Blessing Cursed พรวิเศษต้องสาป - ตอนที่ 20 แขกไม่ได้รับเชิญ
บรรยากาศยามค่ำคืนภายในบ้านเดี่ยวขนาดห้าห้องนอนค่อนข้างเงียบเหงา แม้อาหารที่เมอร์เซเดสเตรียมเอาไว้ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบ้าน ทว่าไลฟ์ที่กลับจากการฝึกซ้อมกลับตรงดิ่งไปอาบน้ำและเข้านอนทันที ทั้งที่ตอนกลับเข้าบ้านก็ไม่ได้แสดงอาการเหนื่อยล้าให้ได้เห็นแม้แต่น้อย
อาหารที่ทำไว้สำหรับชายหนุ่มยังคงถูกจัดวางอยู่เต็มโต๊ะ เดือดร้อนแม่ครัวต้องยกขึ้นไปเสิร์ฟให้ถึงห้องนอนด้วยตัวเอง
“เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมไม่กินอะไรเลยล่ะ”
ร่างเปลือยท่อนบนของชายหนุ่มที่เคยทำให้หญิงสาวใจเต้นไม่เป็นส่ำ บัดนี้กลับไม่ส่งผลอะไรต่อหัวใจของนางอย่างที่เคย มีเพียงความห่วงใยที่เห็นคนบนเตียงนอนนิ่งไม่ไหวติง สีหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอก แค่รู้สึกเวียนหัวน่ะ”
“ไม่เป็นอะไรก็กินสักหน่อยเถอะ”
ชายหนุ่มเปิดขึ้นข้างหนึ่งเพียงเล็กน้อยจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไร้เรี่ยวแรง “ไม่กินได้มั้ย กลัวว่ากินไปแล้วจะขย้อนออกมาจนหมดน่ะ แบบว่าฉันเสียดาย เธออุตส่าห์ทำให้กิน”
“ถ้างั้นก็นอนนิ่งๆไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวจะลงไปต้มซุปให้ อย่างน้อยๆก็กินซุปร้อนๆสักหน่อย อาการน่าจะดีขึ้นบ้าง”
ไลฟ์ยิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน พลางชี้มือไปที่ถาดอาหารในมือ “ไอ้นั่นน่ะ ไม่ต้องยกลงไปหรอก วางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ”
เมอร์เซเดสนำถาดอาหารมาวางไว้กลางโต๊ะก่อนจะรีบกลับเข้าครัว และจัดแจงต้มซุปอย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปไม่นาน ซุปร้อนๆ ถ้วยใหญ่ก็ถูกยกขึ้นมาวางตั้งเอาไว้บนโต๊ะในห้องนอนของไลฟ์
“ลุกไหวมั้ย” หญิงสาวเข้ามาประคองชายหนุ่ม
แต่เขากลับไม่ยอมลุกจากเตียง ทั้งยังกุมมือหญิงสาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย “ป้อนหน่อยสิ”
เมอร์เซเดสย่นคิ้วเล็กน้อย “เป็นเด็กรึไงนายน่ะ”
“ก็ลุกไม่ไหวนี่”
นิ้วมือเรียวงามของหญิงสาวเกลี่ยไปตามไรผมของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน “ไปทำอะไรมาล่ะเนี่ย ถึงได้ทรุดขนาดนี้”
“ปิดตาแล้วก็เดินๆ วิ่งๆ กระโดดๆ ทั้งวันเลย ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย พอถอดผ้าปิดตาออกมาก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ”
“แล้วได้อะไรกลับมาบ้างล่ะ”
“ก็…..พอปิดตาแล้วก็เหมือนๆ จะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อมันขยับนะ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอะไรมากมายนักหรอก คงต้องอีกหลายวันกว่าจะเข้าใจว่าทำแบบนั้นไปทำไม”
“ยังไงก็เถอะ กินซุปนี่ก่อน เดี๋ยวจะเย็นซะหมด”
