Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3142 สามร้อยปีต่อมา
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3142 สามร้อยปีต่อมา
ตอนที่ 3142 สามร้อยปีต่อมา
‘ศิษย์พี่ใหญ่ ต่อจากนี้อยู่ที่ท่านแล้ว’
ครู่ใหญ่หลินสวินจึงสงบลง
เขาทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว ตอนนี้ถ้าศิษย์พี่ใหญ่อยากฟื้นคืนชีพจริง มีแค่พึ่งตัวเขาเอง
ก็เหมือนหงส์ไฟฟื้นคืน หนอนกลายเป็นผีเสื้อ
ทุกอย่างนี้ต้องให้ศิษย์พี่ใหญ่แปรสภาพเพื่อ ‘คืนชีพ’ ครานี้ด้วยตัวเอง!
วันนั้นหลินสวินไปเจอพวกศิษย์พี่รองจ้งชิว ศิษย์พี่สามรั่วซู่
เมื่อหลินสวินแจ้งข่าวดีนี้ เหล่าศิษย์พี่ล้วนตื่นเต้น ความรู้สึกของแต่ละคนคล้ายมีสัญญาณว่าจะเสียการควบคุมอยู่บ้าง
ในคีรีดวงกมลศิษย์พี่ใหญ่คือเสาหลัก เป็นผู้น่าเลื่อมใสที่สุดในใจทุกคนรองจากอาจารย์
ปีนั้นเขาถูกซินหูซัดกายมรรคและพลังจิตแตกเป็นเสี่ยง เคยทำให้เหล่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลโศกเศร้าหาใดเปรียบ
ปัจจุบันหลังผ่านมาหลายปี ศิษย์น้องเล็กอย่างหลินสวินทำให้เขาได้ฟื้นคืนมาอีกครั้ง ใครเล่าจะไม่ตื่นเต้นยินดี
“ศิษย์น้องเล็ก ขอบคุณมาก”
จ้งชิวประสานมือคารวะ
“ศิษย์น้องเล็ก ขอบคุณมาก”
ศิษย์พี่คนอื่นก็พากันประสานมือ
ทุกคนล้วนใจสะท้าน ปั่นป่วนยากสงบ
ขณะเดียวกัน…
แหล่งสถานอัศจรรย์ บนภูเขาใหญ่สูงชันหนาวเยือกลูกหนึ่ง
เจ้าแห่งคีรีดวงกมลซึ่งกำลังเล่นหมากอึ้งงันทันที จากนั้นจึงเปล่งเสียงหัวเราะเบิกบานใจ “เยี่ยมยอด ในที่สุดจุดเปลี่ยนของศิษย์คนโตข้าก็มาเยือน นับจากนี้ไปเขาจะกระโดดออกจากโชคชะตา ไร้พันธนาการอีก!”
ฝั่งตรงข้ามคือจักจั่นทองผู้เท้าเปล่าสวมชุดป่าน หน้าตาหล่อเหลา ชี้กระดานหมากแล้วยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว “สหายยุทธ์ เจ้าแพ้แล้ว”
เจ้าแห่งคีรีดวงกมลก้มมองกระดานหมากเล็กน้อย เงียบไปอย่างอดไม่ได้ “ความอัศจรรย์ของการประลองหมากอยู่ที่ใจ ตอนนี้สภาวะจิตข้าเปลี่ยนแปลง ถึงถูกเจ้าจักจั่นทองฉวยโอกาส แต่การประลองหมากครานี้ข้ายินดีแพ้ ฮ่าๆๆ…”
จักจั่นทองกล่าว “จากนี้ไปศิษย์คนโตเจ้าจะไม่ถูกโชคชะตาผูกมัดอีก แน่นอนว่าเป็นเรื่องน่ายินดี แต่เขามีการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ ทำให้เห็นว่าศิษย์คนเล็กของเจ้ามีนัยเร้นลับนิพพานแล้ว หากเป็นไปดังคาด ใช้เวลาไม่กี่ปีเขาอาจจะมาแหล่งสถานอัศจรรย์นี้”
