Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 3180 เข้าสู่ประตูนิรันดร์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 3180 เข้าสู่ประตูนิรันดร์
ตอนที่ 3180 เข้าสู่ประตูนิรันดร์
สิ่งที่ทำให้หลินสวินรู้สึกตึงมือคือ…
หากความเป็นมาของหุบเหวกลืนกินเกี่ยวข้องกับราชันไท่ชู เช่นนั้นราชันไท่ชูต้องคาดการณ์ได้แน่ว่าหลังจากตนสังเกตเห็นทุกอย่างนี้ต้องลองไปแก้ไข
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ราชันไท่ชูอาจซ่อนหมากตาท้ายไว้ก่อนแล้ว รอแค่ตนเข้าไปติดกับเอง!
แต่ถ้าไม่ไปแก้ไข สุดท้ายสิ่งนี้จะเป็นภัยแฝงที่ไม่อาจคาดเดาอย่างหนึ่ง เกรงว่าอาจนำภัยคุกคามถึงชีวิตมาได้ตลอดเวลา
เป็นเวลานี้ที่ซย่าจื้อพลันกล่าว “หลินสวิน เจ้าไม่ต้องไปธารชีวิตนั่นก็ไปประตูนิรันดร์ได้”
นางสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
วู้ม!
เรือนิรันดร์ที่ดุจดั่งโลงสำริดปรากฏกลางอากาศ
ซย่าจื้อกล่าว “ในเมื่อห้องโถงมรรคาสวรรค์เป็นกุญแจลับของเรือนิรันดร์นี้ ก็เป็นแผนที่ดาวมุ่งสู่ประตูนิรันดร์เช่นกัน เมื่อเจ้าใช้พลังพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินเป็นสื่อนำ โคจรห้องโถงมรรคาสวรรค์ ก็จะควบรวมประตูนิรันดร์ออกมาได้”
เมื่อรู้เรื่องพวกนี้หลินสวินอึ้งงันไปแล้ว จากนั้นค่อยเผยสีหน้ายินดี “ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ประตูนิรันดร์นั่นเหมือนไกลสุดขอบฟ้า แต่กลับอยู่ใกล้แค่ตรงหน้า!”
“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เคยถามข้า ข้ายังคิดว่าเจ้ารู้อยู่แล้ว”
ซย่าจื้อกล่าว
หลินสวินพลันละอาย
ว่ากันตามจริง เมื่อก่อนเขาไม่เคยคิดไปสืบหาความลับของประตูนิรันดร์ กระทั่งไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้
ซู่หวั่นจวินที่อยู่ด้านข้างยิ้มกล่าว “เมื่อเป็นเช่นนี้เจ้าก็ไม่ต้องห่วงว่าวงจรโชคชะตาและกฎกรรมในอดีตจะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจควบคุมเพราะไปแก้ข้อบกพร่องที่ผ่านมาอีก”
ไม่ไปเปลี่ยนอดีตบนธารชีวิตนั่น ย่อมไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อโชคชะตากับกฎกรรมในอดีต
หลินสวินผ่อนคลายลงมากเช่นกัน ก้าวเดินไปหน้าเรือนิรันดร์นั่น
สมบัตินี้หนาหนัก ตรงกลางประทับแผนที่ดาวลึกลับภาพหนึ่ง นั่นคือสิ่งที่วิวัฒน์มาจากห้องโถงมรรคาสวรรค์
‘ข้าอยากดูนักว่าในประตูนิรันดร์ซ่อนอะไรไว้กันแน่…’
หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ กดมือขวาลงบนแผนที่ดาว
เมื่อเขาโคจรพลังพรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน แผนที่ดาวลึกลับนั่นพลันส่องประกาย เกิดคลื่นสะเทือนประหลาดเป็นระลอก
ตูม!
