Blessing Cursed พรวิเศษต้องสาป - ตอนที่ 18 บ้าน...เหรอ
บ้านเดี่ยวท้ายเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางหลังนี้ถือว่าทำเลค่อนข้างดี เพราะอยู่ใกล้กับแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ทั้งยังไม่ตั้งอยู่ในเขตผู้คนพลุกพล่าน ซึ่งเหมาะกับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวายอย่างไลฟ์จนน่าเหลือเชื่อ
“ท่านไลฟ์ ท่านเมอร์เซเดส ถึงที่หมายแล้วค่ะ”
เมอร์เซเดสหันไปมองชายหนุ่มที่ลุกขึ้นมานั่งเงียบอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่ทราบได้อย่างตกใจ ไลฟ์ขยับตัวบิดขี้เกียจเล็กน้อยก่อนจะลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวสิ นายน่ะ ตื่นแล้วก็บอกกันบ้างสิ”
“ก็เห็นสนใจของกินในมืออยู่ตั้งนาน”
“แล้วนายไม่หิวเหรอ”
“ไม่รู้สิเพิ่งตื่น ยังมึนๆ อยู่”
เฮสต์เห็นว่าทั้งสองคงต่อปากต่อคำกันไม่จบง่ายๆ จึงตัดสินใจขัดจังหวะการเล่นสนุกเล็กๆ ของไลฟ์ทันที
“เอาเถอะค่ะ เข้าบ้านกันก็เถอะนะคะ บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่ท่านกิลเลียนทรงพระราชทานให้ท่านไลฟ์แทนที่ดินในเมืองไมเอลค่ะ เพราะท่านทรงเห็นว่าท่านเมอร์เซเดสตอบรับตำแหน่งผู้บริหารสถาบันเวทมนตร์ที่ท่านฟรีเซียจะทรงจัดตั้งขึ้นค่ะ บ้านหลังนี้จึงเหมาะกับท่านไลฟ์มากกว่า ทั้งทำเล และความสงบที่จะได้รับค่ะ”
แม้บ้านหลังนี้จะมีเพียงไฟตะเกียงที่ตกแต่งเอาไว้เป็นแสงส่องสว่างให้ได้เห็นตัวบ้านเพียงรางๆ เท่านั้น แต่เหมือนว่าจะถูกใจชายหนุ่มอยู่พอสมควร
“นี่บ้านของฉันเหรอ”
“ค่ะ บ้านหลังนี้เป็นของท่านนับจากวันนี้เป็นต้นไปค่ะ”
“อย่างงั้นเหรอ…อ่าาาา….เข้าบ้านๆ ”
พูดจบไลฟ์ก็มุดเข้าไปบนรถม้าฉวยเอาข้าวของที่เมอร์เซเดสเพิ่งซื้อมาเมื่อครู่ หิ้วพะรุงพะรังตามหลังเฮสต์ที่เดินนำไปเปิดประตูเข้าบ้านไป โดยปล่อยมีเมอร์เซเดสเดินตามไปแบบงงๆ
ภายในบ้านที่มืดสนิทค่อยๆ สว่างขึ้นด้วยไฟตะเกียง ไลฟ์ที่หลับเกือบตลอดทางเลยไม่รู้ว่าที่จริงแล้วการเดินทางควรใช้เวลานานกว่านี้จึงเอ่ยปากถามเมอร์เซเดส
“นี่เธอ…สองคนนั้นยังมาไม่ถึงเหรอ”
“นายหลับมาตลอดทางนี่นะ”
ไลฟ์หันไปมองหน้าเฮสต์ขอคำตอบ ส่วนเฮสต์เองก็ได้แต่ส่งยิ้มกลับไป ไม่ทันได้ตอบคำถามของเขา เพราะเมอร์เซเดสเดินเข้าไปหาชายหนุ่มก่อนจะยื่นมือไปหยิกที่แก้มของชายหนุ่มเบาๆ
“รถม้าของเราเนี่ย ใช้ทางลัด เลยเดินทางแค่ครึ่งวันก็ถึง แต่สองคนนั้นน่ะไม่มีทางลัด อีก 2-3 วันโน่นแหละกว่าจะมาถึง แล้วคราวหน้าน่ะ หัดตื่นขึ้นมาดูคนอื่นบ้าง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาไม่ตายกันหมดแล้วเหรอ”
ไลฟ์ปัดมือของหญิงสาวออกแล้วหันหลังเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