เจ้าแห่งคีรีดวงกมลพยักหน้ากล่าว “ถึงคราวมาต้องมาแน่”
จักจั่นทองคิดไปคิดมาก็กล่าว “สหายยุทธ์ ข้าบังอาจถามสักข้อ ตอนนั้นทำไมเจ้าถึงเลือกเด็กคนนี้”
เจ้าแห่งคีรีดวงกมลใคร่ครวญครู่หนึ่งค่อยกล่าว “เป็นเรื่องเกินคาด”
จักจั่นทองตาเป็นประกาย จากนั้นจึงปรบมือชื่นชม “สมเป็นเรื่องเกินคาดจริงๆ ‘รอดพ้นเพียงหนึ่ง’ แน่นอนว่าเป็นเรื่องเกินคาด หากวางแผนคัดกรองล่วงหน้า กลับจะกลายเป็นของธรรมดาไป”
เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเผยรอยยิ้มขื่น “ข้าเองไม่ขอปิดบังเจ้า หากพูดว่าข้าเลือกหลินสวินเป็นศิษย์ ไม่สู้พูดว่ามรรคาของเขาเป็นจุดเปลี่ยนที่ข้าเฝ้ารอดีกว่า สหายร่วมวิถีบนโลกนี้ล้วนรู้ว่าข้ากำลังรอหนึ่งบัวดอกนั้น แต่ทำไมต้องเฝ้ารอ ไม่ไปเสาะหาเล่า”
“มรรคนี้ไม่อาจฝืนบังคับ” จักจั่นทองยิ้มกล่าว
“ประเสริฐ”
เจ้าแห่งคีรีดวงกมลยิ้มพลางพยักหน้า “ดังนั้นข้าจึงไม่เคยแทรกแซงหนทางการฝึกปราณของเด็กคนนี้แม้แต่น้อย เขาประสบความสำเร็จเช่นทุกวันนี้ได้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะตัวเขา ไม่ใช่ข้าผู้เป็นอาจารย์”
จักจั่นทองใคร่ครวญครู่หนึ่งแล้วเอ่ยเสียงเบา “วาสนา เลิศล้ำเกินบรรยาย”
…
ทะเลโชคชะตา โลกวิญญาณยุทธ์
หลินสวินเริ่มปิดด่านใหม่อีกครั้ง
ก่อนหน้านี้เขามอบกายมรรคของศิษย์พี่ใหญ่ที่ฟื้นกลับมาให้ศิษย์พี่รองจ้งชิวดูแลแล้ว
ศิษย์พี่ใหญ่จะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ นั่นก็อยู่ที่ตัวศิษย์พี่ใหญ่เองแล้ว
ผ่านไปอีกสิบสามปี
บัวชะตามหามรรคดอกที่เจ็ดปรากฏ
หลินสวิน สิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลีออกเดินทางไปโลกบัวชะตาด้วยกัน
หลังจากนั้นเพียงยี่สิบเอ็ดวัน การต่อสู้มหามรรคครั้งนี้ก็ปิดฉากลง
ในช่วงนี้หลินสวินห้อตะบึงทั่วโลกบัวชะตาคนเดียว ทยอยสังหารศัตรูแปดคน ก่อแรงสะเทือนในโลกบัวชะตาอีกครั้ง
ในการประลองชิงแท่นมรรคบัวชะตาตอนท้าย โชคของหลินสวินไม่ค่อยดี รอบแรกก็เจอยอดบุคคลอย่างนักพรตสุ่ยซวิ่น
สุดท้ายแม้ว่าได้รับชัยชนะ แต่กลับบาดเจ็บสาหัส จำต้องละทิ้งการประลองรอบต่อไป
สุดท้ายผู้ชนะในการต่อสู้มหามรรคครั้งนี้ก็คือจอมเทพไป๋หยา ในฝ่ายที่เขาอยู่มีสัตว์ประหลาดเฒ่าสามคนนั่งแท่นมรรคบัวชะตาไปแหล่งสถานอัศจรรย์อย่างราบรื่น
ที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงคือในโลกบัวชะตาครั้งนี้ หลินสวินกับซย่าจื้อดูดซับและหลอมพลังกฎระเบียบโชคชะตาได้มากขึ้นเรื่อยๆ
