Blessing Cursed พรวิเศษต้องสาป - ตอนที่ 12 พ่ายแพ้
ชื่อเสียงของไลฟ์ในฐานะปิศาจแห่งไมเอล ณ เวลานี้เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่สร้างความหวาดกลัวให้กับเหล่านักรบสโจรกาดได้อย่างชัดเจน ชายเพียงคนที่สามารถสังหารกองรบฝีมือดีที่ถูกส่งไปยังไมเอลได้อย่างง่ายดายหลายต่อหลายครั้งในรอบเกือบสองเดือนที่ผ่านมา ได้กลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้สถานการณ์ที่รุนแรงยิ่งขึ้น ส่งผลให้ฝ่ายผู้รุกรานทุ่มกำลังทั้งหมดที่มีบุกทำลายทัพของลีซเนปให้ได้โดยเร็วที่สุด
จำนวนกองรบที่ถูกส่งมายังไมเอลถี่และมากขึ้น ไลฟ์เองก็จำเป็นต้องละทิ้งหน้าที่ผู้ปกป้องเมืองขยายพื้นที่กวาดล้างออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาเองต้องเดินทางไปปะทะกับทัพของสโจรกาดที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งและครั้งนี้กองกำลังที่มุ่งหน้ามายังเมืองเล็กๆ แห่งนี้มีจำนวนมากยิ่งกว่าเดิมหลายสิบนาย
แม้ว่าแต่ละครั้งจำนวนนักรบที่สโจรกาดส่งมาจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่คู่มือของเด็กหนุ่มที่คุ้นเคยกับพลังเหนือมนุษย์ที่เขาได้รับมาแบบไม่รู้ตัว เด็กหนุ่มสังหารข้าศึกไปแล้วกว่าเจ็ดสิบนาย แต่ก็ยังมีกองหนุนที่ถูกส่งมาเพียงแค่สามคนกำลังเดินทางมาถึงในไม่ช้า เขาเองก็เตรียมพร้อมที่จะลงมือสังหารกองหนุนสองในสามคนและปล่อยกลับไปเพียงแค่หนึ่งตามปกติ ทว่าสามคนที่มากลับเป็นกลุ่มคนที่เขาไม่ต้องการจะพบเจอในสนามรบมากที่สุด
“นี่ล้อเล่นใช่มั้ยเนี่ย”
ไม่มีคำตอบจากผู้นำกองหนุน มีเพียงคำทักทายในรูปแบบเวทมนตร์ขนาดใหญ่ที่มุ่งหมายสังหารปิศาจแห่งไมเอลเท่านั้น
“เรนแอร์โรว์”
เมอร์เซเดสดึงความชื้นทุกอณูที่อยู่ในอากาศรอบตัวสร้างเป็นลูกธนูจำนวนนับร้อยดอกสาดใส่ชายหนุ่มราวกับห่าฝน ทว่าไม่มีที่ให้หลบซ่อนสำหรับไลฟ์ เขาทำได้เพียงหยิบโล่เหล็กสองอันขึ้นมาซ้อนทับกันและชูขึ้นเหนือหัวเพื่อป้องกันตัวเท่านั้น แม้จะชูโล่เหล็กถึงสองอันขึ้นกำบังร่างกายก็ยังไม่สามารถต้านทานอานุภาพของเวทมนตร์อันแข็งแกร่งที่กระหน่ำใส่เขาอย่างต่อเนื่องได้ ฝนลูกศรน้ำสร้างบาดแผลให้กับไลฟ์ได้พอสมควร แต่ก็เป็นเพียงบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
แม้จะถูกจู่โจมด้วยเวทมนตร์ขนาดใหญ่แต่ไลฟ์เองก็ยังไม่ลงมือกับเมอร์เซเดส เขาเพียงแค่ทิ้งโล่ลงกับพื้นและพุ่งตัวเข้าประชิดตัวนางในพริบตา ยกมือซ้ายขึ้นมาเกลี่ยปอยผมที่ปิดหน้าของหญิงสาวออกไปทัดไว้ที่หู
“อย่าทำให้ฉันลำบากใจได้มั้ย ถ้าเธอยังไม่หยุดฉันคงต้องฆ่าฝาแฝดแล้วล่ะ”
เมอร์เซเดสมั่นใจว่าชายหนุ่มไม่ได้ขู่ให้เธอกลัวเท่านั้น แต่เขาสามารถฆ่าคนสนิทของนางได้ตามที่ประกาศเอาไว้จริงๆ เพียงแต่ ณ เวลานี้ นางไม่สามารถกลับไปมือเปล่าได้อีกแล้วจึงตัดสินในสะบัดมือขวาที่ได้ร่ายเวทย์คลื่นความถี่สูงคลุมเอาไว้ที่ฝ่ามือเพื่อให้มีประสิทธิภาพราวกับมีดอันคมกริบ