ทันใดนั้นกลางอากาศเกิดเสียงทึบหนัก ประตูบานหนึ่งปรากฏออกมาราวทำลายปราการนิรันดร์ ในบานประตูกลิ่นอายแรกกำเนิดพวยพุ่ง เงาแสงไหลวนเหมือนดวงดาวมากมายกำลังรายล้อม
ประตูนิรันดร์!
เพียงพริบตาหลินสวินก็จำได้ ตอนนั้นเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ก็เคยเจอประตูบานนี้
แต่ไม่รอให้หลินสวินคิดมาก ในประตูนิรันดร์นั้นแผ่กลิ่นอายน่ากลัวหนึ่ง ร่างกำยำที่ทั้งตัวเปล่งแสงทองหมื่นจั้งปรากฏ เหมือนเทพสงครามไร้เทียมทานในตำนาน
“ตาย!”
นัยน์ตาของร่างสีทองดุจโคมลุกโชน จับจ้องหลินสวินในพริบตา สะบัดทวนศึกสีทองใส่หลินสวินโดยไม่ลังเลใดๆ
ตูม!
ทวนศึกตัดผ่านอากาศ ซัดละอองแสงระเบียบไร้สิ้นสุด
เงาร่างหลินสวินนิ่งไม่ขยับ กระทั่งทวนศึกสีทองนี้ฟาดฟันมา เขาพลันยื่นมือขวาออกมาคว้ากลางอากาศทันใด
ทวนศึกสีทองนั้นถูกคว้าแน่นทันที!
เมื่อหลินสวินออกแรงที่ฝ่ามือ ทวนศึกสีทองเปี่ยมอานุภาพเกินคาดเดานี้พังทลายทุกกระเบียด ร่างสีทองที่กุมทวนยิ่งถูกซัดจนซวนเซ
“ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่!”
ร่างสีทองส่งเสียงตกใจ
แต่เขาไม่ถอยร่น ควบรวมทวนศึกสีทองขึ้นมาใหม่อีกเล่ม แต่เมื่อฟันออกมากลับชักนำให้เกิดแสงด่านเคราะห์น่ากลัวไร้ขอบเขตแถบหนึ่ง
นั่นคือพลังของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพ!
ตอนอยู่แหล่งสถานศุภโชคหลินสวินเคยเจอเคราะห์สังหารแบบเดียวกัน แต่ตอนนั้นทูตชะตาสวรรค์อิงซานอิงเป็นผู้ยืมใช้
ตอนนี้กลับถูกร่างสีทองสำแดงออกมา
เมื่อเห็นดังนี้หลินสวินแน่ใจยิ่งกว่าเดิมว่าประตูนิรันดร์นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับไท่ชูอย่างมาก!
ตูม!
แสงเคราะห์พุ่งเข้ามา ในที่สุดหลินสวินก็ขยับแล้ว เขาเหวี่ยงหมัดซัดออกไป ระเบิดพลังเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพนั้นโดยง่าย
พลังหมัดน่ากลัวนั่นยังซัดจนร่างสีทองแตกละเอียด แสงมรรคทั้งตัวกระจายดุจสายฝน!
ปึง!
