Blessing Cursed พรวิเศษต้องสาป - ตอนที่ 10 ความรู้สึกที่ยังไม่เข้าใจ
ในเมื่อเหลือเพียงทางเลือกเดียวก็คือต้องออกจากหมู่บ้านแห่งนี้ไป เมอร์เซเดสจึงตัดสินใจเดินออกไปจากห้องทันที
“ถ้าอย่างงั้น ฉันขอไปบอกกับคนของฉันก่อนนะว่าเราต้องไปกันแล้ว”
“รีบหน่อยก็ดี คิดว่ากองหนุนของลีซเนปคงใกล้จะมาถึงแล้วล่ะ”
หญิงสาวหันกลับมามองหน้าชายหนุ่มอย่างตื่นตระหนก
“ไหนบอกว่านายเป็นแค่คนพเนจรไง”
ไลฟ์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะอธิบายเรื่องราวทั้งหมด
“ฉันเป็นคนพเนจรจริงๆ เพียงแต่ระหว่างทางฉันไปเจอหน่วยสอดแนมของพวกกองหนุนน่ะ แต่ก็ถ่วงเวลาเอาไว้ได้พอสมควรแล้วล่ะ เธอรีบไปซะเถอะ”
เมอร์เซเดสเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะขอร้องให้ชายหนุ่มช่วยนางเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง
“นี่…นาย…ช่วยฉันหน่อยได้รึเปล่า ตอนนี้คนของฉันบาดเจ็บอยู่สองคน ฉันเองไม่มีเรี่ยวแรงมากพอ”
เจอน้ำเสียงออดอ้อนเข้าไปไลฟ์ถึงกับเงียบไปครู่ใหญ่ แม้จะอยากไปช่วยให้จบๆ เรื่องไปมากแค่ไหนแต่ก็ทำได้แค่ส่ายหน้าเพราะตัวเขาเองก็แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอที่จะยืนอยู่แล้วเช่นกัน “ขอโทษนะ ฉันช่วยอะไรไม่ได้หรอก ถึงฉันจะมีแรงมากพอจะฆ่าพวกเธอทั้งสามคนได้ง่ายๆ ก็เถอะ แต่ก็บาดเจ็บหนักมากแล้วล่ะ พวกเธอต้องออกไปจากที่นี่แค่สามคนเท่านั้น ฉันช่วยเธอไม่ได้จริงๆ”
หญิงสาวก้มหน้าไม่พูดอะไรก่อนจะเดินออกไปจากห้องเงียบๆ แต่ก็ชะงักเท้าเมื่อไลฟ์เสนอความช่วยเหลือในอีกรูปแบบหนึ่ง
“แต่ฉันเดินไปส่งเธอได้ถึงทางเข้าหมู่บ้านนะ” ไม่มีการตอบรับอะไรมากไปกว่าการพยักหน้าของฝ่ายหญิง แต่รอยยิ้มบางที่มุมปากของนางก็ปรากฏขึ้นเล็กน้อยเพียงแต่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น
ภายใต้ดวงดาวและบรรยากาศอันเงียบสงบในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เด็กหนุ่มคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมุ่งหน้ามาที่วิหาร “ทุกคน!! พวกเรามีความหวังแล้ว!!”
เหล่าผู้อพยพที่กำลังพักผ่อนต่างพากันตื่นจากการหลับใหลมารวมตัวกันที่หน้าวิหารอย่างรวดเร็ว ผู้เฒ่าหัวหน้าหมู่บ้านก็เดินเข้ามาสอบถามเรื่องราว “อะไรกัน ตะโกนโหวกเหวกอะไร ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น”
เด็กหนุ่มที่วิ่งมาอย่างสุดกำลังหยุดพัก ก่อนจะค่อยๆ เล่าเรื่องราวที่พบเจอให้กับทุกคนได้ฟังอย่างยากลำบาก
“ที่หมู่บ้าน…พี่ชาย..ผู้ดูแลวิหาร…”
“ใจเย็นๆ”
“พี่ชายผู้ดูแลวิหาร…เขา…จัดการกับพวกสโจรกาดได้เกือบหมดแล้ว”
ความตกใจระคนประหลาดใจทำให้ผู้เฒ่าต้องเอ่ยปากถามอีกครั้ง
“อะไรนะ พูดให้ชัดๆ อีกทีซิ”
“พี่ชายผู้ดูแลวิหาร…เขาจัดการกับพวกสโจรกาดได้เกือบหมดแล้ว…เหลือแค่พวกผู้หญิงกับนักรบชุดเกราะอีกไม่กี่คนเท่านั้น”
“ผู้ดูแลวิหารเรอะ”
“ใช่แล้วท่านผู้เฒ่า…พี่ชายเขาจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว”
เมื่อรู้ข่าวดีแบบนี้เหล่าผู้อพยพก็เตรียมตัวกลับไปที่หมู่บ้าน เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานองค์ชายโลริกซ์พร้อมกับหมออีกสามคนก็เดินทางมาถึงวิหารศักดิ์สิทธิ์
“องค์ชาย!!”