ฝ่ามือแหวกผ่านอากาศไปแต่ไลฟ์ก็อาศัยความคล่องตัวหลบการโจมตีก่อนจะขยับตัวไปเหวี่ยงหมัดซ้ายซัดเข้าไปที่หน้าท้องของลอร่าจนแฝดผู้พี่ร่วงลงไปกองกับพื้น ไลฟ์พยุงร่างไร้สติของลอร่าขึ้นมา
“ยังไงก็ต้องลงมือให้ได้ใช่มั้ย งั้นก็เอาเลยฆ่าฉันไปพร้อมๆ กับคนของเธอซะตอนนี้เลย แต่ก็ไม่แน่นะว่าความเร็วของฉันอาจจะทำให้มีแค่ฉันรอดตายคนเดียว”
เมอร์เซเดสทำท่าจะร่ายเวทมนตร์อีกครั้ง แต่ลอเรนมั่นใจแล้วว่าพี่สาวของนางต้องถูกใช้เป็นโล่กำบังอย่างแน่นอน แฝดน้องชิงจังหวะพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มก่อนที่ท่านหญิงจะร่ายเวทย์สังหารจบ ไลฟ์ที่มองเห็นความเคลื่อนไหวทั้งหมดได้ก้าวถอยหลังสองก้าวก่อนจะเหวี่ยงร่างของลอร่าไปให้ลอเรนรับเอาไว้
“ยัยแฝดรับให้ดีล่ะ”
ร่างของแฝดผู้พี่ลอยเข้าหาแฝดน้องอย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่ทันที่ลอเรนจะทำอะไรได้ถนัด ไลฟ์ก็กระโจนอ้อมเข้าไปประชิดตัวของนางจากด้านหลังทันที
“หลับไปสักพักนะ”
ชายหนุ่มออกแรงกระแทกคนสนิทของท่านหญิงจากข้างหลัง บวกกับแรงกระแทกจากร่างของแฝดผู้พี่ที่ลอยเข้ามาทำให้ลอเรนรู้สึกจุกเสียดขึ้นมาอย่างกะทันหัน แม้จะยังไม่หมดสติแต่นางก็ไม่สามารถขยับตัวได้ ชายหนุ่มเอียงคอมองร่างของฝาแฝดที่นอนกองกันอยู่บนพื้นอย่างประหลาดใจ
“ไม่หลับแฮะ”
ผืนดินสั่นสะเทือนเป็นสัญญาณให้ไลฟ์รับรู้ว่าเมอร์เซเดสกำลังร่ายมนต์ เขาฉากหลบออกไปจากจุดที่ยืนอยู่เพื่อไม่ให้ฝาแฝดถูกลูกหลงไปด้วย ก้อนหินน้อยใหญ่ค่อยๆ ลอยขึ้นมาก่อตัวเป็นหอกขนาดพอเหมาะห้าเล่ม
“ร็อคไพค์”
หอกหินทั้งห้าเล่มพุ่งเข้าใส่ชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว แต่ไลฟ์หลบหอกทุกเล่มที่พุ่งเข้ามาก่อนจะคว้าเล่มสุดท้ายเอาไว้หมุนตัวปาใส่เวทมนตร์โจมตีอีกชุดที่เมอร์เซเดสปล่อยออกมา
“วินด์เบลด”
สายลมก่อตัวหมุนควงเป็นกงจักรขนาดใหญ่พุ่งเข้าปะทะกับหอกหินและสลายไปทั้งคู่ เมอร์เซเดสเตรียมร่ายเวทย์ครั้งที่สาม แต่ความเร็วของไลฟ์ทำให้เขาเข้าประชิดตัวและคว้าข้อมือของหญิงสาวได้ก่อนที่นางจะร่ายเวทย์ได้สำเร็จ
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่อยากสู้กับเธอน่ะ”
ความอึดอัดทำให้หญิงสาวระบายสถานการณ์ที่ยากลำบากของตนออกมาโดยไม่มีท่าทีขัดขืน
“ฉันกลับไปมือเปล่าไม่ได้แล้วล่ะ ที่นี่อยู่ใกล้เซเครสมาก ฉันต้องฆ่านายให้ได้ ไม่อย่างงั้นท่านลุงต้องฆ่าฉันแน่”
“งั้นก็ไม่ต้องกลับไปแล้วก็ได้นี่ อยู่ที่นี่เดี๋ยวจบเรื่องแล้วฉันจะกลับมา”
“มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกสโจรกาดทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อจบสงครามแล้ว แม่ทัพใหญ่ฮาร์ดิลกำลังเคลื่อนไหวครั้งสุดท้าย”
