Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 982 ความผกผันที่น่าตกตะลึง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 982 ความผกผันที่น่าตกตะลึง
ตอนที่ 982 ความผกผันที่น่าตกตะลึง
แต่เมื่อคำพูดนั้นดังออกมา เผยเหวินกลับหัวเราะ เป็นการหัวเราะเพราะโกรธ
นี่มันเวลาใดกันแล้ว เจ้าหมอนี่ยังกล้าเอ่ยวาจาบ้าระห่ำเช่นนี้ออกมาอีกหรือ
นางอดไม่ได้ร้องเสียงแหลมว่า “ไอ้คนโง่เง่าไม่รู้ความ ควรเป็นพวกเราต่างหากที่ส่งเจ้าไปตาย…”
สวบ!
ก็ในตอนนี้เอง เงาร่างของหลินสวินพลันหายลับไปจากที่เดิม
เว่ยเทียนสิงกับอู๋หยวนชูต่างหน้าเปลี่ยนสีในทันใด ตอบสนองรวดเร็วยิ่ง เข้าคุ้มกันเกาอวิ๋นคุนที่อยู่เบื้องหน้าทันที
กร๊อบ!
ในตอนที่พวกเขาเพิ่งทำทุกอย่างนี้เสร็จก็ได้ยินเสียงเอ็นกระดูกระเบิดแหลกดังขึ้น ในบรรยากาศเงียบสงัดนี้ฟังดูเสียดหูถึงที่สุด
จากนั้นพวกเขาก็เห็นว่าเผยเหวินยังไม่ทันพูดจบ สีหน้าเคียดแค้นดูแคลนยังหลงเหลืออยู่บนใบหน้าบวมแดงนั้น แต่คอของนางถูกหักจนขาดสะบั้นแล้ว!
ภาพตรงหน้าเผยเหวินดับวูบ ความเจ็บปวดถึงทรวงแล่นปราดไปทั้งกายราวกระแสน้ำ ก็เห็นว่าหลินสวินที่อยู่ไม่ไกลกำลังมองตนด้วยสีหน้าเฉยชา ดวงตาดำที่เย็นเยียบคู่นั้นมีแต่ความโหดเหี้ยมไร้ปรานี
ปึง!
จากนั้นศีรษะนางก็บิดเบี้ยว ร่างกายล้มลงไปกับพื้น ไม่มีลมหายใจออกมาอีก
พูดแล้วเหมือนช้าแต่ความจริงว่องไวยิ่ง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ ตั้งแต่พวกเว่ยเทียนสิงมาคุ้มกันเกาอวิ๋นคุน กระทั่งหลินสวินสังหารเผยเหวิน แทบจะจบลงในเวลาเดียวกัน!
เร็วอย่างเหลือเชื่อ เร็วจนใครก็คิดไม่ถึง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หลินสวินกลับออกโจมตีอย่างอุกอาจ ไม่หวั่นกลัวแม้เพียงนิด ในการโจมตีครั้งเดียวก็ปลิดชีพเผยเหวินได้!
ฝีมือเรียบง่ายปราดเปรียว ท่วงท่าดุดันแข็งกร้าว โจมตีจนทุกคนในหอประสานฟ้ารับมือไม่ทัน
พวกเขาต่างนิ่งงัน ที่นี่เป็นถึงหอประสานฟ้า! เจ้าหนุ่มนั่นถึงกับกล้าฆ่าคนต่อหน้าราชันกึ่งระดับสองคนเลยหรือ
“เจ้ารนหาที่ตาย!” เกาอวิ๋นคุนกราดเกรี้ยว ใบหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหาร “เผยเหวินเป็นสาวใช้ที่ข้ารักถนอมที่สุด เจ้าถึงกับกล้าฆ่านางต่อหน้าข้าหรือ เจ้า… ช่างใจกล้าคับฟ้าเสียจริงนะ!”
