน!
ถึงอย่างไรพวกเขาก็มาจากคนละฝ่าย วันนี้ที่ร่วมมือกันได้ก็แค่เฉพาะกิจเท่านั้น ยามถึงเวลาแก่งแย่งแท่นมรรคบัวชะตา ระหว่างพวกเขาก็จะกลายเป็นคู่ต่อสู้กัน
นี่ที่เรียกว่าภัยในอนาคตไม่รู้จบ!
เวลาเคลื่อนคล้อยทีละนิด
เหล่าผู้ชมการต่อสู้ล้วนค่อยๆ ใจเย็นลง ถึงขั้นที่คนไม่น้อยเข้าใจกระจ่าง ลอบตัดสินใจเงียบๆ ในใจว่าหากสามารถชิงด่านนภาแห่งหนึ่งได้ ยามเจอคู่ต่อสู้ทำการตัดสินแพ้ชนะก็สามารถเลียนแบบหลินสวินได้ ยังไม่เอาชนะคู่ต่อสู้ แต่ยื้อเวลาไปก่อนสามชั่วยาม
เมื่อเป็นเช่นนี้ต่อให้คู่ต่อสู้ผลัดกันเวียนเข้ามาสู้ ล้วนต้องรอไปสามชั่วยาม!
แน่นอนว่าเงื่อนไขตั้งต้นคือต้องคว้าชัยเหมือนหลินสวินถึงจะได้…
หาไม่ทั้งหมดที่พูดไปล้วนเสียเปล่า
สำหรับทุกคนในที่นี้ เวลาดูเหมือนผ่านไปเชื่องช้าหาใดเปรียบ ทำให้คนทรมานขึ้นเท่าตัว
จนกระทั่งเวลาสามชั่วยามใกล้มาถึง จู่ๆ หลินสวินที่นั่งสมาธิก็ลืมตา หยัดตัวลุกขึ้นยืน เลื่อนสายตาหันมองพลังจิตของจอมเทพหวงหลงที่ถูกกักขัง
แม้ว่าฝ่ายหลังสภาวะจิตตกต่ำอย่างยิ่ง แต่เปลี่ยนเป็นสงบหาใดเปรียบแล้ว ยามรับรู้ถึงสายตาของหลินสวิน จอมเทพหวงหลงสังหรณ์ใจไม่ดีในทันใด