หลังจากไลฟ์กินซุปเข้าไปสักพักใหญ่ ร่างกายของเขาก็กลับสู่ภาวะปรกติ อาการวิงเวียนจากการปิดตาฝึกถูกแทนที่ด้วยความหิว จึงจัดการอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างรวดเร็วก่อนจะกลับขึ้นเตียงและหลับไป
การฝึกวันที่สองเฮสต์จัดการให้ไลฟ์สวมตัวถ่วงน้ำหนักที่แขนและขาทั้งสองข้าง โดยให้เหตุผลว่าจะเป็นการเพิ่มการรับรู้ถึงการทำงานของกล้ามเนื้อ โดยไลฟ์ต้องฝึกการเคลื่อนไหวในสภาพนี้อยู่ถึงสิบห้าวันเฮสต์ก็ตัดสินใจให้เด็กหนุ่มยกระดับการฝึกในระดับต่อไป โดยการฝึกในวันที่สิบหกแม้จะยังคงต้องปิดตาและถ่วงน้ำหนักอยู่ แต่ก็เริ่มฝึกการต่อสู้แล้ว และด้วยความสนใจกับสิ่งที่ได้ทำ ไลฟ์จึงใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก็สามารถเคลื่อนไหวได้ตามที่เฮสต์ต้องการ และสามารถตัดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นออกไปได้สำเร็จ ไม่เพียงแค่เฮสต์เท่านั้นรับรู้ถึงพัฒนาการอันรวดเร็วจนน่าตกใจนี้ ผู้บัญชาการกองอัศวินที่สองซึ่งเฝ้ามองพัฒนาการของเด็กหนุ่มตั้งแต่วันแรกจึงตัดสินใจลงมาที่ลานด้วยตัวเอง
“พรุ่งนี้ จะเริ่มฝึกอย่างจริงจัง แล้วก็ไม่ต้องปิดตาแล้วล่ะ” เสียงของผู้บัญชาการสตราซแห่งกองอัศวินที่สองดังขึ้น ไลฟ์จึงหยุดมือและหันไปทำความเคารพตามทิศทางต้นเสียง “ค่อยๆ ถอดผ้าปิดตาออกก่อนเถอะ”
เด็กหนุ่มถอดผ้าปิดตาออกและลืมตาขึ้นช้า ๆ ภาพของผู้บัญชาการกองอัศวินที่สองกำเดินดุ่มเข้ามาที่ลานกว้างก็ค่อยปรากฏชัดขึ้น ผ.บ. สตราซ ยกมือขึ้นดีดนิ้วร่ายเวทย์ก่อนจะหยุดยืนอยู่ข้างเฮสต์
“รีเฟรช” เวทย์ฟื้นฟูของผ.บ. สตราซ สามารถคลายอาการวิงเวียนได้เป็นอย่างดีและรวดเร็วยิ่งกว่าการดื่มซุปอุ่นๆ ของเมอร์เซเดสที่เด็กหนุ่มต้องกลับบ้านไปดื่มทุกเย็น
“เอาล่ะพ่อหนุ่ม พรุ่งนี้เธอจะเริ่มฝึกส่วนที่ยากที่สุดแล้ว วันนี้กลับไปพักผ่อนก่อนก็แล้วกันนะ”
“ครับ”
หลังจากไลฟ์กลับไปแล้วเฮสต์ก็ถามถึงการตัดสินใจของท่านผ.บ. ทันที
“เขาพร้อมแล้วเหรอคะ”
“เท่าที่เห็นก็พร้อมแล้วล่ะ แต่จากนี้ไปจะทำได้มั้ยก็อีกเรื่องนึง” ผู้บัญชาการกองอัศวินที่สองหันมายิ้มให้กับลูกสาว “พรุ่งนี้ก็ฝากด้วยนะ พ่อกลับไปทำงานก่อนล่ะ”
“อย่ากลับดึกนะคะ แม่บอกว่าวันนี้จะทำมื้อใหญ่”
ผ.บ. สตราซ หัวเราะ และร่ายเวทย์บางอย่างก่อนที่ร่างของเขาจะหายวับไป
ไลฟ์กลับบ้านมาด้วยท่าทางสดชื่น แต่ต้องแปลกใจที่ลอเรนยืนหน้าตึงสายตาดุดันอยู่หน้าบ้าน
“กลับมาแล้วเหรอ”
“มีอะไรเหรอ หน้าตาน่ากลัวเชียว”
ลอเรนชักมีดเล่มเล็กออกมาจ่อที่หน้าของเด็กหนุ่ม
“นายมีผู้หญิงคนอื่นใช่มั้ย แล้วท่านหญิงเมอร์เซเดสล่ะนายจะทำยังไง”
“เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ มันเรื่องอะไรกันล่ะนั่นน่ะ”
เสียงเอะอะที่หน้าบ้านเรียกให้ลอร่าเปิดประตูออกมา “ลอเรนไม่เอาน่า ไลฟ์นายมีแขก”
ทันทีที่ไลฟ์พบหน้าแขกของเขาก็หน้าซีดเผือด
“ป้า!!!”