เสียงเขาเย็นเยียบ ดังกึกก้องไปทั้งโถงพาให้คนใจสั่น
“สาวใช้หรือ”
หลินสวินอึ้งไป ทันใดนั้นก็หัวเราะหยัน “สาวใช้คนหนึ่งยังกล้าอวดดีและกำเริบเสิบสานได้ปานนี้ ข้ารับใช้เป็นเช่นไร เจ้านายก็เป็นเช่นนั้นดังคาด ดูท่าทางเจ้าแล้ว เกรงว่าคงไม่ใช่คนดีเด่อะไร”
“นายน้อยไม่ต้องพูดแล้วขอรับ ให้ข้าเก็บไอ้เวรนี่เอง!” อู๋หยวนชูก้าวเท้าออกมา พลังรอบกายเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ชั่วพริบตาอานุภาพของราชันกึ่งระดับก็ปกคลุมมวลอากาศทุกกระเบียดนิ้วของห้องโถงใหญ่แห่งนี้ ประหนึ่งพายุลูกใหญ่ลูกหนึ่ง
เสียงตุ้บๆ ระลอกหนึ่งดังสะเปะสะปะ แต่เป็นผู้คุ้มกันและข้ารับใช้เหล่านั้นที่รับแรงกดดันชั้นนี้ไม่ไหว ตัวอ่อนยวบลงไปกับพื้น
ลูกค้าที่สังเกตการณ์อยู่ไกลออกไปเหล่านั้นก็ต่างร้องตื่นตระหนก ด้วยถูกพลังน่าครั่นคร้ามเช่นนี้ทำให้หวั่นกลัว สีหน้าขาวซีด
“เจ้าหนู ข้าให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง เลือกวิธีตายเถอะ” อู๋หยวนชูหนวดผมปลิวสยาย เผยอานุภาพโอหังของราชันกึ่งระดับผู้หนึ่งออกมาให้เห็นจนหมดสิ้น
ทุกคนใจสั่น
แต่เมื่อได้ยินคำนี้เสี่ยวเหอกลับเผยสีหน้าเวทนาออกมาทันที ตาแก่คนนี้คงไม่รู้ว่า ราชันกึ่งระดับที่ตายด้วยน้ำมือพี่หลินสวินใช้นิ้วมือนับไม่หมดแล้วกระมัง…
ก็เห็นว่าหลินสวินก็ยิ้มแล้ว เผยฟันขาวสะอาดเรียงตัวเป็นระเบียบทั้งปาก “เจ้าหมาแก่ ด้วยคำพูดนี้เจ้าก็ตายเสียเถอะ!”
สวบ!
เขาย่างก้าวออกมาแล้วพุ่งกระโจนเข้าไป
นี่ทำให้ทุกคนประหลาดใจ นั่นเป็นถึงราชันกึ่งระกับผู้หนึ่ง เจ้าหมอนี่กลับไม่กลัวเลยสักนิด แถมยังพุ่งเข้าไปตรงๆ ด้วยหรือ
นี่ไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้วหรือ
“ทำเกินตัวเป็นตั๊กแตนห้ามรถ!” อู๋หยวนชูดูแคลน แสงสีนิลถาโถมรอบกาย รวดเร็วปานสายฟ้า ยื่นมือข้างหนึ่งไปตบหลินสวินที่พุ่งเข้ามา
ปึง!
ทั้งสองปะทะกัน รัศมีเทพแสบตาปะทุขึ้น แผ่กระจายออกมา
ในขณะเดียวกันก็มีเสียงร้องโหยหวนเสียงหนึ่งดังขึ้น
เมื่อทุกคนต่างนึกว่าหลินสวินประสบเคราะห์ กลับค้นพบอย่างตะลึงพรึงเพริดว่าอู๋หยวนชูราชันกึ่งระดับที่มีพลังน่าหวาดหวั่น ตัวเขายังอยู่กลางอากาศ แต่ร่างกายกลับถูกกำราบผนึกไว้ตรงนั้น เคลื่อนไหวไม่ได้
ต่อมาแขนขวาที่เขายื่นออกมาระเบิดแหลกดังครึกโครม ถัดจากนั้นหน้าอกเขาก็ยุบลงไป เกิดเป็นโพรงเลือดขนาดเท่าปากถ้วยโพรงเนื่อง
สุดท้ายท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนที่ทั้งโกรธและหวั่นกลัว ตัวอู๋หยวนชูก็แหลกสลายกลายเป็นฝนเลือดปลิวว่อนไปในอากาศ
ฝนเลือดนั้นแผ่พุ่งออกไป ย้อมห้วงอากาศและผืนดินให้เป็นสีแดง ตกกระทบบนร่างของผู้คุ้มกันและข้ารับใช้เหล่านั้นประหนึ่งสายฝน แดงฉานและคาวคลุ้งเตะจมูก
เฮือก!