นับจากนั้นมาทุกช่วงเวลาบัวชะตามหามรรคจะปรากฏขึ้นครั้งหนึ่ง หลินสวินและพวกสิงเจี้ยนสยาก็จะเข้าร่วมด้วย
…
บุปผาผลิบานและร่วงโรย เวลาสามร้อยปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในโลกบัวชะตาครั้งที่ยี่สิบสี่
บนด่านนภาสองลักษณ์ หลินสวิน ซย่าจื้อ สิงเจี้ยนสยา ฟู่หนานหลีสี่คนนั่งขัดสมาธิ
“ก็ไม่รู้ว่าเฒ่าชราพวกนั้นไปแหล่งสถานอัศจรรย์แล้วเป็นอย่างไรบ้าง”
สิงเจี้ยนสยาดื่มสุราอึกหนึ่ง นึกถึงพวกจอมมรรคซานเฟิง สวินเต้าเยี่ยน จอมเทพหลิงหลงที่จากทะเลโชคชะตานี้ไปแหล่งสถานอัศจรรย์เมื่อนานมาแล้ว
“รอครั้งนี้ชิงแท่นมรรคบัวชะตามาได้ ท่านกับผู้อาวุโสฟู่ไปดูพร้อมกันก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ”
หลินสวินยิ้มขึ้นมา
สามร้อยปีแล้ว ในช่วงเวลานี้พวกเขาเข้าร่วมการต่อสู้ในโลกบัวชะตามาสิบกว่าครั้ง
บ้างแพ้ บ้างชนะ
พวกจอมมรรคซานเฟิง สวินเต้าเยี่ยน จอมเทพหลิงหลงล้วนนั่งแท่นมรรคบัวชะตามุ่งหน้าไปแหล่งสถานอัศจรรย์แล้ว
“เจ้าล่ะ คิดฆ่าศัตรูในโลกบัวชะตาเช่นนี้ไปตลอดจริงหรือ”
สิงเจี้ยนสยาถาม
สามร้อยปีมานี้ ขอแค่หลินสวินเข้าสู่โลกบัวชะตาก็จะไปหาศัตรูพวกนั้นเพื่อแก้แค้น ถึงตอนนี้กำลังพลในฝ่ายที่ศัตรูพวกนั้นอยู่แตกพ่ายซ่านเซ็นนานแล้ว
พวกศัตรูที่เหลืออยู่ในขุมอำนาจของพวกเจียงหมิงสุ่ย อิงเทียนเซิง จู๋เทียนจวิน จอมเทพหวงหลง ช่วงร้อยปีนี้ล้วนไม่กล้าเข้าสู่โลกบัวชะตาอีก!
“ตอนนี้ยังมีเวลา ข้าเองก็ไม่รีบร้อน”
หลินสวินยิ้ม “อีกอย่าง หลายปีนี้แม้สองขุมอำนาจใหญ่ของตู้เฟิงกับเวิงซิงไห่บาดเจ็บล้มตายไม่น้อย แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่ถูกโค่นอย่างแท้จริง รอเมื่อไหร่ที่ฆ่าตู้เฟิงกับเวิงซิงไห่ได้แล้ว ข้าอาจพิจารณาเรื่องการไปแหล่งสถานอัศจรรย์”
ปัจจุบันเหลือเวลาก่อนเคราะห์แห่งยุคสมัยมาเยือนแค่สามร้อยกว่าปี
แต่สำหรับหลินสวินแล้วมากเกินพอ
“ถึงตอนนี้เห็นชัดว่าตู้เฟิงและเวิงซิงไห่หวาดกลัวเจ้าอย่างมากแล้ว หากพวกเขามีใจคิดจะหลบหนี เจ้าย่อมยากฉวยโอกาสจัดการพวกเขา”
ฟู่หนานหลีกล่าวเสียงขรึม
หลายปีมานี้มรรควิถีของหลินสวินก้าวหน้ารวดเร็ว ภายใต้สถานการณ์ที่สู้ตัวต่อตัว ยอดบุคคลซึ่งแข็งแกร่งอย่างฉือเชียนจีกับเทียนซิงจื่อก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!