ร่างสีทองลอยออกไปอย่างแรง ไม่รอให้ยืนมั่นก็หันหลังหนีเข้าไปในส่วนลึกของประตูนิรันดร์นั่น
“ซย่าจื้อ เจ้ากับผู้อาวุโสซู่รออยู่ที่นี่ ข้าไปครู่หนึ่งแล้วจะกลับมา” หลินสวินพูดพลางพุ่งตัวเข้าไปในประตูนิรันดร์นั่นแล้ว
…
หมอกแสงไร้ขอบเขต เส้นทางซึ่งก่อด้วยแสงมรรคปรากฏอยู่ในประตูนิรันดร์ ทอดยาวตรงดิ่งเข้าไปในส่วนลึกไร้สิ้นสุด
ทันทีที่เข้าไปในนั้นหลินสวินพลันรู้สึกถึงกลิ่นอายกฎระเบียบที่อัศจรรย์แปลกใหม่อย่างหนึ่ง เหมือนระเบียบมรรคที่ปกครองโลกแห่งหนึ่ง
‘หรือว่าในประตูนิรันดร์นี้เป็นโลกแห่งหนึ่ง’
หลินสวินครุ่นคิดพลางตรงไปยังส่วนลึกของเส้นทางนั้น
จิตรับรู้ของเขาสามารถสัมผัสได้ ว่าร่างสีทองที่บาดเจ็บจากมาก่อนหน้านี้กำลังหลบหนีอยู่ข้างหน้า
หลินสวินเห็นดังนี้แล้วจึงไล่ตามไปโดยไม่รีบร้อน
ผ่านไปหนึ่งเค่อเต็มๆ
ทันใดนั้นจิตรับรู้ของหลินสวินพลันจับสัมผัสของร่างสีทองไม่ได้อีก ราวกับอีกฝ่ายหายไปในครู่เดียว
หลินสวินคิดไปคิดมาก่อนเดินหน้าต่อ ไม่นานก็เห็นทางออกของเส้นทางนี้ หมุนวนเนิบช้าราวน้ำวน
แค่มองปราดเดียวหลินสวินก็รู้ว่าร่างสีทองนั่นต้องออกไปทางน้ำวนนี้แน่
ฟุ่บ!
แสงมรรคบนตัวหลินสวินพริบไหว ควบรวมออกมาเป็นร่างแยก พุ่งตัวเข้าไปในน้ำวนก่อน
ส่วนร่างต้นของเขาก็ตามหลังไปติดๆ
หลังจากฟ้าดินหมุนเคลื่อน หลินสวินถูกเคลื่อนย้ายมาถึงฟ้าดินแถบหนึ่ง
ยังไม่รอให้หลินสวินเห็นภาพโลกนี้ชัดเจน เสียงปะทะกัมปนาทกึกก้องหนึ่งดังขึ้น แสงมรรคเจิดจรัสแผ่กระจายซ่านเซ็น
เวลานี้เองหลินสวินถึงมองเห็น ร่างแยกมหามรรคที่เพิ่งมาถึงก่อนหน้าตนถูกซุ่มโจมตี!
นั่นคือผู้ฝึกปราณกลุ่มหนึ่ง มีกันเก้าคน แต่ละคนล้วนเปล่งประกายเจิดจรัส กลิ่นอายน่าหวาดกลัว บนสมบัติที่ควบคุมล้วนอบอวลกลิ่นอายด่านเคราะห์
นี่คือพลังของเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพที่สามารถทำให้ขั้นไร้ขอบเขตใหญ่ขวัญหนีดีฝ่อ!
เห็นชัดว่าเมื่อครู่หากร่างต้นหลินสวินพุ่งเข้ามาคนแรกต้องถูกล้อมโจมตีเช่นนี้แน่
ฟุ่บ!
หลินสวินพลันกวาดมือ ร่างแยกมหามรรคที่กำลังถูกล้อมโจมตีกลายเป็นแสงสายหนึ่งแล้วหายไป
ผู้ฝึกปราณกลุ่มนั้นอึ้งงัน คราวนี้ถึงรู้ว่าถูกหลอกแล้ว สีหน้าแต่ละคนอึมครึมลง พุ่งโจมตีเข้าใส่หลินสวินโดยไม่ลังเล
ตูม…
เพียงพริบตาเท่านั้น กลิ่นอายด่านเคราะห์มืดฟ้ามัวดินกลายเป็นอสนีบาตแผ่คลุมไปทางหลินสวิน
พวกเขาล้วนมีมรรควิถีขั้นไร้ขอบเขต แต่ยังไม่ถึงขั้นแข็งแกร่ง แต่เพราะยืมใช้พลังเคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพจึงทำให้ภัยคุกคามของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาก
หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นคงขวัญหนีดีฝ่อจนถอยไปนานแล้ว
แต่หลินสวินมีหรือจะหวาดกลัวเรื่องพวกนี้
ก็เห็น…
เขาวาดมือขวาออกไปกลางอากาศ
พลังด่านเคราะห์ที่พุ่งเข้ามาถูกตัดทำลายง่ายดายราวไหมทอ กระจัดกระจายเป็นเสี่ยงๆ
เมื่อหลินสวินก้าวเดิน อานุภาพน่ากลัวแผ่กระจายตามมา
ตึงๆๆ!