ทุกคนในที่นั้นต่างสูดหายใจเย็นเยียบ หนาวสะท้านไปทั้งตัว อกสั่นขวัญหายเหมือนถูกสายฟ้าฟาด
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น เด็กหนุ่มคนนั้นไม่ตาย กลับเป็นอู๋หยวนชูผู้อาวุโสแห่งหอประสานฟ้าผู้นี้ที่ถูกฆ่าตาย!
ตายชนิดหาซากศพไม่พบ กลายเป็นเศษเลือดเนื้อแหลกเละ!
นี่น่าสยดสยองเกินไปแล้ว คนผู้นี้เป็นถึงราชันกึ่งระดับ มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างยิ่งในเมืองเพลิงมรกต หลายปีมานี้ไม่รู้ว่าช่วยหอประสานฟ้าสะสางความยุ่งยากไปแล้วกี่ครั้ง แต่ตอนนี้ขนาดชายเสื้อของอีกฝ่ายยังไม่ได้จับ ร่างกายก็ระเบิดแหลกและตายไปเสียแล้ว
เรื่องนี้ใครจะกล้าเชื่อได้กัน
แท้จริงแล้วอู๋หยวนชูตายอย่างไม่ผิดแปลกเลยสักนิด
ในสายตาของเขา หลินสวินเป็นเพียงเด็กหนุ่มระดับกระบวนแปรจุติผู้หนึ่ง ทั้งเป็นคนแปลกหน้า ภายในจิตใต้สำนึกจึงเกิดความดูแคลนและเมินเฉย
เพียงแต่เกรงว่าก่อนตายเขาก็ยังคิดไม่ถึงว่า คราวนี้จะบังเอิญโชคร้ายเจอเข้ากับบุคคลแห่งยุคที่เทียบได้กับเทพมารผู้หนึ่ง…
ด้วยพลังปราณของหลินสวินในตอนนี้ ไม่ต้องอาศัยดาบหัก ก็สามารถต้านทานการโจมตีของราชันกึ่งระดับจากลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์หกคนได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ อู๋หยวนชูจะยังมีโอกาสรอดได้อย่างไร
นัยน์ตาของเกาอวิ๋นคุนหดรัดลง หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่
เว่ยเทียนสิงยิ่งสั่นเทาไปทั้งตัว แทบจะร้องเสียงหลงออกมา ไม่อาจรักษาความสุขุมเยือกเย็นได้อีก เขาเองก็ไม่กล้าคิดว่าถ้าเมื่อกี้เป็นตัวเองลงมือ ตอนนี้…
จะถูกถล่มสังหารในหมัดเดียวไปแล้วหรือไม่
เขากระวนกระวายใจโดยสมบูรณ์ รับรู้ได้ว่าคราวนี้เจอคนร้ายกาจเกินคาดเข้าแล้ว!
ส่วนผู้อื่นในห้องโถงใหญ่ก็ตกใจเสียขวัญแข็งทื่อเป็นรูปปั้น แทบจะหายใจไม่ออกอยู่ก่อนแล้ว เห็นราชันกึ่งระดับผู้หนึ่งถูกฆ่าตาต่อหน้าต่อตา ภาพติตตานั้นย่อมมีผลกระทบมากมายเกินธรรมดา
“หือ? นี่มันเกิดเรื่องอะไรกัน!?” ท่ามกลางความเงียบสงัดนี้เอง เสียงตะคอกน่าเกรงขามเสียงหนึ่งก็ดังไปทั่ว
พร้อมกับเสียงนี้ ชายวัยกลางคนในชุดสีเขียวผู้หนึ่งก็เดินออกมา ผมเผ้าเคราหนวดของเขาเหมือนน้ำหมึก ดวงตาพยัคฆ์ราวอัสนี ไหล่ทั้งสองข้างหนาล่ำ มีท่าทางภูมิฐานแม้ไม่กราดเกรี้ยว
ข้างกายเขายังมีหญิงสาวผู้หนึ่งเดินมาด้วยกัน เป็นแม่นางเยวี่ย เมื่อได้เห็นภาพแต่ละภาพในที่นั้นนางก็อึ้งไปเล็กน้อย
“ท่านพ่อ!” และเมื่อเห็นชายวัยกลางคนชุดเขียว เกาอวิ๋นคุนผู้นั้นก็เหมือนคว้าฟางเส้นสุดท้ายไว้ได้ ฟื้นคืนสติกลับมาโดยสมบูรณ์ เปี่ยมชีวิตชีวาขึ้นมา
ในขณะเดียวกันเว่ยเทียนสิงกับข้ารับใช้ที่อยู่ในโถงเหล่านั้นก็พากันโค้งคำนับ ปากเรียกหัวหน้าตระกูล
คนผู้นี้ก็คือเจ้าของหลังม่านของหอประสานฟ้าแห่งนี้ ผู้นำตระกูลเกา เกาเทียนอี เป็นคนใหญ่คนโตในเมืองเพลิงมรกตที่มีฝีไม้ลายมือมากเล่ห์ผู้หนึ่ง
“พูดมา นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” เกาเทียนอีนิ่วหน้า โดยเฉพาะเมื่อเห็นเลือดเนื้อเต็มพื้นนั้น หนังตาอดกระตุกอย่างแรงไม่ได้ สีหน้าก็อึมครึมลงไป
“เจ้านี่จู่โจมทำร้ายคนที่นี่ขอรับ ก่อนอื่นก็ฆ่าสาวใช้ของข้า จากนั้นขนาดผู้อาวุโสอู๋หยวนชูยังถูกมันปลิดชีพอย่างโหดเหี้ยม!”