ท่าทางของชาวบ้านที่เตรียมตัวเดินทางทำให้โลริกซ์ประหลาดใจอย่างมาก “เกิดอะไรขึ้น”
“ผู้ดูแลวิหาร เขาจัดการกับนักรบของสโจรกาดเกือบหมดแล้วพวกเราเลยจะรีบกลับไปช่วยเขา”
“ผู้ดูแลวิหารเหรอ แสดงว่ากองหนุนของพวกเราไปถึงแล้วใช่มั้ย”
เด็กหนุ่มที่แอบไปสังเกตการณ์ก็เล่าเรื่องราวให้กับองค์ชายฟัง
“พี่ชายเขาจัดการทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวครับ”
“คนเดียวเหรอ”
“ครับคนเดียว ผมเห็นกับตาเลย”
องค์ชายหันไปบอกกับหัวหน้าหมู่บ้านให้พาผู้คนกลับเข้าไปพักผ่อนอีกสักหน่อยค่อยออกเดินทาง
“เอาเป็นว่าพวกท่านพักผ่อนอีกสักนิดเถอะ ตอนนี้กองหนุนกำลังไปที่หมู่บ้านแล้ว อีกอย่างเราพาหมอมาด้วย ให้พวกเขาได้ดูแลพวกชาวบ้านสักหน่อยเถอะ”
เหตุการณ์ที่หมู่บ้านจากปากคำของผู้อพยพและองค์ชายพูดคุยกัน เทพเฟอัสก์รับรู้ทั้งหมดอย่างชัดเจน การปรากฏตัวของไลฟ์พร้อมกับเมอร์เซเดสทำให้ลอร่าตกตะลึงอย่างมาก แต่ก่อนที่จะได้ขยับตัวเมอร์เซเดสก็บอกให้นางสงบสติอารมณ์แล้วรอคำสั่ง
“ไม่เป็นไร เราสู้เขาไม่ได้หรอก คิอว่านะ พวกเราจะออกไปจากที่นี่กันแล้ว”
“แต่ท่านหญิง”
“ผู้ชายคนนี้เขา…สามารถฆ่าเราได้ในพริบตาเลยล่ะ แถมตอนนี้กองหนุนของลีซเนปคงใกล้จะมาถึงแล้วด้วย เราไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ เธอพาลอเรนออกไปจากที่นี่ตอนนี้เลย ส่วนเซสเราคงต้องทิ้งเขาไว้ที่นี่”
เมื่อฟังคำอธิบายของเมอร์เซเดส ลอร่าก็นิ่งใช้ความคิดอยู่ครู่ใหญ่ “ค่ะท่านหญิง”
ลอร่าร่ายเวทย์เสริมกำลังก่อนจะแบกร่างที่หมดสติของน้องสาวออกจากห้องไปทันทีโดยมีเมอร์เซเดสและไลฟ์ตามออกไป เมอร์เซเดสชูมือขึ้นดีดนิ้วหนึ่งครั้ง สิ้นเสียงดีดนิ้วลูกไฟขนาดมหึมาก็สลายไปในพริบตา ไลฟ์ที่ยืนส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้นางก็ให้คำสัญญากับหลานสาวแม่ทัพใหญ่แห่งสโจรกาด
“ไม่ต้องห่วง ชายคนนี้จะปลอดภัย พวกเธอล่วงหน้าไปก่อนเลย”
พูดจบไลฟ์ก็เร่งฝีเท้าเข้าไปเดินข้างลอร่า การเข้าประชิดตัวในชั่วพริบตานี้ทำให้ลอร่าเข้าใจในทันทีว่าทำไมท่านหญิงถึงพูดได้เต็มปากว่าพวกนางสู้ชายคนนี้ไม่ได้ และเขาสามารถสังหารพวกนางได้ในพริบตาจริงๆ แต่คำพูดที่ออกจากปากของไลฟ์ทำให้นางประหลาดใจยิ่งกว่า
“เธอน่ะ ช่วยรับปากกับฉันสักอย่างจะได้มั้ย”
ลอร่าหันมองชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ
“จากนี้ไปเธอช่วยดูแลท่านหญิงให้ดีๆ นะ”
ลอร่าพยักหน้าตอบรับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ส่วนไลฟ์หยุดฝีเท้ายืนรอเมอร์เซเดสที่กำลังเดินตามมา ชายหนุ่มกลับหลังไปหาหลานสาวแม่ทัพใหญ่แห่งสโจรกาด ฝ่ายหญิงสาวก็ยื่นดาบสั้นที่ยึดมาจากเขากลับคืนให้
“ดาบของนาย”
ชายหนุ่มไม่เพียงรับดาบสั้นทั้งคู่กลับคืนมาแต่ทว่ากลับเขากุมมือทั้งสองของนางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย เขาเอื้อมมือขวาไปจับที่แก้มนุ่มของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนั้น
“ดูแลตัวเองให้ดีๆ นะ”
ณ เวลานี้ในอกของหญิงสาวเกิดออาการปั่นป่วน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ แม้ในใจมีหลายคำพูดที่จะเอ่ยออกมาแต่ว่ามีบางอย่างที่ทำให้นางไม่สามารถพูดสิ่งต่างๆ ออกมาได้ มีเพียงการตอบรับง่ายๆ ที่สามารถให้กับเขาได้ในตอนนี้
“อื้ม”
คำตอบสั้นๆ กลับทำให้ชายหนุ่มใจชื้นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เขาส่งยิ้มให้นางก่อนจะปล่อยมือจากการเกาะกุมเพื่อเก็บดาบทั้งคู่เอาไว้ที่บั้นเอวอย่างอ้อยอิ่ง ราวกับว่าไม่ต้องการให้ช่วงเวลานี้จบลง ก่อนจะกลั้นใจเตือนอีกฝ่ายว่าควรรีบไปได้แล้ว
“รีบไปเถอะ หวังว่าถ้าเจอกันอีกครั้ง เราจะไม่ต้องสู้กันอีกแล้วนะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับคำพร้อมรอยแดงระเรื่อที่แก้มทั้งสอง ก่อนจะออกเดินตามคนสนิทไปพร้อมรอยยิ้มสดใส
ไลฟ์เองก็รีบไปที่ร่างไร้สติของนักรบเกราะเหล็กและใช้แรงที่เหลืออยู่ลากเขาออกไปซ่อนข้างนอกหมู่บ้านก่อนรีบย้อนกลับมาภายในหมู่บ้านอีกครั้ง