“คุณเฮสต์ก็อยู่น่า กลัวอะไร นางเก่งกว่าฉันซะอีก”
เมอร์เซเดสที่ดูจะไม่พอใจกับคำตอบ ก็ตั้งท่าจะหาเรื่อง เดือดร้อนเฮสต์ต้องเข้ามาห้ามทัพ
“ใจเย็นๆ ก่อนเถอะค่ะ ตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว ดิฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้สายๆ จะมีรถมารับนะคะท่านไลฟ์”
นอกจากเมอร์เซเดสจะหยุดหาเรื่องไลฟ์แล้ว ยังต้องตกใจจนหน้าถอดสีเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าหากเฮสต์กลับไปแล้ว ตนต้องอยู่กับไลฟ์เพียงสองคน
“เดี๋ยวก่อนสิคุณเฮสต์ ฉันไม่ได้”
“แล้วจะให้คุณเฮสต์ค้างที่นี่รึไง บ้านช่องไม่กลับครอบครัวเป็นห่วงรึเปล่าก็ไม่รู้”
พูดจบไลฟ์ก็รู้สึกได้ถึงสายตาอาฆาตที่ส่งมา แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายไปกว่าการสนุกอยู่กับการปั่นประสาทเมอร์เซเดสขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งที่เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะกวนโมโหนางแม้แต่น้อย ส่วนเฮสต์เองที่เดิมทีจะปฏิเสธที่จะค้างคืนหรือแม้แต่ชวนให้เมอร์เซเดสกลับไปด้วยกัน แต่ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกมากนัก
“งั้นคืนนี้ขอค้างที่นี่ก็แล้วกันค่ะ แต่เฉพาะคืนนี้นะคะ หลังจากนี้ท่านเมอร์เซเดสคงต้องอยู่ที่รอคนสนิทกับท่านไลฟ์ตามลำพังค่ะ เพราะที่บ้านของดิฉันไม่มีห้องพักสำหรับแขกค่ะ คงพาท่านเมอร์เซเดสไปด้วยไม่ได้ อีกอย่างบ้านหลังนี้มีถึง 5 ห้องนอนค่ะ ทั้งสองคนคงไม่จำเป็นต้องไปนอนห้องเดียวกันหรอกนะคะ”
ไลฟ์ที่เห็นว่าคลื่นลมสงบลงแล้วก็ลุกขึ้นเลือกหยิบเนื้อสัตว์และหัวหอมกับแครอทเดินเข้าไปในครัว
“ไลฟ์ นั่นนายจะทำอะไรน่ะ”
“หิว”
“ว่าแต่นายทำอาหารเป็นด้วยเหรอ”
“ฉันเป็นคนพเนจรนะ ทำเป็นซะที่ไหนเล่า”
“แล้วที่ผ่านมานายกินอะไร”
“มีอะไรก็ล้างให้สะอาดแล้วโยนๆ ใส่หม้อไปนั่นแหละ พอสุกหมดแล้วก็กินได้เหมือนกันนั่นล่ะ”
เมอร์เซเดสฉวยของในมือชายหนุ่มมาถือไว้แล้วออกคำสั่งให้เขาอยู่เฉยๆ
“จะบ้าเหรอ เอามานี่ แล้วก็ไปนั่งรอเฉยๆ เลย อย่าวุ่นวาย เดี๋ยวทำอะไรให้กิน คุณเฮสต์ก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนก็ได้นะคะ เสร็จแล้วค่อยมาทานด้วยกันค่ะ”
ผ่านไปประมาณสามสิบห้านาที เฮสต์กลับมานั่งที่โต๊ะอาหารหลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว ไลฟ์ที่นั่งว่างอยู่ก็หันไปถามถึงการฝึกทันที
“นี่คุณเฮสต์ บอกคร่าวๆ ได้มั้ยว่าพรุ่งนี้ผมต้องทำอะไรยังไงบ้าง”
“ก็ต้องทำความเข้าใจร่างกายของท่านไลฟ์เองก่อนล่ะค่ะ ต้องทำให้เข้าใจหลักการส่งกำลังจากกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายค่ะ”
เด็กหนุ่มนิ่งไปครู่ใหญ่ สีหน้าแสดงออกถึงอาการครุ่นคิด