สายตาเกาอวิ๋นคุนเยียบเย็นและเหี้ยมเกรียม จ้องเขม็งไปที่หลินสวิน “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านมาถึงพอดี เกรงว่าไอ้คนอำมหิตผู้นี้คงฆ่าแม้แต่ข้าแล้ว!”
รังสีน่าครั่นคร้ามแผ่พุ่งออกมาจากตาของเกาเทียนอี เพ่งเป้าไปที่หลินสวินอย่างเย็นยะเยือก เห็นได้ชัดว่าโมโห
“ท่านพ่อ ท่านก็เห็นทุกอย่างตรงหน้าแล้ว ไอ้คนอำมหิตผู้นี้แผลงฤทธิ์โหดเหี้ยม ถ้าไม่ปลิดชีพมัน ภายหน้าหอประสานฟ้าของเราจะยืนหยัดอยู่ในเมืองนี้ได้อย่างไร” เกาอวิ๋นคุนร้องตะโกน
แต่ก็ในตอนนี้เอง กลับเห็นแม่นางเยวี่ยเอ่ยปากอย่างเรียบเฉยว่า “น่าสนใจ สหายข้าเพิ่งมาถึงหอประสานฟ้าแห่งนี้ กลับก่อเรื่องใหญ่ปานนี้ได้ ถึงกับถูกเรียกว่าแผลงฤทธิ์โหดเหี้ยม นี่… เป็นวิธีรับแขกของพวกเจ้าหรือ”
สหายหรือ
เกาเทียนอีนิ่งอึ้งไป นัยน์ตาเบิกกว้าง ทำใจเชื่อได้ยาก
“แม่นางผู้นี้ นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน หรือที่ข้าพูดมันไม่จริง” เกาอวิ๋นคุนขุ่นเคือง ถ้าไม่ใช่ว่าเขาเห็นว่าแม่นางเยวี่ยเดินมาด้วยกันกับบิดาของเขา ก็คงระเบิดอารมณ์ไปนานแล้ว
“หุบปาก!”
เหนือความคาดหมายของทุกคน เกาเทียนอีตะคอกออกมาโดยพลัน สีหน้าที่มองไปยังเกาอวิ๋นคุนอึมครึมและน่ากลัว ผิดธรรมดาอย่างยิ่ง
เกาอวิ๋นคุนแข็งทื่อไปทั้งตัว แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง นี่เป็นบิดาของเขาเอง เหตุใดตอนนี้ถึง… เป็นเช่นนี้
ชั่วขณะหนึ่งเขาทั้งสงสัย ทั้งอัดอั้นตันใจ
จากนั้นภาพที่ทำให้เขาทำใจเชื่อได้ยากยิ่งกว่าเดิมก็เกิดขึ้น ก็เห็นว่าบิดาของเขาที่เป็นถึงหัวหน้าตระกูลเกา ผู้ควบคุมหอประสานฟ้า เวลานี้บนใบหน้ากลับยิ้มละอายและแสดงความขอโทษเต็มที่ เอ่ยกับหลินสวินว่า “ที่แท้ก็เป็นสหายของแม่นางเยวี่ย ขออภัยจริงๆ ไม่ว่าเรื่องเมื่อครู่ใครจะทำผิดกับใคร ข้าก็ขออภัยคุณชายไว้ ณ ที่นี้!”