“ถ้างั้นเธอก็พักผ่อนซะ ฉันจะจัดการทั้งหมด”
ใช้ความเร็วทำให้เมอร์เซเดสหมดสติก่อนจะทยอยแบกร่างของสามสาวไปไว้ในบ้านร้างหลังหนึ่ง ก่อนที่เขามุ่งหน้าสู่เซเครสชายหนุ่มจ้องมองในหน้าของท่านหญิงแห่งสโจรกาดอีกครั้ง ลูบเรือนผมดำขลับเงางามของนางอย่างเบามือแล้วลุกออกจากบ้านร้างไปทันที การกระทำของไลฟ์เมื่อครู่ฝาแฝดได้ได้สติแล้วแต่แกล้งทำเป็นหมดสติรับรู้และเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเขามีใจให้กับท่านหญิงของพวกนางอย่างแน่นอน แต่กับตัวของชายหนุ่มนั้นเขาเองจะเข้าใจรึเปล่าว่าที่เขาทำอยู่มันมีหมายมากมายขนาดไหน
ท่ามกลางความโกลาหลที่อบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือด กองทัพของทั้งสองอาณาจักรห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด ทัพของสโจรกาดกำลังรุกคืบเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง แม้กองทัพของลีซเนปจะค่อยๆ ถอยร่นไปทีละน้อยแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะถอนทัพกลับไปตั้งหลักแต่อย่างใด
แม้กองทหารราบที่สิบเอ็ดกับกองรบเกราะเหล็กที่สามที่นำโดยนายกองฟราวซ์และองค์ชายโลริกซ์ที่อยู่ทางปีกขวาเป็นสองกองรบที่สามารถผลักดันทัพสโจรกาดให้ถอยกลับไปได้ แต่ทั้งสองกองรบก็ไม่กล้าที่จะรุกไล่ไปมากกว่านี้เพราะจะทำให้พวกเขาเองตกอยู่วงล้อมของศัตรู
ฝ่ายจิ้งจอกเฒ่าฮาร์ดิลแม่ทัพใหญ่ของสโจรกาดเองก็เข้าสู่สนามรบด้วยตัวเองแล้ว ชายชราเคราขาวร่างกายสูงใหญ่กำยำควงค้อนขนาดยักษ์ฟาดใส่นักรบของลีซเนปอย่างดุดัน การเหวี่ยงค้อนแต่ละครั้งสามารถกวาดศัตรูสองคนให้ลอยละลิ่วไปพร้อมกันได้ราวกับกวาดใบไม้ที่ร่วงอยู่บนพื้น การปรากฏตัวของจิ้งจอกเฒ่าทำให้กองทหารราบที่สิบเอ็ดกับกองรบเกราะเหล็กที่สามต้องถอยร่นกลับมาตั้งหลักทันที
ด้านมาร์ควินแม่ทัพใหญ่ของลีซเนปก็มุ่งหน้าเข้ารับมือแม่ทัพฮาร์ดิลทันทีโดยมีมาร์คัสบุตรชายคอยสนับสนุนอยู่ไม่ห่าง แม้พละกำลังจะไม่อาจเทียบเท่าจิ้งจอกเฒ่าได้แต่แม่ทัพมาร์ควินก็ใช้ศาสตร์การต่อสู้ที่ฝึกฝนมาหลายสิบปีรับมือกับพละกำลังมหาศาลด้วยการผ่อนแรงและใช้พลังของคู่ต่อสู้ทำลายตัวเอง
การปะทะกันของแม่ทัพใหญ่ทั้งสองฝ่ายทำให้กองทหารราบที่สิบเอ็ดกับกองรบเกราะเหล็กที่สามเริ่มผลักดันทัพของข้าศึกให้ถอยกลับไปได้อีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นการปรากฏตัวของชายปริศนาที่ควงดาบสั้นสีเทาเข้มคู่หนึ่งสังหารนักรบของสโจรกาดไปทีละคนอย่างรวดเร็วทำให้ฝ่ายผู้รุกรานเริ่มแตกตื่น หนึ่งในนักรบของสโจรกาดตะโกนด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดขีด
“ปิศาจ!!! ปิศาจแห่งไมเอลมาแล้ว!!! มันมาแล้ว!!!”