“สวัสดีหนุ่มน้อย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“ป้ามาทำอะไรเนี่ย” ท่าทางลุกลี้ลุกลนของไลฟ์สร้างความงงงวยให้กับสาวๆ อย่างมาก ส่วนไลฟ์เองก็พุงเข้าประชิดตัวผู้มาเยือนอย่างเทพเจ้าแห่งสโจรกาดอย่างรวดเร็ว “นี่พล่ามอะไรออกมาบ้างเนี่ย”
ฟาโนราห์หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ “ฉันยังไม่ได้พูดอะไรมากมายหรอก แค่บอกว่าฉันมาเยี่ยมนายเท่านั้น”
“อย่าพูดอะไรที่ไม่จำเป็นล่ะ ฉันไม่อยากให้คนพวกนี้กลัว”
“งั้นฉันก็คงไม่ต้องบอกก็ได้มั้งว่าฉันเป็นใคร”
“แล้วแต่ป้าเลยก็แล้วกัน”
“ถ้างั้น” เทพเจ้าจอมเอาแต่ใจใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของไลฟ์ “มิวท์” ฟาโนราห์ร่ายมนตร์ใส่เด็กหนุ่มก่อนจะบอกเล่าเรื่องราวที่น่าตกใจสำหรับสามสาว
“ฉันเป็นคนพี่สาวของคนที่เคยช่วยชีวิตหนุ่มน้อยคนนี้น่ะ เห็นว่าไม่ได้กลับไปที่ไมเอลนานแล้วก็เลยมาเยี่ยมซะหน่อย แต่เห็นว่ายังสบายดี แถมยังมีสาวๆ คอยดูแลแบบนี้ก็วางใจได้ล่ะนะ”
“เคยช่วยชีวิตเขาเหรอคะ”
“ใช่จ่ะ พ่อหนุ่มนี่เดินลากสังขารมาล้มที่หน้าบ้านน้องชายของฉันน่ะ พอดีว่าที่วิหารของเทพเฟอัสก์ไม่มีใครดูแลเลยให้เขาไปอยู่ที่นั่นแลกกับการทำหน้าที่ดูแลวิหาร”
ไลฟ์ที่ถูกร่ายมนตร์ใส่พยายามเปล่งเสียงสุดกำลังแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากปากของเขา แต่พอได้ยินสิ่งที่ฟาโนราห์บอกกับสาวๆ ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นนั่งนิ่งๆ แทน ส่วนเทพจอมเอาแต่ใจที่สนุกกับการแกล้งเด็กหนุ่มจนพอใจแล้วก็เอื้อมมือไปลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆ พร้อมคลายมนต์สะกด
“เอาเป็นว่า ฉันของฝากเด็กคนนี้ไว้กับพวกเธอด้วยก็แล้วกันนะจ๊ะ ถึงเขาจะดื้อด้านแต่พื้นฐานแล้ว เขาก็เป็นคนที่น่ารักแล้วก็…จริงใจ”
ฟาโนราห์ลุกขึ้นเดินเข้าไปกอดเมอร์เซเดส กระซิบเบาๆที่ข้างหู “เขาผ่านเรื่องร้ายๆ มาเยอะ ผ่านมาด้วยตัวคนเดียว ฉันอยากให้เธอเข้าใจเขาด้วยนะ”