ผู้ฝึกปราณเก้าคนตรงหน้าตัวแข็งทื่อ จากนั้นทุกคนถูกกดข่มจนคุกเข่ากับพื้น มรรควิถีทั้งตัวล้วนถูกพันธนาการ
เมื่อมองสีหน้าของพวกเขาอีกครั้งก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนกแล้ว
หลินสวินไม่สนใจเรื่องพวกนี้
เขากวาดตามองโดยรอบ เวิ้งฟ้ามืดสลัว พื้นดินไร้ขอบเขต ไม่มีตะวันจันทราดารา ทั้งไม่มีต้นไม้ใบหญ้าภูผาธารา ทุกอย่างล้วนว่างเปล่า
ราวกับมีแค่ฟ้าดินกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
นี่ก็คือโลกในประตูนิรันดร์หรือ
หลินสวินเลิกคิ้ว เหลือบมองเหล่าผู้ฝึกปราณที่ถูกกำราบนั่นพลางกล่าว “ข้าคนแซ่หลินเพิ่งมาถึง ยังไม่รู้เรื่องมากมาย ดังนั้นจึงอยากขอคำชี้แนะจากทุกท่าน…”
ใช่ว่าเขาไม่อยากค้นจิตวิญญาณ แต่นึกถึงเหตุการณ์ตอนเจออิงซานอิงขึ้นมา
ตอนนั้นหลังจากอิงซานอิงถูกกักตัว เคยบอกว่าทูตชะตาสวรรค์ที่ใช้เคราะห์ดับสิ้นไร้ชีพอย่างเขา ภายในร่างมีประทับที่ราชันไท่ชูเหลือไว้อยู่ก่อนแล้ว ถ้าค้นจิตวิญญาณจะตายทันที
ดังนั้นตอนนี้หลินสวินจึงไม่ทำเช่นนั้น
ผู้ฝึกปราณพวกนั้นสีหน้าไม่น่าดู แม้ว่าถูกพันธนาการ ชีวิตเสี่ยงอันตราย แต่กลับไม่พูดสักคำ
นี่ทำให้หลินสวินขมวดคิ้ว เพิ่งหมายจะพูดอะไร ทันใดนั้นเสียงหัวเราะนุ่มนวลผ่าเผยหนึ่งดังมาจากขอบฟ้าที่ห่างออกไป
“หลินสวิน ข้ารอเจ้ามานานแล้ว เจ้าอยากรู้อะไรมาหาข้าก็พอ”
เสียงดั่งระฆังอรุณกลองสายัณห์ แฝงพลังเสียดลึกถึงก้นบึ้งหัวใจ
ถ้าเป็นคนทั่วไปสภาวะจิตคงถูกกำราบในพริบตา เกิดความยำเกรงต่อเจ้าของเสียงนี้จนทำตามคำสั่งโดยไม่รู้ตัว
แต่สำหรับหลินสวินซึ่งสภาวะจิตบรรลุถึงขั้น ‘จิตท่องหมื่นเร้น ใจท่องหมื่นกาล’ พลังแฝงในเสียงนี้ไม่ส่งผลต่อเขาสักนิด
หืม?
นัยน์ตาหลินสวินพลันหดรัด ก็เห็นผู้ฝึกปราณที่ถูกตนกำราบกับพื้นเก้าคนนั้น กลายเป็นเถ้าถ่านหายไปพร้อมกันหลังเสียงนี้ดังขึ้น!