“ถ้างั้นที่บอกว่าผมเคลื่อนไหวเกินความจำเป็นนั่นเพราะว่าไม่ได้ส่งกำลังจากกล้ามเนื่อส่วนอื่นๆ เหรอ”
“ค่ะ คือเท่าที่เห็นท่านไลฟ์อาศัยแรงจากอวัยวะที่ใช้โจมตีเท่านั้นค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการชก หรือเตะ ก็เป็นแค่การเหวี่ยงหมัด เหวี่ยงขาให้แรงขึ้นค่ะ แต่ถ้าฝึกใช้การส่งกำลังจากกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ก็จะตัดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นออกไป และจะทำให้การโจมตีแม่นยำขึ้น รวดเร็วและทรงพลังขึ้นด้วยค่ะ”
“น่าสนใจแฮะ”
“ก็ตามนั้นนั่นล่ะค่า”
ระหว่างการพูดคุยของทั้งสอง กลิ่นหอมโชยออกมาจากครัวพร้อมกับเสียงเรียกของเมอร์เซเดส
“นี่ไลฟ์ ช่วยยกจานพวกนี้ไปที่โต๊ะหน่อยสิ”
ไลฟ์ลุกไปหยิบอาหารในครัวจัดเรียงไว้ที่โต๊ะ ด้วยความหิวและเหนื่อยล้าจากการเดินทางทำให้ทั้งสามจัดการกับมื้อค่ำอย่างรวดเร็ว และแยกย้ายกันไปพักผ่อน
เสียงกุกกักที่ชั้นล่างปลุกให้เมอร์เซเดสต้องตื่นขึ้นกลางดึก หญิงสาวใช้เวทมนตร์สร้างแสงสว่าง แล้วเดินลงมาที่ชั้นล่างอย่างช้าๆ ในความมืดปรากฏร่างเจ้าของบ้านคนใหม่ นั่งสงบนิ่งอยู่ในที่โต๊ะอาหาร พร้อมไหดินใบใหญ่กับแก้วขนาดเหมาะมืออยู่ข้างตัว
“นอนไม่หลับเหรอ”
แสงสว่างจากเวทมนตร์และเสียงทักทายของหญิงสาวปลุกไลฟ์ให้ตื่นจากภวังค์
“เอ้า เมอร์เซเดสเหรอ ทำไมยังไม่นอนล่ะ”
“แล้วนายมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ แล้วไอ้นั่นมันอะไร”
“นี่เหรอ ไม่รู้สิ เห็นเป็นน้ำผลไม้เลยเอามากิน หวานไปหน่อยแต่สดชื่นดี จะลองสักหน่อยมั้ย”
“ไม่เอาล่ะ นายกินคนเดียวเถอะ ว่าแต่ทำไมยังไม่นอน พรุ่งนี้มีฝึกกับคุณเฮสต์ไม่ใช่รึไง”
ชายหนุ่มระบายลมหายใจอออกมาช้าๆ “ก็แค่…รู้สึกแปลกๆ น่ะ”
เมอร์เซเดสเดินมานั่งนี่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับไลฟ์
“มีอะไรรึเปล่า”
“คือแบบว่า คนพเนจรอย่างฉันไม่เคยมีบ้านนี่นะ แล้วบ้านหลังนี้มันก็…ไม่ใช่อะไรที่ฉันคิดเอาไว้ตั้งแต่แรก ก็เลย”
“ให้ฉันช่วยอะไรได้บ้าง”
ไลฟ์นิ่งเงียบไปชั่วครู่ ยกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ ก่อนจ้องมองใบหน้างดงามที่ต้องแสงไฟของญิงสาวตรงหน้า แล้วส่ายหัวเบาๆ “ไม่รู้เหมือนกันแฮะ แค่รู้สึกแปลกๆ”
หญิงสาวลุกเดินไปกอดชายหนุ่มเอาไว้จากด้านหลัง กระซิบข้างหูของเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะผละออกมายกไหน้ำผลไม้ไปเก็บในครัว แล้วกลับขึ้นห้องไป “ไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
ส่วนไลฟ์ที่ดูจะคลายกังวลลงบ้างแล้วก็ดื่มน้ำผลไม้ในแก้วจนหมด แล้วค่อยๆ ลุกเดินกลับขึ้นไปที่ห้องนอนของตัวเองบนชั้นสองอย่างอ้อยอิ่ง “บ้าน….เหรอ”