เสียงตะโกนด้วยความหวาดกลัวสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วบริเวณ แม้แต่จิ้งจอกเฒ่าฮาร์ดิลยังต้องชะงัก ด้วยความใคร่รู้ ‘ปิศาจแห่งไมเอลที่สยบกองกำลังที่เขาส่งไปหลายต่อหลายครั้งคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร
ปิศาจแห่งไมเอลที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันไล่สังหารผู้รุกรานทีละคนก็แต่ก็สอดส่ายสายตามองหาแม่ทัพใหญ่ของฝ่ายตรงข้ามไปพลาง อย่างไรก็ตามการบุกตะลุยของเขาก็ถูกนายกองฟราวซ์หยุดเอาไว้
“ไอ้หนุ่มใจเย็นๆ ก่อน รุกไล่ไปมากกว่านี้เราจะถูกล้อมกรอบเอาได้”
“ฉันไม่เป็นไรหรอกน้า ไม่ต้องตามมา”
นายกองฟราวซ์รั้งแขนของเด็กหนุ่มเอาไว้
“ไม่ตามไม่ได้หรอก ตอนนี้ศัตรูกำลังเสียขวัญ ข้าคุมสถานการณ์เอาไว้ไม่ได้แน่ๆ ”
ไลฟ์หันมองรอบตัว ก็รู้ได้ทันทีว่าการมาของเขาทำให้สถานการณ์พลิกผันได้ในพริบตา แม้แต่ผู้นำกองกำลังเกราะเหล็กที่เคยเสียท่าให้เขาเองก็ดูเหมือนจะควบคุมสถานการณ์เอาไว้ไม่อยู่แล้ว ทั้งๆ ที่เหล่านักรบใต้อาณัติดูจะเชื่อฟังเขาอย่างเคร่งครัด
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องไปไหน”
ไลฟ์สูดหายใจเข้าให้ลึกที่สุด แล้วตะโกนท้าทายจิ้งจอกเท่าอย่างสุดเสียง
“ฮาร์ดิล…มาสู้กันว๊อย!!!”