“แค่พวกลูกน้องไม่แหกตามองเท่านั้น ถือเป็นการขอโทษสหายน้อย”
เสียงผ่าเผยนุ่มนวลนั้นดังขึ้นอีกครั้ง เรียบง่ายสบายๆ คล้ายว่าสำหรับเขาการสังหารขั้นไร้ขอบเขตใหญ่เก้าคนไม่นับว่าเป็นอะไร
ภายใต้ท่าทางผ่อนคลายนั้นเผยความอำมหิตและเฉยชาออกมาโดยสมบูรณ์
หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่งแล้วยิ้มกล่าวทันที “ไม่จำเป็นต้องขอโทษ ข้ามาคราวนี้ด้วยอยากดูว่าในประตูนิรันดร์ซ่อนความลับอะไรไว้กันแน่ หากเจ้าไม่อาจให้คำตอบที่ข้าพอใจได้ เกรงว่าข้าคงไม่เลิกรา”
เสียงยังดังก้องเขาก็ก้าวไปข้างหน้าแล้ว พริบตาก็ข้ามฟ้าดินไร้ขอบเขตมาถึงสถานที่ซึ่งเสียงนั้นดังขึ้น
ฟ้าดินที่นี่ยังคงมืดสลัวเหมือนเดิม แต่กลางอากาศกลับมีวงแสงอัคคีแน่นหนานับไม่ถ้วนลอยอยู่ มองไปล้วนไม่เห็นจุดสิ้นสุด
ให้ความรู้สึกเหมือนโคมดารามากมายแต้มแต่งอยู่ตรงนั้น ลุกโชนเงียบสงบ เปลวเพลิงที่แผ่ออกมามีแข็งแกร่งและอ่อนแอ มีสว่างและมืดมน สีสันต่างกันออกไป
ห่างไปไม่ไกลมีแท่นมรรคแท่นหนึ่งสร้างไว้
แท่นมรรคไม่มีสิ่งผิดแปลก แต่เพราะเงาร่างซึ่งนั่งขัดสมาธิบนนั้น ทำให้แท่นมรรคมีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์อย่างบอกไม่ถูกทันที ราวกับยืนตระหง่านเหนือเก้าชั้นฟ้า ทั้งเหมือนลอยอยู่ตรงปลายทางนิรันดร์ พร่ามัวและเลือนราง
ร่างนั้นสวมชุดดำ ประณีตเรียบร้อย บนตัวเขาห้อมล้อมด้วยโซ่เทพด่านเคราะห์กระจ่างแวววาวหลายสายราวกับจำนวนเม็ดทรายเหลือคณา แต่ตัวเขากลับหมื่นเคราะห์ไม่กล้ำกราย โดดเด่นยิ่งใหญ่
เมื่อเห็นคนผู้นี้นัยน์ตาหลินสวินพลันหดรัด
ราชันไท่ชู!!
ตอนอยู่กลางอากาศเหนือเวิ้งฟ้าโลกแปรปุถุชน หลินสวินเคยเจอรูปจำลองวิชามรรคที่อีกฝ่ายทิ้งไว้ มีหรือจะจำอีกฝ่ายไม่ได้
แต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าจะเจอตัวตนน่ากลัวที่เรียกได้ว่าเป็นยอดตำนานในโลกประตูนิรันดร์นี้
ไม่ใช่ว่าเขาถูกโซ่กระบี่ของมือกระบี่คนนั้นกักขังตั้งแต่ยุคก่อน ถูกกำราบอยู่ในแดนลับแห่งหนึ่งของแดนเทพมากเร้นนั่นหรือ
เวลานี้ชายชุดดำบนแท่นมรรคเงยหน้ามองหลินสวินแล้ว น้ำเสียงอบอุ่น แววตาผ่องแผ้วบริสุทธิ์เจือรอยยิ้มพลางกล่าว
“สหายน้อยหลินไม่ต้องกังวล ทั้งไม่ต้องร้อนรน เดิมข้าก็รอเจ้าอยู่เพื่อคลายข้อสงสัยในใจเจ้า”