พูดอย่างไม่เกินจริง โลกบัวชะตาตอนนี้นอกจากซู่หวั่นจวินที่ไม่เคยเข้าร่วมการต่อสู้มหามรรคแล้ว ด้านพลังต่อสู้ถือว่าหลินสวินเป็นอันดับหนึ่ง!
สำหรับจุดนี้พวกฉือเชียนจีและเทียนซิงจื่อล้วนยอมรับ
ถึงอย่างไรพวกเขาก็เคยแพ้ด้วยมือหลินสวินมาก่อน
ด้วยเหตุนี้พวกตู้เฟิงและเวิงซิงไห่จึงไม่ไปประลองกับหลินสวินซึ่งหน้า เมื่อเจอสถานการณ์ที่มีโอกาสต่อสู้กับหลินสวิน พวกเขาจะยอมแพ้ก่อนล่วงหน้า
หลินสวินเคยไปท้าประลองหน้าด่านนภาที่พวกเขาเฝ้าอยู่ด้วย
แต่ที่น่าเสียดายคือเมื่อถึงตอนนั้น พวกตู้เฟิงกับเวิงซิงไห่จะจากไปก่อนล่วงหน้า
กระทั่งถึงวันนี้หลินสวินก็ไม่อาจฉวยโอกาสสังหารพวกเขาได้
“ไม่เป็นไร ไม่ช้าก็เร็วต้องจับพวกเขาได้แน่”
หลินสวินเอ่ยเสียงเบา
เขาไม่ได้บอกสิงเจี้ยนสยาว่าการหยั่งรู้พลังกฎระเบียบโชคชะตาในโลกบัวชะตาช่วงสามร้อยปีมานี้ ทำให้เขาค้นพบเรื่องใหม่อย่างหนึ่ง
นั่นก็คือพลังกฎระเบียบที่ปกคลุมทะเลโชคชะตายากจะกำราบตนแล้ว!
กระทั่งไม่ต้องยืมใช้พลังของ ‘มุกชะตามหามรรค’ หลินสวินก็สามารถก้าวเข้าสู่ทะเลโชคชะตาได้ ไม่ถึงขั้นถูกกำราบและบาดเจ็บ
หลินสวินรู้ดีว่าสักวันหนึ่งหากตนสัญจรบนทะเลโชคชะตาได้ตามใจ บางทีก็อาจทำลายปราการ เข้าสู่โลกยุคสมัยอื่นได้เช่นกัน!
ถึงตอนนั้นก็ไม่ต้องเข้าไปในโลกบัวชะตาอีก เขาสามารถบุกไปถึงโลกยุคสมัยที่ศัตรูพวกนั้นอยู่ได้!
“หลินสวิน ครั้งนี้ข้าอยากเข้าร่วมการต่อสู้มหามรรคนั้นด้วย”
ซย่าจื้อที่อยู่ด้านข้างพลันเอ่ยปาก เสียงกระจ่างใสราวเสียงธรรมชาติ
“ได้”
หลินสวินยิ้มพลางรับคำ
ซย่าจื้อหลอมพลังผนึกที่จักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์เหลือไว้ทั้งหมดแล้ว มรรควิถีทั้งตัวนางเทียบเท่าจักรพรรดิเทพรัตติกาลนิรันดร์ยามอยู่สภาพยอดเยี่ยม
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือซย่าจื้อยังครองพลังโชคชะตา กฎกรรม กาลเวลาด้วย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถ้าหลินสวินสู้กับนางยังต้องใช้พลังทั้งหมดจึงจะสามารถเหนือกว่าซย่าจื้อได้เล็กน้อย
ไม่กี่วันต่อมา
โอกาสชิงแท่นมรรคบัวชะตาปรากฏ พวกหลินสวินมาเยือนบริเวณแท่นมรรคบัวชะตาอีกครั้ง
แต่เทียบกับเมื่อก่อนแล้ว เห็นชัดว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าที่เข้าร่วมการต่อสู้มหามรรคน้อยลงมาก