เมอร์เซเดสรับรู้ถึงบางอย่างที่แตกต่างจากการสัมผัสกับมนุษย์ทั่วไป
“อ้อ เธอชื่อเมอร์เซเดสใช่รึเปล่า”
“ค่ะ”
“ท่านผู้อำนวยการสถาบันเวทมนตร์แห่งคาลามัค ส่งคนมาตามหาเธอที่สโจรกาดน่ะ”
ท่ามกลางความตกตะลึงของสามสาว ไลฟ์ได้ออกปากสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับคนจากคาลามัค
“แล้วป้ารู้ได้ยังไง”
“ก็พอรู้ข่าวแม่ทัพฮาร์ดิล ผู้อำนวยการริเอลก็ส่งคนมาตามหาทันที แล้วคนที่มาตามหาแม่หนูคนนี้ก็เพิ่งไปขอพรที่วิหารเมื่อวานนี้เอง ตอนนี้คงกำลังจะเดินทางมาที่นี่ต่อ”
“ป้าก็เลยมาที่นี่น่ะเหรอ”
“เปล่าเลย ฉันแค่อยากมาเจอหน้าเธออีกสักครั้งน่ะ”
เด็กหนุ่มตอบรับคำที่ฟังดูหยอกล้อของเทพแห่งแดนไกลอย่างไม่ยี่หระ “พูดเหมือนว่าไอ้ที่ป่วยอยู่นั่นมันแย่ลงกว่าเดิมเลยนะ”
สีหน้าของฟาโนราห์ดูจะเศร้าหมองลงเล็กน้อย แต่ความสดใสที่แสดงออกมามันชัดเจนกว่าจึงไม่มีใครสังเกตเห็น “ฉันหายดีแล้วล่ะ เพราะเธอนั่นแหละหนุ่มน้อย เอาล่ะฉันว่าฉันกลับก่อนจะดีกว่า”
แขกที่นึกจะมาก็มาจะไปก็ไป ทำให้เมอร์เซเดสที่ยืนงงอยู่หลุดปากบางคำออกไป ซึ่งเป็นคำที่ไลฟ์มั่นใจว่าค่ำคืนนี้ต้องวุ่นวายแน่นอน
“เดี๋ยวก่อนสิคะ ค้างที่นี่สักคืนเถอะค่ะ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว อีกอย่างฉันทำอาหารไว้เยอะเลย หรือไม่อย่างงั้น…อย่างน้อยก็อยู่ทานมื้อเย็นกับพวกเราก่อนเถอะค่ะ”
แม้จะอยู่ทานมื้อเย็นด้วยแต่ฟาโนราห์ก็ไม่ได้ค้างคืน มื้ออาหารที่มีแต่การสอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับคนจากคาลามัค และตัวตนของผู้อำนวยการริเอล ซึ่งเป็นทั้งจอมเทย์ที่เก่งกาจที่สุด ณ เวลานี้ และน้าสาวของเมอร์เซเดส เมื่ออิ่มแล้วเทพจากแดนไกลก็ขอตัวทันที แต่ก่อนจาก ฟาโนราห์ก็ได้ใช้อำนาจวิเศษเพิ่มพลังเวทมนตร์ให้กับเมอร์เซเดส ตอบแทนการถวายอาหารให้แก่นาง หลังจากนั้นบรรยากาศในบ้านก็กลับสู่ปรกติ ก่อนที่แต่ละคนจะแยกย้ายกันเข้านอน