เขาพูดพลางถึงกับโค้งกาย กุมมือแสดงความคารวะ!
ชั่วขณะนั้นบรรยากาศของโถงใหญ่แห่งนี้ก็เงียบงันลงไปอีกสามส่วน ทุกคนล้วนตกตะลึงอ้าปากค้าง
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้าช่างเหมือนความฝัน ดูไร้เหตุผลไม่สมจริงปานนั้น ใครจะกล้าเชื่อว่าคนใหญ่คนโตที่มีอำนาจราวบดบังท้องฟ้าในเมืองเพลิงมรกตแห่งนี้อย่างเกาเทียนอี ยังไม่ทันได้ถามหาสาเหตุก็ขอโทษผู้ร้ายฆ่าคนตายเสียแล้ว
นี่มันผิดปกติยิ่งนัก!
เวลานี้ต่อให้เป็นคนโง่เขลาก็รับรู้ได้ว่า ผู้ที่ทำให้เกาเทียนอีตอบสนองเช่นนี้ได้ ต้องเป็นแม่นางเยวี่ยที่อยู่ข้างกายเขาแน่นอน
แต่ว่า นางเป็นใครกันแน่
เหตุใดเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ก็ทำให้เกาเทียนอีตอบสนองอย่างต่ำต้อยเช่นนี้
ไม่เพียงแต่พวกเขา ขนาดหลินสวินยังออกจะประหลาดใจ และเพิ่งรับรู้ว่าฐานะของแม่นางเยวี่ยเหมือนจะไม่ธรรมดากว่าที่เขาคาดไว้!
“ท่านพ่อ! นี่ท่าน…” เกาอวิ๋นคุนสับสนไปหมดแล้ว ร้องเสียงหลงออกมา
“เว่ยเทียนสิง จับไอ้ลูกไม่รักดีนี่ไปให้ข้าที ถ้ายังกล้าพูดจาเพ้อเจ้ออีกก็ฆ่ามันเสียเลย!” เกาเทียนอีเอ่ยปากเสียงเย็น ดูโหดเหี้ยมถึงที่สุด
ความจริงแล้วตอนนี้ในใจเขาแค้นเต็มที มันเวลาไหนกันแล้ว เจ้าลูกไม่รักดีผู้นี้ยังดูสถานการณ์ไม่ออกอีกหรือ
“ช้าก่อน เรื่องยังไม่สะสางก็จะจากไปหรือ”
เมื่อแม่นางเยวี่ยเอ่ยปากออกมา ก็ทำให้เกาเทียนอีแข็งทื่อไปทั้งตัว
บุคคลน่าเกรงขามเช่นเขาตอนนี้กลับเหงื่อกาฬไหลท่วม พูดพลางยิ้มเชิงขอโทษว่า “ที่แม่นางเยวี่ยพูดก็มีเหตุผล เจ้าลูกไม่รักดีคนนี้ถึงกับกล้าล่วงเกินสหายของท่าน ช่างเนรคุณเสียจริง!”
พูดถึงตรงนี้เขาก็พลันหันกาย ตะคอกดุดันว่า “ไอ้ลูกไม่รักดี ยังไม่รีบคุกเข่าลงอีก!?”
“ข้า…” เกาอวิ๋นคุนงุนงงถึงที่สุดแล้ว รู้สึกว่าตนเหมือนไม่ใช่ลูกแท้ๆ
ปึง!
เว่ยเทียนสิงที่อยู่เบื้องหลังเกาอวิ๋นคุนมากประสบการณ์ สังเกตว่าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากลได้นานแล้ว
เห็นเช่นนี้เขาก็ใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งกดให้เกาอวิ๋นคุนคุกเข่าลงไปกับพื้นโดยไม่ลังเล ขณะเดียวกันก็สื่อจิตว่า ‘นายน้อย หัวหน้าตระกูลทำเช่นนี้เพื่อช่วยท่าน หากท่านไม่ทำตัวดีๆ อีก ไม่แน่ว่าวันนี้หัวหน้าตระกูลอาจจะเลือกความถูกต้องเหนือครอบครัวจริงๆ นะขอรับ!’
——