ได้ผลแม่ทัพใหญ่ของสโจรกาดผละจากการพัวพันของสองพ่อลูกแหวกวงล้อมมาหาเด็กหนุ่มทันที ตึง!!! จิ้งจอกเฒ่าเหวี่ยงค้อนคู่ใจใส่ปิศาจแห่งไมเอลสุดแรง แต่ไลฟ์เองก็ใช้ดาบสั้นสีเทาเข้มทั้งสองเล่มรับเอาไว้ได้ พละกำลังและการโจมตีอันดุดันของแม่ทัพใหญ่แห่งสโจรกาดทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกสะท้านไปทั่วร่าง การต่อสู้อันดุดันของทั้งคู่ดำเนินไปอย่างน่าตื่นตาจนเหล่านักรบทั้งสองฝ่ายไม่มีใครกล้าสอดมือเข้ามายุ่ง และเว้นพื้นที่ให้ทั้งคู่ได้ต่อสู้กันอย่างอิสระ
แม้การโจมตีของทั้งคู่จะทรงพลังสูสีกัน และดูเหมือนเด็กหนุ่มจะมีพละกำลังรวมถึงความคล่องตัวสูงกว่า แต่เขากลับไม่ได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย ชัดเจนแล้วว่าความแตกต่างที่จะตัดสินผลการต่อสู้ครั้งนี้คือประสบการณ์ จิ้งจอกเฒ่าอาศัยประสบการณ์รับมือกับการโจมตีที่รวดเร็ว พลิกผัน และดุดันของเด็กหนุ่มได้อย่างไร้ปัญหา
กลับกันไลฟ์รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าจนชาไปทั่วร่าง แต่เขาก็ยังครองสติไม่ปล่อยให้ตัวเองคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สาม ในที่สุดการต่อสู้ก็ดำเนินมาถึงจุดตัดสิน ไลฟ์ที่ฝืนโจมตีทั้งที่แขนและขาสั่นเทาเพราะรับการโจมตีของจิ้งจอกเฒ่าฮาร์ดิล ค้อนของแม่ทัพเฒ่าเหวี่ยงใส่เด็กหนุ่มจากด้านซ้าย แต่เด็กหนุ่มก็ใช้เรี่ยวแรงที่เหลือกระโดดถีบเข้าไปที่ค้อนก่อนจะใช้แรงเหวี่ยงดีดตัวหลบวิถีการโจมตีที่ตามมา เมื่อเท้าแตะถึงพื้นก็เข้าประชิดตัวคู่ต่อสู้ทันที ด้วยประสบการณ์อันโชกโชนฮาร์ดิลถอยฉากออกไปพร้อมเหวี่ยงค้อนคู่ใจสวนกลับไปอย่างสุดแรง
ตูม!!! เด็กหนุ่มถูกค้อนของจิ้งจอกเฒ่าฟาดเข้าที่กลางลำตัวอย่างเต็มรักจนร่างลอยไปตามแรงปะทะ แม้เด็กหนุ่มยังไม่หมดสติแต่ก็สามารถขยับได้เพียงแค่ศีรษะและแขนซ้ายข้างถนัดเท่านั้น ฮาร์ดิลก้าวเท้าหมายจะตามเข้าทุบซ้ำแต่ต้องหยุดชะงักเมื่อรู้สึกได้ถึงเลือดที่สาดกระเซ็นเปรอะใบหน้า ความเจ็บปวดที่หน้าท้องที่ตามทำให้เขาอย่างหยุดนิ่ง การโตมตีเมื่อครู่เขาจับด้ามค้อนสั้นเกินไป การเหวี่ยงค้อนที่ไม่ได้ระยะคือสาเหตุของแรงปะทะที่ไม่สามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้ หนำซ้ำเขาเองยังถูกเด็กหนุ่มแทงเข้าที่หน้าท้อง แต่ที่เลวร้ายกว่าคือแรงปะทะซัดร่างของเด็กหนุ่มให้ลอยไปดันช่วยให้มีดที่ปักเข้าที่หน้าท้องกรีดขยายปากแผลเสียอีก อะดรีนาลีนที่หลั่งอย่างต่อเนื่องจากการต่อสู้ทำให้เขารับรู้ความเจ็บปวดได้ช้ากว่าปกติ เด็กหนุ่มคนนี้อันตราย แม้เขาจะรับพรวิเศษให้มีเพียงคนที่ไม่รู้ตายเท่านั้นที่จะสังหารเขาได้ แถมดาบสั้นคู่นั้นก็เป็นดาบเกรดพรีเมียมที่มีความแข็งแรงมากพอจะเจาะทะลุเกราะเหล็กได้อย่างง่ายดายทำให้เขารับรู้ได้ชัดเจนแล้วว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นตัวปัญหาสำหรับสงครามครั้งนี้
แม้ฮาร์ดิลอยากจะลงมือสังหารปิศาจแห่งไมเอลสักแค่ไหน แต่ ณ เวลานี้โอกาสนั้นได้หลุดลอยไปแล้ว อาการบาดเจ็บที่แม้จะไม่สาหัสแต่ก็ทำให้จิ้งจอกเฒ่าเคลื่อนไหวได้อย่างลำบาก แถมแม่ทัพมาร์ควินก็เข้ามาขวางหน้าเขากับเด็กหนุ่มตัวปัญหาเอาไว้เสียแล้ว ดังนั้นเขาเองก็มีแต่ต้องถอยกลับไปรักษาตัวเท่านั้น