ยอดบุคคลอย่างจอมเทพไป๋หยา ฝ่าอู๋เซียงล้วนไปแหล่งสถานอัศจรรย์แล้ว
ครั้งนี้ผู้เข้าร่วมการต่อสู้มหามรรคมีแค่สี่ฝ่าย
คือฝ่ายของฉือเชียนจี เทียนซิงจื่อ หลินสวิน และนักพรตสุ่ยซวิ่น
“พวกตู้เฟิงกับเวิงซิงไห่เล่า”
หลินสวินอึ้งงัน
“นอกเสียจากว่าเจ้าหลินสวินไปแหล่งสถานอัศจรรย์ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่มาโลกบัวชะตาอีก”
ฉือเชียนจีกล่าวเหมือนทอดถอนใจ
“ไม่ใช่แค่พวกเขา พวกเฒ่าชราของฝ่ายอื่นๆ อีกมากก็ไม่มีทางมาอีก”
เทียนซิงจื่อกล่าวเสริม
ถึงอย่างไรพวกที่มองหลินสวินเป็นศัตรูก็มีแค่ส่วนหนึ่ง ส่วนขุมอำนาจอื่นๆ อีกหลายฝ่ายล้วนกำลังพลไม่ถึงขั้นแข็งแกร่ง
เดิมทีพวกเขาล้วนมีโอกาสเข้าร่วมการต่อสู้มหามรรคนี้ แต่เพราะการมีอยู่ของหลินสวินทำให้เฒ่าชราในฝ่ายพวกนี้ดับความคิดลง
กระทั่งปัจจุบันพวกที่ร่วมการต่อสู้มหามรรคก็น้อยลงเรื่อยๆ…
“ความหมายของผู้อาวุโสทั้งสองคือ ข้าคนแซ่หลินเป็นตัวการหรือ”
หลินสวินยิ้มขื่น
ฉือเชียนจีหัวเราะร่า “ฮ่าๆๆ ข้าไม่ปิดบังเจ้าแล้วกัน ตอนนี้พวกเฒ่าชราแต่ละยุคบนทะเลโชคชะตาล้วนสนใจแค่เรื่องเดียว นั่นก็คือเจ้าหลินสวินจะไปแหล่งสถานอัศจรรย์เมื่อไหร่ ขอเพียงเจ้าไปแล้ว สถานการณ์ของโลกบัวชะตานี้ย่อมฟื้นคืนสภาพกลับมาเหมือนก่อนแน่”
“แม้ว่าพลังต่อสู้ของสหายยุทธ์หวั่นจวินไม่เป็นสองรองใคร แต่ใครต่างก็รู้ว่านางไม่มีทางเข้าร่วมการต่อสู้มหามรรค แต่เจ้าหลินสวินไม่เหมือนกัน ขอเพียงมีเจ้าอยู่ นอกจากเฒ่าชราสองสามคนอย่างพวกเราแล้ว คนอื่นย่อมไม่มีทางทะเล่อทะล่าวิ่งมาหาเรื่อง”
เทียนซิงจื่อกล่าวหยอกล้อ
หลินสวินคิดดูครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ครั้งนี้หากมีโอกาสส่งผู้อาวุโสสิงเจี้ยนสยากับผู้อาวุโสฟู่หนานหลีจากไป ภายหน้าการต่อสู้มหามรรคที่ช่วงชิงแท่นมรรคบัวชะตานี้ ข้าจะไม่เข้าร่วมอีก”
เขากล่าวเสริม “แน่นอนว่าหากตู้เฟิงกับเวิงซิงไห่กล้าเข้าร่วม ข้าย่อมไม่มีทางเก็บมือเฝ้ามอง”
เมื่อได้ยินดังนี้พวกฉือเชียนจีกับเทียนซิงจื่อสบตากัน ในใจโล่งอกอย่างน่าประหลาด
สามร้อยปีมานี้อานุภาพหลินสวินยิ่งใหญ่เกินไป เท่ากับเป็นใหญ่ในการต่อสู้มหามรรคทุกครั้ง
หากเจ้าหมอนี่เข้าร่วมต่อไป พวกฉือเชียนจีกับเทียนซิงจื่อคงรู้สึกเบื่อหน่ายนัก
ถึงอย่างไรใครจะชอบแพ้ด้วยน้ำมือหลินสวินทุกครั้งเล่า
พวกเขาไม่ใช่พวกชอบเจ็บตัวเสียหน่อย